Engadget รายงานข่าวโดยอ้างอิงรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ South China Morning Post (SCMP) และ BBC ว่าทาง Foxconn ได้ปลดคนงานร่วม 6 หมื่นคน และใช้หุ่นยนต์เข้ามาทำงานแทน
เรื่องดังกล่าวนี้ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ของเมือง Kunshan ที่ยืนยันกับทาง SCMP เองว่ามีการใช้หุ่นยนต์ในโรงงาน ทำให้พนักงานจาก 1.1 แสนคน เหลือเพียง 5 หมื่นคนเท่านั้น ซึ่งทาง Foxconn ก็ยืนยันเรื่องนี้กับ BBC แต่ก็ปฏิเสธว่าการนำหุ่นยนต์เข้ามา ไม่ได้แปลว่างานสำหรับมนุษย์จะมีน้อยลง ทว่าเอาเข้ามาแทนที่ในงานที่ซ้ำซากซึ่งแต่เดิมเคยทำด้วยมนุษย์นั่นเอง
ทั้งนี้ Engadget อ้างรายงานของ SCMP ว่าบริษัทในไต้หวันจำนวนกว่า 35 บริษัท (รวม Foxconn) ใช้เงินลงทุนในด้านการพัฒนาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์มากถึง 4 พันล้านหยวน (ประมาณ 609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และโรงงานอื่นๆ ในเมือง Kushan ก็เตรียมใช้แนวทางเดียวกับ Foxconn แล้ว
Comments
เตรียมตกงานกัน 555
ทำงานด้วยหุ่นยนต์ แม่นยำ คุณภาพดี ไม่ต้องสอนนาน ไม่บ่น ไม่เครียด ทำงานได้ 24 ชม และ ไม่ฆ่าตัวตาย
ไม่ตั้งสหภาพ ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องกินอาหาร ไม่มีปัญหาเรื่องลักขโมย เขม่นกัน ชู้สาว etc. ด้วยครับ
ไม่มาตบกันหน้าโรงงานด้วย
สวรรค์ของผู้บริหารเลย
Smart Factory
Get ready to work from now on.
ไม่โดนร้องเรียน ใช้แรงงานโหด ... สม
จ้างแค่ Engineer มาเฝ้ามาซัพพอร์ต.... แจ่มครับ
แม่นยำ ไม่หลุด QC ไม่บ่น ไม่ประท้วง ไม่เครียด ไม่ต้องจ่าย OT วางแผนการผลิตได้ง่าย...
คนไทยรับจ้างผลิตเตรียมตกงานในอนาคต
ไม่ต้องรบกันเรื่องรัฐบาล ต่อไปรบกับ AI แทน
นี่เป็นเหตุผลที่เราไม่ต้องมีประชากรวัยแรงงานเยอะอีกต่อไป
เพราะเด๋วโรงงานที่ใช้แรงงานขนาดหนักก็ถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนหมดละ
ส่วนคนก็ออกไปขับ taxi หรือขี่มอเตอร์ไซค์วินแทน
ไม่นานหลังจากนั้น
โดน รถtaxi ขับอัตโนมัติ มาแย่งงานต่ออีก
แต่ถ้าผิดก็ lot ใหญ่เลยหรือเปล่าครับ ถ้าใช้คนอาจจะยังทักท้วงบ้าง :D
น่าคิด
คงเพิ่มคน (ให้สอนหุ่นยนต์ทำ machine learning) ดู QC แทนล่ะมั้งครับ
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
อยู่ที่ออกแบบการผลิตครับ การ QC ไม่ได้ทำเฉพาะตอนเป็นชิ้นงานสุดท้าย แต่สามารถทำได้ตลอดเวลาทุกจุด ขึ้นกับการออกแบบ ถ้ากระบวนการผิดพลาดปกติจะเจอก่อนจะเสร็จเป็น lot ใหญ่ ยกเว้นเป็นจุดที่เจอยากมากๆ ซึ่งปกติแบบนั้นถึงทำด้วยคนก็ไม่ค่อยเจอเหมือนกันครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
มันก็ต้องมีกระบวนการเทสการผลิตก่อนผลิตจริงอยู่แล้วนี่ครับ
ใช้หุ่นตรวจ QC
ถ้าผิดก็ยกชุดเลย แต่การทำ QC ทำได้ทุกจุด ไม่จำเป็นต้องทำตอนสุดท้ายอย่างเดียวครับ
ถ้าเป็นการวางชิปแล้วบัดกรีบนตัวบอร์ด อันนี้ไม่ต้องห่วงครับ เพราะเครื่อง CNC มันจะตรวจจับแล้วดูดชิ้นนั้นออกไปเลย เร็วมาก แม่นกว่าคนเยอะ
แบบนี้ค่าแรงถูกในจีนจะส่งผลน้อยลงหรือเปล่าครับ เอาหุ่นยนต์ไปตั้งโรงงานที่ประเทศอื่นก็ได้อะไรแบบนี้
ต่อไปค่าไฟ + ค่าจ้างวิศวกรประเทศไหนถูก กฎเกณฑ์ทางการสนับสนุนดี ไปประเทศนั้นเลยครับ
แต่ก็ลดค่าขนส่งสินค้าไปใด้นะ ...
