อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกที่ แม้แต่ในระหว่างเดินทางบนเครื่องบิน หลังจากให้เล่นกันมาตั้งแต่ปี 2011 ในที่สุดวันนี้ก็มีคดีฟ้องกันเรื่อง Wi-Fi บนเครื่องบินเป็นครั้งแรกแล้ว
โจทก์ในครั้งนี้คือ Americans Airlines ที่เปิดให้บริการ Wi-Fi รายแรกๆ ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งยื่นเรื่องฟ้อง Gogo ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินด้วยเหตุผลที่ว่าความเร็วช้าเกินไป และหวังว่าจะได้ฉีกสัญญากับ Gogo เพื่อเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่นที่คุณภาพดีกว่าแทน
Americans Airlines ให้เหตุผลที่ยื่นฟ้องว่าตอนนี้ผู้โดยสารกว่า 2 ใน 3 คำนึงถึงการใช้งาน Wi-Fi ในระหว่างบิน และจากสถิติที่ผ่านมา ลูกค้า 1 ใน 5 ย้ายไปใช้บริการสายการบินอื่นเนื่องจากต้องการ Wi-Fi ที่ดีกว่าจนเป็นที่มาของการยื่นฟ้องในครั้งนี้
ในเบื้องต้นรัฐเทกซัสอนุญาตให้ Americans Airlines สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการของเจ้าอื่นได้ ถ้าหาก Gogo ไม่ยื่นข้อเสนอใหม่ภายในหกเดือน ซึ่งทาง Gogo ออกมาระบุว่ากำลังอยู่ในระหว่างการติดตั้ง 2Ku เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมตัวใหม่บนเครื่องบินของ Americans Airlines กว่า 200 ลำ แต่ถึงกระนั้นหุ้นของ Gogo ก็ตกรูด 27% หลังจากข่าวออกมา
ที่มา - Wired
Comments
เมืองไทยก็ห่วยเหมือนกัน ไม่ใช่แต่ไวไฟ ห่วยไปหมด
ไม่มีอะไรดีเลย ในไทย กาก ทุกอย่าง
เอ่อ ... เปิด iPod ฟังเพลงแอร์ยังยิ้มใส่เลยครับ "กรุณาปิดอุปกรณ์อีเลคทรอนิกส์ด้วยค่ะ"
my blog
5
ไม่รู้เหรอครับว่าสัญญาณเสียงก็มีผลต่ออุปกรณ์สื่อสารของเครื่องบินเหมือนกัน //โดนถีบ
เคยโดนแอร์บางสายการบินสั่งให้ปิด PSP มาแล้วเหมือนกัน >_<
เดี๋ยวนี้ดีขึ้นเยอะแล้วครับ สำหร้บสายการบินต่างประเทศใหญ่ๆ (รวมทั้งตอนนี้การบินไทยก็ปรับตามแล้ว) เค้าจะอนุญาตให้ใช้ PEDs (Portable Electronic Devices) หรือพวกอุปกรณ์พกพาต่างๆ รวมทั้งมือถือใน flight mode ได้แล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเครื่องบิน แม้จะเป็นช่วง take off หรือ landing ก็ตาม (ยกเว้นช่วง safety demonstration ที่เขาต้องการให้ผู้โดยสารสนใจการสาธิต หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่ลูกเรือร้องขอให้ปิด)
