สายการบินยุโรป เตรียมจะให้บริการไวไฟความเร็วสูง ซึ่งจะใช้เครือข่ายร่วมระหว่างสัญญาณจากดาวเทียม Inmarsat PLC และและ Deutsche Telekom AG ที่ยิงสัญญาณจากภาคพื้นดิน โดยประเดิมที่สายการบิน Lufthansa
สัญญาณไวไฟบนเครื่องบินตามปกติจะต้องพึ่งพาไม่ดาวเทียมก็สัญญาณจากภาคพื้นดินอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ทาง Inmarsat PLC และ Deutsche Telekom ระบุว่า บริการไวไฟไฮบริดที่ใช้สัญญาณจากทั้งดาวเทียมและภาคพื้นดินของพวกเขาจะให้บริการที่เร็วกว่าและถูกกว่าของเดิม นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า สายการบินสามารถทำเงินเพิ่มได้ถ้าทำให้ลูกค้าพอใจในบริการไวไฟที่รวดเร็ว
ผู้ให้บริการเครือข่ายแบรนด์อื่นก็ไม่ยอมแพ้ ViaSat เองก็เตรียมให้บริการไวไฟในสายการบินยุโรปเช่นกัน โดยจะปล่อยดาวเทียมใหม่ในปีหน้า Panasonic จากที่ตอนนี้ให้เช่าดาวเทียมอยู่ก็เตรียมทำอุปกรณ์ของตัวเองให้ครอบคลุมกว่าเดิม
นอกจากนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ Routehappy ที่จัดอันดับสายการบินเผยว่า ทุกวันนี้ผู้โดยสารสายการบินในสหรัฐฯ มีถึง 75% ที่ได้ใช้บริการไวไฟบนเครื่องบิน ในขณะที่สายการบินยุโรปยังมีไม่มากที่ให้บริการ
ภาพจาก Facebook Lufthansa
ที่มา - Japan Times
Comments
ทำไม airsaia ยังให้ปิดโทรศัพท์อยู่เลย ตกลง wifi มีผลกับเครื่องบินหรือเปล่า
WiFi จากมือถือกำลังส่งไม่แรงมากครับ แต่ถ้าเป็นสัญญาณมือถือผมบอกเลยว่าโทรหรือเล่นเน็ตหลายเครื่องพร้อมกันสามารถรบกวนคลื่นได้ระดับนึงแม้จะคนละความถี่ก็ตามครับ
ถ้ามีใครบน flight นั่งคุยโทรศัพท์ ไปบอกแอร์ฯไล่ลงจากเครื่องเลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=0Gz7QLByIrg
ขอเข้าประเด็นที่คลื่น Cellular เลยนะครับ ส่วนเรื่อง WIFI on board ตอนนี้คงถือว่าใช้กันแพร่หลายไปแล้ว
อย่างที่ว่ามาว่าคลื่นความถี่ที่นักบินใช้ติดต่อกับหอฯ ระบบนำร่อง ระบบเครื่องช่วยเดินอากาศ ล้วนใช้คลื่นความถี่ในชุดที่ต่างจากโทรศัพท์มือถือระบบ GSM
เรื่องที่ว่าคลื่นอาจรบกวนระบบฯ ของเครื่องบิน เคยเป็นข้อกังวลในยุคที่ผ่านมา และวงการการบินที่ต้องลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุด อะไรที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างการใช้มือถือที่ "คาดว่าอาจจะรบกวนระบบฯ" ก็เลยต้องห้ามใช้ในช่วงที่ผ่านมา แต่เรื่องนี้องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) ก็ทำการวิจัยเพื่อพิสูจน์มาตลอดเป็นสิบๆ ฉบับว่าคลื่น cellular มันรบกวนระบบฯ ของเครื่องบินจริงหรือไม่ (ของแบบนี้ต้องวิจัยครับ คิดเอาเองไม่ได้) ผลที่ได้ก็ต่าง proof ได้ว่าแม้อุปกรณ์สื่อสารพวกนี้แม้จะมีที่บางตัวมันจะปล่อยคลื่นออกมาแรง แต่มันก็ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบต่างๆ ของเครื่องบินสมัยใหม่สำหรับมือถือระบบ GSM และในงานก็กล่าวไว้ด้วยจากประวัติศาสตร์การบินเป็นร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยมีการใช้มือถือที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางเครื่องบินเลย "แม้แต่ครั้งเดียว"
ดังนั้นเราเลยได้เห็นการผ่อนคลายกฏและความกังวลต่างๆ ในหลายประเทศ เราเริ่มได้เห็นบริการพวก AeroMobile (เอามือถือเปิดสัญญาณและเชื่อมกับ picocell GSM ที่ติดอยู่บนเครื่องบินเพื่อโทรออกได้เลย) นั่นเป็นข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติจริงแล้วว่ามันไม่กระทบจริงๆ
