เป็นที่ทราบกันดีว่า Wii U มียอดขายไม่ค่อยดีนัก เพียงแค่ 13.36 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับเครื่อง Wii รุ่นก่อนหน้าที่มียอดขายถึง 101.63 ล้านเครื่อง (อ้างอิง Nintendo)
จากการสัมภาษณ์กับ GameSpot Reggie Fils-Aime ประธาน Nintendo อเมริกากล่าวว่า “Nintendo ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างหนัก และได้ข้อสรุปออกมา 2 ข้อถึงสาเหตุที่ Wii U ขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร”
ข้อแรกคือทาง Nintendo ไม่ได้สื่อสารออกมาชัดเจนว่าความแปลกใหม่และสิ่งที่ลูกค้าจะได้จาก Wii U คืออะไร ส่วนข้อที่สองคือ Wii U ไม่มีเกมที่ดึงดูดผู้คนได้มากพอ
Fils-Aime เชื่อว่าในรอบของ Switch บริษัทจะทำหน้าที่ข้อแรกได้ดีพอ สื่อสารออกมาได้ชัดเจนว่า Switch เป็นอย่างไร และเขามั่นใจว่า Switch จะไม่ขาดแคลนเกมดี ๆ ไปแน่นอน
Nintendo Switch คือเครื่องโฮมคอนโซลที่สามารถพกพาไปที่ไหน เล่นกับใครก็ได้ คอนเซปเรียบง่าย ชัดเจน และน่าสนใจ
พวกเราได้เห็นกระแสตอบรับจากที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อพูดคุยยอดนิยมบนทวิตเตอร์ ยอดวิวของวิดีโอบนยูทูป หรือแม้กระทั่งความถี่ที่ผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนเก่าสมัยมัธยมปลายที่ไม่ได้คุยกันมา 30 ปี โทรมาถามว่าจะหาเครื่อง Switch ได้จากไหนบ้าง ผมคิดว่าในครั้งนี้พวกเราได้แสดงจุดยืนของเครื่อง Switch ออกมาชัดเจน และมันก็ดูน่าสนใจด้วย
Wii U จะถูกจดจำในฐานะหนึ่งในเครื่องคอนโซลที่มีเกมที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อมาดูความเป็นจริงแล้ว ปัญหาที่พบก็คือกว่าเกมใหม่ ๆ แต่ละเกมจะออกมา มันเว้นระยะห่างกันนานเกินไป
สำหรับเครื่อง Switch ในตอนนี้ ก็มีเกมที่ยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัวพร้อมเครื่องทั้งหมด 5 เกมด้วยกัน (1-2-Switch, Just Dance 2017, The Legend of Zelda: Breath of the Wild, Skylanders: Imaginators และ Super Bomberman R)
เกมอื่น ๆ ที่น่าสนใจในอนาคตก็จะมี Mario Kart 8 Deluxe เพิ่มเข้ามาช่วงปลายเดือนเมษายน, Splatoon 2 ช่วงฤดูร้อน และ Super Mario Odyssey ในปลายปีนี้
ถึงแม้ในวันเปิดตัวจะมีเพียงแค่ 5 เกม เท่านั้น แต่ Fils-Aime ก็กล่าวไว้ว่าสิ่งที่สำคัญคือการที่มีเกมเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ ต่างหาก
วันเปิดตัวไม่ใช่ทุกอย่าง และก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุด สิ่งที่สำคัญคือการที่มีเกมเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างมั่นคงต่างหาก ที่จะดึงดูดให้ผู้คนเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้พวกเขามั่นใจได้ว่าตัดสินใจถูกต้อง