ซึ่งเป็นผลมาจากงานวิจัยนับสิบๆ ฉบับจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือจนเชื่อได้ว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่มีผลกระทบต่อเครื่องบินสมัยใหม่แล้วจริง ทำให้หน่วยงานกำกับการบินทั้ง FAA ของอเมริกา และ EASA ของสหภาพยุโรป อนุญาตให้ใช้ PEDs "ตลอดเที่ยวบิน" ได้แล้ว
แต่ก็ต้องให้สายการบินปรับแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยตามด้วย หลายสายใหญ่ๆ แนวหน้าในโลกนี้ ปรับกฏตามเรียบร้อย ซึ่งจะทราบได้ตอนขึ้นเครื่อง ลูกเรือจะประกาศเลยว่าสามารถใช้อุปกรณ์พกพารวมทั้งมือถือในไฟลต์โหมดได้ตลอดเที่ยวบิน หากเป็นเช่นนั้น คุณสามารถกดมือถือเล่นได้เลยแม้เครื่องกำลังจะเทคออฟ โดยที่พนักงานต้อนรับจะไม่ขอให้คุณเก็บแต่อย่างใด
ผมเพิ่งนั่งสายการบินตะวันออกกลางชื่อดังสายนึง ตอนนี้เขาอนุญาตให้ใช้ PEDs ได้เต็มที่แล้ว ตอนเครื่อง land นี่เห็นผู้โดยสารเอามือถือมากดเล่นกันใหญ่ หลายคนก็สวมหูฟังฟังเพลง แอร์ไม่ห้ามแล้ว ตอนตรวจ safety check เขาดูเรื่องคาดเข็มขัด ปรับเบาะ เปิดม่านหน้าต่าง เก็บกระเป๋าเข้าที่เท่านั้น
หรืออย่างสิงคโปร์แอร์ไลนส์เอง ประกาศเมื่อสองปัที่แล้ว ว่าสามารถใช้ PEDs ได้ตั้งแต่ "start to end" หรือตั้งแต่ก้าวขึ้นเครื่อง จนถึงลงเครื่อง แถมมีประกาศบนเครื่องว่าใช้ได้ตามสบายตลอดเที่ยวบิน และผมลองใช้มาแล้วครับ แอร์ไม่ว่าจริงๆ ด้วย ดังนั้นคอนเฟิร์มเลยครับว่าใช้ได้จริงสำหรับสิงคโปร์แอร์ไลนส์ (และน่าจะรวมถึงสายการบินชั้นนำหลายๆ สายแล้วตอนนี้)
แต่ก็มีบางสายการบิน อาจสงวนช่วง take off และ landing เอาไว้ แต่ให้ใช้ช่วง cruise ได้ ซึ่งสายการบินจะประกาศไว้ชัดเจน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยึดตามการประกาศของสายการบินเป็นรายๆ ไป
ส่วนสายการบินของไทย ตอนนี้ยังออกแนวห้ามๆ อยู่ แต่ก็อนุโลมให้ใช้ช่วง cruise ได้แล้ว ทว่าช่วง take off กับ landing ก็ยังต้องเก็บอยู่ ..คือตรงนี้อีกหน่อยก็คงมีการเปลี่ยนให้ใช้ PEDs ได้ตามสากลแน่ แต่ก็ต้องให้ DCA หรือตอนนี้คือสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เป็นผู้ออกมาประกาศรับรองให้ใช้ได้ก่อน ทว่าตอนนี้ DCA ยังมีปัญหาคาราคาซังเรื่องมาตรฐาน ICAO อยู่เลย คงยังไม่มีเวลามาออกประกาศในเรื่องเล็กกว่าแบบนี้แน่ ก็คงต้องรอไปซักพักครับ คิดว่าอีกซักพักไทยคงปรับตามแน่ๆ เพราะพี่ไทยติดมือถืออย่างกับอะไร ทุกคนอยากใช้อยู่แล้วล่ะ ฮ่าๆๆ (แอบกระซิบว่า นักบินหลายคนเดี๋ยวนี้เปิดมือถือไว้เป็นเรื่องปกติครับ ไม่มีใครมาห้ามด้วยเพราะแอร์ก็เข้ามายุ่งในห้องกัปตันไม่ได้ อีกอย่างรู้กันว่ามันไม่มีผลอะไรแล้ว แต่ก็ยังต้องให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามกฏสายการบิน ณ ปัจจุบันไปก่อน)
