VMware Cloud Foundation ทำให้สามารถจัดการและใช้งานระบบ SDDC Clouds ได้อย่างง่ายดาย
Cross-Cloud Services™ ใหม่ทำให้ลูกค้าสามารถจัดการ ดูแล และรักษาความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นที่ทำงานอยู่บนระบบคลาวด์สาธารณะ รวมถึง AWS Azure และ IBM Cloud
ลาส เวกัส – 29 สิงหาคม 2559 – วันนี้ในงาน VMworld® 2016 บริษัท วีเอ็มแวร์ อิงค์ (NYSE: VMW) ประกาศการขยายกลยุทธ์ไฮบริดคลาวด์ด้วย VMware Cross-Cloud Architecture™ ใหม่ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถใช้งาน จัดการ เชื่อมต่อ และรักษาความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นบนคลาวด์และอุปกรณ์ที่ใช้ทำงานทั่วไป
วีเอ็มแวร์ได้ประกาศกลยุทธ์คลาวด์ของบริษัทดังต่อไปนี้:
VMware Cloud Foundation™ คือแพลต์ฟอร์ม ยูนิฟาย ซอฟต์แวร์ดาต้าเซ็นเตอร์ (unified Software-Defined Data Center - SDDC) ที่ทำให้ลูกค้าสามารถจัดการและใช้งาน SDDC คลาวด์
Cross-Cloud Services™ เทคโนโลยีใหม่ที่เปิดตัวในระดับเทคโนโลยี พรีวิว เพื่อนำเสนอวิธีที่ลูกค้าสามารถจัดการ ดูแล และรักษาความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นที่ทำงานบนคลาวด์ส่วนตัวขององค์กรและคลาวด์สาธารณะ รวมถึง AWS Azure และ IBM Cloud
ด้าน VMware vCloud เองนั้นก็เปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ชื่อ VMware vCloud® Availability™สำหรับทำ Disaster Recovery ให้กับเหล่าพาร์ทเนอร์ใน VMware vCloud Air Network
เปิดตัว VMware vCloud Air Hybrid Cloud Manager™ ใหม่สำหรับช่วยย้ายแอพพลิเคชั่น ต่างๆ บน VMware vSphere® ขึ้นไปยัง VMware vCloud Air ได้แบบไม่มีดาวน์ไทม์
รากู รักหุราม รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปด้านซอฟต์แวร์ดีฟายดาต้าเซ็นเตอร์ วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นที่ใช้ทั้งคลาวด์ส่วนตัวและคลาวด์สาธารณะในการใช้งานแอพพลิเคชั่น แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการและการรักษาความปลอดภัยของแอพพลิเคชั่นบนแพลต์ฟอร์มคลาวด์ที่หลากหลาย องค์กรธุรกิจจะมีกลยุทธ์ไฮบริดคลาวด์ที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นที่สุดด้วยเทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์ซึ่งสามารถรวมการจัดการคลาวด์ส่วนตัวกับคลาวด์สาธารณะเข้าไว้ด้วยกัน วีเอ็มแวร์ให้อิสระและการควบคุมระบบคลาวด์ ผ่าน Cross-Cloud architecture ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา”
VMware Cross-Cloud Architecture คือสถาปัตยกรรมไฮบริดคลาวด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างโมเดลในการติดตั้ง.กำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย, จัดการทุกแอพพลิเคชั่นที่ทำงานออน-พรีมิส และออฟ-พรีมิสได้ ไม่ว่าองค์กรนั้นๆ จะใช้คลาวด์, แพลตฟอร์มฮาร์ดแวร์หรือไฮเปอร์ไวเซอร์แบบใดก็ตาม VMware Cross-Cloud Architecture ประกอบด้วย VMware Cloud Foundation, Cross-Cloud Services ใหม่ที่วีเอ็มแวร์กำลังพัฒนา และแพลตฟอร์มในการจัดการคลาวด์ VMware vRealize® ที่จะช่วยให้ลูกค้ามีอิสระในการใช้งานคลาวด์หลากหลายรุปแบบ
แพลต์ฟอร์ม ยูนิฟาย ซอฟต์แวร์ดาต้าเซ็นเตอร์ สำหรับไฮบริด คลาวด์
VMware Cloud Foundation คือโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จสำหรับสร้างคลาวด์สาธารณะ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รวมไฮเปอร์คอนเวิร์จซอฟต์แวร์ของวีเอ็มแวร์อย่าง VMware vSphere และ VMware Virtual SAN™ เข้ากับเน็ตเวิร์กเวอร์ช่วลไลเซชั่นแพลตฟอร์ม VMware NSX®