ที่มา – GameSpot
Comments
ยังไม่ยอมรับว่าเกมเมอร์เบือนหน้าเพราะ regional lock
ผมว่ามันไม่ใช่ปัจจัยหลักเลยนะครับ
ปัจจัยหลักของคนที่ไม่ใช่แฟนปู่นินครับ
* คนที่จะซื้อ อะไรก็ซื้อ
* คนที่สนแต่เกมที่ลง ถ้ามีเกมที่ลงยังไงก็ซื้อ
* คนที่จะไม่ซื้อ มีเหตุผลจุกจิกแบบล็อกโซน ซึ่งคือผมนี่แหละ ผมก็ไม่ซื้อครับ เกมภาพก็ไม่ค่อยสวย ไม่มีอะไรแปลกใหม่จาก Wii แถมมาล็อกโซนอีก จบเลย
ในขณะที่ Wii มันสามารถ convert คนกลุ่มสุดท้ายอย่างผมให้มาซื้อได้ไงครับ ยอดขายถึงถล่มทลาย แต่ไม่ใช่ครั้งที่ 2 อ่ะนะ
Vita ไม่ล็อคโซนแต่ก็ไม่เห็นจะขายได้ดีกว่า 3DS ที่ล็อคโซนเท่าไหร่เลยครับ
NDS เครื่องคอนโซลที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Nintendo ก็ล็อคโซน
ผมว่าสาเหตุหลักๆที่คุณไม่ซื้อเพราะ "ไม่มีอะไรแปลกใหม่" มากกว่าครับ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่หลายคนไม่ซื้อ Wii U เช่นกัน (รวมทั้งผมด้วย)
ปล. Switch ไม่ล็อคโซนแล้วครับ
Nds ตอนแรกไม่ lock ครับ มา lock ตอน dsi และ lock แค่เกม dsi
แต่ตอนท้ายๆ น่าจะมี first party บางเกม lock ด้วย
แต่เกมที่ขายดีของ 3DS จะเป็นเกม Title เดิมๆ ที่เป็นลูกหม้ออยู่แล้วเช่น Pokemon, Monster Hunter, Mario, Fire Emblem ส่วนเกม Title อื่นๆ จะเรื่อยๆ หน่ะครับ
โดยเฉพาะ 2 อันแรกนี่ จะกี่ภาคก็ ล้าน copy ขึ้น สุดๆ จริงๆ
ส่วน Vita เองก็ไม่ได้มีเกมแม่เหล็กที่จะดึงคนได้ขนาดนั้นเลยชิงตลาดมาไม่ได้
แต่ผมก็ชอบแบบไม่ Region Lock นะ ถึงมันจะถูก Lock กลายๆ ด้วย DLC ก็เถอะ
ซึ่งมันทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะในการซื้อเครื่องกับเกมมาเล่นครับ ไม่ต้องมาพะวงว่า อยากเล่น Eng แต่เกมออกแต่ Jap เป็นต้น
แต่ผมชอบระบบ DLC นะ มันทำให้เราซื้อเท่าที่อยากเล่นได้ แถมไม่ต้องรอผู้พัฒนาทำให้เสร็จจนหมดถึงจะวางขายได้
เสียอย่างเดียว ชอบคิดค่า DLC แพงไปหน่อย
อย่างที่ให้เหตุผลไปครับ ผมไม่อยากซื้อเครื่องใหม่ที่ได้แค่ minor change อยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องล็อกโซนอีกก็ลาก่อยครับ ทั้งที่มีหลายเกมที่อยากเล่นบน Wii U ด้วยซ้ำ
เพื่อนผมหลายคนก็บ่นแบบนี้
คือมันเหมือนโหลดแอพมือถืออะไรมาสักอัน แล้วเจอความไม่ถูกใจ เช่น UX แปลกๆ หรือร้องขอให้ลงทะเบียนด้วยข้อมูลส่วนตัว (เช่นเบอร์โทร) ผมลบออกเลยครับ ไม่ใช้ เป็นคนขี้รำคาญครับ
ปล. รู้แล้วครับ ดูไลฟ์ NSwitch ด้วย ลุ้นอยู่อย่างเดียวเลยคือเรื่องล็อกโซน
PS3 ก็ล็อกโซนนะ ล็อกเป็นบางเกม
มันไม่ค่อยเกี่ยวนะ อาจจะเป็นส่วนนึงแต่ถ้าบอกว่าเป็นปัจจัยหลักนี่ผมว่าผิดไปไกล