แต่ตอนนี้การบินไทย เป็นสายการบินเดียวในไทยที่ประกาศให้ใช้ PEDs ได้ตลอดเที่ยวบินแล้ว ไม่รู้ว่าในทางปฏิบัติเป็นอย่างไร แอร์จะให้จริงหรือเปล่า (อันนี้ยังไม่ได้ลอง แต่ลูกเรือก็ประกาศเองว่าสามารถใช้ได้ตลอดเวลาบนเที่ยวบิน) ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่การบินไทยนำร่องปรับแนวทางให้เป็นไปตามสากลครับ ส่วนสายการบินอื่นๆ ในประเทศโดยเฉพาะโลว์คอสต์ก็รอดูกันต่อไป
+1
ขอบคุณครับ เดี๋ยวก๊อปไปให้แฟนดู
แอร์ห้ามไม่เท่าไรนะ แต่แฟนผมบ่นทุกครั้งเลยบอกว่าอย่าใช้เค้าห้าม ๆ พอถามกลับว่าทำไมเค้าห้าม บอกไม่รู้ ก็เค้าห้าม - -* อธิบายอะไรก็ไม่ฟัง บอกว่าเค้าห้ามก็ทำ ๆ ไปเหอะน่า เวรกำ
จากที่เคยเจอมา
- การบินไทย สำหรับมือถือใช้คำว่า ปิด "หรือ" เปลี่ยนเป็น flight mode และงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดในช่วงเครื่องขึ้นและลง แต่ผมเห็นคนข้างๆใช้กล้องคอมแพ็คถ่ายตอนพนักงานเดินตรวจ ก็ไม่เห็นโดนห้ามแต่อย่างใดครับ
- นกแอร์ ให้ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะเครื่องขึ้นและลง หลังจากไฟรัดเข็มขัดดับสามารถใช้มือถือได้ในโหมด flight mode
- ไทยสมายล์ อันนี้ไม่แน่ใจ เพราะเปลี่ยนแปลงกฏหลายครั้ง มีทั้งบอกให้ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตลอดเที่ยวบิน หรือประกาศเหมือนนกแอร์ แต่ในทางปฏิบัติหลังไฟรัดเข็มขัดดับแล้วก็ใช้ได้ครับ ทั้งแท็บเล็ต กล้อง แอร์ไม่ห้ามแต่อย่างใด
- ไทยไลอ้อน , ไทยแอร์เอเชีย จะคล้ายๆกันคือให้ปิด "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์" ตลอดเที่ยวบิน บนหางแดง หลังช่วงไฟรัดเข็มขัดดับ ผมเคยเห็นคนใช้แท็บเล็ตโดนแอร์สั่งให้ปิดทันที
เอาเข้าจริงแล้วก็มีกลุ่มส่วนนึงของนักบิน กับพนักงานต้อนรับบนเครื่อง ของสายการบินที่บอกให้ปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตลอดเที่ยวบิน เนี่ยตัวดีเลยครับ ผู้โดยสารทำตามกฏ แต่กลุ่มนี้แหกฏซะเอง คุณสามารถดูรูปบน Social Network ที่โพสต์จากพนักงานของสายการบินเหล่านั้นได้ เช่นนักบินถ่ายรูปขณะเครื่องอยู่บนฟ้า หรือแอร์ถ่ายรูปขณะปฏิบัติงานซะเอง ซึ่งไอ้ที่ถ่าย มันก็ iPhone กันทั้งนั้นละครับ ถ้าเครื่องตกเพราะอุปกรณ์พวกนี้ มันคงตกไปนานแล้ว
ผมไม่เคยเจอ TAA, Lion สั่งให้ "ปิดตลอดเที่ยวบิน" นะครับ
โดยเฉพาะ TAA ขึ้นประจำไม่เคยมีครับ
