สำนักข่าวเทคโนโลยี Engadget สัมภาษณ์พูดคุยกับ Vivian Balakrishnan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และผู้รับผิดชอบงาน Smart Nation Intiative ของสิงคโปร์ ถึงความพยายามสร้างสิงคโปร์ให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ด้วยระบบ IoT ในภาคส่วนต่างๆ ทั้งระดับเมือง ครัวเรือน สุขภาพประชาชน การคมนาคม รวมถึงความโปร่งใสในการดำเนินนโยบายสมาร์ทซิตี้
80% ของประชากรสิงคโปร์อาศัยในเคหะสถานที่รัฐจัดให้ ซึ่งเป็นสนามทดลองที่สำคัญในการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อสมาร์ทซิตี้ ยกตัวอย่างเขต Yuhua จะเป็นเขตแรกของประเทศที่จะเข้าสู่สมาร์ทซิตี้เต็มตัว มีเซนเซอร์กว่าพันตัวติดตั้งตามจุดต่างๆ ในอพาร์ทเมนต์ นอกเหนือจากอำนวยความสะดวก เซนเซอร์ยังสามารถตรวจวัดพลังงานและน้ำที่แต่ละครัวเรือนใช้ไป ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญของประเทศ เพราะสิงคโปร์ต้องใช้พลังงานและน้ำจากประเทศใกล้เคียง
ภาพจาก Smart Nation Initiative
สังคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุ สิงคโปร์ทำระบบเกี่ยวกับผู้สูงอายุมาระยะหนึ่งแล้ว และตอนนี้กำลังทดลองระบบมอนิเตอร์ผู้สูงอายุแบบไม่รุกรานความเป็นส่วนตัว (Elderly Monitoring System หรือ EMS) เช่น ติดเซนเซอร์ตามประตูบ้านและในห้องเพื่อมอนิเตอร์การเคลื่อนไหว ถ้าการเคลื่อนไหวหายไปจะแจ้งเตือนไปยังญาติและผู้ดูแล
Vivian ระบุถึงโครงการนี้ว่า "ช่วยลดรอยด่างของคนในครอบครัวที่อาจไม่มีเวลาดูแลผู้สูงอายุในบ้าน" ในระยะแรกของการทดลอง รัฐบาลรับภาระค่าใช้จ่ายให้ และจะเปิดแล็บเพื่อทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ยังมีโครงการ Tele-health รับการรักษาโรคโดยไม่ต้องออกจากบ้านไปพบหมอ ช่วงทดลองระบบจะให้ข้อมูลคนไข้ผ่านแท็บเล็ต มีเซนเซอร์และกล้องในบ้านคนไข้เพื่อสื่อสารและส่งข้อมูลสุขภาพไปยังแพทย์ รักษาทางไกลได้ ขณะนี้ ยังมีประชากรไม่กี่คนที่เข้าร่วมทดลองนี้ ผลการทดลองคาดว่าจะเปิดให้สังคมรับรู้ภายในปีนี้
รถไร้คนขับเป็นส่วนหนึ่งของการคมนาคมสิงคโปร์ในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งไม่หยุดแค่นั้น อนาคตจะมีระบบดาวเทียมนำทางในรถทุกคัน เซนเซอร์เข้ามามีบทบาทสำคัญด้วยเช่นกัน เพื่อรัฐบาลสามารถเก็บข้อมูลรถ เวลาที่ใช้วิ่ง ความเร็ว เพื่อนำไปแก้ปัญหาการจราจร
จากเรื่องราวข้างต้น มีเสียงตอบรับสองทางคือ มหัศจรรย์มาก กับน่าขนลุกมาก เพราะประเด็นความเป็นส่วนตัวก็ทิ้งไม่ได้ ในขณะเดียวกัน จากการวิจัยของ Freedom House สิงคโปร์ยังมีเสรีภาพในการแสดงออกเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น (partly free)
Vivian ไม่ได้กล่าวถึงประเด็นนี้โดยตรง บอกแต่เพียงว่าข้อมูลที่เก็บไปวิเคราะห์เป็น open data เช่น ข้อมูลจราจรที่เก็บไปจะไม่ระบุชื่อ และจะสร้างสิงคโปร์ให้เป็นโอเพ่นซอร์ส ที่มีความเปิดกว้างและโปร่งใส
นักข่าว Engadget ได้สัมภาษณ์มุมมองของประชาชนสิงคโปร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย มีประชาชนรายหนึ่งบอกว่า การให้รัฐบาลเอาข้อมูลเราไป ไม่น่าจะต่างกับการที่กูเกิลเอาข้อมูลเราไปใช้ทำอะไรต่างๆ
ที่มา - Engadget
Comments
อ่านหัวข้อข่าวนึกว่าเซนเซอร์ในอีกความหมายนึง
เจ๋งแฮะ
ฮ่องกงก็ทำได้นะแต่รวมกับจีนไปแล้วพื้นที่มันใหญ่ งั้นคงต้องไต้หวัน