ตลก April Fool's ประจำปีนี้ของกูเกิลมีหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งที่กลับกลายเป็นปัญหาหลังเปิดให้ใช้งาน คือปุ่มวางไมค์ (Mic Drop) ที่ทำให้อีเมลซึ่งตอบกลับมี GIF มินเนี่ยนแนบท้าย ซึ่งก็ขำขันดี แต่กลายเป็นว่าผู้ใช้จำนวนไม่น้อยไม่สนุกด้วย
ปัญหาสำคัญคือปุ่ม Mic Drop นั้นวางอยู่ติดกับปุ่ม Send ทำให้ผู้ใช้หลายคนเผลอกดผิด และเมลที่ตอบกลับก็เป็นเมลเรื่องงานสำคัญ ทำให้เมลขาดความน่าเชื่อถือ มีการเข้าไปร้องเรียนใน Gmail Help Forum อยู่หลายกรณี
ล่าสุดกูเกิลได้แถลงขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งปิดคุณสมบัติดังกล่าวไปแล้ว แต่หาก Gmail ของใครยังแสดงปุ่ม Mic Drop อยู่ก็ให้รีโหลดหน้าเว็บนั้นเสีย
ปีที่แล้วกูเกิลก็ถูกวิจารณ์กับตลก April Fool's เรื่อง com.google ที่มองว่าเป็นการสร้างช่องโหว่ความปลอดภัยขึ้นมา
ที่มา: TechCrunch
Comments
ผมคนนึงล่ะ กดพลาดไป - -* เรื่องงานด้วยเหมือนกัน
Me too. T_T
ว่าแล้วต้องเป็นเรื่อง - -*
Get ready to work from now on.
เข้าไปอ่านใน forum แล้วน่าสงสารมาก
เป็น joke ที่ใช้งานได้จริง และทำให้คนเสียงานได้จริงๆ
เล่นจนได้เรื่อง สมควรแล้ว = ="
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
สนุกจนเกินเหตุ
+1 คำนี้เลย
กดแล้ว ผู้รับ ได้ข้อความว่าไงบ้างครับ ผมยังไม่ได้ได้ลอง หายไปซะแล้ว
กดไปดูในที่มาได้ครับ มีรูป gif แสดงให้ดูว่าผลมันเป็นไง
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
โอ้วขอบคุณครับ
ใช้ outlook สิครับ ♥
+2016
ยังไม่ทันได้ลองเลยครับ
my blog :: sthepakul blog
เรื่องงานก็มีอารมคิกขุได้นา คนเราซีเรียสกับชีวิตกันเกิ๊น
ที่อื่นไม่เท่าไรหรอกครับ แต่ถ้าเป็นหน่วยงานรัฐบาลเนี่ย
คงไม่มีคำว่าคิกขุหรอกนะครับ แต่จะมีโทรศัพท์ถามว่าส่งมันผ่านอีเมล์หน่วยงานรัฐได้อย่างไร
นี่สิซีเรียสของแท้
งานก็ส่วนงาน เล่นก็ส่วนเล่น บางหน่วยงานที่ใช้ ถ้าสื่อสารผิดพลาด นี่มันหมายถึงชีวิตคนเลยนะครับ
ถ้าจะปล่อยให้เล่นแบบไม่มีลิมิตแล้วก็ให้ถือว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในวันนี้มันคือ Joke ผมว่าแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ถ้า BTS หรือ MRTเล่น Joke กับผู้โดยสารซึ่งรวมทั้งคุณโดยแกล้งให้คุณไปถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดในวันที่คุณมีความจำเป็นต้องเข้าประชุมสำคัญ หรือนัดสัมภาษณ์งาน ที่ไม่สามารถไปผิดเวลานัดได้แม้แต่นาทีเดียว ไม่แน่ใจว่าคุณยังจะยังรู้สึกคิกขุอยู่หรือเปล่า
