ต่อประเด็นจากข่าว ถึงเวลาเปลี่ยนมือ บ. King I.T. ยุติการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ TP-LINK ล่าสุดมีประกาศจาก บริษัท ทีพี-ลิงค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด บนเพจของตน ในเนื้อความเดียวกันว่าบริษัท คิงส์ อินเทลลิเจ้นท์ เทคโนโลยี จำกัด มีการทำผิดเงื่อนไขทางธุรกิจเป็นเวลานาน จึงเป็นหตุให้ถอดสิทธิ์การจำหน่ายสินค้าของตน และจะชี้แจงรายละเอียดภายหลัง
และให้ Synnex และ STrek ดิสทริบิวเตอร์อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ดูแลการจำหน่ายและการบริการหลังการขายต่อไปครับ
ที่มา - TP-Link Facebook Page
Comments
มีเงื่อนงำ
ก็แปลกใจอยู่
เข้าเวบ K ไปจะหาข้อมูล TPlink ก็เจอแต่รีวิวยี่ห้ออื่น ไม่มี TPlink
งานนี้ ใครผิดกันแน่นะ
ผมว่าอาจจะผิดๆกันทั้งคู่นะ TP-link คงไม่อยากให้โฆษณาชวนเชื่อโจมตีประกันของคู่ค้ารายอื่นแบบนั้น แต่ King ก็โดนมาก่อนเรื่องที่ทำสัญญาไว้ว่าจะเป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียว
TP-link คงอยากรุกตลาดไทยถึงขนาดลงทุนมาเปิดเอง แต่พอหาคู่ค้าได้เพิ่มก็โดน king ขัดๆ ก็เลยมีปัญหากัน
ปล.อันนี้ผมเดาล้วนๆใครมีความเห็นแบบอื่นเสริมได้นะครับ
TP-Link อยากขายได้เยอะๆ เลยมาหาคู่ค้าเพิ่ม จะได้เกิดการแข่งขัน เยอะๆ แต่ King ได้เปรียบโฆษณาประกันเทพ ดูจะเป็นการเอาเปรียบคู่ค้าอื่นๆ เลย แบน King
King อยากขายคนเดียว รวยคนเดียว ผู้บริโภคได้ประโยชน์ จาก ประกันเทพ แต่เจอ TP-link ขัดขา เลย เลิกขาย มันซะเลย จบ ข่าว ฮ่าๆ
เดาล้วนๆ จริงมันคนเป็นผลประโยชน์ทางธุรกิจไม่ลงตัว ก็แยกทางกัน
ชอบตรงที่ให้ยืมอุปกรณ์ wifi ไปลอง test ก่อนซื้อจริง ไม่มีเจ้าไหนทำบ้างเลย
แม้รุ่นที่เครมพ้นไลน์การผลิตไปแล้ว ทางคิงก็หารุ่นใหม่เทียบเท่ามาให้ได้ใช้ต่อ จนบางครั้งเกิดความเกรงใจเพราะอุปกรณ์บางตัวเราก้ใช้จนคุ้ม ซื้อใหม่ไปเลยดีกว่า
ซื้อยี่ห้อนี้เพราะมี LT นี่ล่ะ
สินค้ามีจุดเด่นที่บริการและการรับประกัน ทำลายจุดเด่นตัวเองทิ้งเพื่อเพิ่ม distributor บ้าไปแล้วบริษัทนี้
+1 พอเค้าทำตลาดจนติดแล้วคงเริ่มเห็นว่าทำเองขายเองได้ เลยจะมาทำเอง ก็ขอให้ TPLink ออกมาให้บอกให้ชัดเจนว่าเค้าผิดอะไร ถ้าฟังไม่ขึ้นเราก็คง ขาดกัน
จุดแตกหัก น่าจะเป็น LTW นั่นแหละ
King ทำโปรนี้ ประเด็นคือ ใครจ่าย?? ถ้า King จ่ายเองไม่น่าจะมีปัญหา
แต่มีปัญหาแบบนี้ King น่าจะไปเคลม TP-Link อีกต่อทอด
ซึ่ง TP-Link ไม่อยากแบกภาระ LTW แบบนี้อีกต่อไป
ก็เลยเอวังเช่นนี้แล...