คนที่มีปัญหากับ region lock คือพวกเราๆ ครับ พวกที่จะเล่นทั้งญี่ปุ่นทั้งอังกฤษ แต่พวกประเทศใหญ่ๆ พวกนี้มันไม่ใช่ปัญหาของเขาเลย อาจจะมีบ้างพวกที่อยากเล่นเกมอิมพอร์ต แต่คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ประชากรหลักของคนเล่นเกมในโซนนั้นครับ
ผมมองว่าประเด็น regional lock เป็นแค่ subset ของ "คนที่สนแต่เกมที่ลง ถ้ามีเกมที่ลงยังไงก็ซื้อ" และมีผลน้อยมาก
คือ ถ้ามี game ที่ลูกค้าคนนั้นสนใจ เขาก็จะซื้อ ซึ่ง regional lock แค่ทำให้โอกาสที่จะมี game ที่สนใจน้อยลงเล็กน้อยเท่านั้น เหมือนกับแยกเป็น console 2 ระบบที่ยังเชื่อมข้ามกันได้บางส่วน โดยถ้าเทียบกับการต้องตัดสินใจเลือกซื้อ console ของแต่ค่ายแล้ว (Nintendo, Sony, Microsoft, PC) ประเด็น regional lock บาง game มันดูจิ๊บจ๊อยไปเลย
ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่ชอบ regional lock ขนาดนั้น เขาคงขาย console ไม่ได้เลยครับ คงไปเล่น emulator บน PC กันหมด
ผมว่าตามเนื้อข่าวก็โอเคแล้วนะครับ เพราะ
1 เรื่องแปลกใหม่ อันนี้จริง ถ้าตัด GamePad ออก Wii-U ไม่ต่างอะไรจาก Wii เลย แล้วเกมส์ที่ลง
แทบไม่ได้ใช้ตัวจับ motion ไปทำอะไรมากแถมทำลายจุดเด่น โดยการไป focus บน touch screen แทน
ซึ่งทำได้ไม่ดี ซักกะอย่าง ทั้ง motion ทั้ง touch screen
2 Wii-U ไม่มีเกมส์น่าสนใจต่อเนื่อง อันนี้ก็จริง แล้วสภาพนี่ หนักกว่า Game Cube อีก
คือมีเกมส์แค่ช่วงสองปีแรก แล้วหายไปเลยสาเหตุหลัก น่าจะมาจาก GamePad คิดง่ายๆ
ถ้าจะ port game มาลงก็ได้แต่ Screen บน GamePad จะเอายังไง
จะปล่อยให้มืดดำไปเลยมั้ย หรือ ต้อง code-test อะไรเพิ่ม สุดท้ายก็มาลงที่
ถ้างั้นลงแค่ PS4, XB1, PC ก็พอ ยังไงก็ต้องซื้อกันอยู่แล้ว PC ยืนพื้น PS4 หรือ XB เลือกเอา
เพิ่มให้อีก ว่าระบบ Nintendo Store ห่วยมาก แล้วผมไม่หวังว่า Store ตัวใหม่
จะดีด้วย เพราะผมคิดว่า Nintendo จะพยายาม ไม่เก็บอะไรบน Store ซึ่งก็หมายความว่า
จะมีปัญหาในกรณีซื้อเกมส์มาดองไว้บน Store เยอะๆ แต่ยังไม่สั่ง Download ลงมา
ซึ่งเป็นปรกติของนักเล่นเกมส์ ทุกชนชาติ ตัวนี้มีปัญหารุนแรงแน่นอน
จะเห็นได้ว่าด่ากันขนาดนี้ แต่ผมซื้อ Day 1 นะครับ
แค่ซื้อ - ไม่ซื้อ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลครับ ซื้อคือซื้อ ไม่ซื้อคือไม่ซื้อ
มาทีหลัง เสปคห่วยกว่า ไม่มีอะไรเป็นจุดเด่น ล็อกโซน นั้นแหละที่มันขายไม่ออก
น่าจะไล่ timeline ผิดนะครับ
wii u ออกปี 2012
PS4, Xbox one ออกปี 2013
พร้อมซื้อ Zelda ครับจะซื้อ 2 version ด้วยทั้ง Switch และ Wii-U version ถ้ามีคนเอาแผ่นมาขายนะ
มี PES กะ FIFA ไหม ถ้าไม่มีก็ Goodbye
EA บอกว่าจะเอา FIFA มาลงทีหลัง ส่วน PES ยังเงียบ
ย่สจะงานถนัดโคนามินะครับ พอร์ทเกมลง PC ยังภาพกระจอกสุดขนาดนี้ พอร์ทลงไปเครื่องที่ภาพไม่จัดจ้านอย่าง Switch คงสบาย....
