หลังเปิดตัว iPhone 7 ได้วันเดียว Belkin ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทดีไวซ์ ไม่รอช้าเปิดตัว RockStar ซึ่งเป็น dongle พอร์ต lightning สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ iPhone 7 ไปพร้อมๆ กับการฟังเพลง โดยรองรับการจ่ายกระแสไฟที่สูงสุด 12W และรองรับความละเอียดสูงสุดที่ 24-bit 48kHz
สำหรับคนที่คิดจะซื้อ iPhone 7 แล้วอยากฟังเพลงไปด้วยชาร์จไปด้วย เตรียมควักกระเป๋าตังซื้ออุปกรณ์เสริมตัวนี้ ที่สนนราคาอยู่ที่ 39.99 เหรียญ หรือประมาณ 1,400 บาท
ที่มา - Belkin
Comments
มาจนได้ มี 3.5mm + Lighning อะยัง
มาไวกว่าที่คิดมาก
แต่ก็รู้สึกแอบแพงแฮะ T_T
ไม่สดวกเหมือน 3.5mm นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถึงจะแยกเป็นกิ่งก็ตาม แต่ก็ใช้ช่องหลักเดียวกัน เหมือนชาร์ทไฟเข้าหูเลยแฮ่ะ 555+ แอบหวั่นๆ ยิ่งหากเสียบชาร์ทไฟบ้านนะ o_O!
ปกติถึงแยก port กัน ถ้าชาร์จไฟบ้านแล้วรั่วก็อันตรายอยู่ดีแหละครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ผมแปลกใจว่าเหตุใดวงจรสวิชชิ่งไม่มีขากราวด์มาให้ด้วย
/ลืมไปว่าเค้าเน้นสวยแต่ไม่เน้นปลอดภัย = =
รู้สึกว่า ที่ชาร์จมือถือของหลายๆ ยี่ห้อที่แถมมา ปลั๊กก็ไม่มีขา ground มาให้นะ ไม่ควรฟังเวลาใช้ที่ชาร์จแบบนี้อยู่แล้ว
จำได้มือถือสมัยก่อนก็ไม่มีพอร์ตหูฟัง 3.5mm หูฟังต้องเสียบพอร์ตเดียวกับสายชาร์จ
จริงด้วย รุ้สึก Sony Ericsson Walkman จะเป็นเจ้าแรกๆที่ทำตัวแปลงเป็น 3.5mm และแถมหูฟัง in-ear
จำความรู้สึกตอนใช้ SE ได้ เสียบหูฟังฟังเพลงผ่านพอร์ตของเค้าแล้วรู้สึกว่าสร้างความลำบากให้กับการใช้งานมากจริงๆ
เมื่อก่อนมี Nokia 6500C ครับ ตัดรูหูฟังแลกความบาง
ผมทันใช้อยู่ แต่ดีที่ตอนนั้นไม่มีความจำเป็นต้องใช้หูฟัง :P
Blog | Twitter
ใช่ครับ ตอนนั้น ผมใช้ 6630 N73 ไม่มีพอร์ทหูฟังเลยสักตัว ตอนนั้นก็บ่นเหมือนกัน เวลาจะกลับบ้านแล้วแบตหมดแต่ดันอยากฟังเพลง
ในวีดีโอ มีหมาเล่นสเก็ตใส่หูฟังด้วย ฮ่าา //
แรกๆอาจอึดอัด อีกหน่อยก็คงชิน
Belkin ทำยังพอไว้วางใจได้ใช่ไหม ถ้าจีนเอาไปก๊อปปี้ ไม่อยากจะคิดเลย
ผมให้เครดิตเทียบเท่าหรือหนือกว่าของแท้เลยนะครับ
ดูง่ายๆก็สายLightning ทนถึกกว่าของแท้มาก แต่ราคาเท่ากัน
สาย apple มันไม่ทนคงเพราะที่เค้าบอกมันย่อยสลายได้มั้งครับอยู่ๆไปก็ย่อยสลายก่อนเวลาซะเลย แต่ของผมจาก ipad4 ยังใช้กับ iphone ปัจจุบันอยู่นะ สภาพสายยังปกติดีแต่เปื้อนมากเอาท่อหดครอบข้อมันไว้นิดนึง
ไม่รู้เปลี่ยนวัสดุจริงหรือเปล่า แต่เปื่อยเร็วมากจริงๆ
สาย iPod รุ่นแรกๆยังอยู่ยงคงกระพันมาจนวันนี้ แต่สาย iPhone ใหม่ๆนี่ลาโลกไปแล้ว
สำหรับรถเก่าๆ และชอบฟังเพลงจาก iphone แบบผม ยังใช้ aux port 3.5 mm
ถ้าจะ upgrade ไป iphone 7 มีทางเลือกดังนี้
กรณีที่ 1 เงินไม่อั้น ไม่ต้องแคร์ให้ upgrade รถ หรือ ซื้อ console เครื่องเสียงใหม่ที่รองรับบลูทูธเพื่อฟังเพลงจาก iphone ได้อย่างสบายใจ (-.-!)