TP-Link ไม่ได้แจ้งว่าให้เคลมแบบนี้ แจ้งเองแล้วมาขอเคลม TP-Link ก็ไม่น่าให้นะครับ
ถ้าสัญญามันเอื้อให้ทาง King แบบนี้จริงๆ ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ทาง TP-LInk เสียเปรียบมากๆ ครับ แต่ผมคิดว่า TP-LInk ไม่น่าจะปล่อยผ่านมาได้นะ
เอาจริงๆตอนแรกให้ฟระกัน Lifetime เพื่อดึงลูกค้า ตอนหลังให้ยกเลิกก็ไม่ไหวนะครับ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
เห็น TP ออกมาแจ้งว่าสาเหตุคือ นำสินค้าคู่แข่งมาขายโดยไม่บอกก่อน (แต่ถึงบอกก็คงโดนปฎิเสธไม่ให้ขายอยู่ดี :p )
ว่าแต่ Synnex กับ STrek ไม่ขายของยี่ห้ออื่นเลยเหรอ?
อ๋อ พออ่านอีกทีเข้าใจล่ะ
KI -> ตัวเป็นแทนรายเดียว เลยมีข้อตกลงว่าห้ามขายของคู่แข่ง แต่ KI ดันแอบขายของคู่แข่ง
TP -> เห็นว่าจำนวนที่ขายได้ไม่เป็นไปตามข้อตกลง (เพราะ KI ขายยี่ห้ออื่นด้วย) เลยเพิ่มตัวแทนขาย (ตามข้อตกลง) และแจ้งให้ KI ทราบ
KI -> งอน เลิกขาย
TP -> ประกาศถอน KI
มันมีมากกว่านั้นนะ ไม่ใช่แค่ตั้งตัวแทนเพิ่ม พี่แกบีบด้วยอย่างอื่นอีก ทั้งบีบเรื่องราคาและอื่นๆ
แล้วเวลาผู้ผลิตมาทำตลาดเองเป็นอย่างนี้ประจำ คือต้องการคู่ค้าเยอะๆแข่งกันทำยอดไม่ต้องการตัวแทนแบบ EX
แต่ TP-LINK ไม่เข้าใจว่าแบรนด์ตัวเองอยู่เกรดไหน ผู้บริโภคต้องการอะไร เขาไม่สนหรอกครับเพิ่ม คู่ค้าแต่ยอดไม่เพิ่มเดี๋ยวแทบจะไปกราบเรียกกันมา
ไปอ่านในเพจ TP-LINK คนโพสถามอย่างนึงคนตอบๆอีกอย่างเจริญล่ะ
อืม ผมว่าตรงนี้อาจจะต้องให้ความเป็นธรรมกับ TP หน่อยนะครับ ถ้าเกิดเขายังเดินแผนธุรกิจแบบเดิม และมีตัวแทนขายเจ้าเดียวแล้วรายได้ลดลงเรื่อยๆ จะให้เขาทำยังไงต่อล่ะครับ เขาไม่ควรจะหาแผน B เลยเหรอ ควรจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบเดิมเรื่อยๆเหรอครับ?
หาก KI เลิกขายของ TP แล้วเขาก็ยังอยู่ได้ แบบนี้ KI จะยังสนยอดขาย TP อยู่เหรอครับ?
ส่วนเจ้าหน้าที่ตอบเฟสบุคนี่ ผมเห็นนานๆมี Robot ที่ตอบได้ดีซะทีนะครับ ยิ่ง Robot ใน pantip ยิ่งไม่ค่อยหวังเลยครับ
จากสถานการณ์ที่ประเมินผมว่าเรื่องรายได้ไม่น่าจะลดลงหรอก น่าจะกลับกันเสียมากกว่าเพราะ King นี่แหละที่เป็นตัวผลักดันให้ TP ติดตลาดขนาดนี้ แต่น่าจะเป็น TP เองที่อยากได้รายได้ที่มากกว่าเดิมเลยลงมาทำตลาดเอง ตรงนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะว่ายี่ห้อนี้ขายได้มากน้อยขนาดไหนในไทยเมื่อเทียบกับตลาดทั้งหมดของ TP ถึงขนาดจะสามารถสั่นคลอนได้อย่างที่คุณกังวล แต่สุดท้ายใครได้ใครเสียจากเหตุการณ์นี้ก็คงมีแต่วงในที่รู้ครับ
ผมก็ไม่รู้ยอดขายของเขานะครับ แต่ต่อให้รายได้ไม่ลด แต่ถ้าคุณทำธุระกิจแล้วอยากได้เงินเพิ่มต้องทำไงล่ะครับ ในเมื่อตัวแทนเจ้าเดียวของคุณก็เอาของคู่แข่งมาขายแข่งกะคุณอีกต่างหาก งี้หาตัวแทนหลายๆเจ้าไม่เซพกว่าเหรอครับ