แต่สำหรับกฏที่ใช้มาเป็นหลายสิบๆ ปีแบบนี้ แถมเป็นกฏด้านความปลอดภัย และแต่ละประเทศก็มีกฏและหน่วยงานควบคุมของตนเอง หลายประเทศก็ต้องใช้เวลาในการศึกษา ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงบ้าง สำหรับหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านนี้ของไทยคือ กรมการบินพลเรือน (ตอนนี้เป็นสำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย) ก็ต้องร่วมพิจารณาในเรื่องนี้กับ กสทช. แต่ช่วงนี้ บพ. ก็คงหัวปั่นเรื่องแก้ปัญหา ICAO กันอยู่ ประเด็นเล็กๆ แบบนี้คงต้องหลังจากนี้ไปก่อน คาดว่าอีกซักพักก็คงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้กับสายการบินของไทยเหมือนกัน
สำหรับบนเครื่องบินทุกวันนี้ ระหว่างเครื่อง cruise คงโทรศัพท์กันไม่ได้ เพราะคลื่น GSM มันไปไม่ถึงพิกัดที่เครื่องบินบินอยู่แล้ว (นอกจากใช้ AeroMobile ที่มี picocell ติดอยู่บนเครื่องอย่างที่ว่ามา แต่ค่าบริการแบบ roaming เข้าไปก็คงสะท้านกันล่ะ) แต่ที่ทางสายการบินยังให้งดใช้ระหว่างขึ้นลงอยู่ก็เป็นไปตามกฏการบินพลเรือนของไทยที่ยังยึดตามกฏปัจจุบันอยู่ และมีเหตุผลสำคัญจริงๆ ของการงดใช้คือเพื่อให้ผู้โดยสารใส่ใจและตื่นตัวระหว่างช่วงเสี่ยงในการ take off และ landing อันเป็นประเด็นสำคัญด้านความปลอดภัย แต่คาดว่าอีกไม่นานคงมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเปิดโอกาสให้ใช้ Portable Electronic Devices (PEDs) ได้ตลอดเที่ยวบิน ได้ตามที่หลายๆ ประเทศได้มีการเปลี่ยนแปลงกฏไปแล้ว
สำหรับเรื่องนี้ผมมองว่าเราไม่อาจบอกด้วยความรู้สึกหรือตอบด้วยชุดความคิดแบบเดิมที่เราเคยรับรู้มาได้ครับ เพราะช่วงนี้ต่างประเทศเองก็อยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เพื่อให้เข้าใจได้ดีและไม่ทำให้เข้าใจผิดเพี้ยนก็คงต้องไปอ่านข้อมูลจากแหล่งต่างประเทศน่าจะได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดและจะได้อธิบายถึงเหตุผลที่ตรงไปตรงมาไม่ผิดเพี้ยนครับผม
ละเอียดมากขอบคุณมากครับ
เหตุผลเรื่องความตื่นตัวนี่ ได้ยินมานานมากกกก แต่ผมว่ามันไม่ make sense เอาซะเลย
เพราะ ผดส อ่านหนังสือก็ไม่ได้ห้าม และที่สำคัญ ผดส หลับก็ได้ ไม่ได้ห้าม
ถ้าแบบนั้น ผดส หลับ ระหว่าง take off, landing น่าจะอันตรายกว่า ผดส ที่เล่นมือถืออีก
ล่าสุดผมนั่งการบินไทยมา ตอนนี้รู้สึกว่าจะไม่มีกฏข้อบังคับแล้วนะครับ มีแค่ตอนเครื่องขึ้นกับเครื่องลงแค่นั้นเองที่ห้ามใช้มือถือ, notebook แอร์จะสั่งให้พับเก็บโต๊ะสำหรับวางอาหารตอนเครื่องขึ้นและลง ส่วนตอนบินอยู่ใช้มือถือ, notebook ได้ ผมไม่เห็นว่าแอร์จะจู้จี้อะไร แต่ก็เปิด Airplane Mode ไว้
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
รู้สึกว่า เที่ยวบินภายในประเทศของ US ส่วนมาก จะไม่ได้ประกาศให้ปิดอุปกรณ์อีเล็กทรอนิค แล้วนะครับ
ล่าสุด ผมบิน Delta จาก SIN-NRT ก็ไม่มีประกาศเหมือนกัน
แต่ตอนบินจาก FUK-BKK-SIN การบินไทย แอร์ยังมาเดินขอให้ ผดส ปิด tablet อยู่
เป็นเพราะต้องทำตามกฏของ regulator ของไทยคือ CAAT ครับ แต่สายการบินภายใต้กำกับของ FAA EASA JCAB ฯลฯ เค้าไม่ต้องปิดเครื่องแล้วครับ
Taxi & Take off: Small electronic devices ใช้ได้ แต่ต้องใช้ airplane mode
Cruise altitude: อนุญาตให้เปิด wifi ได้
Final approach & landing: Small electronic devices ใช้ได้ แต่ต้องใช้ airplane mode
ดังนั้นจะดูหนังฟังเพลงหรืออ่าน ebook นี่สายการบินอื่นๆ เกือบทั่วโลกเค้าอนุญาตหมดแล้วครับ เหลือของไทยที่ต้องหยุดใช้ครับ
ดาวเทียมนี่ผมพอนึกออกแฮะ แต่ภาคพื้นนี่จะทำไงให้ทันกันกับเครื่องบินหว่า? หรือเป็น Cellular เหมือนกัน?
บล็อกส่วนตัวที่อัพเดตตามอารมณ์และความขยัน :P
Inflight Internet ของบริษัท GoGo ของสหรัฐใช้ระบบ air-to-ground แบบนี้มานานแล้วครับ ใช้ระบบ cellular ครับ CDMA 1x EV-DO Rev. B max speed 14.7 Mbps ครับ รับสัญญาณมาแล้วก็ re-distribute เป็น wifi อีกที
http://concourse.gogoair.com/technology/gogo-atg-4-work
อุปกรณ์ filter ของภาครับมันดีกว่าเดิม