กรณีที่ 2 ซื้อ belkin นี้~ 1,400 บ. + lighting to aux ~390 = 1,790 บ (-.-")
กรณีที่ 3 ซื้อ blutooth แบบปลั๊ก 1000+ บ.
กรณีที่ 4 ใช้ iphone ตัวเก่าต่อไปจนกว่าจะแยกจากกันท่าจะดี 55
ในกล่อง iphone7 แถม lightning to 3.5mm มาให้อยู่แล้วนะครับ
ประหยัดไปได้ 390฿ 555
นั่นสิ ในกล่องแถมตัวแปลงมานะ
ยังคงไม่เข้าใจว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์อะไร จากการเอาพอร์ต 3.5mm ออก
แต่ Apple ได้ประโยชน์เต็มๆ
ถ้าตาม apple บอกคือพื้นที่เพิ่มส่วนเค้าเอาไปใส่อะไรอันนี้ไม่แน่ใจ เดาว่าพื้นที่ตรงนั้นเอาไปสั่นปุ่ม home แทนรึเปล่า ถ้าตามนั้นก็มีคนได้ประโยชน์แน่ๆครับอาจจะไม่ใช่ทุกคน ช่อง 3.5 ผมไม่ได้ใช้มาเป็นปีแล้วใช้หูฟัง BT ตลอด ผมไม่ซีเรียสเรื่องเสียงดีขนาดนั้น แล้วจริงๆถ้าสัญญาณออกมาเป็น digital ผ่าน lightning หูฟังดีๆเสียงจะดีขึ้นอีก อยากใส่ DAC เทพขนาดไหนก็ไปยัดเอาที่หูฟัง
สัญญานออกเป็น Digital ?
คุณฟังเสียงที่ออกจากหูฟังเป็น Digital หรือครับ ?
สัญญาน Digital สุดท้ายต้องผ่าน DAC เพื่อเปลี่ยนเป็น Analog วิ่งไปที่ลำโพงอยู่ดี
ถ้าในสายสัญญานไม่มี DAC (ซึ่งดูแล้วก็ไม่น่ามี) ก็แสดงว่ายังต้องพึ่ง DAC ในตัวเครื่อง แล้วจะเปลี่ยนพอร์ตไปทำไมครับ ?
ผมไม่เถียงนะเรื่อง External DAC เมื่อก่อนผมคนนึงก็ทำแบบนั้น แต่มันไม่ใช่ทุกครั้งที่เราไปไหนมาไหนแล้วอยากจะแบก External DAC ไปด้วยนะครับ ยิ่งคนเล่นพวกเครื่องเสียง แต่ละคนมีหูฟังเกิน 2 ตัวทั้งนั้น เพราะหูฟังแต่ละตัวมันออกแบบไม่เหมือนกัน ผมคนนึงคงไม่กล้าใช้ Grado 325 บนรถไฟฟ้าแน่ๆ
ของเดิมมันมีทั้ง 3.5mm ทั้ง Lightning ซึ่งผมว่ามันก็ดีอยู่แล้ว วันไหนไปไหนไกลๆไม่อยากพก DAC ก็เอาหูฟังตัวเล็กไปเสียบช่อง 3.5
วันไหนอยากจัดเต็ม(เช่นไป Meeting งานเครื่องเสียง) ก็ขน DAC ขนอะไรไปให้หมดบ้าน
กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องพก Adapter แปลงไปด้วย
ผมเลยมองไม่เห็นจริงๆว่าผู้บริโภคได้อะไรจากการเอาพอร์ต 3.5mm ออก
แต่ Apple ได้ประโยชน์เต็มๆครับ
- ขายหูฟังใหม่ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
- ขาย adapter > 3.5mm
- ลด cost ค่าพอร์ต 3.5mm
- ขาย Certificate MFI สำหรับ 3rd party ที่จะทำ adapter
DAC ในตัวเครื่อง เดี๋ยวนะ แล้วมันส่งสัญญาณผ่าน lightning ไปได้ไง ...