KI เขาทำผิดข้อตกลงจริง และ TP ก็อยากเพิ่มรายได้จริง ผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนิครับ
มันก็มีหลายวิธีในการทำเงินเพิ่มครับ วิธีที่กำลังทำอยู่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่หลังจากนี้รายได้จะเพิ่มหรือจะลดก็คงอยู่ที่หมากที่ทาง TP จะเดินในตาต่อไป ไว้รอดูกันครับ
ตรงนี้ TP เดินเกมผิดเลยล่ะ มองในแง่กำไรอย่างเดียว
ผมอยู่ US TP-LINK ที่นี้สู้ได้แค่เรื่องราคา แต่คนซื้อเขาต้องการความสบายใจ ผมก็ใช้นะ TP-LINK เพราะมันราคาถูก
แต่ในไทยปัจจัยในการซื้อสินค้าหลักๆของอุปกรณ์พวกนี้คือบริการหลังการขายครับ
ลองเข้าไปอ่านในเพจดูหน้าม้าของ TP-LINK ตอบสิครับ น่าสมเพชสิ้นดี แล้วแอดมินเพจมาตอบแบบไปไหนมาสามวาสองศอกอีก (ตอบไม่ตรงคำถาม) ผมเห็นหายนะมารำไรแล้ว เวลาลูกค้าบอกกันปากต่อปากน่ะน่ากลัวนะครับ
ปล.แม้แต่ที่ US ยังให้ Netgear มีเกรดดีกว่า TP-LINK แล้วบีบให้ K.I.T. ไปขาย Netgear คนแทบจะไม่สนใจ TP-LINK แล้วครับ ที่นี่เขามองว่ามีดีแค่ราคาถูกแค่นั้น ผมก็ซื้อไว้แค่พอใช้งานไม่ได้หวังอะไรมาก พังก็ซื้อยี่ห้ออื่น Powerline พี่แกก็รวนๆต้องมาคอยถอดเสียบใหม่ทุกวัน
สินค้าคุณภาพใช่ว่าจะดีมากมายแต่หยิ่งขนาดนี้ผมว่ามีดับครับ พูดในฐานะลูกค้าเลยนะ
ที่ซื้อก็เพราะมันติดโปรลดราคา 50% เจ้าอื่นไม่ลด นึกสภาพเอาก็แล้วกันครับ
ไปดูวีรกรรมพนักงาน TP-LINK ตอบลูกค้าในนี้ได้ครับ
https://www.facebook.com/tplinkenterprisesthailand/posts/1163392427045256
แหมมันน่าถีบพนักงานจริงๆนะเถียงทุกเม็ด
ถ้าสินค้าไหนมีฝ่าย support แบบเจ้านี้ผมลาขาดครับ บริษัทจะพังก็เพราะพนักงานแบบนี้นี่แหละ
เอาเป็นว่างานนี้เข้าข้าง KI ครับ ใช้กันมานาน ซื้อไปขายให้คนอื่นก็หลายตัว การทำการตลาด เค้าแข่งมาตั้งแต่ 3com,smc,d-link,link sys จนถึง net gear มาจนถึงขนาดนี้
จะว่าไป TP-Link ก็ดันเพิ่งจะ ลืมต่ออายุโดเมน เสี่ยงถูกแฮคกันทั้งยวง
ไอ้ที่พูด ที่ตอบ ที่ด่ากันนี้ มีมโนกันไปทั้งนั้นแหละครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างลูกค้า หรือคนไอทีอย่างเราๆ ไม่ได้รู้อะไรหรอกครับ
คนที่รู้ดีที่สุดก็คือ TP-Link กับ King-IT มากกว่า
ข้อเท็จจริงที่เราสามารถพิสูจน์กันได้ในตอนนี้ ก็คือ
King-IT บอกว่า TP-Link แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม
TP-Link บอกว่า King-IT ขายสินค้าคู่แข่ง
สองสิ่งนี้ คือข้อเท็จจริงที่ ใครทำก่อนคนนั้นก็ถือว่าผิด
King-IT บอกว่า TP-Link แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มต้นปี 2557
TP-Link บอกว่าแจ้งล่วงหน้าไปแล้วตอนเดือนธันวาคมปี 2557
ถ้าแบบนี้ TP-Link ตกเป็นฝ่ายผิดสัญญาครับ
หมายความว่า KI ไม่เคยขายสินค้าของเจ้าอื่นจนกระทั่งปี 57 ถึงได้เริ่มขาย งั้นเหรอครับ