ถ้าการส่งอิโมติค่อนคิกขุทำให้มีคนตายหรือทำให้นิวเคลียร์ระเบิดก็ค่อยว่ากันเน๊อะ ไปเปรียบเทียบซะไกลเลยแต่ละท่าน พูดถึงแต่เรื่องอารมคิกขุในการส่งเมล์เฉยๆ ไม่ได้บอกว่าเรื่องโจ๊กทุกเรื่องคือทำได้นะจ๊ะ
ไอ้เรื่องส่งทีว่าเนี่ยบางอย่างก็เทียบได้กับเรื่องคอขาดบาดตายของบางคนได้เช่นกันครับ เช่นกดเสนอราคางานสำคัญไป แล้วอีเมลที่ส่งกลายเป็นอะไรแบบนั้น ปลายทางก็ไม่ได้มารับรู้ด้วยหรอกครับว่ามันคืออะไร เห็นการ์ตูนมุ้งมิ้งมาแบบนี้อาจจะมองว่าเป็นสแปมแล้วลบทิ้งไปเลยก็ได้นะจ๊ะ
ตกงานหรือพลาดดีลไปนี่ยังหนักหนาไม่พอเหรอครับ แบบนี้ธนาคารเล่น AFD จนมีช่องโหว่ให้มีคนแฮ็คเงินจนหมดบัญชีคุณก็ไม่เป็นไรสินะครับไม่มีคนตายไม่มีระเบิดนิวเคลียร์
ถ้าได้ลองไปเช็คไปอ่านจะเห็นเคสต่างๆ ที่ทำให้การสื่อสารผิดพลาดไปจริงๆ ลองไปอ่านดูครับ
จ๊ะ เอาที่สบายใจ ยังเน้นว่าไอคอนมุ้งมิ้งเฉยๆนะจ๊ะ ไม่ได้เกี่ยวกับ AFD เรื่องอื่นๆ
เจนเอ็กนี่มีแต่คนซีเรียสกะชีวิต
ผมเกิดปี 96 ครับ ยังเป็นหนุ่มไฟแรง แต่มีความคิดถึงอนาคต,ความเป็นจริง,ความรอบคอบ,ความเสี่ยง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ Gen X,Y,Z,Me หรืออะไรก็แล้วแต่
มันเกี่ยวกับความสำคัญของระบบอีเมล์, ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น (แต่มันเกิดไปหลายคนแล้วซะด้วยเพราะไอ้นี่)
ผมนี่แหละครับที่ชื่นชอบและชื่นชมทุกๆ บริษัทที่สามารถเอาอารมณ์ขันแทรกเข้าไปอยู่ในที่ทำงานหรือใน CI ได้ เพราะมันทำให้ดูเข้าถึงดูเป็นมิตรกับผู้ใช้หรือลูกค้า ซึ่งถ้าใช้แบบพอดีๆ มันจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก อย่างที่มันแทรกอยู่ในวัฒนธรรมของ Google มาตั้งแต่ต้น แต่อะไรที่มันล้ำเส้นไปมันก็จะได้ผลตรงกันข้ามอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้ ซึ่งแม้แต่ตัว Google เองยังรู้ตัวและยอมรับเลยว่าทำผิดพลาดไปโดยที่ไม่ได้นึกถึงผลลัพธ์ด้านลบที่จะเกิดตามมา จนต้องรีบเอาฟังก์ชั่นนี้ออกไป
ผมไม่สามารถเลือกได้ครับว่าปลายทางคนที่รับจะเป็นคนเจนไหนอายุเท่าไหร่หรือซีเรียสกับมันรึเปล่า
คุณเลือกได้หรือครับ?
