พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 สั่งแก้ไขกฎหมายด้านการประกอบธุรกิจ เพื่อปรับปรุงให้การประกอบธุรกิจในประเทศไทยสะดวกขึ้น หลังจากธนาคารโลก จัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยอยู่อันดับ 46 จาก 190 ประเทศ
ในประกาศ คสช. มีประเด็นแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ จำนวน 17 ประเด็น โดยประเด็นที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับการลดการใช้เอกสารกระดาษ มีดังนี้
แก้ไข มาตรา 1016 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ของเดิม
การจดทะเบียนนั้น ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทตั้ง สำนักงานแห่งใหญ่ทำกิจการอยู่ ณ ตำบลใดในพระราชอาณาจักร ท่านให้จดทะเบียน ณ หอทะเบียนสำหรับตำบลนั้น
การแก้ไขข้อความที่ได้จดทะเบียนประการหนึ่งประการใดใน ภายหลังก็ดีกับทั้งแก้ไขการอื่นอย่างหนึ่งอย่างใดอันบทบัญญัติ แผนกนี้บังคับหรืออนุญาตให้จดทะเบียนก็ดี ก็ต้องจด ณ หอ ทะเบียนแห่งเดียวกันนั้น
ของใหม่
การจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท การแก้ไขข้อความที่ได้จดทะเบียนไว้ในภายหลัง และการจดทะเบียนอย่างอื่นตามที่ลักษณะ ๒๒ หุ้นส่วนและบริษัท กําหนดให้จดทะเบียนให้จดทะเบียนต่อนายทะเบียน ณ สํานักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทตามที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงประกาศกําหนด
เพิ่มมาตรา 148/1 ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
ในกรณีที่บทบัญญัติในพระราชบัญญัตินี้กําหนดให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ โฆษณาคําสั่งหรือคําพิพากษาของศาล หรือประกาศหรือคําสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ในหนังสือพิมพ์รายวัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์อาจโฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์สาธารณะอื่นใดแทน ตามที่อธิบดีกรมบังคับคดีประกาศกําหนดก็ได้
ประกาศ คสช. ข้อนี้ไม่ได้แก้กฎหมายฉบับใด แต่กล่าวถึงกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐโดยทั่วไป หากต้องการเอกสารทางราชการของประชาชน (เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่ หนังสือจดทะเบียนบริษัท) เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นในการประสานงานเพื่อขอเอกสาร แทนแบบเดิมที่ประชาชนต้องเป็นฝ่ายเตรียมมาให้
ในกรณีที่กฎหมาย กฎ หรือระเบียบใดกําหนดให้ผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเบียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง ต้องใช้เอกสารที่ทางราชการออกให้แก่ผู้นั้นเพื่อประกอบการพิจารณาหรือดําเนินการ ให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอํานาจอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาตรับจดทะเบียน รับจดแจ้ง หรือรับแจ้งนั้น ที่จะต้องดําเนินการให้หน่วยงานที่ออกเอกสารราชการเช่นว่านั้นส่งข้อมูลหรือสําเนาเอกสารดังกล่าวมาเพื่อประกอบการพิจารณาหรือดําเนินการ
ในกรณีที่ต้องทำสำเนาเอกสาร หน่วยงานนั้นต้องเป็นฝ่ายทำสำเนา โดยห้ามเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากประชาชน
ในกรณีที่ผู้มีอํานาจดังกล่าวประสงค์ได้สําเนาเอกสารนั้นจากผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเบียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง ให้ผู้มีอํานาจนั้นเป็นผู้จัดทําสําเนาเอกสารดังกล่าวเอง เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ห้ามมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทําสําเนาดังกล่าวจากผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาตหรือผู้ยื่นขอจดทะเบียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง
ที่มา - ราชกิจจานุเบกษา via Facebook Sak Segkhoonthod
Comments
ดีงาม
+1
จริงๆตามจุดประสงค์นี่ดีมากนะครับ ควรจะเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว
แต่ขอตั้งข้อสงสัยนิดนึง ว่าจะกลายเป็นช่องโหว่ให้ จนท.รัฐ เพิ่มข้ออ้างในการดำเนินการล่าช้าขึ้นอีกหนึ่งเหตุผลด้วยเหตุผลว่า "ยังหาเอกสารของคุณไม่เจอ" หรือไม่? แบบถ้าไม่มีน้ำมันหล่อลื่นก็ยังหาเอกสารไม่เจออยู่อย่างนั้น
ไม่ทราบว่า มีระเบียบปฏิบัติเรื่องการจำกัดระยะเวลาเพื่อป้องกันตรงจุดนี้หรือไม่
ขนาดว่าในปัจจุบันมีระเบียบเรื่องการจำกัดระยะเวลาในการดำเนินการเพื่อป้องกันการเตะถ่วงเรียกรับสินบน คนที่ต้องการทุจริตยังซอกแซกไปใช้วิธีเตะถ่วงไม่ยอมรับเรื่องตั้งแต่แรกแทน
ขอเรื่องอื่นด้วยพลีสสสสส ดีใจเก้อเมื่อเข้ามาอ่านแล้วพบว่าเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับบริษัท
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
อันนี้เห็นด้วยนะครับ มันควรจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ก: เรื่องถึงไหนแล้วครับ
ข: รอเอกสารจากต้นสังกัดค่ะ
ก: ช่วงเร่งหน่ยได้ไหมครับ
ข: ไม่ได้ค่ะ ต้นสังกัดทางนู้นยังไม่ส่งมาสักที
ก: งั้นช่วงเร่งหน่อยนะครับ พร้อมกระดาษสีเทา
ข: ได้ค่ะ จะเร่งประสานงานให้นะคะ
แบบนี่รึเปล่า?
กลัวเป็นแบบนี้ล่ะ แนวคิดอาจดูสะดวกขึ้น แต่ปฏิบัติจริงนี่สิไม่รู้จะดีขึ้นหรือเลวลง
เกือบดีละ แต่... ใช้ม.44 กับเรื่องแค่นี้ ผมเสียภาษีให้คณะทำงานท่านๆทำกฏหมายเดือนๆคนละเป็นแสน บวกที่ปรึกษาเพื่อ???
ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะครับ
ก็ผมถึงสงสัยไงครับว่าผมจ่ายภาษีให้คนที่ไม่ทำอะไรเลยทำไม....
คือบางที่ก็ทำแบบขอไปที แถมเขาบอกว่าให้ทำแบบใหม่ก็ยังจะกลับไปทำแบบเก่าอยู่ เลยต้องมีอะไรแบบนี้ครับ
แล้วเราควรทำไงดีครับ?
ทำอะไรไม่ได้ครับ คิดซะว่าเช่าเค้าอยู่
ใช่ครับ สิ้นเดือน ทำงานรับตัง ไปกินข้าว อยากไปเที่ยวไหนก็ไป
ถ้ามองแบบนั้น ต้องห้ามสร้างคอรบครัวด้วยไหมครับ สงสารเด็กที่จะเกิดมาเจอสังคม การปกครองแบบในปัจจุบัน
ออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยสนับสนุน ม.44 นะครับ แต่ผมกลับคิดว่าถ้าจะใช้ ม.44 ก็ควรเอามาใช้กับอะไรที่มีกฎหมาย/แนวทางอยู่เดิมที่ดีแล้ว แต่ในทางปฏิบัติไม่สามารถ/ไม่ยอมบังคับใช้จริงแบบนี้แหละครับ