ว่าแต่เห็น facebook นี้ tplink.thailand (KI เป็นคนสร้างนะครับ) มีตัวแทนจำหน่ายเพิ่มต้นปี 58 นะครับ
ในประกาศของ page KI เองก็บอกว่ามีการตั้งเพิ่มตอนปี 58 เหมือนกัน คุณเอาข้อมูลว่าตั้งปี 57 มาจากไหนครับ
และจาก page ของ KI เองเขาก็แจ้งว่า ต้นปี 58 มีการเพิ่มตัวแทนจำหน่าย
และปี 59 ได้แต่งตั้งตัวแทนขายเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย โดยครั้งนี้ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
ซึ่งตามข่าวใหม่ KI ไม่ได้ทำสัญญาต่อตั้งต่อตั้งแต่ปี 57 แปลว่าไม่ได้เป็นตัวแทนขายแล้ว
แล้วยังจะให้เขาแจ้ง KI เวลาตั้งตัวแทนขายใหม่ทำไมครับ
เอาข้อมูลมาจากเพจของ TP LiNK ครับ ถ้าผิดพลาดในส่วนของตัวเลขก็ขออภัย
https://www.facebook.com/tplinkenterprisesthailand/
แล้วเป็นทาง TP-LINK พูดเองว่าเป็นคนแจ้งไปทาง K.I.T
http://www.aripfan.com/tp-link-and-king-it/
ให้การตรงกันแบบนี้ คุณจะเถียงผมต่อไหมล่ะครับหรือคุณจะบอกว่า TP-LINK โกหก
TP-LINK พูดเองนะครับว่าแจ้งล่วงหน้าปี 57
จริงเรื่องมันมีลึกๆกว่านั้นครับไปถามพวกเซลล์ดู สิ่งที่ผมคิดว่า tP-LINK ทำไม่เหมาะสมคือถ้าตั้งเพิ่มก็ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบด้วย อันนี้มีกรณีเคลมผิดเยอะแยะ
ถ้า TP-LINK ทำแบบนี้ใน US เละแน่ๆครับ
มันก็ตรงตาม timeline ที่ผมให้นิครับ
TP แจ้งปี 57 ว่าจะเพิ่ม ตัวแทน -> ต้นปี 58 KI มาแจ้งว่า TP เพิ่มตัวแทนแล้วนะ อยากซื้ออะไรให้เลือกดูที่เป็นประกัน KI ด้วย
และตามข่าวใหม่ KI ก็เลิกต่อสัญญากับ TP แล้วตั้งแต่ปี 57 (แต่ยังขายอยู่ แต่ไม่ได้เป็นตัวแทนแล้วมั้ง)
เมื่อไม่ได้เป็นตัวแทน และปี 59 TP มีการตั้งตัวแทนใหม่ จำเป็นต้องส่งข่าวแจ้งคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนด้วยเหรอครับ
แล้วคุณเอาข้อมูลจากไหนมาว่า TP ตั้งตัวแทนตั้งแต่ปี 57 แต่นั่นช่างมันครับผมไม่ค่อยสนใจประวัติศาสตร์เรื่องนี้
ที่ผมสงสัยก็แค่ ตามนี้ครับ "หมายความว่า KI ไม่เคยขายสินค้าของเจ้าอื่นจนกระทั่งปี 57 ถึงได้เริ่มขาย งั้นเหรอครับ"
เพราะคุณมา comment ต่อในโพสที่พูดว่า
ผมเลยต้องถามเรื่องนี้ คุณนั่นแหละโพสหลุดประเด็นไป
ส่วนถ้ามีข้อมูลลึกกว่าให้ ให้เขาโพสลงเพจหรือส่งเมลแจ้ง blognone ครับ
ถ้าเป็นข้อมูลลึกลับเปิดเผยไม่ได้ ใส่ไหฝังดินไว้ครับ ผมก็ไม่ได้อยากรู้ เพราะผมตัดสินจากข้อมูลที่เผยออกมา
ขอบอกก่อนว่าผมไม่ได้บอกว่าใครโกหกใคร หรือใครเลวใครชั่วยังไง
ผมมองว่ามันเป็นแค่เงื่อนไขทางธุรกิจที่ไปกันไม่ได้ครับ อนาคตถ้ามีเงื่อนไขใหม่เขาก็อาจจะมาจับมือกันอีก
แต่ตอนนี้คือมีคนรุมกระทืบ TP ซะงั้น ผมยังงงเลย แล้ว TP ผิดอะไรหว่า
