Tags:
Node Thumbnail

Astro Teller ประธาน X (หรือชื่อเดิม Google X) เผยกระบวนการทำงานและคัดกรองโครงการ เขาเล่าถึงวัฒนธรรมที่ให้คุณค่ากับ "การล้มโครงการ" ถึงขั้นว่าทีมไหนตัดสินใจล้มโครงการใดๆ ทุกคนในทีมจะได้โบนัสกันถ้วนหน้า คนล้มได้เลื่อนตำแหน่ง ซึ่งขัดกับสามัญสำนึกของคนทั่วไป

Astro เล่าแนวคิดของ X ว่าต้องประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ

  • Huge Problem ปัญหามีขนาดใหญ่พอที่จะส่งผลกระทบต่อคนนับล้าน
  • Radical Solution วิธีการแก้ปัญหาต้องคิดต่างจากวิธีการแบบเดิมๆ อย่างสุดขั้ว
  • Breakthrough Technology เทคโนโลยีที่แก้ปัญหานั้นต้องสร้างขึ้นได้จริง

    No Description

โครงการต้องล้มเลิกได้

ที่ผ่านมา X ล้มโครงการทิ้งไปหลายโครงการ แม้โครงการเหล่านั้นมีความคืบหน้าไปมาก แต่ถ้ามีเงื่อนไขไม่ครบทั้ง 3 ข้อ มันจะถูกยกเลิกทันที ตัวอย่างโครงการที่ X เลิกทำไปคือ

แปลงผักแนวตั้ง เพื่อลดพื้นที่เพาะปลูกลงได้ 100 เท่า และลดการใช้น้ำลง 10 เท่า ปัญหาเรื่องอาหารส่งผลกระทบต่อคนทั้งโลก วิธีการปลูกผักแนวตั้งถือเป็นการคิดใหม่ทำใหม่ ทีมวิจัยถึงขั้นพัฒนาระบบเก็บผักอัตโนมัติได้แล้ว แต่กลับไม่สามารถปลูกพืชบางประเภท (เช่น ธัญพืชหรือข้าว) ด้วยแปลงผักแนวตั้งได้ โครงการนี้จึงถูกยกเลิกไป

No Description

ขนส่งสินค้าด้วยเรือเหาะ X พยายามแก้ปัญหาการขนส่งสินค้าของประเทศที่ไม่ติดทะเล (landlock) โดยใช้ "เรือเหาะ" แทนเรือขนส่งสินค้า เพราะมีต้นทุนค่าขนส่งต่ำกว่าเครื่องบินมาก มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย มีความเร็วมากกว่าการใช้เรือ ทุกอย่างดูจะพร้อมเดินหน้าต่อ แต่ X คำนวณต้นทุนของการสร้างเรือเหาะต้นแบบแล้วพบว่าต้องลงทุนเบื้องต้น 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่ามากเกินไป และไม่สามารถประเมินได้ว่าลงทุนแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ (ตามแนวคิดลองไปเรื่อยๆ ตั้งแต่แรกเพื่อหาจุดอ่อน) โครงการนี้เลยถูกยกเลิก

No Description

รู้จักเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหา

Astro ย้ำว่าการพบจุดอ่อนของโครงการไม่ได้ส่งผลให้โครงการถูกยกเลิกเสมอไป อย่างกรณีรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล ถ้ายังจำกันได้ แนวคิดตอนแรกของกูเกิลคือนำเอนจินขับเคลื่อนอัตโนมัติไปใส่รถยนต์ปกติ แล้วให้คนนั่งอยู่หลังพวงมาลัย เผื่อว่ามีเหตุฉุกเฉินจะได้ควบคุมรถแทน ปัญหาของแนวคิดนี้คือพอคนไม่ได้ควบคุมรถเอง ก็ไม่ได้มีสมาธิคอยแก้ปัญหายามฉุกเฉิน

ปัญหานี้ทำให้ทีม X ต้องกลับไปทำการบ้านใหม่หมด ผลออกมาเป็นรถยนต์ไร้คนขับรุ่นปัจจุบัน ที่คนเป็นผู้โดยสารอย่างเดียวเท่านั้น แล้วที่เหลือเป็นหน้าที่ของรถยนต์จัดการให้ทั้งหมด เอาทรัพยากรไปทุ่มให้กับการขับรถอย่างปลอดภัย และเปลี่ยนมุมมองจากตัวช่วยอำนวยความสะดวกให้คนขับรถ กลายเป็นการปฏิวัติวงการขนส่งไปเลย

No Description

Astro บอกว่าการเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ปัญหา (shifting perspective) ถือเป็นหัวใจสำคัญของ X เพราะการพัฒนาเทคนิคเดิมๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหาที่คงอยู่มานาน เขายกตัวอย่างโครงการอื่นของ X ดังนี้

