Jitta (อ่านว่า “จิตตะ”) เป็นสตาร์ตอัพไทยที่กำลังมาแรงมากอีกราย Jitta เป็นแพลตฟอร์มทางด้านการเงิน เน้นการวิเคราะห์การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing) โดยการวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก มีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในแบบผสมผสานทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกหุ้นได้ง่ายและเร็วขึ้น ตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดความเสี่ยง และเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น เรียกว่าเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์และโดดเด่น และถือเป็นสตาร์ตอัพกลุ่ม FinTech ที่น่าสนใจมากในขณะนี้
Jitta มองว่านักลงทุนทั่วโลกพูดภาษาเดียวกันคือ “ภาษาการเงินและการลงทุน” ดังนั้น Jitta จึงอยากจะพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบรับนักลงทุนทั่วโลก ครอบคลุมหุ้นของทุกตลาด Jitta วางเป้าหมายสูงสุดคือการเป็น Standardized Platform ของการลงทุนเน้นคุณค่าในที่สุด
Jitta ก่อตั้งโดยคุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ (เผ่า) และ คุณศิระ สัจจินานนท์ (ฮันท์) ซึ่งทั้งคู่เคยร่วมงานบริษัทพัฒนาเว็บไซต์กันมาก่อน มีความฝันอยากพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยคนได้ทั่วโลก จึงช่วยกันคิดหาไอเดียมาโดยตลอด จนภายหลังเมื่อทั้งคู่หันมาสนใจเรื่องการลงทุน ซึ่งตรงกับความสนใจและทักษะของคุณตราวุทธิ์ที่ชื่นชอบและลงทุนตามแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า โดยเฉพาะในแบบของ Warren Buffet มายาวนาน ก็พบว่าการลงทุนแบบนี้ต้องใช้เวลา ต้องศึกษา และใช้ทักษะในการวิเคราะห์เป็นอย่างมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเริ่มต้นลงทุนได้
ทั้งคู่จึงได้ค้นพบปัญหา (pain point) ที่คนส่วนใหญ่มีในการลงทุน และมองเห็นว่าเทคโนโลยีสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ สอดคล้องกับแนวทางของสตาร์ตอัพ จึงได้ร่วมกันพัฒนา Jitta ขึ้น โดยเน้นการนำข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง 10 ปีมาวิเคราะห์ คิดฟีเจอร์ต่างๆ ขึ้นมาในช่วงปี 2013 ซึ่งทั้งคู่ได้คิดและพัฒนากันที่ซิลิคอนวัลเลย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มทดลองกับชาวต่างชาติที่นั่น เบื้องต้นมีผลตอบรับไม่ค่อยดีนัก หลายคนบอกว่าไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เพราะมีฟีเจอร์เยอะมากเกินไปที่ไม่ได้ตอบโจทย์ความต้องการ ไม่ต่างจากเครื่องมือที่พวกเขาใช้อยู่แล้ว
เมื่อคุยกับผู้ใช้งานกลุ่มแรกๆ มากขึ้น ทั้งคู่ก็เริ่มปรับปรุง โดยเน้นว่าเทคโนโลยีจะต้องตอบโจทย์ที่สำคัญของการลงทุนให้ได้ก่อนคือ จะลงทุนในบริษัทอะไร และเมื่อไหร่ควรลงทุน ซึ่งตรงกับแนวคิดของ Warren Buffett ที่ว่า “ลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคาที่เหมาะสม” (Buy a wonderful company at a fair price) Jitta จึงพัฒนา 2 ฟีเจอร์หลัก หรือ MVP (Minimum Viable Product) คือการให้คะแนน Jitta Score เพื่อบ่งบอกถึงบริษัทที่ดีเยี่ยม (0-10) และเส้น Jitta Line เพื่อชี้วัดมูลค่าที่เหมาะสมของแต่ละบริษัท
ผลตอบรับจากผู้ใช้งานดีเยี่ยม ทุกคนชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกของโลกการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ที่มีค่ามาตรฐานกลางที่ช่วยให้นักลงทุนลดความเสี่ยงในการขาดทุนด้วยคุณภาพและมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ ผู้ใช้งานจึงบอกต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้ Insight แนะนำให้เราพัฒนาฟีเจอร์อื่นๆ ที่ต้องการเพิ่มขึ้นอีก ซึ่ง Jitta เองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนปัจจุบันโดยใช้หลักการพัฒนาในรูปแบบของ Lean Startup โดยการสร้าง (Build) วัดผล (Measure) และเรียนรู้ (Learn) จนได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้คุณค่าแก่ผู้ใช้งานอย่างมากที่สุด
Jitta เริ่มขยายตัวมากขึ้นจากหุ้นของสหรัฐอเมริกา มาถึงไทย และเปิดตลาดหุ้นของสิงคโปร์และเวียดนามเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และในปี 2016 นี้จะเปิดฮ่องกงและญี่ปุ่น และทยอยเปิดให้ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งเราได้คุณพรทิพย์ กองชุน (อ้อ) นักบุกเบิกที่เชี่ยวชาญการทำตลาดและพัฒนาธุรกิจจาก Google ที่เห็นศักยภาพและโอกาสที่จะเติบโตของ Jitta มาร่วมงานอีกคน ทำให้ Jitta มีทีมผู้บริหารครบในทุกด้าน มีแผนการพัฒนาและขยายอย่างชัดเจน พร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
(สามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับ Jitta เพิ่มเติมได้ที่ https://www.jitta.com/about)
คุณศิระ เป็นนักพัฒนาเว็บที่มีชื่อเสียงในวงการมานาน เล่าถึงแง่มุมทางเทคนิคของ Jitta ว่าเลือกทำเป็น “เว็บแอพ” ล้วนๆ ด้วยเหตุผลว่าต้องการสร้างแพลตฟอร์มเพียงอันเดียวที่ใช้งานได้จากอุปกรณ์ทุกแบบ เครื่องมือที่เลือกใช้งานมีดังนี้
คุณศิระ เล่าว่าปกติแล้ว สตาร์ตอัพที่เติบโตอย่างรวดเร็วมักมีปัญหาการรับมือกับ scalability หรือ “การขยายใหญ่” แต่ความท้าทายของ Jitta ต่างออกไป เพราะเมื่อเป็นสตาร์ตอัพด้านการเงิน ข้อมูลการเงินต้องแม่นยำ กลายเป็นปัญหาเชิงคุณภาพแทนเชิงปริมาณ ทีมงานจำเป็นต้องย่อยและประมวลผลงบการเงินให้ครบถ้วนในทุกมิติ เพื่อค้นหาความหมายทางการเงินว่าบริษัทนี้ดีหรือไม่ ภารกิจสำคัญคือต้องคำนวณตัวเลข 85 ล้านตัวจากตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นประจำทุกวัน เพื่อหาความสัมพันธ์เหล่านี้
Jitta ซื้อข้อมูลจาก Thomson Reuters แต่ก็พบว่างบการเงินของบริษัทต่างๆ มีความไม่สม่ำเสมอ มีจุดผิดพลาดอยู่เรื่อยๆ จึงต้องพัฒนาอัลกอริทึมเพื่อตรวจสอบข้อมูลของตัวเอง นอกจากนี้ยังพบปัญหาว่างบการเงินของบริษัทประกาศออกมาไม่พร้อมกัน ต้องหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องความสม่ำเสมอให้ได้
ปัจจุบัน Jitta มีทีมงานด้านเทคนิคทั้งหมด 8 คน แนวทางของบริษัทคือไม่อยากเป็นโปรแกรมเมอร์ทำหน้าที่เพียงแค่เขียนโค้ด แต่ต้องการให้ทีมวิศวกรหนึ่งคนเข้าใจประสบการณ์ทั้งหมดของผู้ใช้ (end-to-end experience) เข้าใจ workflow การพัฒนาตั้งแต่ต้นจนจบ
กระบวนการพัฒนาใช้แนวทาง Continuous Integration และ Continuous Delivery โดยวิศวกรแต่ละคนต้องรับผิดชอบการ commit โค้ดของตัวเอง ทุก commit ต้องรันการทดสอบแบบ full test เสมอ ทางทีมยังพัฒนาเครื่องมือช่วย build และ deploy ให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างอัตโนมัติมากขึ้น
การสื่อสารภายในทีม ใช้เครื่องมือสมัยใหม่อย่าง GitHub จัดการโค้ด Slack สื่อสารภายในองค์กร Asana จัดการงานต่างๆ และ Newrelic ตรวจสอบปัญหาของแอพ
สำหรับคนที่สนใจรายละเอียดเชิงลึกอ่านได้จากบล็อก Jitta Engineering
Jitta มีสำนักงานอยู่ที่บ้านกลางเมือง สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว ใช้นโยบายเข้างานตามสบาย (flexible time) นับเวลาการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ขอให้ทำงานตามกำหนดที่คุยกันออนไลน์ผ่าน Asana และไม่จำกัดเรื่องวันลา
เนื่องจาก Jitta ยังเป็นองค์กรขนาดเล็ก จึงมีวัฒนธรรมองค์กรแบนราบ (flat organization) บริษัทใช้ระบบ “prefect” หรือ “ผู้ดูแล” ผลัดเปลี่ยนกันเป็นคนรับผิดชอบปัญหาทุกอย่างของระบบทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อให้พนักงานทุกคนเข้าใจทุกแง่มุมของบริษัท ซึ่ง prefect จะเป็นคนประชุมสรุปสถานการณ์ประจำวัน รีวิวปัญหาที่พบเจอ กระจายงานให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง และรับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้เสร็จสิ้น ในช่วงที่ตนต้องรับผิดชอบ
บริษัทมีเลี้ยงอาหารเที่ยงฟรีทุกวัน และมีรับประทานอาหารร่วมกันทุกวันศุกร์ เพื่อเจอกันแบบพร้อมหน้า นอกจากนี้บริษัทยังเริ่มกิจกรรม Jitta@ พาทีมงานไปนั่งทำงานที่ต่างประเทศแบบยกบริษัท เพื่อได้สัมผัสและเรียนรู้จากผู้ใช้งานในประเทศนั้น เพิ่มพูนความรู้ และมีประสบการณ์ในต่างประเทศมากขึ้น
ปี 2015 เรามี Jitta@Silicon Valley พาทีมงานทั้งหมดไปพักอยู่ที่ซิลิคอนวัลเลย์เป็นเวลา 1 เดือนเต็ม โดยมีการสนับสนุนให้ทีมงานเข้าร่วมงานสัมมนาทางเทคนิคที่ตัวเองสนใจอย่างน้อย 1 งาน แล้วกลับมาเล่าให้ทีมฟัง เชิญผู้ใช้งาน บริษัทพันธมิตร และคนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี มาแบ่งปันความรู้และสังสรรค์ร่วมกัน โดยเราจะเวียนไปยังประเทศอื่น ให้สอดคล้องกับแผนการขยายตลาดของ Jitta
ชื่อ: กรกช ธนูเดช
ตำแหน่ง: UX & UI Designer
หน้าที่: ออกแบบ ค้นคว้า และทดสอบส่วนติดต่อผู้ใช้ทั้งหมดของผลิตภัณฑ์
ชื่อ: ยุทธะวัฒน์ มโนภานนท์
ตำแหน่ง: Software Engineer
หน้าที่: ดูแลระบบประมวลผลหลัก Jitta Intel ที่ช่วยประมวลผล วิเคราะห์ตัวเลขทางการเงินต่างๆ เช่น Jitta Score และ Jitta Line
ชื่อ: ญาณิน ท้วมสุข
ตำแหน่ง: Frontend Engineer
หน้าที่: ดูแลส่วนที่ติดต่อผู้ใช้ทั้งหมดของระบบ (ในทีมเราพูดกันเล่นๆว่าทุกส่วนที่คลิกได้)
ชื่อ: สรัลยศ สุวรรณโชติ
ตำแหน่ง: Software Engineer
หน้าที่: ดูแลฐานข้อมูลหุ้นทั้งหมดในระบบ ตั้งแต่การเก็บข้อมูล คุณภาพข้อมูล และพัฒนาฐานข้อมูล
ชื่อ: ชลธี จำรัสศรี
ตำแหน่ง: Software Engineer
หน้าที่: ดูแลด้านฟีเจอร์ เช่น Portfolio และ ระบบส่งเสริมพันธมิตร เช่น API สำหรับองค์กรภายนอก
ชื่อ: ณัฐพล พัฒนาวิจิตร
ตำแหน่ง: Computer Scientist
หน้าที่: ดูแลการวิจัย และพัฒนา ทฤษฎีคอมพิวเตอร์ที่ใช้กับผลิตภัณฑ์
ชื่อ: หะริน แสงหิรัญ
ตำแหน่ง: Software Engineer
หน้าที่: วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอนาคต
เป้าหมายของ Jitta คือการพัฒนาให้เป็นแพลตฟอร์มทางการเงินและการลงทุน สร้างค่ามาตรฐานที่ผู้ใช้ทั่วโลกยอมรับ ทำให้การลงทุนเป็นเรื่องง่าย ทุกคนสามารถเข้าถึง และลงทุนได้อย่างมั่นใจ
เรามุ่งมั่นและตั้งใจเต็มที่ ที่จะทำให้ Jitta ไปถึงระดับโลก การสร้างให้เป็นแพลตฟอร์มยังมีสิ่งท้าทายอีกมาก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีพลัง ชอบสร้าง อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะสร้างคุณค่าให้กับคนทั่วโลก ส่งเรื่องของคุณและเหตุผลที่อยากร่วมงานกับเรามาที่ hr@jitta.com
Comments
น่าจะเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ คนเข้าถึงได้ง่าย ผมว่าต้องไปได้ไกลแน่นอนครับ
ไม่เกี่ยวกับข่าวนะ แต่หัว workplace สีนี้เว็บดูพาสเทล มุ้งมิ้งขึ้นเยอะเลย
+11 สีมันเหมาะมากจริงๆ
"Jitta ซื้อข้อมูลจาก Thompson Reuters"
ชื่อบริษัทเขียนผิดครับ ต้องเป็น Thomson Reuters (ไม่มีตัว p ตรง Thomson นะครับ)
ขออนุญาตินอกข่าว ชอบสีแนวนี้มากกกก
ชื่อ ตราวุทธิ์ นี่ทำให้นึกถึงสมัย google rich ไปจนถึงนายโซว ก็สิบกว่าปีแล้วสินะ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ
สิบปีพอดีสำหรับหนังสือ แต่จริงๆ โกยเงินไปเยอะเลยจากพวกคนที่ไปอบรมกับเค้าช่วง affiliate marketing บูมช่วงนั้น
ไม่มีลายเซ็น
นึกถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ
ิิเข้ามาอ่านเพราะสีใหม่ สวยสดใส อิอิ
เจ๋งดี
..: เรื่อยไป
นอกเรื่องเหมือนกัน ชอบโทนสีข่าวแบบนี้จัง ดูแปลกใหม่ แปลกตาเยอะเลย
อันนี้เป็นเซ็คชั่นใหม่ Blognone Workplace ครับ
ชอบเซคชั่นนี้ สีสวยพาสเทลมากก
Jitta เจ๋ง
That is the way things are.
สีนั๊ลล๊ากกก >___<
ดีครับ จะได้รวยกันถ้วนหน้า อิอิ
ปล. สีสวยม๊าก
ลองเข้าไปเล่นกับ Jitta ด้วยหุ้นไทยมาเมื่อครู่พบว่ายังมีข้อกังขาของ algorithm อยู่บ้าง
ยกตัวอย่างเช่น หุ้น Pruksa Real Estate (PS) มีคะแนน Jitta Score อยู่ที่ 8.25 (จากคะแนนเต็ม 10) จากการดูข้อมูลย้อนหลัง 9 ปี 3 เดือน พบว่าราคาหุ้นอยู่เหนือเส้น Jitta Line เพียงแค่ 1 ปีเศษหลังจากนั้นราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่าเส้น Jitta Line ตลอดและไม่เคยขึ้นไปยืนเหนือเส้น Jitta Line อีกเลย ไม่ว่าตลาดจะเป็น bullish หรือ bearish ก็ตาม
Jitta Line เป็นเส้นที่บอกระดับราคาประเมินที่เหมาะสมว่าหุ้นแต่ละตัวควรเป็นราคาเท่าไร โดยหลักการเมื่อราคาหุ้นอยู่ต่ำกว่า Jitta Line มาก ๆ ก็ควรจะต้องซื้อ นัยว่าราคาต่ำกว่าราคาที่แท้จริงมาก ๆ นั่นเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องน่าแปลกมากที่ราคาหุ้นไม่เคยถูกซื้อขายที่ราคามากกว่าราคาประเมินตามมูลค่าเลยเป็นระยะเวลาหลายปี
ผมจึงมองว่าในบางกรณีเส้น Jitta Line อาจจะถูกคำนวณออกมา over มากเกินไปและในบางกรณีก็ under มากเกินไปก็มี สุดท้ายก็เลยไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อหุ้นตัวไหนอยู่ดี
ผมว่า Jitta ค่อนข้างสะดวกสำหรับคนที่อ่านงบการเงินไม่เป็นหรืออ่านไม่เก่ง แต่สำหรับคนที่อ่านเป็นแล้วผมว่าอ่านงบการเงินโดยตรงเลยน่าจะให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนและจับต้องได้มากกว่า
ปล. ไม่ได้ discredit แต่ประการใด คุ้น ๆ ว่ากลุ่ม Jitta ก็เป็นเพื่อนของเพื่อนผมด้วย พอดีเล่นหุ้นอยู่บ้างเลยวิเคราะห์ไปตามที่คิด ผิดถูกประการใดขออย่าได้ถือสา
That is the way things are.
เห็นด้วยครับ ถ้าอ่านงบเป็น ทำเองดีกว่าครับ
ไม่มีลายเซ็น
ไม่ได้ดิสเครดิตนะครับ เข้าใจว่าเป็นแค่การประมาณการณ์และทำนาย ควรใช้วิจารณญานก่อนกด Buy ด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้เคยซื้อหุ้นสามตัวที่ Jitta Line อยู่สูงกว่าราคาปัจจุบัน ณ ตอนนั้นมาก ปรากฏซื้อไปสามเดือนดิ่งหมดเลยครับ lol
แต่โชคดีขายออกมาหมดก่อนมันจะดิ่ง ทั้งสามตัวซื้อแบบไม่อ่านงบเลยครับ ดู Jitta Line อย่างเดียว
ส่วนตัวผมชอบ Jitta นะ เข้าไปอ่านข้อมูลได้ความรู้เยอะดีครับ
Jitta.com นำเสนอตัวเองชัดเจนว่าเป็นการลงทุนแบบ Value Investing นี่ครับ จึงชัดเจนอยู่สองข้อคือ ไม่ได้มีไว้ใช้กับการซื้อระยะสั้น และไม่น่าจะใช้กับหุ้นปั่นได้ ถ้าเข้าข่ายสองข้อนี้ แม้แต่ข้อมูลงบการเงินซึ่งเป็นข้อมูลชิ้นหลักๆ ที่ใช้กับ algorithm ของ Jitta เองก็คงจะไม่ได้ให้ภาพที่ตรงกับสถานการณ์จริงอยู่ดีนี่ครับ
นอกประเด็น : หุ้นเมืองไทยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องของความกลัวและข่าวล้วนๆ ครับ
ระยะเวลา 8 ปีนี่ยังยาวนานไม่พอเหรอครับสำหรับสาย VI ได้ลองดูตัวอย่างที่ผมยกไปหรือยังครับ หุ้น PS ไม่เคยยืนเหนือเส้น Jitta Line เลย ในขณะเดียวกันก็มียางหุ้นที่ยืนเหนือ Jitta Line มาหลายปีเช่นกัน
หุ้น PS ก็ได้คะแนน Jitta Score ที่ถือว่าสูงมากแล้วนะครับ
That is the way things are.
ระยะเวลาที่เหมาะสมในการถือหุ้นของสาย VI คือ "ตลอดชีวิต" ครับ
อิอิ เข้ามาแซวเล่นครับผม
Jitta.com นำเสนอตัวเองชัดเจนว่าเป็นการลงทุนแบบ Value Investing นี่ครับ จึงชัดเจนอยู่สองข้อคือ ไม่ได้มีไว้ใช้กับการซื้อระยะสั้น และไม่น่าจะใช้กับหุ้นปั่นได้ ถ้าเข้าข่ายสองข้อนี้ แม้แต่ข้อมูลงบการเงินซึ่งเป็นข้อมูลชิ้นหลักๆ ที่ใช้กับ algorithm ของ Jitta เองก็คงจะไม่ได้ให้ภาพที่ตรงกับสถานการณ์จริงอยู่ดี ดังนั้นที่คำนวนออกมาแล้วผิดหรือเพี้ยน ก็ไม่น่าจะแปลกครับ
นอกประเด็น : หุ้นเมืองไทยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องของความกลัวและข่าวล้วนๆ ครับ
สวัสดีครับ
ขอบคุณมากครับสำหรับความคิดเห็น
พวกเราตั้งใจพัฒนา Jitta ขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนจำนวนมากทั่วโลก เพื่อให้สามารถเข้ามาดูพื้นฐานของหุ้น ทั้งคุณภาพและมูลค่าของกิจการ เทียบกับ ราคาหุ้น ของทุกหุ้นได้อย่างรวดเร็วที่สุดครับ จากนั้นนักลงทุนจะได้สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปตัดสินใจลงทุนตามสไตล์การลงทุนของตนเองได้ครับ
การวิเคราะห์หุ้นรายตัวนั้น แน่นอนว่า Jitta คงไม่สามารถวิเคราะห์ได้ดีกว่า นักลงทุนที่เก่งๆไปได้แน่นอน แต่จุดแข็งของ Jitta ก็คือ การสามารถวิเคราะห์ทุกหุ้นได้พร้อมกัน และ ให้คนนำไปใช้อ้างอิง ในการลงทุนได้ครับ
สิ่งที่เราทำเพิ่มเติมหลังจากที่สร้าง Jitta Score, Jitta Line ขึ้นมาแล้ว จึงคือ การพิสูจน์ด้วย Jitta Ranking เพื่อให้เห็นว่า แม้จะลงทุนในแบบที่ง่ายที่สุดโดยใช้ Jitta คือ การซื้อขายปีละครั้ง ถ้าเราซื้อเฉลี่ยให้เพียงพอ ก็สามารถเอาชนะผลตอบแทนของดัชนีได้ในระยะยาวครับ ดังนั้นนักลงทุนจึงสามารถใช้ Jitta ในการคัดเลือกหุ้นที่น่าลงทุนจากทั้งตลาดได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็สามารถนำหุ้นไปวิเคราะห์ต่อได้เองครับ
ส่วนการเลือกลงทุนในหุ้นที่ Jitta Score สูงๆไว้ก่อน เราจะเห็นได้ว่า ในระยะยาวแล้ว Jitta Line ก็จะเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งราคาหุ้นในระยะยาวก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกันครับ แม้ว่าหุ้นบางตัวจะมีราคาต่ำกว่า Jitta Line เกือบตลอดอย่างเช่น PS แต่แนวโน้มของราคาหุ้น ก็จะต้องวิ่งเข้าไปหา Jitta Line อยู่ดีครับ ดังนั้นในการลงทุนระยะยาวแล้ว การลงทุนในหุ้นที่คุณภาพดีไว้ก่อน ก็จะช่วยให้ปลอดภัยได้มากครับ ส่วนในกรณีของหุ้นที่มีราคาอยู่เหนือ Jitta Line เกือบตลอดนั้น ในระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นก็จะต้องมีช่วงที่จะต้องกลับเข้าไปหา Jitta Line เช่นกันครับ เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่าอนาคตนั้นจะอยู่อีกนานแค่ไหนครับ ดังนั้นถ้าเราไม่ต้องการเสี่ยง เราก็ยังไม่ควรลงทุนในหุ้นเหล่านี้ จนกว่าราคาจะลงมาใกล้ Jitta Line ครับ
นอกเหนือจากนี้ Jitta ก็ยังพัฒนาฟังค์ชั่นอีกหลายอย่างที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน เพื่อให้ตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น FactSheet, Screener, Checklist, Note, Tag ครับ โดยเรามีเป้าหมายที่จะช่วยให้นักลงทุนลงทุนได้ง่ายขึ้นและได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลาครับ
ถ้าหากใครลองใช้ Jitta แล้ว มีคำแนะนำใดๆ ก็ส่งมาได้ที่ wonderful@jitta.com ได้ตลอดเวลานะครับ
ขอบคุณมากครับ
เดาว่ายังมีอีก 3 ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เปิดตัว Chanta, Viriya, Vimangsa
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
lol ไอ้เราก็หลงดีใจ นึกว่าขายข้อมูล realtime (คงรู้กันว่าเอาไปทำอะไร)
ผมก็นึกว่าเป็นข้อมูลอัพเดทตลอด
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
จุดอ่อนสำคัญของ Jitta คือการประมวลผลตามงบการเงินเพียงอย่างเดียว ซึ่งกว่าจะได้ข้อมูลอย่างเร็วก็เป็นรายไตรมาส อย่างช้าก็ปีนึงเลย แถมยังมีข้อมูลที่ประมวลผลได้ยากอีกเช่นข่าว บางทีรู้ล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่สามารถใส่ลงไปประมวลผลใน Jitta ได้ ไม่นับว่าราคาที่คลื่นไหวไปก่อนงบการเงินจะออกซะอีก ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ Jitta อย่างเดียวในการกำหนดการเข้าซื้ออย่างที่ผู้สร้างตั้งใจ ยังไงก็ต้องมีการใช้ปัจจัยตัวอื่น อย่างง่ายก็น่าจะเป็นการวิเคราะห์เชิงเทคนิค อย่างยากก็คงเป็น Machine Learning ในการวิเคราะห์ข่าวต่างๆ หรืออ่านงบการเงินและแผนธุรกิจได้ละเอียดขึ้น หรืออีกแบบก็คืออาจจะมีข้อมูลคะแนนจากนักวิเคราะห์ที่เป็นคนร่วมอยู่ด้วยก็ยังได้
สำหรับราคาที่ผู้สร้างตั้งใจไว้คือหัวละ 1 หมื่นบาทต่อปี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แพงมาก แต่ก็จะยากที่คนจะจ่ายราคานี้ไปเรื่อยๆด้วยระบบเพียงเท่านี้
นี่แอบเห็นว่า Jitta ขี้โกงด้วยการเปลี่ยนตัวหุ้นขึ้นมาเพื่อให้สถิติดูดีขึ้นอีก ตอนแรกชื่นชมมาก แต่ตอนนี้เสียความรู้สึก ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเลย....
ของใหม่ที่มีการแก้ไข
ของเดิม
อยากให้ตัวแทน Jitta มาแถลงว่าทำไมถึงเปลี่ยนครับ
That is the way things are.
สวัสดีครับ
ผมเป็นตัวแทนจาก Jitta นะครับ
ขอบคุณมากนะครับ สำหรับคำชี้แนะต่างๆ และ ผมขอตอบข้อสงสัยดังนี้ครับ
ทั้งนี้ Jitta ได้มีแถลงการณ์เรื่องนี้บนเว็บไซต์ บน facebook page รวมทั้งส่งอีเมล์แจ้งไปยังผู้ใช้งานทุกท่าน ในวันที่ 18 มีนาคม 2559 เรียบร้อยแล้วครับ สามารถเข้าไปอ่านย้อนได้ที่ https://www.facebook.com/jitta.th/posts/1691868304423138
โดยใจความหลักแล้วนั้น สิ่งที่ Jitta ทำในช่วงนั้น คือ การพัฒนาและเปลี่ยนมาใช้ algorithm ในการวิเคราะห์ Jitta Score และ Jitta Line ให้ดีขึ้นครับ เช่น การตัดกำไรพิเศษออกไปจากการคำนวณ ซึ่งเป็นการทำเพื่อให้นักลงทุนใช้ Jitta ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
เมื่อมีการปรับมาใช้ algorithm ใหม่ ทาง Jitta จึงต้องทำการ backtest ตัว algorithm ใหม่ เพื่อแสดงให้นักลงทุนเห็นว่า ผลตอบแทนในระยะยาวของ algorithm ใหม่ เทียบกับ index และ algorithm เก่าเป็นอย่างไรบ้างครับ
ซึ่ง Jitta ก็ได้นำ ผลตอบแทนจากการ backtest มาเทียบกันให้ดูในแถลงการณ์แล้วครับ จริงๆแล้วจะเห็นว่าด้วย algorithm ที่พัฒนาขึ้นใหม่นั้น ผลตอบแทนในระยะยาวลดลงกว่าของเดิมนิดนึงด้วยซ้ำครับ แต่ทาง Jitta ก็ยืนยันที่จะนำมาแสดงและปรับแก้ไขข้อมูลการ backtest ใหม่ทั้งหมด เพราะเห็นว่า algorithm ใหม่ที่พัฒนาเพิ่มเติมนั้น น่าจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนมากกว่าครับ ไม่ได้ห่วงว่าตัว backtest จะต้องได้รับผลตอบแทนสูงที่สุด
เพราะเป้าหมายในการแสดงผลการพิสูจน์ Jitta Ranking นั้น ก็เพื่อทำให้เห็นว่า Jitta Score และ Jitta Line นั้น สามารถนำมาใช้ในการลงทุนจริงๆได้ เพราะแม้จะนำมาใช้ลงทุนแบบง่ายที่สุดคือ ซื้อขายปีละครั้ง ก็ยังสามารถได้ผลตอบแทนชนะดัชนะครับ
ซึ่งถ้านักลงทุนมีความรู้ในการเลือกหุ้นด้วยตนเองอยู่แล้ว Jitta ก็จะช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาหุ้นดีๆไปมากครับ เพียงแค่เลือกดูจากใน top 20 ก็สามารถพบหุ้นที่มีโอกาสจะทำกำไรเหนือดัชนีได้อย่างแน่นอนครับ
ถ้าเป็นนักลงทุนที่ชอบการลงทุนใน super stock ที่เป็นการลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ก็ง่ายหน่อย เพราะสามารถเล็งหุ้นดีๆที่มี Jitta Score สูงๆไว้ก่อนได้ จากนั้นก็ค่อยๆรอเวลา เมื่อไหร่ที่ราคาหุ้นตกลงมาใกล้ๆกับ Jitta Line ก็สามารถลงทุนซื้อ แล้วถือไปยาวๆอย่างเช่นกรณี https://www.jitta.com/stock/bkk:hmpro หรือ https://www.jitta.com/stock/bkk:pb เป็นต้น
ส่วนนักลงทุนที่ชื่นชอบในหุ้น turnaround ก็สามารถใช้ Jitta ช่วยในการคัดเลือกหุ้นได้เร็วขึ้น โดยการดูหุ้นที่ Jitta Score เพิ่มขึ้นทุกไตรมาส แสดงว่า ธุรกิจค่อยๆกลับมาดี จนเมื่อหุ้นมี Jitta Score เกิน 5 แสดงว่าธุรกิจกลับมาดีกว่าค่าเฉลี่ยแล้ว ก็เริ่มลงทุนได้ครับ
และนักลงทุนหลายๆคนที่เป็นสาย technical ก็ใช้ Jitta เพื่อช่วยคัดเลือกหุ้นจากพื้นฐานให้ก่อน หรือ เมื่อเห็นสัญญาณทางเทคนิคจากหุ้นใด ก็เข้ามาตรวจสอบที่ Jitta ให้มั่นใจอีกครั้งว่า หุ้นตัวนี้มีพื้นฐานดี และ ราคายังไม่แพงกว่ามูลค่ามาก ก็ทำให้ลงทุนได้อย่างมั่นใจย่ิงขึ้นครับ
และแน่นอนครับ สิ่งสำคัญที่สุดคือ Jitta จะช่วยให้นักลงทุนปลอดภัยจาก การลงทุนในหุ้นที่ราคาสูงเกินพื้นฐานไปมากครับ เช่น https://www.jitta.com/stock/bkk:ajd เพราะสำหรับนักลงทุนใหม่ๆนั้น การลงทุนในหุ้นที่ราคาแพงมากเกินไป จะทำให้ขาดทุนอย่างหนักได้ง่ายๆครับ การมี Jitta ก็จะช่วยให้มีสติทุกครั้งก่อนที่จะลงมือซื้อขายหุ้นครับ
สำหรับ Jitta Pro ที่มีค่าบริการนั้น สำหรับนักลงทุนที่ชำนาญแล้ว ต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น หรือ ต้องการค้นหาหุ้นให้ได้เร็วขึ้นจาก screener ครับ
ขอบคุณมากอีกครั้งนะครับ แต่ถ้าหากมี feedback ใดๆ ที่จะให้ทางเราพัฒนา Jitta เพิ่มเติมก็บอกได้ตลอดเวลานะครับ เพราะตั้งแต่วันแรกที่เราสร้าง Jitta ขึ้นมา ก็เพื่อต้องการให้นักลงทุนนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุดครับ
เข้าไปดูตามลิงค์มา
การลงทุนตาม Top 10 นี่ผลตอบแทนจาก algorithm เก่าจะให้ผลลัพธ์ดีกว่าแบบใหม่นะครับ
แปลกดี
มองจากมุมคนพัฒนาแอพทั่วๆ ไปก็คงเข้าใจได้ครับ เหมือนโปรแกรมหรืออัลกอริธึมพวกนี้ก็ควรดีขึ้นเมื่อเราเจอตรรกะที่สมเหตุสมผลกว่าเดิม หลักการผมว่าไม่ต่างจาก pagerank ของกูเกิลครับที่ก็มีการประกาศการพัฒนาหรือเปลี่ยน algorithm อยู่เป็นรุ่นๆ เมื่อพบว่าวิธีการคำนวนแบบเก่าไม่ยุติธรรม ทำให้ดีขึ้นได้ หรือเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนแล้ว
จริงๆ เราควรดีใจที่ Jitta ไม่หยุดพัฒนาวิธีคิดพวกนี้นะครับ เพราะแปลว่าพวกเขายังพยายามทำให้ product ดีขึ้นทุกวันๆ
ปกติผมดูกราฟจาก http://www.investorz.com/ มากกว่าเว็บอื่นๆ
ส่วนเรื่องการอ่านงบ ผมก็งูๆปลาๆไป
อ่านงบเองยังดีกว่ามีตัวช่วยอ่านครับ ส่วนตัวผมมองอย่างงั้นครับ
มาเกตแคปมันต่ำปั่นง่ายดูยังไงก็สมเหตุสมผลยาก ต้องเล่นวงในนั่นแล
ไม่ makesense ครับ
ซื้อหุ้นแบบนักลงทุน มันคือการซื้อ"อนาคต" ไม่ว่าแอฟนี้หรือแอฟไหนในโลกก็ไม่สามารถเอาอนาคตมาทำนายได้
ข้อมูลในอดีต ไม่สามารถแสดงความเป็นไปในอนาคตได้ บัย
เท่ ทุกคนเลย
สายหุ้น น่าจะสนใจ
มือใหม่งงๆ
เห็นขยายไปต่างประเทศ ไม่รู้ได้ VC เป๋าหนัก ๆ มาจ่ายช่วยค่าการตลาดรึยัง และตัวแอพเริ่มทำกำไรบ้างรึยัง
เห็นแอพแนวนี้คิดถึง 10 ปีก่อนสมัยนาย neo-lao แกเข้าไปขายคอร์ส+ซอฟท์แวร์วิเคราะห์หุ้นในห้องสินธรเลย