ที่ผ่านมา KIT นำเข้า TP-LINK มาขาย และให้การบริการการรับประกันที่ดีมาก ๆ มาโดยตลอด นับว่าเป็นคนปั้นแบรนด์นี้ให้เป็นที่นิยมในไทยได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของทาง KIT เองในการชูจุดขายในเรื่องของการรับประกันและบริการ (TP-LINK จีน ขายให้ KIT โดยรับประกันเพียง 26 เดือนเท่านั้น ที่เหลือ KIT รับเองหมด) ดำเนินการผ่านมาด้วยดีอยู่หลายปี อยู่ดี ๆ บริษัทแม่เข้ามา ปัญหาก็เริ่มเกิด มีการตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่ม โดยไม่สามารถให้การบริการในแบบที่ KIT ทำ ได้ และเกิดความขัดแย้งกัน เพราะลูกค้าเกิดความสับสน ซื้อจากคนละตัวแทนแล้วได้ประกันไม่เหมือนกัน โดยที่ KIT ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังคงให้การรับประกันเหมือนเดิม ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะให้มองว่าใครกันหล่ะที่เป็นตัวปัญหาในความสับสนนี้ คนที่ทำมานานแล้วเป็น 10 ปี หรือคนที่เพิ่งเข้ามาทำ ?
แล้วคุณไม่เอะใจบ้างหรือว่า KIT ขายแบรนด์อื่นมานานแล้วทำไม ทาง TP-LINK เพิ่งมาประกาศถอด หลังจาก KIT ประกาศเลิกขาย ทำไมเขาไม่ถอดตั้งแต่วันแรก ๆ ที่ KIT มีการขายแบรนด์อื่น ? มันแสดงให้เห็นว่า ประเด็นเรื่องการขายแบรนด์อื่นไม่ใช่ประเด็นหลักในความขัดแย้งนี้ แต่เป็นนโยบายการบริการที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้มากกว่าครับ
ใช่ครับ คุณพูดถูกต้องเลย
แต่ TP พูดแบบนี้ไม่ได้หรอก เขาเลยเล่นเรื่องที่เล่นได้ :p
และมันก็เล่นได้จริงครับ
อย่างที่ผมบอกแหละครับ เงื่อนไขทางธุรกิจมันไม่ลงตัวกัน ก็เลิกลากันไป
อ้าว แล้ว TP ผิดอะไร
ถ้าจากคอมเมนต์ 928905 คือเรื่องจริง ก็อาจจะไม่ได้ผิดอะไร แต่เรียกว่าน่าเกลียดครับ
ลอจิกน่าจะเป็นแบบนี้ (ผมเดาเอานะครับ)
1. KI ได้เป็นตัวแทนขายเพียงผู้เดียว พ่วงประกันเทพ
2. KI ขายของคู่แข่งร่วมด้วย
3. TP รู้ว่า KI ขายของคู่แข่ง แต่ TP จะ Task Action ก็ต่อเมื่อ
3.1 ยอดขายตก
3.2 ต้องการยอดขายเพิ่ม - ในเรื่องของยอดขายเพิ่มผมเชื่อว่าทุกองกรณ์ต้องการอย่างนั้น และมันถูกขับเคลื่อนด้วยคนในองกรณือย่างแรงกล้าเลยครับ เพราะเงินเดือนคนมันเพิ่มทุกปี โบนัสก็อยากได้
4. เมื่อเงื่อนไขข้อ 3 โดนกระตุ้น TP (น่าจะ) มีสามแนวทางให้เลือก
4.1 ขอร้องให้ KI กระตุ้นยอดขาย
4.2 ของร้องให้ KI เปิดสาขาเพิ่มสักร้อยแห่ง
4.3 เพิ่มตัวแทนขาย
ผมเดาว่า 4.1,4.2 ไม่เวิร์คเลยมาตก 4.3
5. แต่ถ้าเพิ่มตัวแทนขาย ก็ติดที่ประกันของ KI มันก็เลยต้องมาถามว่า ทำไมประกัน KI ต้องทำให้มันต่างจากประกันปกติที่ TP ใช้ด้วย
6. KI บอกมันเป็นสัญญารัดคอ ทำให้ลงมาเล่นตลาดแบบผู้ค้าหลายคนไม่ได้ ขอบาย
7. TP ก็บอก บายก็บาย
8. แล้วการที่ตลาดมีผู้ค้าหลายคน มันทำให้ผู้บริโภคเสียหายเหรอ
สรุปแล้วมันดูน่าเกลียดจริงเหรอครับ
แล้วผมมีคำถามว่า ถ้าอีก 10 ปีข้างหน้า NETGEAR อยากเพิ่มยอดขายมั่ง(ตามข้อ 4.)