ว่าวพลังลม Makani แทนที่จะสร้างกังหันผลิตไฟฟ้าพลังลมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทีม Makani ของ X เปลี่ยนไปรับพลังงานลมที่สม่ำเสมอกว่าด้วย "ว่าว" แทน โดยหาเทคนิคที่ใช้วัสดุขนาดเบาทำเป็นใบพัดของกังหัน

No Description

บอลลูน Project Loon X พยายามกระจายสัญญาณเน็ตด้วยบอลลูน (ข่าวหมวด Project Loon) แต่พบปัญหาว่าลมแรง บอลลูนถูกพัดไปจากพื้นที่ การผูกบอลลูนไว้กับพื้นดินทำได้ยากเพราะลอยอยู่ในระดับสูง

ทางแก้ปัญหาคือไหนๆ บอลลูนก็ต้องถูกพัดอยู่แล้ว ก็ปล่อยบอลลูนหลายๆ ลูกขึ้นฟ้าไปพร้อมกัน ลูกไหนถูกพัดออกจากพื้นที่ บอลลูนอีกลูกจะเข้ามารับช่วงแทน โดยบอลลูนแต่ละลูกจะมีอัลกอริทึมในการขยับตัวเองให้เข้ากับกระแสลม เพื่อย้ายตัวเองไปยังตำแหน่งที่ต้องการ

ทีม Project Loon ยังทดลองบอลลูนสารพัดแบบเพื่อให้ลอยค้างฟ้าได้นาน มีต้นทุนค่าใช้จ่ายถูกลงเรื่อยๆ (ลดค่าใช้จ่ายได้แล้ว 187 เท่า) แนวคิดแหวกแนวอีกอย่างหนึ่งคือใช้บอลลูน 2 ชั้น ใส่ก๊าซคนละประเภทกัน (อากาศและฮีเลียม) บอลลูนสามารถเพิ่มอากาศเพื่อทำให้ตัวมันเองหนักกว่าเดิม สำหรับการลดระดับลง หรือปล่อยอากาศเพื่อลอยตัวสูงขึ้นได้

No Description

สร้างวัฒนธรรมแห่งความล้มเหลว

Astro สรุปปิดท้ายว่า ความสำเร็จของ X เกิดจากการกระตุ้นให้ทีมงานกล้าล้มเหลว (fail fast) เรื่องนี้พูดง่ายแต่ทำยาก เพราะคนมักอับอายขายหน้าคนอื่นที่ทำพลาด หรือ กลัวถูกไล่ออก

X แก้ปัญหานี้โดยกระตุ้นให้คนกล้าทดลองไอเดียใหม่ๆ โดยเริ่มจากจุดที่ยากที่สุดของปัญหานั้นๆ ก่อน เพราะจะได้รู้แต่แรกเลยว่าทำได้หรือไม่ (การลองแก้ปัญหาส่วนง่ายๆ ก่อนจะได้กำลังใจช่วงแรก แต่จะไปติดกับปัญหาส่วนที่ยากที่สุดอยู่ดี ดังนั้น X ให้ลองเผชิญหน้ากับจุดที่ท้าทายที่สุดก่อนเลย)

นอกจากนั้น X ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ "ทำพลาดแล้วไม่เป็นไร" ปีที่แล้ว X ยกเลิกโครงการไปแล้วกว่า 100 โครงการ และ Astro ไม่ได้เป็นคนตัดสินใจยกเลิก แต่เป็นทีมงานของโครงการนั้นๆ เองที่ตัดสินใจยกเลิกโครงการกันเอง ด้วยเหตุผลว่าพนักงานจะได้รางวัลจากการยกเลิก ตั้งแต่การชื่นชมจากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างานเข้ามากอดและแสดงความยินดีด้วย ได้เลื่อนตำแหน่ง ได้โบนัส ได้ผลประโยชน์ต่างๆ จากการยกเลิกโครงการ

ที่มา - Astro Teller

หมายเหตุ 1: Astro พูดเนื้อหาเดียวกันนี้ใน TED Talk 2016 ด้วย แต่คลิปยังไม่ขึ้นเว็บครับ

หมายเหตุ 2: Astro เดิมทีชื่อว่า Eric Teller แต่เขาเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เหมาะสมกับความสนใจของตัวเอง

Get latest news from Blognone

Comments

By: qweret
AndroidWindowsIn Love
on 23 February 2016 - 12:25 #887143
qweret's picture

สุดยอดแนวคิดจริงๆ

By: nottoscale
Windows Phone
on 23 February 2016 - 12:27 #887144

GG close ป่าว

By: toooooooon
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 23 February 2016 - 12:27 #887145

คล้ายๆ กับว่า เขียนโปรแกรมไป ทดสอบบั๊กไปเรื่อยๆ...

