มีบทความหนึ่งใน TIME เล่าถึงบุคคลผู้ให้กำเนิด Emoji หรือสัญลักษณ์แทนอารมณ์ที่สิงสถิตอยู่บนหน้าจอผู้ใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีทั่วโลก
เขาคนนี้ชื่อ Mark Davis จาก Google ที่เป็นประธานและผู้ร่วมก่อตั้ง Unicode Consortium องค์กรกลางที่ดูแลเรื่องมาตรฐานอักขระดิจิทัลนานาชนิดที่เราอ่านอยู่บนจอ เหล่าสมาชิกมาจากองค์กรเทคโนโลยีชั้นนำ ซึ่งเขาเป็นคนจัดให้มีการโหวตเหล่า Emoji นี้ขึ้นมา และเขาคนนี้เองที่เป็นเจ้าของฉายา "Shadowy Emoji Overlord" ตามเสื้อที่เขาใส่
บทสัมภาษณ์มียาวกว่านี้ ขอสรุปส่วนต้นกำเนิดของ Emoji ให้รับทราบกันครับ
ที่มา - TIME
Mark เล่าว่า Emoji มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งพบปัญหาเรื่องการใช้ Emoji เข้ารหัสเป็นตัวเลขของสามเครือข่ายมือถือไม่เหมือนกัน Unicode จึงต้องเข้าไปจัดการ จนได้ Emoji ในแบบ Unicode ในปี 2010 นี้เอง และระบบปฏิบัติการรายต่างๆ ก็นำไปใช้
Emoji อารมณ์เดียวกันแต่แสดงผลในแต่ละแอพไม่เหมือนกัน
เมื่อ Emoji ใช้กันแพร่หลายระยะหนึ่ง ก็เริ่มมีการขอให้ไอคอนแต่ละอันมีความหลายทางเพศและเชื้อชาติ ซึ่ง Mark แจงว่าเดิมที Emoji ทั้งหลายมีเป้าว่าต้องทำให้ออกมา "เป็นกลาง" (neutral) ที่สุด คือเวอร์ชันที่ Unicode รองรับคือเป็นสีขาวดำ จากนั้นแล้วแต่ระบบจะไปอ่านเป็นภาพสีสันต่างๆ เอง ซึ่งเมื่อก่อนจะติดปัญหาที่หน่วยความจำในมือถือมีไม่พอ แต่ตอนนี้ปัญหาก็คลี่คลาย มี Emoji หลายสีผิวให้เลือกแล้ว และทำให้การสื่อสารในหลากหลายวัฒนธรรมสะดวกขึ้น และตอนนี้มีการร่าง Emoji แยกสเปคเป็นแต่ละประเทศแล้วด้วย
และเราเพิ่งทราบจากบทสัมภาษณ์นี้ด้วยว่า ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถส่งคำขอให้ทำ Emoji ใหม่ๆ ออกมาได้ด้วย โดยมีฟอร์มให้กรอกจริงจัง ไม่ใช่ว่าอยากจะให้มีหน้าตาอะไรก็ขอได้ ซึ่งผู้ใช้แต่ละรายอาจทำเรื่องขอเข้ามาผ่านทางบริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องก็ได้ ทางภาคีจะมีการเปิดโหวตและรับฟังข้อเสนอแนะในวงกว้างด้วย
ในทางกลับกัน ทาง Unicode ก็มีแคมเปญ Adopt a Character ด้วยการบริจาคเงินสนับสนุนภาคีเพื่ออุปการะ Emoji กว่า 1,282 ตัว หรืออักขระอื่นกว่า 1.2 แสนแบบไว้ใช้งาน และผู้บริจาคก็จะได้จารึกชื่อในเว็บไซต์ Unicode นาน 1 ปี พร้อมของที่ระลึก
เพราะด้วยความโด่งดังของ Emoji ทำให้องค์กรปิดทองหลังพระมาเนิ่นนานอย่าง Unicode กลายเป็นที่รู้จัก และมีส่วนช่วยให้สังคมสื่อสารกันง่ายขึ้นนั่นเอง แผนการในอนาคตที่ภาคีนี้กำลังทำอยู่คือมุ่งสร้างอักขระให้กับภาษาท้องถิ่นอีกหลายภาษาที่ยังไม่มีใช้บนคอมพิวเตอร์นั่นเอง
TIME ถาม Mark ว่าส่วนตัวชอบ Emoji ตัวไหนมากที่สุดในช่วงนี้ เขาตอบว่าหน้า facepalm (กุมขมับ) ซึ่งเหมาะกับเวลาที่เขาได้ฟังสิ่งที่ Donald Trump ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันพูดในขณะนี้
Comments
องค์เทคโนโลยี ?
เวอร์ชั่น => เวอร์ชัน
มีให้ Emoji ?
ช่วยให้สังคมให้สื่อสาร => ช่วยให้สังคมสื่อสาร / ช่วยสังคมให้สื่อสาร
👏👏👏
lewcpe.com, @wasonliw
นายคนนี้เขาเป็นคนญี่ปุ่นเหรอครับ อ่านหัวข่าว ย่อหน้าแรก ย่อหน้าสี่แล้วงง
เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธาน Unicode Consortium ครับ เป็นชาวอเมริกัน
Emoji เกิดในญี่ปุ่น แต่กลุ่มที่ทำให้กลายเป็นมาตรฐานใช้กันทั่วโลกคือ Unicode Consortium ครับ
อ๋อ ขอบคุณครับ
ย่อหน้าที่หนึ่งมันขัดกับย่อหน้าที่สี่ (และเนื้อหาส่วนอื่นๆ) น่ะครับ
ย่อหน้าที่หนึ่ง - "มีบทความหนึ่งใน TIME เล่าถึงบุคคลผู้ให้กำเนิด Emoji"
ย่อหน้าที่สี่ - "Mark เล่าว่า Emoji มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น"
รอดูว่าจะมีค่ายไหนทำสีผิว default นอกเหนือสีเหลืองมั้ย
Windows 10
เป็นความคิดที่ดีมากๆเลย เพราะว่าพิมพ์ด้วยตัวอักษร มันไม่สื่ออารมณ์เหมือนพูดด้วยเสียง ทุกครั้งที่พิมพ์แชท ผมมักจะใส่ emoji กำกับอารมณ์เอาไว้ด้วยนี่แหล่ะ
เขาตอบว่าหน้า facepalm (กุมขมับ) ซึ่งเหมาะกับเวลาที่เขาได้ฟังสิ่งที่ Donald Trump ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกันพูดในขณะนี้ แหม่ลุงแกจักกิดโดนัล ทรัมพ์จักกิดแรงด้วยอะ 55
จิกกัด = จัดกิก