ไม่แน่ใจเรื่องรายละเอียดของ lightning แต่คิดว่ามันไม่น่าแปลงแล้วค่อยวิ่งไปมั้ง DAC มันไม่ใช่ต้องใหญ่เบ่อเร่อนะครับไม่ได้ทำไว้ขับลำโพงขนาดนั้นไม่งั้นในตัวเครื่องเองก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน ถ้าหูสำหรับ lightning ก็คงยัดไว้ในนั้นแหละ
ผู้ใช้ได้ประโยชน์มั้ย ก็แล้วแต่คนอย่างผมรำคาญสายเลิกใช้นานแล้ว ช่อง 3.5 มีรูไว้ให้ฝุ่นเข้าอย่างเดียวเลย ถ้ามันจะทำให้ได้ลูกเล่นปุ่มสั่นอะไรเพิ่มขึ้นผมก็ได้ประโยชน์อยู่นะ อยากได้เสียงดีก็ใช้อย่างอื่นเพราะ iPhone มันไม่ใช่คำตอบนานแล้วครับ ส่วนหูฟังประเด็นหลักๆที่คิดว่ากระทบคือของเก่ากับคนที่ชอบหูฟังบางตัวที่จะออกในอนาคตที่ไม่ได้ทำมารับ iPhone ก็เป็นข้อจำกัดแหละแต่ยังพอเปลี่ยนไปฟังอันอื่นแทนได้บ้างเพราะค่ายนี้ทำมันก็น่าจะมีคนผลิตมารับเยอะ ที่ติดจริงๆผมเห็นว่าจะเป็นคนที่ชอบเล่นเกมที่มันใช้จังหวะเพลง ไม่รู้ Bluetooth มันจะไหวไหม ผมไม่เล่นนานแล้วแต่หูฟังเก่าๆเมื่อก่อนเคยลองเห็นมัน Delay อยู่
หูฟังที่แถมมากับ i7 ก็ดูหน้าตาไม่น่ามี DAC ในตัวนะครับ ผมคิดว่ามันสั่งได้แหละ ว่าจะให้ output เป็น Analog หรือ Digital
EarPods with Lightning Connector ราคา 29$ ดูทรงแล้วถ้ามี DAC คงไม่ใช่ราคานี้แน่ๆครับ เรากำลังพูดถึง Apple นะ
เคสของคุณผมว่าคุณเฉยๆครับ ไม่ได้ไม่เสียประโยชน์ เพราะมีหรือไม่มีคุณก็ไม่ใช้ แล้วไม่ต้องซีเรียสเรื่องฝุ่นเข้า เพราะต่อให้มันพัง คุณก็ไม่ใช้จริงไหมครับ (เอาจริงๆผมก็ยังไม่เคยเห็นพอร์ต 3.5mm พังเพราะฝุ่นเข้านะครับ)
แต่คนที่ใช้มันมีไงครับ(เยอะด้วย) คนกลุ่มนี้เสียประโยชน์เต็มๆ
คือจะเอาพอร์ต 3.5mm ไว้แบบเดิมก็ได้ แต่ไม่ทำไงครับ เพราะจะขายของ ผมมองได้อย่างเดียว
ผมน่าจะได้ประโยชน์ครับ ถ้าดูจากภาพโครงสร้างที่เค้าฉายให้ดูตรงนั้นผมเห็นว่าน่าจะยัดตัวสั่นปุ่มไปแทน ก็ได้ลูกเล่นเพิ่มบ้างนิดหน่อย ไม่รู้พื้นที่แบตมันเพิ่มไหม หรือ DAC ในตัวเครื่องอาจใช้ที่มันใหญ่ขึ้นได้โดยเครื่องขนาดเท่าเดิมเพราะมีพื้นที่เพิ่ม
ก็รอดูอีกที ถ้าเอาแน่ๆว่ามันปรับอะไรเพิ่มมาแทนหรือเปล่าก็ต้องรอคนแกะ
ตัวสั่นปุ่มที่คุณบอกผมก็ยังมองไม่ออกว่ามันดียังไง - -"
มอเตอร์สั่นในเครื่องก็มีอยู่แล้ว ใช้ตัวนั้นก็ได้นะ