By: ตะโร่งโต้ง
WriterAndroidWindows
on 23 February 2016 - 12:28 #887147
ตะโร่งโต้ง's picture
  • 200 ดอลลาร์?
  • ใบหัด --> ใบพัด

ช่างไฟสมัครเล่น (- -")

By: moondrop
iPhoneWindowsIn Love
on 23 February 2016 - 12:36 #887151
moondrop's picture

สงสัยเรื่องแปลงผักแนวตั้ง ว่าก็ปลูกอย่างอื่นที่ไม่ใช่ข้าวก็ได้นี้ครับ

ทำไมแค่ปลูกข้าวไม่ได้ต้องล้มโครงการด้วย

By: bahamutkung
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 23 February 2016 - 12:44 #887156 Reply to:887151
bahamutkung's picture

จากต้นข่าวเหมือนการล้มโครงการเป็นการ freeze เพื่อรอวิธีการใหม่ๆครับ โครงการนี้น่าจะมีเป้าหมายว่าต้องปลูกพืชทุกชนิดที่ให้สารอาหารจำเป็นกับมนุษย์ให้ได้ แล้วพวกธัญพืชกับข้าวนี่แทบจะเป็นตัวหลักเลย พอแก้ปัญหาไม่ได้ก็ดองไว้รอยุคใหม่ ไปทำอย่างอื่นก่อน


"With the first link, the chain is forged. The first speech censured, the first thought forbidden, the first freedom denied, chains us all irrevocably."

By: wichate
Android
on 23 February 2016 - 12:45 #887159 Reply to:887151

ปลูกข้าวไม่ได้ก็ไม่ผ่านข้อแรกครับ "ปัญหามีขนาดใหญ่พอที่จะส่งผลกระทบต่อคนนับล้าน"

By: tom1491
Android
on 23 February 2016 - 20:01 #887294 Reply to:887159

ใช่เลยครับ ข้าวนีาอาหารหลักอย่างหนึ่งของโลกเลย

By: ตะโร่งโต้ง
WriterAndroidWindows
on 23 February 2016 - 13:03 #887164 Reply to:887151
ตะโร่งโต้ง's picture

อาจจะเพราะข้าวเป็นอาหารหลักมั้งครับ (หมายถึงข้าวที่จะนำไปทำเป็นแป้งใช้ทำขนมปังและอาหารเส้น/แผ่นต่างๆ ด้วย)


ช่างไฟสมัครเล่น (- -")

By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 23 February 2016 - 13:09 #887168 Reply to:887151
Holy's picture

ปลูกผักใบเขียวอย่างเดียวได้คาร์โบไฮเดรตไม่พอครับ

ก็เลยทำให้กลับมาคิดว่า งั้นปลูกมัน (แบบใน Martian) แทนได้มั้ย?

By: Architec
ContributorWindows PhoneAndroidWindows
on 23 February 2016 - 13:29 #887174 Reply to:887151

สังคมกสิกรรมตะวันตกมักจะเป็นแบบ Monoculture ถ้าเกิดโรคระบาดขึ้นมาก็ซวยถ้วนหน้าครับ ฉะนั้นแล้วต้องหาทางปลูกให้ขึ้นครับ

By: TheOne
iPhoneWindows Phone
on 23 February 2016 - 13:51 #887180
TheOne's picture

แม้กระทั่งแนวทางการให้รางวัลก็สุดขั้วเหมือนกัน

By: tarnsm
iPhoneAndroidBlackberryWindows
on 23 February 2016 - 13:53 #887181
tarnsm's picture

เข้าใจเลย บางทีก็ไม่ได้อายนะ แต่เวลาทำอะไรนานๆมันเหมือนลูกหลานอ่ะ จะล้มเลิกก็เสียดาย
อย่างเขียนโปรแกรม ทำมาครึ่งค่อนอันแล้วมันบั๊กก็เสียดายทั้งๆที่รู้ว่าเริ่มใหม่คงง่ายกว่า 555

By: Hoo
AndroidWindows
on 23 February 2016 - 18:14 #887248 Reply to:887181

+1

By: somtoon
AndroidWindows
on 23 February 2016 - 15:23 #887199

แนวคิดแบบนี้ ไมโครซอฟต์น่าจะทำได้ดี

By: loptar on 24 February 2016 - 13:01 #887605 Reply to:887199
loptar's picture

ผมว่าทำมาแล้วนะ เยอะด้วย
Kin เอย, WP7 เอย, ฯลฯ

แซวหนักมาก

By: lingjaidee
ContributoriPhoneAndroid
on 23 February 2016 - 15:37 #887202
lingjaidee's picture