เขาจะทำยังไงครับ เมื่อต้องมาเจอกับประกัน A+ ของ KI
ตอบแค่ข้อ 8. แล้วการที่ตลาดมีผู้ค้าหลายคน มันทำให้ผู้บริโภคเสียหายเหรอ ก็แล้วกันครับ ซึ่งคำตอบคุณก็น่าจะเห็นจากข้อมูลที่แชร์ๆ กันมาแล้ว โดยส่วนใหญ่การแข่งขันมักจะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปอย่างเช่นในกรณีนี้ซึ่งดูเหมือนมันจะออกมาเป็นตรงกันข้าม
คุณต้องเข้าใจก่อนว่า ความไม่พอใจของลูกค้า ลูกค้าก็ไม่ผิดนี่ครับ แล้วมันไม่ได้เกิดจากความผิดของบริษัทเสมอไป เพราะลูกค้าไม่ใช่นักกฎหมาย หรือผู้พิพากษาที่จะมาตัดสินได้ว่าใครผิด ด้วยข้อมูลที่เผยออกมาเพียงเท่านี้ และผมก็มองว่า มันไม่น่าจะมีใครกระทำความผิด เพราะถ้ามี เค้าคงฟ้องร้องกันเป็นคดีความไปแล้ว เพราะฉะนั้นคำถามที่ว่า "อ้าว แล้ว TP ผิดอะไร" จึงไม่สามารถมีใครตอบได้ และอาจจะไม่ได้มีใครผิดเลย แต่สิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้ลูกค้าคือความ "น่าเกลียด" ที่ตัวเองไม่สามารถให้บริการได้อย่าง KIT แต่ดันอยากจะเข้ามาทำธุรกิจเองด้วยนโยบายการบริการที่แย่ลง อยากให้เค้าเปลี่ยนนโยบาย ให้แย่ลงมาเท่ากับนโยบายของตัวเอง พอเค้าไม่ทำก็บีบเค้าด้วยการตั้งตัวแทนอื่น และบีบด้วยกลไกการตั้งราคา มันก็ไม่ได้ผิดกฎหมายหรอก แต่มันดู "เห็นแก่ตัว" แค่นั้นเองครับ
คุณต้องไม่ลืมว่า ความคิดเห็นที่คนเข้ามาคอมเม้นกัน มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็น คำตำหนิ ไม่ใช่การขู่ฟ้องร้อง หรือการกล่าวหาว่าทาง TP-LINK กระทำความผิด ยกตัวอย่าง ลูกค้าหลายคนกินข้าวมันไก่ร้านประจำ จานละ 30 ได้ไก่หั่น 10 ชิ้น น้ำซุปฟรีไม่อั้น กินอยู่ทุกวัน วันดีคืนดี ร้านโด่งดังขึ้นมาก ร่ำรวย เจ้าของร้านจึงขึ้นราคาเป็น 40 บาท ได้ไก่ 5 ชิ้น น้ำซุปถ้วยละ 5 บาททั้งที่ต้นทุนเท่าเดิม เจ้าของร้านเค้าก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอกครับ ก็อาจจะแค่ ลูกค้าประจำไม่พอใจ ถูกตำหนิ และโดนลูกค้าประจำหนีไปกินร้านอื่นแทน ทั้งที่พ่อค้าก็ไม่ได้ผิดอะไร (ตัวอย่างนี้ผมไม่ได้ยกมาเทียบเคียงกับกรณีที่ข้อพิพาทของ TP-LINK กับ KIT นะครับ มันไม่เหมือนกัน แค่ยกตัวอย่างว่า การถูกลูกค้าตำหนิ และลูกค้าพากันแบน เลิกเป็นลูกค้า และบอกต่อ ๆ กัน มันก็ไม่ใช่ความผิดของใคร แล้วก็ไม่ใช่ความผิดของลูกค้าด้วยครับ)