งาน Maker Faire เป็นงานรวมตัวของเหล่านักประดิษฐ์ที่เอาของมาประชันกัน แรกเริ่มงานนี้จัดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2006 ปัจจุบันกระจายไปจัดทั่วเมืองใหญ่ๆต่างของโลก
เมืองเซินเจิ้นประเทศจีนนับได้ว่าเป็นเมืองที่ 7 ที่มีการจัดงานนี้โดยเริ่มจัดตั้งแต่ปี 2014 เท่ากับว่าปีนี้จัดงานเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 23 ตุลาคม 2559 แต่เนื่องจากมีพายุเข้าในวันที่ 21 ทำให้งานต้องเลื่อนจัดออกไปเป็นวันที่ 23 - 24 ตุลาคมแทนเนื่องจากบูทกิจกรรมส่วนใหญ่ตั้งอยู่กลางแจ้งทนสภาพพายุไม่ไหว ถึงต่อให้ทนไหวก็คงไม่มีใครฝ่าพายุไปชมงานอยู่ดี
คำเตือน: เน้นรูปบรรยากาศงานเป็นส่วนใหญ่ รูปค่อนข้างเยอะ
หลังจากที่อกหักถูกบางคนทิ้งไว้กลางทางทำให้ต้องเดินทางไปงานนี้เพียงคนเดียว แถมไฟลท์เครื่องบินยังถูกยกเลิกเนื่องจากพายุเข้า แต่โชคยังดีที่งาน Maker Faire ก็เลื่อนวันจัดงานตาม ทำให้ยังมีโอกาสได้ไปดูงานเต็ม ๆ โดยไม่ต้องพลาดแต่อย่างใด
ตัวงาน Maker Faire เป็นงานเปิด ใครก็สามารถเข้าได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน งานครั้งนี้จัดขึ้นที่บริเวณ Sea World ซึ่งอยู่ห่างจากกลางตัวเมืองเซินเจิ้นพอสมควร ต้องนั่งรถไฟใต้ดินไปเกือบสุดสาย (ถ้าเทียบกับบ้านเราก็คือผมนอนแถวสุขุมวิท แต่ต้องไปงานประมาณแถวเมืองทองธานี) ผมเข้าใจว่าสถานที่จัดเปิดมาไม่นานเพราะร้านรวงต่าง ๆ โดยรอบดูเหมือนเพิ่งเสร็จไม่ถึงปี ร้านค้ายังไม่เต็ม แต่น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพราะว่าร้านอาหารเยอะมาก ๆ
ในรถไฟใต้ดินก็มีป้ายโฆษณาของงานติดเต็มตู้ขบวน ดูยิ่งใหญ่มาก และเมื่อเราเดินออกจากสถานีก็จะพบป้ายบอกทางไปงานขนาดใหญ่ รับรองไม่หลง
พื้นที่จัดงานแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ๆ คือโซนที่อยู่ภายในอาคารชั้นใต้ดิน และโซนกลางแจ้งด้านบน ส่วนของโซนภายในอาคารเริ่มตั้งแต่เดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินเราก็จะพบกับบูทของบรรดาเมกเกอร์ทั้งหลายตั้งเรียงรายอยู่ไปเรื่อย ๆ จนถึงทางออกสถานีที่จะขึ้นไปยังทางเข้างานหลัก
ผมลองนับ ๆ ดูแล้วน่าจะมีบูททั้งหมดเกือบร้อยเจ้าทีเดียว ตัวงานมีหลายส่วน (ลองดูตามแผนที่งานได้) แต่เราก็พอจะแยกส่วนสำคัญ ๆ ได้ดังนี้
ในงานมีของที่เหล่าเมกเกอร์ทำเอามาโชว์กันเต็มที่ แต่ส่วนใหญ่บูทที่มาเปิดมักจะมีสินค้าสำเร็จรูปมาขายด้วย แม้หลาย ๆ บูทจะเป็นแนว DIY โชว์ของทำเองแต่ก็เป็น DIY บนชุด Kit ที่นำมาขาย โดยมีตั้งแต่ชุด Kit สำหรับเด็ก ๆ ประกอบเองได้ง่าย ๆ ไปจนถึงชุด Kit สำหรับผู้ที่ต้องการแบบจริงจัง
ส่วนถ้าใครที่เริ่มเชี่ยวชาญมากกว่านั้นก็จะมีบูทที่ขายพวกชิปประเภทต่าง ๆ ให้เอาไปประกอบกัน รวมไปถึงอุปกรณ์ประเภท IoT ที่เริ่มเห็นเยอะในงาน หรือถ้าใครชอบพวกหุ่นยนต์ ก็สามารถติดต่อซื้อไปใช้ได้ มีตั้งแต่ระดับง่าย ๆ ทำเองไปจนถึงสำเร็จรูปพร้อมใช้
เด็ก ๆ พยายามบังคับโดรนด้วยคลื่นไฟฟ้าในสมอง
นอกจากนี้ยังมี Workshop ให้ได้ลองฟัง ลองทำ อีกด้วย มีหัวข้อนึงน่าสนใจคือเขาเล่ากระบวนการตั้งแต่เริ่มประดิษฐ์ไปจนถึงส่งโรงงานผลิตออกมาเป็นชิ้นงานขาย เสียดายที่ผมฟังไม่ออก ไม่งั้นคงสรุปมาให้ได้อ่านกัน
ส่วนด้านนอกที่เป็นสถานที่กลางแจ้งนั้นก็มีเวทีให้ได้พูดออกไมค์กัน ถัดไปอีกไม่ไกลก็จะมีสนามประลองโดรนให้บินหลบหลีกสิ่งกีดขวางแข่งกัน รวมไปถึงมีลานให้นำหุ่นยนต์มาต่อสู้กันคล้าย ๆ กับหุ่นซูโม่ที่ใครตกเวทีก่อนแพ้ไป แน่นอนมีเงินรางวัลให้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
เงินรางวัลสูงขนาดนี้เลยเหรอ?