ซื้อ ไม่ซื้อ ของผมมีปัจจัยเดียวแหละ เมียอนุญาตไหม มีแค่นั้นจริงๆ ครับ
เกมครับ อยู่ที่เกมล้วน ๆและ 3rd ไม่มา อันนี้ ยอดน่าจะหายไปมาก งานนี้ดึงมาได้หลายค่าย ขอให้เขาอยู่นาน ๆ สะบายแน่นอน
ตอน Wii นี้โดนใจพวกไม่เล่นเกมมาก ๆด้หน้าใหม่แยะ ยอดขายแยะ พวก 3rd ก็เข้ามาร่วม แต่ยอดขายเกมแย่ไม่เข้าเป้าตามเครื่องที่ขายถล่มทลาย หลัง ๆ ค่ายอื่นก็ถอดใจ เพราะคนซื้อเครื่องเล่นแค่ไม่กี่เกม แลพ Wii ก็ตาย นิน ทิ้งไปออก WiiU เพราะเครื่องเริ่มขายไม่ออก
งานนี้ Switch คงดีกว่าเก่าหละ เพราะเริ่มเป็นระบบมากขึ้น Nin ID และพกพา ที่เหลือก็ app ต่าง ๆ Youtube WebBlowser ทำมาแจ่ม ๆ ยอดถล่มทลายแน่นอน
ปัญหาของสวิทช์ก็คงเป็นที่ ราคาสูงไปนิดกับใช้การ์ด(ตลับ)เล่นเกม
ผมว่ายุคนี้ตลับดีกว่าใช้แผ่นนะครับ ส่งข้อมูลไวกว่า ความจุก็มากพอแล้วสำหรับปริมาณข้อมูลเยอะๆ ขนาดก็เล็กกว่า เวลาอ่านข้อมูลจากตลับก็ใช้ไฟน้อยกว่าใช้สื่อแบบแผ่น
อาจจะหมายถึงถ้า download ได้จะดีกว่านี้มั้งครับ คงไม่ได้หมายความว่าเทียบกันแผ่น
Nintendo ก็มี Nintendo eShop ซื้อเป็นดิจิทัลดาว์นโหลดนะครับ ตัวเกมก็เก็บใน micro SD Card ได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ใน เมมเครื่อง แล้ว Switch ก็รองรับการใช้งาน micro SD Card ได้สูงสุด 2 เทระไบต์ น่าจะเหลือ ๆ นะครับ
เครื่องต้องสามารถพกพาไปเล่นข้างนอกได้ แผ่นดิสก์คงไม่เหมาะครับ เดี๋ยวจะเหมือน PSP
สำหรับคอนโซลค่ายใหญ่ เห็นว่าถูกที่สุดเป็นประวัติการณ์แล้วครับ
ตลับความจุเยอะกว่า ใช้พื้นที่จัดเก็บน้อยกว่า อ่านข้อมูลได้ไวกว่า พังยากกว่า หัวอ่านเล็กกว่าทำให้มีพื้นที่ในตัวเครื่องเหลือให้ใส่อย่างอื่น ทำไมต้องใช้เทคโนโลยียุคเก่าอย่างแผ่นด้วยล่ะครับ
อ้อ เผื่อไม่รู้ online store ก็มีครับ มีมาหลายปีตั้งแต่ยุค Wii นู่นเลย
สมัยก่อนที่เค้าเปลี่ยนจากการใช้ ROM Cartridge มาเป็น Optical disk เพราะเทคโนโลยีการผลิตตลับต้องใช้วัสดุในการผลิตหลายชนิด ผลิตได้ช้า ลำบากในการขนส่ง ซึ่งแผ่นดิสก์ผลิตได้ง่าย ทำให้มีต้นทุนถูก และมีความจุเยอะกว่าตลับในสมัยนั้น