นอกจากนี้ยังมี VMware SDDC Manager™ ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ VMware Cloud Foundation ช่วยลูกค้าและผู้ให้บริการสามารถจัดการและติดตั้งวีเอ็มแวร์ คลาวด์ซอฟต์แวร์ได้โดยอัตโนมัติ ที่สำคัญยังช่วยสร้างและดูแล วีเอ็มแวร์ คลาวด์ซอฟแวร์แสต็ค ช่วยผู้ดูแลระบบคลาวด์ได้โดยลดความซับซ้อนในการติดตั้ง กำหนดค่า จัดการและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ทำให้สร้างคลาวด์ที่สมบูรณ์แบบได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ผลคือลูกค้าที่ใช้งานสามารถลดเวลาในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ได้ 6-8 เท่า และลดค่า TCO ได้ 30-40%
ทั้งนี้องค์กรที่สนใจสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในรูปแบบของบริการอย่างเช่นการเช่าใช้ VMware Cloud Foundation บน IBM Cloud ก็ได้ ไอบีเอ็ม คือพาร์ทเนอร์รายแรกใน VMware vCloud Air Network ที่ส่งมอบบริการใหม่ๆ ใน VMware Cloud Foundation บน IBM Cloud โดยจะเปิดใช้ VMware Cloud Foundation บนระบบคลาวด์สาธารณะอื่นๆ รวมถึง vCloud Air ในอนาคต
หรือจะเลือกลงทุนติดตั้งเองบนระบบสำเร็จรูปอย่าง EMC VxRack Systems หรือลงทุนระบบ Server ที่เป็น VMware Virtual SAN Ready Node จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Dell, Hewlett Packard Enterprise และ QCT ก็ได้เช่นกัน โดย VMware Cloud Foundation นี้ก็รองรับโซลูชันต่างๆ ของวีเอ็มแวร์เอง ไม่ว่าจะเป็น
• VMware vRealize Suite
• VMware vSphere Integrated Containers™
• VMware Integrated OpenStack
• VMware Horizon®
Cross-Cloud Services
Cross-Cloud Services เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาในระดับ Tech Preview ซึ่งคือ Software as a Service (SaaS) ใหม่ โดยจะช่วยให้เหล่าผู้ดูแลระบบ มองเห็นการใช้งานคลาวด์และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จัดการนโยบายด้านความปลอดภัยและเน็ตเวิร์กเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และจัดการข้อมูลและแอพพลิเคชั่น โดยบริหารจัดการระบบ Cloud และ Virtualization ทั้งแบบ vSphere และ Non-vSphere ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แบบออน-พรีมิส หรือคลาวด์สาธารณะก็ตาม ทำให้องค์กรสามารถเลือกใช้คลาวด์และเวอร์ช่วลไลเซชั่นได้อย่างอิสระ โดยมีความสามารถดังต่อไปนี้
• Discovery and Analytics: ค้นหาและควบคุมแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่ใช้งานอยู่บนคลาวด์สาธารณะ
• Compliance and Security: ใช้ Micro-segmentation และการตรวจสอบเข้ามาช่วยให้แอพพลิเคชั่นบน คลาวด์มีความปลอดภัย
• Deployment and Migration: ทำให้นักพัฒนาสามารถใช้งานระบบคลาวด์ทั้งหมดที่มีอยู่ได้ และช่วยให้ไอทีบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น
การต่อยอดนวัตกรรมสำหรับ vCloud Air และ vCloud Air Network
VMware vCloud Air และระบบนิเวศน์ของผู้ให้บริการใน VMware vCloud Air Network คือส่วนสำคัญในกลยุทธ์ไฮบริดคลาวด์ของบริษัท บริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์ของวีเอ็มแวร์ใน VMware vCloud Air Network เปิดให้บริการที่หลากหลาย มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และสามารถช่วยลูกค้าตอบสนองความต้องการด้านกฎระเบียบที่ซับซ้อน
โดยวีเอ็มแวร์เปิดตัวบริการใหม่ภายใต้ชื่อ VMware vCloud Availability สำหรับทำ Disaster Recovery ให้กับเหล่าพาร์ทเนอร์ VMware vCloud Air โดยเฉพาะด้วยการเปิดตัว VMware vCloud Availability for vCloud Director® สำหรับทำ Replication ให้กับ vSphere ทั้งหมดขึ้นไปยัง vCloud Air Network และยังเปิดตัว VMware vCloud Air Hybrid Cloud Manager สำหรับช่วยย้ายแอพพลิเคชั่นต่างๆ บน VMware vSphere ขึ้นไปยัง VMware vCloud Air ได้แบบไม่มีดาวน์ไทม์
การวางจำหน่ายและเปิดให้ใช้งาน
• VMware Cloud Foundation คาดว่าจะใช้ได้ทั่วไปในไตรมาสที่ 3 ในปี 2559
• VMware Cloud Foundation บน IBM Cloud คาดว่าจะใช้ได้ทั่วไปในไตรมาสที่ 3 ในปี 2559
• VMware vCloud Air Hybrid Cloud Manager 2.0 คาดว่าจะใช้ได้ทั่วไปในไตรมาสที่ 3 ในปี 2559
• VMware vCloud Availability for vCloud Director ใช้ได้แล้ววันนี้