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ต่อไปก็ สร้างโรงงานบนเรือพลังงานนิวเคลียร์ ผลิตสินค้าด้วยหุ่นยนต์
ส่งออกจากน่านน้ำสากล ไม่ต้องเสียภาษีให้ใคร .... อึ๋ย
เรือต้องจดทะเบียนครับ
คงต้องเน้นการวิจัยและผลิตหุ่นยนต์ ให้ราคาถูกกว่าประเทศอื่นมังครับ
แก้ปัญหาเรื่อง ภาพหลุด
เริ่มใช้เป็นกำลังผลิตหลักแล้วสินะ หลังเริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่ 2012
ต่อไป iPhone จะถูกลง
ซะที่ไหน
Destination host unreachable!!!
ต่อไปกำไรจะเพิ่มขึ้น
ใช่เลย!
ก็ไม่ถูกลงนั่นแหละ เพราะใช้หุ่นยนต์มาตั้งแต่ 2014 แล้ว :)
ผมมองว่านี่เป็นสัญญาณที่คนตกงานทั่วโลก
เมื่อตกงาน และหางานทำไม่ได้ หากโรงงานทุกโรงงานที่มาตั้งในประเทศนั้นๆ ใช้เครื่องจักรในการผลิตทั้งหมด แน่นอนว่าคนที่ตกงานก็คือ พนักงานฝ่ายผลิต ซึ่งเป็นพนักงานส่วนใหญ่ของโรงงาน ต่อไปก็จะเหลือเพียงไม่กี่ตำแหน่งที่ใช้คนทำอยู่ (พวกที่ต้องวางแผน ออกแบบ ใช้สมอง) ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างล่ะ?
ก็อาจจะเกิดอาชญากรรม ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ให้เห็นกันมากขึ้น ซึ่งเป็นภัยสังคมหนึ่งจากสาเหตุของการตกงานแล้วหางานใหม่ไม่ได้
ต่อไปหากมีบริษัทไหนที่เสนอขอตั้งโรงงานในประเทศใดๆ แล้วให้เหตุผลหนึ่งว่า สร้างงาน สร้างอาชีพให้แก่คนในพื้นที่และประเทศได้ แล้วกลับใช้เครื่องจักรผลิตกันทั้งหมด ก็เท่ากับโกหก และเตรียมตัวได้เลย ที่จะโดนบริษัทนั้นๆ หากินกับทรัพยากรในประเทศ โดยที่แทบจะไม่สร้างประโยชน์ให้กับคนในประเทศในแง่เกี่ยวกับการสร้างงานสร้างอาชีพนี้เลย
แถมการใช้เครื่องจักรก็ต้องมีการซ่อมบำรุง หากเสียก็มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแต่ละครั้งก็ไม่ใช่น้อยๆ ดังนั้น ต้นทุนสินค้าอาจจะเท่าเดิม หรือมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เรื่องปัญหาต่างๆ ที่ตามมาตรงนี้ไม่ขอพูดถึงแล้วกันนะครับ แต่ในเรื่องของการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมผมว่าตอนนี้โลกเราน่าจะมีองค์ความรู้ด้านนี้มากพอสมควรแล้วในช่วงที่ผ่านมา การควบคุมต้นทุนคงทำได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากๆ แล้วล่ะมั้งครับ
จ้างคนทำมันถูกกว่าจริง แต่มีต้นทุนที่มองไม่เห็นเยอะครับ
ลาป่วย ลาคลอด(คนโรงงานลาคลอดบ่อยนะครับ)
ที่ร้ายสุดคือลาออก คนมาใหม่ก็ต้องมาเทรนใหม่ ระหว่างนั้นผลผลิตก็ร่วง. คนเก่าทำได้ 10 คนใหม่ 2 อะไรแบบเนี้ย
งานบางอย่างต้องการความแม่นยำ ถ้าคนทำผิดก็ผลิตใหม่ เสียวัตถุดิบ แต่เครื่องจักร ถ้า set ถูกก็ไม่น่าจะผิด
เอาคนไปทำงานที่เครื่องจักรทำไม่ได้แทนครับ อะไรที่มันซ้ำ ๆ ก็ใช้เครื่องจักรไป
นึกถึงเรื่องชาร์ลีกับโรงงานช๊อกโกแลตเลย
สุดท้ายคนก็ไปรับหน้าที่ดูแลเครื่องจักรที่มาแทนตัวเอง
ถึงเวลานั้นคนจะไปอยู่ตรงจุดไหน ผมว่าตอนนั้นเงินคงไม่มีความสำคัญไปด้วย แต่จะเป็นอาหารที่มีความสำคัญ