แต่สมัยนี้ เทคโนโลยีเปลี่ยน ความนิยมเปลี่ยน อุปกรณ์มีความเป็น Mobile Device (อุปกรณ์เคลื่อนที่) มากขึ้น เทคโนโลยีตลับมีขนาดเล็กลง กินไฟน้อยลง กลับกันกับเทคโนโลยีของแผ่น หัวอ่านต้องการความเที่ยงตรงมากขึ้นตามความจุที่เพิ่มขึ้นจึงไม่เหมาะเอามาทำเป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ อีกทั้งเลเซอร์ความถี่ที่สูงขึ้นย่อมใช้พลังงานมากขึ้น ยิ่งทำให้ไม่เหมาะกับอุปกรณ์ที่มีพลังงานจำกัด
ความสำเร็จของ Play Station ที่มีต่อ Nintendo 64 มาจากแผ่น
ความล้มเหลวของ PSP ที่มีกับ NDS ก็มาจากแผ่นเช่นกัน
ใช้ตลับมันทำให้เกมมีราคาสูงในประเทศนอกความสนใจอย่างเช่นไทย
การหาซื้อมาเล่นก็ลำบากกว่าการดาวน์โหลดหลายอย่าง ขาดตลาด ระยะเวลาเกมออกกับมีตลับมาขาย
เรื่องราคามันก็อยู่กลางๆ ระหว่างเครื่องเล่นบ้านกับพกพา
ถูกกว่าเครื่องเล่นบ้านอื่นๆ แต่ดูแล้วประสิทธิภาพก็ด้อยกว่า(เห็นเขาว่างั้น)
และแพงกว่าเครื่องพกพาเดิมๆ อย่าง 3DS
Nintendo ปิด eShop ไปแล้วเหรอครับ? Sony Microsoft ไม่ขายแผ่นกันเลยเหรอครับ? PS4 XboxOne ยกออกไปเล่นบนรถไฟฟ้าได้ด้วย? เครื่องเกมพกพาออกใหม่ต้องถูกกว่าตัวเก่า?
ผมหาซื้อตลับ 3DS ก็ไม่ได้ยากกว่าหาซื้อเกม Consoleเครื่องอื่นตรงไหนเลยครับ ร้านส่วนมากเค้าก็ขายเกมของหลายค่ายอยู่แล้ว ราคาก็อิงกับตลาดโลก แพงขึ้นมาไม่กี่ร้อยเหมือนกับเกมของค่ายอื่นๆซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้เนื่องจากเป็นร้านรับมาขาย ไม่ใช่ตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้อง
ขอถามได้มั้ยครับว่าเครื่องเกมคอนโซล/แฮนด์ฮีลด์ตัวล่าสุดที่ได้เป็นเจ้าของนี่ตัวไหน ดูเหมือนจะไม่ได้อัพเดทมาหลายปีเลย เข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปมากๆ
ผลิตภัณฑ์ ชนิดนี้ มีคนเล่นเยอะมาก จนต้อง ทำเกมออกมาลองรับ เป้น พันๆ เกม
*ผมมโนไปเอง
เสียดายเปิดตัวแพงไปหน่อยเมื่อเทียบกับสเปค ที่กะไว้นี่ก็ควรจะอยู่ที่ 250$ แต่ถ้าได้ $200 นี่จะน่าของหมดไปเกือบปี แต่นี่เปิดที่ 299$ มันเลยใกล้เคียงกับ ps4 slim เลยแถมเครื่องแรงกว่าเยอะ แต่สำหรับแฟนๆปู่นินกับคนที่อยากหาเครื่องเกมส์พกพาดีๆราคานี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา