หลังจากแถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนสำหรับ Swatch Touch Zero Two (TZT) ได้ไม่นาน ทาง Swatch ประเทศไทยได้เริ่มจำหน่ายนาฬิการุ่นดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้วตามร้าน Swatch ที่มีอยู่ในห้างใหญ่ๆ ในบ้านเรา
เมื่อวานผมมีโอกาสได้เจอและลองเล่น เทียบกับ Swatch Touch Zero One รุ่นแรกอยู่พักหนึ่ง เลยขออนุญาตถ่ายทอดออกมาเป็นพรีวิวลองเล่นสั้นๆ สำหรับผู้อ่านที่สนใจครับ ข้อมูลเบื้องต้นคือ ราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 4,650 บาท วางจำหน่ายคู่ไปกับรุ่นแรก และมาครบทุกสีครับ (รุ่นแรกกว่าจะมาที่ไทยใช้เวลานานกว่านี้มาก มารุ่นนี้หลังแถลงข่าวเพียงแป๊ปเดียวเท่านั้น)
แม้รูปร่างภายนอกจะยังคงเดิม แต่สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับ TZT คือตัวอักษรบนหน้าจอที่อ่านง่ายขึ้นกว่าเดิม และมีการเล่นสีสันตัดกันมากขึ้น จากเดิมที่จะเป็นสีเดี่ยวๆ หรือไม่ก็กลืนไปกับตัวเครื่อง ส่วนสายยังคงแนวทางเดิมคือไม่เป็นซิลิโคน ก็เป็นสายผ้า ซึ่งให้ความเบา และยังเหมาะสมกับการใส่เพื่อออกกำลังกาย (เป็นแนวเฉพาะทางตั้งแต่รุ่นแรก)
นอกจากความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของตัวเลขและตัวอักษรที่แสดงบนหน้าจอแล้ว ยังมีเรื่องของการปรับเปลี่ยน UI/UX อีกนิดหน่อย กล่าวคือแต่เดิมการเข้าถึงคุณสมบัติต่างๆ ต้องมีการกดปุ่มตรงกลางค้างเพื่อเรียกใช้งาน แต่ในกรณีของ TZT ใช้วิธีการสัมผัสแล้วลากไปมาได้ทันที อันนี้ถือว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนคุณสมบัติต่างๆ ยังคล้ายของเดิมไม่เปลี่ยนมากนัก ยกเว้นก็แต่เรื่องของตัวแอพที่เน้นเชื่อมต่อกับเพื่อนๆ มากขึ้น และการเพิ่มหน่วยเวลาของ Swatch ที่เรียกว่า .beat เข้ามา
ด้านหลังยังเหมือนเดิมทุกประการ ใช้ถ่านกระดุมสำหรับนาฬิกาแบบ CR1632 เช่นเดิม
ในเรื่องของการวางจำหน่าย ครั้งนี้ Swatch นำเอาทุกรุ่นทุกสีมาวางจำหน่ายพร้อมกันหมด และวางจำหน่ายคู่ขนานไปกับรุ่นแรกก่อนในตอนนี้ด้วยราคาที่เท่ากัน โดยในรุ่นสีฟ้า Electrozero (สายผ้า) และ Veraozero (สายซิลิโคน) จะเป็นสายที่ออกแบบมาสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปีนี้โดยเฉพาะครับ
ข้อสรุปเบื้องต้นสั้นๆ สำหรับคนที่มี Touch Zero รุ่นแรกอยู่แล้ว คงเป็นว่าตัวนี้ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อ เพราะคุณสมบัติไม่หนีห่างกันมาก ยกเว้นตัวเลขบนหน้าจอที่อ่านได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และสีสันที่ดีกว่าเดิมเท่านั้น ส่วนคนที่ยังไม่เคยมีและคิดอยากจะมี Touch Zero Two ถือว่าปรับปรุงได้ดีขึ้นจากรุ่นแรก และมีความน่าซื้อกว่าเดิม รวมถึงไม่เน้นความเฉพาะทางในด้านกีฬามากเท่าของเดิม (ตัวรุ่นแรกเน้นที่กีฬาวอลเลย์บอลชายหาด)
อย่างไรก็ตาม Touch Zero ทั้งสองรุ่นยังไม่สามารถส่งต่อการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนขึ้นมานาฬิกาของเราได้เช่นเดิม ดังนั้นคนที่อาจจะอยากซื้อ Touch Zero ไม่ว่าจะรุ่นแรกหรือรุ่นสอง อาจจะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนสักนิดในกรณีนี้ครับ
Comments
ไม่สวยเลย
อยากได้สายโลหะ
เหมือนนาฬิกาเด็ก
มันดูทึบๆ มืดๆ เกินไป มองยากมากครับ readability เทียบกับ LCD ตัวดำๆ พื้นสีอ่อนธรรมดาๆ นี่ยังไม่ได้เลย
แจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนขึ้นมาโทรศัพท์ ?
คำเดียวสั้นๆ...มันถูกออกแบบได้ห่วยมาก
อ่านจนจบก็ยังไม่รู้ว่ามันอัจฉริยะยังไง ต้องกลับไปอ่านข่าวเก่าของข่าวเก่า หรือนาฬิกาอัจฉริยะมันเหมือนๆ กันหมด
เรื่องของข่าวเก่า เจตนาก็ให้เป็นเช่นนั้นครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
พูดตรงๆ ตอนนี้ SWATCH กำลังทำตัวเหมือน NOKIA
การปรับตัวอย่างเชื่องช้า ไม่ยี่หระต่อการเข้ามาของ Smart Watch บวกกับความทะนงตน จะทำให้ SWATCH มีปัญหาในอนาคตอันใกล้ (หรือไม่ต้องใกล้ล่ะ ตอนนี้หุ้นก็ตกฮวบๆอยู่แล้ว)
ถ้าผมเป็น SWATCH ก็คงจะอ้าแขนเจรจากับ Android ตั้งแต่แรก รีบเป็นพันธมิตร แล้วผลิต Android Wear ออกมา (แต่ตอนนี้ TAG ตัดหน้าเจรจาไปก่อนเสียแล้ว)
ในทางเทคนิคแล้ว SWATCH น่าจะเป็นบริษัทนาฬิกาสวิส ลำดับต้นๆที่สามารถทำ Smart Watch ออกมาได้ก่อนและทำได้ดีกว่าใครๆ เพราะถ้าเป็นนาฬิกา Quatz ที่ไม่ใช่นาฬิกากลไก SWATCH มีประสบการณ์และเทคโนโลยีมากมายอยู่แล้วในกลุ่มนาฬิกาสวิสด้วยกัน และในกลุ่ม SWATCH เองก็มีบริษัทในเครือที่ทำได้ครบถ้วนทุกอย่าง ตั้งแต่ ตัว Quartz, แผงวงจร, ตัวเรือน, หน้าปัด, หน้าจอ Touch screen, จนถึงสาย ผลิตได้เองหมด ขาดก็แต่ Software
ถ้าบวก Software ของ Android เข้ามาล่ะก็ การพัฒนาก็คงไม่ยาก
แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็น Smart Watch เค้าออกตัวกันไปหลายช่วงตัวแล้ว แต่ SWATCH ออกมาตัวที่สอง ยังมีคนสงสัยอยู่เลยว่านี่เรียก Smart แล้วเหรอ