เครื่องแก้นอนกรน
บางบูทก็ระดมทุนผ่านเว็บ Kick Starter ด้วย
นอนสาธิตการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอัตโนมัติเมื่อหลับ ทีมนี้มาจากญี่ปุ่น
เครื่อง PC แบบ USB Stick งานนี้มีทำเองหลายเจ้าเหมือนกัน
แม้ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่รวมถึงผมด้วยคิดว่างานเมกเกอร์ก็น่าจะเน้นไปที่พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก แต่เอาเข้าจริง ๆ มันก็ไม่ได้มีกฎนิยามไว้แบบนั้น จะเห็นได้จากงานนี้ที่นอกเหนือไปจากพวกหุ่นยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า DIY ต่าง ๆ ยังมีเรื่องของเสื้อผ้า ของประดับ แฟชั่น ไปจนถึงการปลูกต้นไม้ ฯลฯ ดังนั้นนิยามของเมกเกอร์น่าจะหมายถึงนักประดิษฐ์ในเรื่องต่าง ๆ มากกว่า
เช่น บูทนี้ขายฝักบัวอาบน้ำไปด้วย นวดหัวไปด้วย
ส่วนเจ้านี้ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ขาย
ส่วนที่ประทับใจจริง ๆ เห็นจะเป็นเรื่องที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจงานนี้ค่อนข้างเยอะ อาจจะเป็นเพราะสถานีรถไฟใต้ดินนี้มีแหล่งท่องเที่ยวอยู่ด้วย ทำให้มีผู้ปกครองพาเด็กมาเยอะเป็นพิเศษ ตามสไตล์เด็ก ๆ เขาก็จะจับ เล่น กันจริงจัง บรรดาบูทส่วนมากก็ให้เด็ก ๆ ได้ลองหยิบจับกันเต็มที่ไม่มีหวง ผมคิดว่าอนาคตของเด็กเหล่านี้ถ้ามีความชื่นชอบในการเป็นเมกเกอร์ โตไปไม่แน่พวกเขาอาจจะสามารถพัฒนาประเทศและโลกไปไกลได้มากกว่าที่เราจะจินตนาการออกก็เป็นได้
ทีมนี้มาจากญี่ปุ่น เอาหุ่นยนต์หลาย ๆ ตัวมาเล่นดนตรีเป็นเพลงร่วมกัน
สำหรับบ้านเรางานเมกเกอร์อาจจะอยู่ในภาวะเพิ่งเริ่มต้น งานที่จัดแสดงอาจจะเน้นงานโชว์ส่วนมากแต่ยังไม่ถึงระดับทำขายเยอะ ๆ แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานเราก็คงก้าวทันคนอื่นได้เพราะความรู้เดี๋ยวนี้มันทันกันแล้ว เหลือแค่ว่าเราจะมีที่ให้แสดงออกและแลกเปลี่ยนกันมากน้อยแค่ไหนและอีกอย่างเด็ก ๆ รุ่นใหม่ควรจะได้ลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เหล่านี้บ้างเพราะการเรียนรู้ไม่ได้มีอยู่แค่ในห้องเรียน
สำหรับรายละเอียดของงานเพิ่มเติมสามารถเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ Shenzhen Maker Faire
Comments
น่าสนใจดีครับ ขอบคุณมากครับ
ภาพทั้งหมดไม่ขึ้นครับ
+1
bandwidth หมดครับลืมไปว่าคน blognone เยอะมาก แก้ไขแล้วครับ
รูปเสียหมดเลยครับ
เสียดายอดดูรูปเลย
โดเมนของเจ้าของข่าวที่เขียนบล็อคส่วนตัวน่าจะเกินลิมิตนะครับ :D
ขออภัยครับ bw หมดจริง ๆ ลืมปรับรอรับคน blognone
อยู่ที่จีนลืมที่ฝากรูปต่าง ๆ ไปได้เลยโดนบล๊อครวด