ถ้าเป็น Force touch ใน Macbook อันนั้นแจ่ม เพราะ laptop มันสั่นไม่ได้ แต่มือถือมันสั่นได้อยู่แล้ว แค่ทำปุ่ม home เป็น capacitive ก็จบแล้ว กดแล้วสั่น คนใช้ก็รู้แล้วว่าปุ่มถูกกด
อันนี้คือใช้ Macbook อยู่จริงใช่มั้ยครับ คือมันสั่นคนละแบบครับไม่คล้ายกันเลย เค้าจะใส่มาทำไมครับถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไร ผมไม่คิดว่าตัวนี้ต้นทุนมันจะถูกกว่ารู 3.5 ที่เค้าตัดออกไปหรอกนะ ถ้าให้เดาเค้าทำปุ่มให้ยุบไปเยอะๆแบบเดิมไม่ได้เพราะต้องกันน้ำก็ใช้ตัวนี้แก้แทนหรือมันอาจทนกว่าหรือทำมาเพราะเหมาะกับการใช้งานอะไรซักอย่างที่เค้าคิดเอาไว้
จุดประสงค์ของการสั่นคืออะไรครับ ?
คือการบอก user ว่าปุ่มถูกกดแล้ว ใช่ไหมครับ ?
ผมเข้าใจว่าแบบที่ใช้ใน Macbook ดีกว่า แต่ถามว่า สุดท้ายแล้วจุดประสงค์ของการสั่นคืออะไร
ความรู้สึก 2 อย่างนี้ไม่ได้คล้ายกันเลย ขอไม่ตอบประเด็นนี้ต่อนะถ้าจะลากไปว่ามันก็สั่นเหมือนกันอยู่แบบนี้ อารมณ์ประมาณว่าข้าวมันไก่กินอกไก่ก็อิ่มทำไมผมเสียตังสั่งเนื้อน่องทั้งๆที่บางร้านมันขายแพงกว่าอะจุดประสงค์ก็กินประทังชีวิตเหมือนกันปะ
จริงๆมันน่าจะทำมาแก้กับปุ่มที่ไม่ทำให้ยุบแบบเเดิม ส่วนทำไมต้องมีพื้นที่เครื่องเพิ่มเท่าที่ตามๆข่าวอยู่น่าจะเพราะว่าการซีลกันน้ำใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นส่วนนึง แล้วเค้าตั้งโจทย์ว่า iPhone ต้องขนาดไม่ใหญ่ขึ้นมั้ง ซึ่งในมุมของการใช้งานของผมก็เห็นด้วย ไม่ซื้อ plus เพราะไม่อยากได้เครื่องใหญ่นี่แหละ แบตไม่เคยหมดในวันอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้ว user ส่วนมากจะไปทางไหนก็ต้องรอดูกันไป แต่ผมมีความเชื่อว่าเค้าเลือกจะออก product มาคงวิจัยตลาดดีระดับนึงแล้ว
จากเรื่อง 3.5mm เรามากันได้ไกลมากครับ (ฮา)
ก็ต้องดูกันไปครับ แต่ผมเชื่อว่า 3.5mm มันเป็น Standard ที่ดีอยู่แล้ว การสร้าง Standard(หรือเปล่า) ใหม่ขึ้นมา เพื่อใช้ได้คนเดียว(Lightning) มันก็เป็น Apple's Style อยู่แล้ว
พาลให้นึกถึง Sony Clie ขึ้นมาทันที
มันต่างกันนะครับ ระหว่างการกดแล้วโดนหลอกให้รู้สึกเหมือนกดปุ่มจริงๆ กับกดแล้วเครื่องสั่นเฉยๆ
ผมคนนึงล่ะที่ไม่ชอบแบบหลัง เจอแล้วหงุดหงิดไงไม่รู้
Sync หรือ ฟังเพลงได้ 2 คน ทางพร้อมกันเปล่าหว่า ฮ่าๆ
$39.9 usd............
เหลือบไปมองเคสแบตเตอรี่ หรือว่ามันจะผลิตมาเพื่อการนี้ ?