ไลอ้อน ตอนช่วง cruise หยิบมือถือมาใช้ได้ครับ ลูกเรือไม่ว่า แต่เก็บเครื่องตอน take off กับ landing ก็พอ
ส่วนแอร์เอเชียก็เหมือนกันคือใช้มือถือได้ในช่วง cruise ยิ่งกว่านั้นคือถ้าเป็นพวกกล้อง อย่างกล้องคอมแพค แอร์เอเชียถ่ายได้เต็มที่เลยครับ ผมยังเคยถ่ายวิดีโอตอน take off / landing ด้วยซ้ำ เคยถ่ายแบบนี้เป็นสิบๆ ไฟลต์บนแอร์เอเชีย ลูกเรือไม่เคยมาบอกให้ปิดเลยแม้แต่ซักครั้งเดียว (ไม่ได้แอบถ่ายด้วย ถือกล้องให้เห็นตอน safety check เลย) และเป็นแบบนี้ทั้ง Thai AirAsia และ Malaysia AirAsia ครับ เข้าใจว่าเป็นที่นโยบายเค้า คือเป็นสายการบินเพื่อการท่องเที่ยว รีแลกซ์ ก็เลยให้ใช้กล้องได้เต็มที่ ส่วนตัวได้ลองใช้จนผมกล้ายืนยันว่า แอร์เอเชียเป็นสายการบินที่เป็นมิตรที่สุดกับการใช้กล้องสายหนึ่งเลย
จะมีสิ่งนึงที่เค้าไม่ยอมให้ถ่ายเด็ดขาดคือตอนลูกเรือทำ Safety demonstration ครับ อันนี้ไม่เคยเจอกับตัวเพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าห้ามถ่าย แต่กิตติศัพท์ตรงนี้ของแอร์เอเชียคือเลื่องลือจริงๆ มีคนเจอลูกเรือชี้หน้าด่ามาแล้ว
หลายปีก่อน ตอนงานวิจัยและ FAA อนุญาตให้ใช้อุปกรณ์มือถือบนเครื่องโดยเปิดairplane modeแล้ว ตอนนั้นผมเข้าใจไปเองว่าFAA อนุญาตแล้วสายการบินอื่่นๆก็คงอนุญาตแบบเดียวกันหมดตามไปด้วย
ครานั้น บินสายการบินแห่งชาติ ขากลับจากตปท.ไม่ไกลนัก หลังจากเข้าสู่เพดานบิน ก็เปิดมือถือsmartphone ยุคแรกๆโดยใช้airplane mode เพื่อเช็ครูปภาพที่saveเก็บไว้ในเครื่อง แล้วโดนแอร์คนสัญชาติเดียวกัน ดุเสียงดังมาก แถมอธิบายยังไงก็ไม่ฟังดุดังขึ้นจนคนมองกันหมด จำฝังใจเลย แต่บางคนยกlaptop มาเปิดดันไม่เป็นไร?
แต่ทุกวันนี้เห็นบางคนแอบเล่นlineตั้งแต่เครื่องบินขึ้นยันลง ไม่ได้ปิดสัญญาณมือถือด้วยซ้ำ บนสายการบินlowcostในประเทศ แอร์ก็เห็นแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร -_-"
อย่าฟังเลยครับ
ถ้าบินๆอยู่ กับตันประกาศว่า
" โปรดทราบเครื่องยนต์ทางซ้ายมีปัญหา ขอให้ทุกคนสละเครื่องด่วน ชูชีพอยู่ใต้เบาะครับ "
คุณจะไม่ได้ยินนะครับ สละเครื่อง ดิ่งพสุธา ไม่ทันหล่ะแย่เลย
ถ้างั้นหลับอยู่ไม่แย่เหรอครับ? ไม่ได้ยินเหมือนกัน = ="
เครื่องบินมันก็มีปีกนะครับ ถ้ามีปัญหาตอน cruise มันร่อนได้อีกหลายสิบนาทีเลยล่ะ กรณีที่มีปัญหาทำให้ร่อนไม่ได้เช่น ปีกขาด ยังไงก็รอดยากครับ
ส่วนชูชีพที่ว่า เป็นเสื้อชูชีพนะครับ สละกลางอากาศไม่ได้หรอกครับ :)
นี่นอกจากอ่านสารพัดอย่างที่อยู่ในช่องเอกสารด้านหลังของเบาะหน้า กับกินเท่าที่เค้ามีให้กิน ส่วนใหญ่ก็หลับอย่างเดียว
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ยังไงในช่วงบินขึ้นและช่วงลงจอด น่าจะห้ามเล่นนะครับ
จะได้ดูนอกหน้าต่างว่าตัวเครื่องมีปํญหาผิดปกติอะไรหรือไม่
นี่เป็นเหตุผลที่บังคับให้เปิดหน้าต่างในช่วงบินขึ้นและช่วงลงจอด
แต่ในทางปฏิบัติตอนนี้ หลายๆ สายการบินใหญ่ของโลก อนุญาตให้ใช้งานได้ตลอดเวลาแล้วนะครับ เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ใหม่ของโลกเลยตอนนี้ หลายสายใหญ่ๆ ใช้งานได้จริงแล้ว ส่วนสายอื่นก็ทยอยแก้กฏกันไป (และบางประเทศก็อาจต้องปรับความเข้าใจกันนิดนึง เพราะเรายึดตามกฏแบบนี้กันมานาน)
ซึ่งตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ ก็คือ FAA หรือสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของอเมริกาเองนะครับ ที่ออกมาเปลี่ยนแปลงกฏนี้เองให้ใช้ได้ตั้งแต่เข้าประตูเครื่องยันออกประตูเครื่องเลย
แล้วทีนี้ EASA ของยุโรปก็ประกาศเปลี่ยนกฏตาม FAA ตามมาด้วยกรมการบินพลเรือนของหลายประเทศในตะวันออกกลาง และหลายประเทศในเอเชีย ก็แก้กฏตาม FAA กันเป็นแถวๆ (DCA บ้านเราคงกำลังอยู่ในช่วงศึกษาอยู่ + ตอนนี้วุ่นๆ กับเรื่อง ICAO เลยยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้)
หน่วยงานระดับ FAA ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลมากต่อวงการการบินพลเรือน ออกมาเปลี่ยนกฏเองแบบนี้ ก็คงต้องมีเหตุผลและที่มาที่ไปมาพอ และตัดสินใจโดย based จากงานวิจัยจำนวนมากที่มีน้ำหนักอยู่แล้วล่ะครับ
กฏเดิมย่อมต้องมีเหตุผลของมัน ซึ่งก็เป็นเหตุผลอย่างที่คุณว่ามา แต่การเปลี่ยนกฏใหม่ก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้เสมอๆ ในโลกนี้ หากมีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากกว่า หรือเอามาหักล้างกับเหตุผลเดิมได้ หรือชั่งน้ำหนักแล้ว แนวทางใหม่เป็นประโยชน์กับมนุษยชาติมากกว่า อะไรก็ว่ากันไป ผมเชื่อว่ากฏตรงนี้เขาได้ศึกษาและตัดสินใจกันมาเป็นอย่างดีแล้ว (เช่นอาจจะพบประเด็นใหม่ๆ ว่า อุปกรณ์ขนาดเล็กไม่ทำให้การตระหนักต่อสภาพแวดล้อมรอบตัวลดลงไป หรืออาจเชื่อได้ว่าการใช้งานอุปกรณ์ไม่ส่งผลต่อเรื่องสังเกตความผิดปกติ [เช่น เวลาผิดปกติ มักมีเสียงระเบิดจนผู้โดยสารตัองสังเกตกันอยู่แล้ว อันนี้ผมเดาเองนะครับ]) และปัจจุบันมนุษย์อาศัยอุปกรณ์พกพามากกว่าในอดีตมาก ด้วยเหตุผลต่างๆ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฏในที่สุด
