หลังจากที่ประกาศไปว่า Capcom จะเปิดตัวเกม Ultra Street Fighter II บน Nintendo Switch แฟน ๆ Street Fighter หลายคน คงมีคำถามและข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งนี้ อย่างเช่น ทำไมถึงไม่ทำเกมใหม่ไปเลย หรือจะวางขายเมื่อไร ฯลฯ ซึ่งทาง IGN สัมภาษณ์ โยชิโนะริ โอโนะ โปรดิวเซอร์ของเกม เพื่อตอบคำถามใน 6 ประเด็นหลัก ๆ ให้แล้ว

เหตุใด Capcom จึงกลับมาทำ Street Fighter II

“อย่างที่ทราบกันว่า ปีนี้เป็นปีครบรอบ 30 ปี ของ Street Fighter และช่วงนั้นพวกเราได้ข้อมูลของ Switch มาพอดี และพวกเราก็ไม่ได้ทำเกม Street Fighter บนเครื่อง Nintendo มาตั้งแต่ Super Street Fighter IV บน 3DS แล้วด้วย”

“พวกเราเลยนั่งคิดกันว่าจะทำอะไรเพื่อที่จะนำเกม Street Fighter กลับมาสู่ Nintendo และเนื่องจากคนที่จะเล่นเครื่อง Nintendo Switch มีขอบเขตอายุที่กว้างมาก พวกเราเลยคิดว่าควรจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นคือ Street Fighter 2 ที่ดูแล้วน่าจะเข้าท่ากว่าการทำเกมใหม่ที่มีระบบซับซ้อนกว่ามาก”

“Ultra Street Fighter II มีพื้นฐานมาจาก Street Fighter Turbo แต่ก็มีระบบใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาด้วย เช่นในตอนนี้มีระบบ Grapple Break เพิ่มเข้ามาแล้ว และพวกเราก็นำสิ่งเก่า ๆ บางส่วน มาผสมกับสิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้เกมดูมีความสดใหม่ขึ้น”

เพราะเหตุใด Capcom ถึงได้ใส่สไตลล์ภาพลงไปถึง 2 แบบ

“Ultra Street Fighter II รวมสไตล์ของภาพทั้ง 2 แบบในเกมเดียว แบบแรกคือภาพ 2D พิกเซลแบบดั้งเดิม กับภาพแบบ HD จาก Super Street Fighter II Turbo HD Remix”

“เนื่องจากกลุ่มคนที่เล่นเครื่อง Switch จะมีขอบเขตอายุที่กว้างมาก คนที่เคยเล่น Street Fighter II แบบดั้งเดิม ก็จะเคยชินกับภาพสไตล์เก่ามากกว่า พวกเขาคงอายุ 30 40 50 ปีกันแล้ว มีครอบครัว มีลูกกัน ภาพสไตล์เก่าจะให้ความรู้สึกที่น่าคิดถึงสำหรับคนรุ่นเก่า ส่วนภาพแบบ HD จะดูน่าสนใจสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ทำให้ทั้งครอบครัวสามารถนั่งเล่นด้วยกันได้ คนรุ่นก่อนจะได้บอกเล่าเรื่องราวให้เด็กรุ่นใหม่ฟังได้ว่า “ดูสิสมัยก่อนพวกเราเล่นเกมแบบนี้กันล่ะ” และยังทำให้เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้สึกว่าเกมเก่าไปด้วย”

เกมมีการปรับสมดุลอย่างไรบ้าง

“ความสมดุลของเกม Street Fighter II Turbo เรียกได้ว่าโอเคเลยล่ะสำหรับตอนนั้น แต่จะเหมาะสำหรับตอนนี้หรือเปล่านั่นก็คืออีกเรื่องหนึ่ง พวกเราก็ไม่อยากนั่งทำใหม่ทั้งหมด เพราะมันจะทำให้อยู่ในสถานการณ์ที่ว่า “ถ้าแบบนั้นแล้ว ทำไมไม่เล่น Street Fighter V ไปเลยล่ะ?” พวกเราอยากรักษาความคลาสสิกของเกมไว้ แต่ก็อยากปรับแต่งให้มันเข้ากับยุคสมัยนี้ด้วยเช่นกัน”