ปัญหาของแนวคิดนี้คือพอคนไม่ได้ควบคุมรถเอง ก็ไม่ได้มีสมาธิคอยแก้ปัญหายามฉุกเฉิน

แล้วเครื่องบินไม่เจอปัญหานี้เหรอ เวลานักบินใช้โหมด Auto Pilot?


my blog

By: rigelenrique
UbuntuWindows
on 23 February 2016 - 16:24 #887215 Reply to:887202

ผมคิดว่ามันอาจจะไม่ฉุกละหุกเท่าการใช้รถบนถนนที่ใช้ความเร็วในพื้นที่แคบๆครับ

By: Polwath
ContributoriPhoneWindows PhoneAndroid
on 23 February 2016 - 18:30 #887257 Reply to:887202
Polwath's picture

เครื่องบินนี้บินบนอากาศนะครับ ย่อมอันตรายกว่าแน่นอนถ้าควบคุมไม่ได้ จึงต้องอาศัยมนุษญืในการควบคุมอยู่
แม้แต่ตัว Autopilot ยังไม่สามารถลงจอดได้เลงเลย โดยเฉพาะเครื่องบินพาณิชย์ ยกเว้นพวก UAV ที่ทำได้


Get ready to work from now on.

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 23 February 2016 - 20:24 #887306 Reply to:887257
mr_tawan's picture

บนอากาศคงไม่มีมอเตอร์หรือสุนัขวิ่งตัดหน้ามั้งครับ ?


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: Holy
ContributorAndroidWindowsIn Love
on 24 February 2016 - 10:03 #887553 Reply to:887257
Holy's picture

เครื่องบินพาณิชย์มีระบบ Autoland นะครับ ถ้าเปิดใช้นักบินแค่นั่งรอเหยียบเบรคหลังลงพื้นเล้วแค่นั้น (จริงๆ นั่งดูความเรียบร้อยของระบบไปด้วย แต่ไม่ได้ยุ่งกับการบังคับเครื่องเลย) ซึ่งช่วงทัศนวิสัยไม่ดี เช่น หมอกหนา ก็ใช้กันเป็นปกติครับ แต่ช่วงสถานการณ์ปกติก็จะลงจอดเองเสมอ

By: 7
Android
on 23 February 2016 - 22:56 #887380 Reply to:887202
7's picture

แนวคิดต่างกันมากๆ

นักบินต้องฝึกบินอย่างมากและไม่ใช่ทุกคนจะฝึกได้ แต่ถึงขนาดนั้นก็ยังต้องบิน 2 คน

รถยนต์ใครๆก็ขับได้ ผช ผญ แก่ หนุ่ม สาว ขับห่วย ขับดี อยู่รวมกันบนถนนหมด
จะหัดขับมาจากใหน มีใบขับขี่หรือเปล่า เพิ่งออกถนนวันแรก เมาแล้วขับ

แล้วประเด็นของคำถาม ถ้ารถมันขับเอง เรานั่งอยู่เฉยๆหลังพวงมาลัย
จะเกิดอะไรขึ้นกับเรา นั่งมองถนนเป๋ง เหมือนเราขับเองเหรอเปล่า
ขนาดขับเองบางทียังใจลอยเลย ผมว่าที่เขาสำรวจมาก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ
รถมันขับเอง เราก็นั่งทำอะไรอย่างอื่นๆไปแน่ๆ อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ แต่งหน้า
เพราะถ้ากล้าเปิดโหมดนี้ก็คือใว้ใจรถแล้วว่าขับได้

By: MrThursday
ContributorRed HatUbuntuWindows
on 23 February 2016 - 16:26 #887217

โครงการทำแต่ละทีรักเหมือนลูกครับ ตัดใจล้มยากนะ

By: Kittichok
Contributor
on 23 February 2016 - 19:51 #887291

เป็นบทความที่ให้ข้อคิดที่ดี ขอบคุณครับ

By: tom1491
Android
on 23 February 2016 - 20:00 #887293

ผมอยากฟัง TED Talks อันนี้จริงๆ รอๆ

By: mr_tawan
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 23 February 2016 - 20:25 #887307
mr_tawan's picture

ถ้าผมทำงานที่นี่ ป่านนี้คงเป็น cio ไปแล้วครับ :)


  • 9tawan.net บล็อกส่วนตัวฮับ
By: hisoft
ContributorWindows PhoneWindows
on 23 February 2016 - 23:10 #887389 Reply to:887307
hisoft's picture

กะว่าจะล้มโครงการทุกวันพุธกับศุกร์เลยครับ