ทั้งนี้ เมื่อก่อนที่ให้เก็บอุปกรณ์ทุกชนิดเข้าที่ เหตุผลหลักเรื่องนึงคือป้องกันอันตรายจากการกระแทกของอุปกรณ์ด้วยครับ จึงให้เก็บทุกอย่างเข้าที่มิดชิด (ช่วง take off/landing ต้องผ่านระดับความสูงต่ำที่มีโอกาสพบอากาศแปรปรวนมาก) แต่กฏใหม่นี้ก็คงมาจากความเชื่อว่าอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กไม่เป็นอันตรายแล้ว ทั้งนี้ตามกฏใหม่ อุปกรณ์พกพาขนาดใหญ่อย่าง Notebook ก็ยังต้องเก็บเข้าที่อยู่นะครับ ความปลอดภัยเขามองเรื่องตรงนี้ด้วยเหมือนกัน
ตรงนี้ ผมอยากให้สังคมไทย มีมุมมองแบบประเทศตะวันตกตรงที่ว่าเป็นสังคมที่ยอมรับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเสมอครับ จากกฏต่างๆ ก็ต้องเข้าใจถึงที่มาที่ไปด้วย มิใช่ท่องจำแล้วปฏิบัติแบบขอไปที และก็ต้องมีการศึกษาวิจัยอยู่เสมอ เมื่อพบข้อค้นพบใหม่ ข้อเท็จจริง เหตุผลใหม่ๆ ที่นำไปหักล้างความเชื่อเดิมได้ หรือทำให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เขาก็พร้อมเปลี่ยนแปลงปรับปรุงแนวทางได้เสมอครับ ทุกอย่างอยู่บนเหตุผล เมื่อมีสิ่งที่ดีกว่าก็เปลี่ยนได้ ไม่ได้ยึดติดว่าเคยทำมาแบบนี้ ก็จะต้องทำแบบนี้ตลอดไป เป็นสิ่งที่สังคมไทยควรศึกษาครับ
American Airlines ไม่มีกำหนดว่าต้องเปิดหน้าต่างตอนtakeoffกับlanding ถ้าบินตอนกลางวัน ไม่มีใครเปิดหน้าต่างเลย. แต่เอมิเรทส์ยังต้องเปิด
การบินไทยยังให้ผู้โดยสารปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดขณะเครื่องขึ้นหรือลงอยู่ครับ นอกให้ใช้ใน Flight Mode เท่านั้น ยังไม่เห็นมีไฟลท์ไหนให้ใช้ตลอดการเดินทางเลย
Wifi บนเครื่องพอใช้ได้ คุยทาง line ส่งรูปผ่านได้ แต่ราคาเอาเรื่อง 20 MB $16.99 เทียบกับ Emirates ราคา $1 (หนึ่ง) เอง
เรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่ชัวร์ครับ สำหรับการบินไทยขอบอกว่าก้ำกึ่งแล้วกัน (สังเกตว่าผมเองก็แสดงความเห็นว่าไม่แน่ใจ) ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับไฟลต์ เส้นทาง และแบบเครื่องบินด้วยครับ
ในเนื้อความด้านบน ผมจึงพยายามย้ำมาโดยตลอด ว่าให้ปฏิบัติตามการประกาศของสายการบินในแต่ละไฟลต์ไป เพราะเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องใหม่ ยังไม่ใช่แนวทางปฏิบัติโดยทั่วไป จำเป็นต้องฟังประกาศในแต่ละไฟลต์ๆ ไปว่าเขาอนุญาตให้ใช้ได้หรือไม่ อย่างไรนะครับ
ที่ผมนั่งครั้งล่าสุดที่ได้ยินประกาศ เป็นเส้นทางต่างประเทศ เครื่องบิน Boeing 777-300ER ตัวใหม่เลยครับ ช่วงตุลาปีที่แล้ว ไม่ทราบว่าของคุณอัพเดตล่าสุดเป็นช่วงไหนครับ?