“พวกเรายังอยู่ในระหว่างการปรับแต่งขั้นสุดท้ายอยู่ หวังว่าจะสามารถหาจุดที่ลงตัวระหว่างความใหม่และเก่าได้ สิ่งที่ให้ความรู้สึกน่าคิดถึง แต่ก็มีความใหม่ไปในตัว ตอนนี้ก็มีงานอีเวนต์ที่ให้ทดลองเล่นอยู่เช่นกัน เท่าที่เห็นก็มีผู้ปกครองที่เล่นด้วยกันกับเด็กเยอะเหมือนกัน พวกเราก็คงต้องเฝ้าดูไปก่อนว่าพวกเขามีการตอบสนองอย่างไรบ้าง”

วันวางจำหน่ายของ Ultra Street Fighter II ล่ะ

“พวกเรายังไม่ได้ประกาศวันที่ชัดเจนนัก แต่พวกเราก็อยากจะวางจำหน่ายในช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับเครื่อง Switch ในวันที่ 3 มีนาคม”

“อย่างที่ได้บอกไปว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในช่วงสังเกตการณ์อยู่ เราก็ได้ทดสอบเบตากับการสัมภาษณ์กลุ่มไปแล้ว เพื่อค้นหาว่าจุดสมดุลของเกม Street Fighter 2 อยู่ตรงไหน กระบวนการนี้อาจทำให้วันวางจำหน่ายเปลี่ยนได้”

ได้ยินมาว่าทีมพัฒนาของ Ultra Street Figher II ประกอบไปด้วยหน้าใหม่และหน้าเก่า

“Ultra Street Fighter II ถูกพัฒนาโดยทีมภายใน เป็นทีมที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยล่ะ พวกเรามีคนที่แก่พอที่จะทันยุค Street Fighter II มีคนที่เคยพัฒนา Street Fighter V กับ Marvel Vs Capcom Infinite และมีคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ 20 กลาง ๆ ถึง ปลาย ๆ แม้กระทั่งคนจบใหม่ก็มีเช่นกัน”

“ดังนั้นทีมพัฒนาของเราจึงมีขอบเขตอายุที่กว้างมาก กว้างพอที่คนรุ่นเก่า จะเป็นพ่อแม่ของคนรุ่นใหม่ได้เลยล่ะ ซึ่งก็เข้ากับขอบเขตอายุของผู้เล่น Nintendo Switch พอดี พวกเราจึงคิดว่าน่าจะใช้ความสัมพันธ์ส่วนนี้ ในการหาทิศทางที่เหมาะสมของการพัฒนาเกมได้”

“แต่ถ้าให้มาเล่นแข่งกันแบบจริงจังละก็ ดูเหมือนว่าคนหนุ่มจะปรับตัวเกมได้เร็วกว่า คนแก่ ๆ ที่เคยเป็นเซียนสมัยหนุ่ม ก็เริ่มแพ้ให้กับคนหนุ่มเหล่านี้แล้ว มันทำให้ผมและนักพัฒนาคนอื่น ๆ เริ่มรู้สึกตัวว่ามันผ่านมาแล้ว 30 ปีจริง ๆ และพวกเราก็เก่งขึ้นมากจริง ๆ เมื่อเทียบกับช่วงที่พึ่งหัดเล่น Street Fighter”

“ผมเคยพูดในตอนนำเสนอว่า เรามีการเพิ่มระบบที่ให้ตัวละครสามารถใช้ท่าต่าง ๆ ได้ด้วยปุ่มเดียว เป็นระบบสำหรับคนที่พึ่งหัดเล่น และยังไม่ชินกับการกดท่าต่างใน Street Fighter แต่ความจริงแล้ว ระบบนี้ผมทำมาเป็นตัวช่วยให้คนแก่ที่เล่นไม่เก่งเหมือนแต่ก่อนมากกว่า”

Ultra Street Fighter II มีโอกาสที่จะได้ลงแพลตฟอร์มอื่น ๆ ด้วยหรือไม่

“ถ้าขายดีมาก ๆ พวกเราจะพิจารณาเรื่องนี้ แต่พวกเราก็ครุ่นคิดกันหนักมากว่าจะทำให้เกมสนุกได้อย่างเต็มที่บน Nintendo Switch ได้อย่างไร ดังนั้นในตอนนี้จึงคงมีแต่บนเครื่อง Switch ไปก่อน”

ที่มา – IGN