ช่วงนี้ผู้คนรอบตัวผมหันไปทางไหนก็มีแต่คนชวนไปวิ่งงานวิ่งชิคๆ ถอยจักรยานสวยๆ ไปปั่นคูลๆ ที่สนามจักรยานยอดนิยม แต่ในทางกลับกันก็นัดถล่มเนื้อย่าง ชาบู จนที่เอาเข้าเยอะกว่าเอาออก แผนการลดน้ำหนักก็ล้มไม่เป็นท่า
และนี่เป็นครั้งแรกกับผมและอุปกรณ์กลุ่ม fitness tracker ครับ ผมได้รับ Garmin vivosmart HR มาลองใช้ ซึ่งเป็นสายรัดข้อมืออ่านค่าสุขภาพ วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ ตลอดจนนับแคลอรี่และก้าวเดิน พร้อมสรุปผลรายงานวันต่อวัน เหมาะกับคนที่ต้องการแรงจูงใจในการออกกำลังกาย
Garmin vivosmart HR เป็นอุปกรณ์ประเภท fitness tracker บ้างก็เรียก wearable tech device จับการเคลื่อนไหวในกิจกรรมต่างๆ ทั้งแบบปกติและการออกกำลังกาย วัดการเผาผลาญ เชื่อมต่อกับแอพต่างๆ ทั้ง Garmin Connect, MyFitnessPal เพื่อติดตามความคืบหน้าของสุขภาพได้
ภาพจากสื่อประชาสัมพันธ์ / สุภาพสตรีใส่แล้วดูทะมัดทะแมง ดูรักสุขภาพชะมัด
ที่โดดเด่นคือ Garmin vivosmart HR วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วยออปติคัลเซ็นเซอร์ในขนาดที่ไม่ใหญ่มากครับ ใช้ใส่ในชีวิตประจำวันได้ ดูเหมือนริสต์แบนด์สักอัน แต่ต้องใส่แบบไม่หลวมหมุน ให้เซ็นเซอร์ทำงานได้แม่นยำที่สุด
หน้าจอ vivosmart HR เป็นแบบขาวดำความละเอียด 160x68px มีไฟแบ็คไลท์ในตัวที่จะเรืองขึ้นมาได้เองถ้ายกข้อมือมาในระดับสายตา อ่านกลางแดดได้ตามสเปคที่ระบุ น้ำหนักทั้งตัวอยู่ที่ 29.6 กรัมในไซส์ปกติ ด้านแบตเตอรี่เคลมว่าอยู่ได้ 5 วัน กันน้ำลึกได้ 50 เมตร ใส่อาบน้ำและว่ายน้ำได้
ตัวเรือนเป็นพลาสติกเคลือบยางด้านๆ สายเป็นแบบชิ้นเดียวกับตัวเครื่อง เข็มขัดล็อกง่ายแน่นหนาดี เท่าที่ใส่มานับสองเดือนพบว่ามีโอกาสเสียดสีกับตัวเรือนจนดูไม่งามได้เช่นกัน ใส่ระวังหน่อยก็ดี แต่ไม่มีผลกับกลไกภายในครับ
เมื่อปาดหน้าจอไปทางซ้ายหรือขวา ก็จะแสดงข้อมูลเหล่านี้ครับ:
- เวลา วันที่ ตั้งค่าได้ในตัวเครื่อง
- ก้าวเดินที่ผ่านไปในแต่ละวัน มีเป้าหมายที่กำหนดให้อ้างอิงจากส่วนสูงและน้ำหนักที่กำหนดในบัญชี Garmin Connect ของผู้ใช้
- อัตราการเต้นของหัวใจ แสดงทั้งปัจจุบัน เฉลี่ย และบอกเป็นกราฟในช่วง 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ระยะทางที่เคลื่อนที่ หน่วยเป็นกิโลเมตร
- แคลอรีที่เผาผลาญต่อวัน
- จำนวนชั้นที่เดินขึ้นบันได มีเป้าบอก 10 ชั้นต่อวัน
- เวลาที่ออกกำลังกายในสัปดาห์นี้ เป้าคือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ (ปรับได้เองภายหลัง)
สัปดาห์ที่เก็บภาพนี้คือท็อปฟอร์ม เบิร์นหนักมาก
เมื่อผู้ใช้อยู่นิ่งกับที่นานไป Garmin vivosmart HR จะสั่นบอกว่า ให้เคลื่อนขยับร่างกายบ้าง ซึ่งบางทีเราก็เชื่อฟังมันแต่โดยดี ออกไปเดิน กดน้ำที่แคนทีน จนมันบอกว่า move bar cleared เป็นอันเสร็จสิ้น และจะสั่นฉลองเราด้วยถ้าแต่ละวันเรามีกิจกรรมทะลุเป้าหมายที่วางไว้ เช่น การเดินขึ้นบันได การก้าวเดิน หรือการออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์
เมื่อเสียบกับคอมพิวเตอร์เพื่อชาร์จผ่านพอร์ตเฉพาะที่มีมา ก็จะส่งข้อมูลอัพโหลดขึ้น Garmin Connect ให้เองเลย แต่ถ้าไม่มีสะดวกเสียบคอมฯ สามารถเปิดบลูทูธส่งสัญญาณเข้าแอพชื่อเดียวกันบนมือถือได้เลย หรือถ้าไม่เคยอัพโหลดข้อมูลผ่านมือถือ เปิดแอพนี้ก็จะได้ค่าล่าสุดจากบัญชีที่ผูกไว้เช่นเดียวกัน
เมื่อเริ่มออกกำลังกาย ก็กดปุ่มเล็กๆ ข้างจอ Garmin vivosmart HR และเลือกเมนูออกกำลังกายมีให้เลือกสามกิจกรรม: Run, Cardio และ Other ในที่นี้ผมใช้ปั่นจักรยานเทรนเนอร์กับเครื่องโยก Elliptical นะครับ เลือก Cardio ไป จากนั้นกดปุ่มเดิมเพื่อเริ่มออกกำลังกาย
ขณะออกกำลังกาย ตัวเลขบนจอจะเปลี่ยนให้เราดูเวลาที่เราใช้, พลังงานที่เผาผลาญไป, ชีพจรที่กำลังเต้นได้ครับ เลขที่ขึ้นไม่ตรงกับที่เครื่องออกกำลังกายเลย หรือบางอุปกรณ์ก็วัดได้ไม่เท่า
เมื่อออกกำลังกายเสร็จ กดหยุด มันก็จะสรุปข้อมูลและถามว่าเราจะบันทึกค่าเหล่านี้หรือไม่
แอพ Garmin Connect
แอพ Garmin Connect บนมือถือ เมื่อตั้งค่าจับคู่กับบัญชีและอุปกรณ์ครั้งแรกเสร็จแล้ว ก็จะเข้ามาดูความคืบหน้าของสุขภาพตัวเองได้แบบละเอียดมาก การเดินต่อวันเป็นอย่างไร เผาผลาญเป็นอย่างไร และสามารถแชร์ แข่งกับเพื่อน (ในที่นี้ไม่มีเพื่อน) และรับ badge เมื่อทะลุเป้าหมายแต่ละระดับ
เมื่อใช้ไปสักระยะ จะเห็นความก้าวหน้ารายเดือนด้วยครับ
ยังมีคุณสมบัติอื่นอีกหลายประการที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพแต่ก็น่าสนใจ ไหนๆ ได้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นได้แล้ว Garmin vivosmart HR ยังสามารถแสดง SMS, อีเมล, ปฏิทิน และการแจ้งเตือนจากออนไลน์ได้, ควบคุมเพลงบนมือถือ และคุมกล้อง VIRB ร่วมค่ายได้ด้วย ขอปิดท้ายส่วนนี้ด้วยวิดีโอแนะนำการใช้งานเบื้องต้นครับ
สรุป
ส่วนตัวไม่เคยลองอุปกรณ์ประเภทนี้แบบนานๆ และจริงจังมาก่อน รู้สึกว่าประทับใจดี เพราะช่วงหลังมานี้พยายามจะปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองให้รักสุขภาพมากขึ้น (กลัวมีโรคเยอะตอนอายุมาก) เมื่อมีอุปกรณ์ที่คอยบอกทุกการเคลื่อนไหวเป็นตัวเลข มันจึงสร้างแรงจูงใจแบบใหม่ได้ดีครับ แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าเรื่องน้ำหนักลดเท่าไร เพราะยังเพลิดเพลินกับการรับประทานอยู่ดี เป็นหมูแข็งแรง
มีวันหนึ่งผมใส่ Garmin vivosmart HR ไปปั่นจักรยานที่สนามฟ้า (Sky Lane สุวรรณภูมิ) และใช้อุปกรณ์ส่วนตัวอย่าง Garmin Edge 510 และวัดหัวใจแบบคาดหน้าอก ผลที่ออกมายังไม่ค่อยตรงกันเลย เพราะอุปกรณ์ส่วนหลังน่าจะเพิ่มตัวแปรอย่างอื่นเข้าไปคำนวณด้วย เช่น รอบขา ระยะทาง ความชัน ฯลฯ ดังนั้นค่าที่เห็นจากทุกอุปกรณ์คงเป็นแค่ค่าประมาณการนะครับ
เป็นห่วงอีกอย่างเรื่องความทนทานตัวเรือนที่อาจถลอกปอกเปิกง่ายหากใช้งานสมบุกสมบัน แต่แลกกับน้ำหนักและความคล่องตัว ใส่ใช้งานได้ทุกวันก็ยอมรับได้ เป็นนาฬิกาข้อมือได้ด้วย ทว่าราคาอีกสิบบาทก็หกพันนี้ เดิมพันด้วยสุขภาพตัวเองก็สูงเอาการเหมือนกัน ซื้อแล้วก็ต้องใช้ประโยชน์จากมันให้มากที่สุด อย่าให้เหมือนจักรยานที่จอดฝุ่นเกาะนะครับ
Comments
ค่าไหนที่ไม่ตรงกันบ้างครับ
เท่าที่จำได้นะครับ ผมกำลังหาข้อมูลย้อนหลังอยู่ หลักๆ คือ HR กับแคลอรี่ละครับ
เจอแล้วครับ ดูข้อมูลของ 12 มีนาคมนะครับ http://upic.me/show/58300310
Max, Av HR ใกล้กันมากเลยนะครับนั่น ส่วน calories นี่ๆม่ว่าตัวไหนก็เชื่อไม่ได้จริงๆ ครับ มีกรณีเดียวที่ผมเชื่อคือติด watts meter ซึ่งมันจะนับเป็น calories ที่จักรยานได้รับ (พลังงานที่เราใส่ให้จักรยาน ไม่ใช่ที่เราเผาได้)
อยากติดวัตต์เหมือนกัน แต่วัตต์มิเตอร์นี่แพงกว่ารถแล้ว 55555
เดี๋ยวนี้มีวัตต์ถูกๆ ลงมาเล่นตลาดและอีกหลายตัวใกล้จะเข้ากันในราคาต่ำหมื่นแล้วครับ (แต่ก็แพงอยู่ดี orz)
ของที่ผมใช้ทำงานอยู่นี่ก็ราคาซื้อรถผมได้สองคัน - -" ใส่ไปใช้ทำงานทีก็ผวาอยู่ว่าจะเอาไปทำพังเอาไปทำหายมั้ย
HR ก็คือ HR นะครับ EDGE ไม่ได้เอาค่าอื่นไปคำนวนครับ HR รับมาจากที่คาดอกล้วนๆเลยครับ
ตัวที่ไม่ตรงน่าจะเป็น Optical HR มากกว่า ขนาดเจ้าพ่อ Gadget สายออกกำลังอย่าง DCRainmaker ยังบอกเลยว่า Optical HR แต่ละตัว วัดไม่ตรงกัน (แต่ใกล้เคียงและแนวเดียวกัน)
ผมเคยเทียบกันมันก็ไม่ตรงจริงๆ ครับ มีจับหลุดแบบต้องรอสแกนใหม่เป็นพักๆ ด้วย แต่ตัวของ vivo smart HR นี่ผมยังไม่เคยเทียบตรงๆ เพราะได้ของมาตอนตัวคาดอกมันพังแล้ว
แต่จากการลองใช้จริงๆ เทียบความรู้สึก (ผมบอกได้คร่าวๆ ถ้าหัวใจเต้นช่วง 180, 190 หรือเกิน 200) ตัวนี้เองก็ยังไล่ไม่ทันครับ บางจังหวะเร่งกระทันหัน หัวใจผมขึ้นไปช่วง 190 แล้วแต่ตัว vivo smart HR ยังกำลังไต่ขึ้นอยู่ที่ 170 อยู่อะไรแบบนี้
ถึงอย่างนั้นแลกความแม่นยำกับสะดวกผมว่าคุ้มครับ
ส่วนความน่าเชื่อ ถือไว้เฉยๆ ไม่ใส่มันก็ขึ้นอยู่หกสิบเจ็ดสิบตลอดครับ 5555
ได้ยินแบบนี้แล้วแผนที่จะออก Fenix HR เลื่อนออกไปยาววววเลยครับ( ̄_ ̄)・・・
คือเวลาไม่ใส่มันจะมีแสงอื่นเข้าน่ะครับ แบบพวกฟลูออเรสเซนส์ที่มี refresh rate อยู่ ถ้าเราเอาอะไรไปปิดไว้มันก็จะขึ้นว่าวัดไม่ได้ ถ้าหัวใจไม่เปลี่ยนแปลงแบบเร็วจริงๆ แล้วก็ถือว่าโอเคเลยครับ ใช้งานได้ดีทีเดียว ออกกำลังกายทั่วไปได้เว้นแต่อยู่ๆ กระชากความเร็วขึ้นเท่านั้นเอง
Fenix 3 HR ดีตรงรองรับภาษาไทยด้วยครับ
จริงๆเล็ง Fenix ตัวก่อน HR เอาไว้ครับ เพราะ HR Ant+ ผมเต็มบ้านเลย ตัว Optical นี่เฉยๆ มีก็ดี ไม่มีก็ไม่เป็นสาระสำคัญครับ
มี hr optical รู้สึกจะช่วยเรื่อง activity tracker ตลอดวันได้ด้วยครับ แล้วการที่มันรับ notification ภาษาไทยได้ก็ถือว่าโอเคเลยทีเดียว
แต่ถ้าทั้งสองอย่างที่ว่ามาไม่สำคัญก็ใช้ตัวธรรมดาได้ครับไม่มีอะไร
มาแจ้งเพิ่มครับ พอดีเมื่อวันพุธได้ร่วมงานกับทาง Garmin ไทย เค้าแจ้งว่า Fenix 3 ตัวไม่ HR ที่ซื้อหลังจากนี้ก็รองรับไทยแล้วครับ แต่ถ้าซื้อก่อนหน้านี้ก็จะไม่ได้ไทยและอัพไทยไม่ได้ด้วย
เอาผลมาฝากครับ เปรียบเทียบกันระหว่าง HR แบบคาดอกกับแบบแสง
ทั้งสองอันนี้ปั่นเส้นทางเดียวกันพร้อมกันครับ โดยผลจาก Garmin 500 นั้นเชื่อมต่อ HRM กับพระเอกของข่าวนี้ Garmin vivosmart HR ครับ ส่วนทางฝั่งของ Garmin 810 เชื่อมต่อ HRM เป็นแบบคาดอกของทาง Garmin เองครับ
นอกจาก HR กับ GPS แล้วยังต่อทั้ง speed and cadence sensor (แบบแพ็ครวม) และ power meter ด้วย
Garmin 500
Garmin 810
ในเมื่อเค้าว่ากันว่าระบบแบบคาดอกมันแม่นยำแน่นอน ขอให้คิดว่าผลจาก Garmin 810 นั้นถูกต้องนะครับ ส่วนผลจาก Garmin 500 นั่นให้ดูว่ามันแกว่งผิดจากค่าจริงไปเท่าไหร่บ้าง จากที่ผมดูคร่าวๆ คือมันแกว่งแรงกว่าค่าจริงเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้มีผลต่างกันมากนักครับ
ในกราฟจะเห็นว่า HR ของ vivosmart HR หายไปสองช่วงครับ ช่วงแรกที่ประมาณ 10 นาที อันนั้นรถติดไฟแดงอยู่ ผมไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่สัญญาณมันหายไปครับ ตอบไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร
อีกช่วงนึงคือแถวๆ 1 ชั่วโมงครับ เห็นกราฟหายไปสองจังหวะ ตอนนั้นผมหนีร้อนเข้าไป
ตากแอร์ซื้อน้ำดื่มใน 7-11 ครับ คิดว่าคงเดินไปเดินมาแล้วสัญญาณหายไป คือผมทิ้ง 500, 810 ไว้กับจักรยาน แต่พก HRM ทั้งคู่เข้าร้านไปด้วย (แต่ตัวคาดอกสัญญาณไม่ยักหลุดแฮะ)ผลทดสอบวันนี้ผมถือว่าโอเคมากครับ พอใจเลย ไม่เจอเคสที่ว่าเพี้ยนแบบตัวคูณที่ผมเคยเจอกับ HRM แบบแสงยี่ห้ออื่น (ว่ากันตรงๆ ก็ Mio Link) (เช่น HR ผม 180 แต่มันรายงานว่า 90) เลยครับ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่วันนี้ผมใส่มันไว้ใต้ปลอกแขนหรือเปล่า (มีตัวช่วยกดแนบเนื้อ+มีตัวช่วยบังแสงรบกวนภายนอก)
ผมใช้ Jawbone UP3 เป็นไม่กี่ตัวในปัจจุบัน ที่ใช้ Electric Pulse heart rate monitor มีขั้วไฟฟ้า 4 อัน แบนด์จะทำงานได้ ขั้วไฟฟ้าต้องแตะอย่างน้อย 3 อัน จึงไม่จำเป็นต้องใส่แน่นก็ได้ ขอแค่ 3 อันแตะก็พอแล้ว
ขัดใจอยู่นิดเดียว
1. ไม่มีจอ ต้องเปิดแอพ UP ดูในมือถือ
2. วัดเมื่อมันอยากวัด ทุกหลายๆนาที สั่งบังคับวัดและแสดงผล real time ยังไม่ได้เลย ฟีเจอร์เบสิคแบบนี้ไม่รู้ทำไมไม่ทำ ถ้าเขาแก้ข้อนี้ ผมก็ไม่สนตัวอื่นละครับ
เวลาโชว์ชื่อคนโทรเข้าแสดงเป็นภาษาไทยได้ไม๊ครับ
ถ้าใช้มันเดี่ยวๆ ไม่ได้ร่วมกับมือถือ ใช้ทำอะไรได้บ้างครับนอกจากนับก้าว, วัดอัตราการเต้นหัวใจ
ภาษาไทยได้ครับ
เฉพาะที่ซื้อในไทยนะครับ fw เป็นคนละตัวกับทีขายนอกประเทศ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ข้อจำกัดของผมเวลาใส่ Activity Tracker คือเวลาเล่นเวทแล้วใส่ถุงมือ
ช่อง Youtube ของผมครับ รีวิวและชวนคุยนู่นนี่
ทำเหมือนยุค nike fuelband รัดข้อเท้าแทน
ตอนแรกอ่านแล้วเข้าใจว่าเป็น Wizard หรืออะไรเหล่านั้น -"-
^
^
that's just my two cents.
ใช้ตัวนี้อยู่เหมือนกันครับ
เรื่อง optical sensor นี้ดูเหมือนจะเป็นปัญหาอย่างมาก หลาย ๆ ครั้ง มันไม่แม่นเอาเสียเลย
ผมออกำลังกาย จับด้วยมือ น่าจะอยู่ราว ๆ 130 bpm ได้ แต่บางครั้งเซนเซอร์ชอบลงไปวัดได้ที่ 43 บ้าง (แข็งแรงสุด ๆ) 50 บ้าง
แต่ถามว่าพอใจมั้ย ก็คิดว่าพอใจมากครับ ไม่ต้องคาด chest strap อยู่ตลอดเวลา
การคำนวนแคลรอรี่ ในบางครั้งผมว่ามันเว่อร์ไปพอสมควร หากวันไหนผมปั่นจักรยาน มันจะตีว่าวันนั้นผมเผาไปประมาณ 6000 - 7000 ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ (ขี่วันละ 2 ชั่วโมง ใช้ EDGE 510 วัด + chest strap อยู่ราว ๆ 1500 - 1700 Kcal)
อ่อ แล้วปัญหาที่น่ารำคาญมากอีกอย่างหนึ่งคือ notification ชอบมาสองอันติดครับ ไม่รู้ใครเจอบ้างหรือเปล่า
เคยเจอกับ Mio Link ครับแบบนานๆ ที มักจะเจอแบบหารครึ่ง สายคาดอกวัดได้ 170 ตัววัดข้อมือได้ 85 อะไรแบบนี้ครับ แต่ตัวในข่าวนี้ยังไม่ได้ไปออกกำลังกายต่อเนื่องนานๆ เลยยังไม่เจอ
มันคงประเมินจากว่าวิ่งอยู่มั้งครับ หัวใจเท่าๆ กันนี้ผมว่าวิ่งน่าจะเผาเยอะกว่า (เดาล้วนๆ)
ผมไม่เจอครับ ลองอยู่สองตัวสีน้ำเงินกับดำ ฝั่งโทรศัพท์เป็น Windows 10 Mobile
จากที่ผมลองนะครับ วิ่งก็เผาพอๆกับปั่นครับ ถ้าหัวใจอยู่โซนเดียวกัน (วัดจาก Garmin Connect , Strava , Endomondo)