สำหรับ Safety Video ของการบินไทยชุดปัจจุบัน ยังบอกให้ปิดอุปกรณ์ขณะเครื่องขึ้นและลงอยู่ แต่ต้องหมายเหตุนิดว่าวิดีโอตัวนี้ผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 2012 แล้ว แต่เสียงประกาศที่ผมได้ยินว่าอนุญาตให้ใช้ PEDs ได้ตลอดเที่ยวบิน เป็นการประกาศตามสายจากลูกเรือโดยตรงเลยครับ เนื้อความก็เหมือนสายการบินชั้นนำอื่นคือใช้ได้ตลอดเที่ยวบินรวมทั้งเทคออฟและแลนดิ้ง ประกาศในช่วงเครื่องกำลังจะถอยออกจากเกตครับ
ตรงนี้มันเป็นเรื่องใหม่มากจริงๆ คงต้องตรวจสอบความถูกต้องอีกที แต่จะเห็นว่าใหม่จนใน Safety video กับการประกาศบนเครื่องมีแนวปฏิบัติต่างกัน แต่ผมมั่นใจว่าฟังไม่ผิดเพราะยังนึกชมเลยว่า TG ปรับตัวตามสายการบินอื่นแล้ว จริงๆ แล้วอย่างสายการบินอื่นๆ รายละเอียดพวกนี้เขาอัพเดตไว้บนหน้าเว็บไซต์เลยครับ แต่ไม่แน่ใจว่าของการบินไทยมีการอัพเดตหรือไม่อย่างไร
แต่ทั้งนี้ผมก็ยังสงสัย เพราะจริงๆ การบินไทยจะต้องมีแนวทางปฏิบัติตามสำนักงานการบินพลเรือนของไทย แต่ในเรื่องนี้ DCA ยังไม่เคยประกาศอะไรออกมาเลย (กรณีของต่างประเทศ ก็คือกรมการบินพลเรือนของประเทศนั้นๆ อนุมัติแล้ว) ตรงนี้ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร เป็นไปได้ว่าเคยมีการประกาศแบบนั้นจริง แล้วมีการเปลี่ยนแปลงก็ได้ครับ
ปกติจะใช้บริการของการบนิไทยค่อนข้างบ่อย ล่าสุดก็ไป-กลับ ดูไบ พย ปีที่แล้ว เป็นเครื่อง 777 - 300 และ Bangalore เป็นเครื่อง 777-200 เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง จริงอยู่ครับที่พนักงานประกาศให้ใช้ได้ตลอดเที่ยวบิน แต่ก็ยังประกาศงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จนกว่าไฟรัดเข็มขัดจะดับขณะเครื่องขึ้นหรือลงอยู่ครับ ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับชนิดของเครื่องบินด้วยหรือเปล่า
Nokair ใช้ไวไฟฟรี ครับ แต่ขึ้นแปปเดียวก็ลงละ
ฟรีจริงครับแต่ใช้งานจริงแทบไม่ได้เลย
ตอนนกไวไฟเปิดตัวมาแรกๆ ใช้งานแทบไม่ได้เลยครับ จะถ่ายรูปส่งไลน์ไปยังอัพโหลดไม่ผ่านเลย อนาถามาก (เพิ่งมาพบทีหลังว่า download มันพอใช้งานได้จริง แต่ upload ง่อยมาก ทำให้ส่งอะไรไม่ค่อยจะไปเลย)
พอได้มาใช้ช่วงหลังๆ เริ่มดีขึ้น ใช้งานได้จริงขึ้น ทดลองถ่ายภาพแล้วส่งรูปเข้ากรุ๊ปไลน์ ก็อัพโหลดได้สบายแล้วครับ มีช้า มีลุ้นนิดหน่อยแต่ก็ส่งผ่านนะ
สรุปแรกๆ แย่ แต่ตอนนี้พอใช้งานได้จริงแล้ว
ไม่แน่ใจว่าเป็นที่อะไรนะครับบินทีไรก็ไม่เคยใช้ได้เลย ล่าสุดก็บินเดือนที่แล้วครับ
การบินไทยราคาปกติครับ เอมิเรตส์ถูกเวอร์อยู่สายการบินเดียวต่างหาก
อ่าว สัญญาณมือถือไม่มีผลกับเครื่องบินสมัยใหม่แล้วเหรอครับ แบบนี้ไม่ต้องปิดเครื่องหรือเปิด air plane mode แล้วสิครับ
The Last Wizard Of Century.