มันไม่เกี่ยวกับเจน ผมยังสนุกกับ AFD เหมือนกัน ใน TL ผมก็เล่น ผมยังอ่านข่าว AFD แล้วสนุกกับมันด้วยแต่ แต่ผมรู้ว่าควรจะเล่นอะไรและตรงไหน อะไรที่มันควรเล่นไม่ควรเล่นอย่างไร แต่อันไหนที่ใครทำ AFD แล้วทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง ก็ควรแก้ไขเพื่อกำหนดกรอบว่าครั้งต่อๆ ไปควรระมัดระวัง คิดถึงว่าเราเล่น AFD กับคนไข้ว่าเป็นโรคมะเร็งดูดิ คือมันไม่ได้สนุกในบางเหตุการณ์หรอก
ตัวเองก็ไม่รอบคอบเองด้วยรึเปล่า
ไม่นะครับ ประเด็นคือปุ่มนี้มันเห็นชัดเจนสะดุดตากว่าปุ่ม send จริงอีก ต้องมีคนพลาดไปกดอยู่ไม่น้อยแหละ
จริงครับ ทำผิดเองดันไปโบ้ยใส่ Google เฉย
มีกลุ่มคนใช้รุ่นเก่าๆ ที่ใช้การจดจำตำแหน่งของการใช้งานเครื่องมือบนคอมพิวเตอร์มากกว่าอ่านครับ บางครั้งการย้าย หรือเพิ่มปุ่มลงตำแหน่งใดๆ ต้องแจ้งชัดเจนว่ามันต่างจากเดิมยังไง คือเครื่องมือมันก็ไม่ผิดหรอก แต่กลุ่มคนกลุ่มนี้เค้าก็อาศัยความคุ้นเคยจริงๆ แหละ พูดยาก
คลิกเดียว เปลี่ยนชีวิต....
เข้าไปดูในฟอรั่มมีแต่บอกว่า "เอามันออกไป"
ส่วนใหญ่บอกว่ามันเป็นเมล์สำนักงานของเขา นับว่าปีนี้เป็นตลกร้ายอย่างหนึ่งเลยล่ะ
ไม่ขำครับ
April Fool Day ไม่ได้เป็นเทศกาลที่นิยมเล่นกันในทุกประเทศนะ ในไทยคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เล่นกัน
ผมนี่ก็สงสัยว่าทำไมเอามาปุ่มมาอยู่ตรงนี้ มันต้องมีคนกดผิดแน่ๆ แล้วก็มีจริงๆ
เป็นวันโกหกที่ไม่ตลกที่สุดเลย...กูเกิล
กรณีนี้ถ้ามีคนรวมกลุ่มกันฟ้องร้องกูเกิลจริงๆจะได้รึเปล่าครับ เพราะเท่าที่ไปอ่านจากข่าวต้นทางแล้ว เกิดจากการกดผิดกัน นอกจากผู้รับไม่ตลกด้วยแล้ว คนส่งยังเสียงานหรือเสียสิ่งสำคัญไปเลย
แค่มนุษย์คนนึงที่อยากรู้เกี่ยวกับวงการไอที
april fool ที่เลยเถิดไปเยอะครับ มันไม่ควรเป็น fool ที่เล่นกับ routine ชีวิตประจำวันแบบนี้
ทางที่ดี มันควรจะเป็นข่าวอำเล่น ซะมากกว่าอย่างเครื่องปิ้งขนมปังrazer, หรือเซ็นเซอร์dslrแบบกลม ของdpreview เมื่อ2-3 ปีที่ผ่านมา
จริงๆ แค่วางห่างๆ แล้วอธิบายปุ่มให้ชัดก็จบแล้ว
เป็นบทเรียนไปนะเกิ้ล
หรือว่ามันจะเป็นการบอกกลายๆ ว่า ถ้าจะใช้กับธุรกิจจริงๆ ให้ย้ายมาสมัคร Google Apps for work ซะดีๆ
แล้วทางเราจะไม่ป่วนท่านอีก = =)
ปกติถ้าผมสมัครงาน ผมคงไม่ใช้ e-mail บริษัทส่งมั้งครับ
Account ที่ใช้งาน Google app ไม่จำเป็นต้องเป็นอีเมลบริษัทเสมอไปครับ
สมควรเอาออกครับ
ปุ่มมันเด่นกว่าปุ่ม send จริงๆอีก
อัพเดทตลกร้ายต่อ
ในฟอรั่มมีคนร้องเรียนไม่ขาดสาย
เนื่องจากการสมัครงานและส่งอีเมล์แล้วดั้นไปกด Mic Drop
ผลลัพธ์คือ บริษัทก็ Mic Drop เหมือนกัน
และมีหนึ่งรายซวยยิ่งกว่าเพราะดั้นส่งผิดกด Mic Drop ให้แฟนสาว
ผลคือ แฟนสาวขอเลิกกันเขาไปแล้ว
นึกถึงวลีนี้
... ไปเล่นกันตรงนู้นนะ
That is the way things are.
ไปอ่านมา เจอกันแต่เรื่องโหดๆ สมควรโดนด่าละปีนี้