คือกรณีอื่นๆ ที่มันยังไม่มีกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวทางอะไรอยู่ (หรือมีแต่ล้าสมัย) ก็ควรจะไปแก้กฎหมายให้มันทันสมัยชัดเจนแล้วบังคับใช้ไป แต่กับเรื่องที่กฎหมายมีแล้ว แต่คนไม่ทำตาม เช่น เรื่องจราจรหรือเรื่องนี้ จะใช้ม.44 มาสั่งบังคับก็เหมาะสมกับบริบทประเทศไทยดีแล้วครับ
สรุปสั้นๆ คือ ผมมองว่ากฎหมายหลายๆ ส่วนของไทยดีอยู่แล้ว แต่การบังคับใช้หย่อนยานมาก จริงๆ ฝ่ายบริหารประเทศตอนนี้ไม่ต้องไปแก้กฎหมายอะไรมาก แค่บังคับของเดิมให้ได้ก็ดีแล้วครับ
ถูกต้องเลยครับ กฏหมาย (ส่วนใหญ่) ดีอยู่แล้ว เพียงแต่การบังคับใช้มันยังหย่อนยานเกินไป
+44
มาตรา 44 มันเป็นกฎหมายนะครับ
คือถ้ากฎหมายเดิมมันมีอยู่แล้ว ก็มีคำสั่งให้ใช้อย่างเข้มงวด ไม่จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายแบบที่อำนาจล้นและไม่มีที่มาที่ไปอย่าง มาตรา 44 เลยครับ
ถึงจะไม่เห็นด้วยกับมาตรา44 แต่ต้องยอมรับว่าคำสั่งนี้ค่อยขยับใกล้ไทยแลนด์4.0 (ขยับไป0.1หน่วย)
แสดงว่าเป็นปัญหาระดับชาติจริงๆ เรียกว่าหมดหนทางที่จะแก้ไขแล้วถึงกับต้องใช้ ม44 กันเลย
มันจะมีแบบนี้ป่ะ แบบ
"ค่าถ่ายเอกสาร 5 บาท ไม่จ่ายไม่ต้องทำเรื่องราชการ หรือไม่ก็อาจจะล่าช้าลง"
ช่องโหว่มีแน่นวล ไม่งั้นร้านถ่ายเอกสารในหน่วยงานราชการจะเอาที่ไหนไปจ่ายให้เบื้องบนละเนอะ
ข้อ 17 ห้ามเรียกค่าใช้จ่ายครับ
ในทางกฎหมายมันแน่นอนอยู่แล้ว
ในทางปฏิบัติมันจะไม่เกิดขึ้นเลยหรือครับ?
ทั้วไปหน่วยงานราชการมีเครื่องถ่ายเอกสารอยู่แล้ว ส่วนกระดาษ/โทนเนอร์เบิกได้ครับ
การบังคับไช้ ถ้ามีการตรวจสอบ ลงโทษ คงไม่มีใครเอาอาชีพมาเสี่ยง
...แถมค่าเช่าที่บางทีก็ไม่ได้เข้าคลังตามที่ควรจะเป็นนะครับ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
มีน่ะมีครับ แต่ก็ต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์โทนเนอร์และกระดาษด้วยนะครับ ไม่ใช่มีไม่อั้นอยากใช้เท่าไหร่ก็ใช้
คิวยาว ล่าช้า (ชี้นิ้วให้ไปถ่ายที่ซุ้มเหมือนเดิม ไม่ใช่ของราชการต้องจ่ายตังเพิ่ม)
ไม่ยากครับ ก็เปิดประมูลเหมาจ่ายกันไปเลย เดือนละกี่แสนกี่ล้านก็ว่าไปเป็นค่าถ่ายเอกสาร เอาภาษีมาจ่ายแทน 555
iPAtS
ลาก่อยซุ้มถ่ายเอกสารในสถานที่ราชการ
นานๆจะเห็น ม.44 มีประโยชน์ ว่าแต่มันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นอยู่แล้วเรอะ
สาธุ
ปรบมือสิครับรออะไร
ม.44 บางอย่างผมก็ไม่เห็นด้วยนะ แต่เรื่องปฏิรูปข้าราชการ บริการประชนแบบนี้ขอให้ใช้แบบเต็มที่ จัดชุดใหญ่ไปเลยครับ นอกเหนือจากนี้ยังมีเรื่องตำรวจและข้าราชการทุจริต ถ้าใช้ ม.44 แก้กฏหมายเพื่อลงโทษสถานหนักได้จะเป็นบุญของประเทศชาติอย่างยิ่ง
อยากรู้ฐานข้อมูลมหาดไทยตอนนี้ลิงค์ดีแค่ไหนละ
อีกอย่างคือ ของหน่วยงานอื่นๆ ด้วย ที่กลัวใจที่สุดคือ ของท้องถิ่นลิงค์เข้าส่วนกลางนี่แหละ
Shut up and ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ raise your dongers ヽ༼ຈل͜ຈ༽ノ
พอถูกใจก็สรรเสริญม.44 พอไม่ถูกใจก็ด่าม.44 เอาสักทางเถิดประชาชนไทย
ทำดีก็ชมทำไม่ดีก็ติเตียน มันก็ถูกแล้วนี่ครับ
หรือจะให้เป็นแบบทำยังไงก็อวยหรือทำยังไงก็ด่าอะครับ?
ส่วนมากผมก็เห็นคนที่ชมหลายๆคนบอกอยู่แล้วว่าไม่เห็นด้วยกับม.44 นะครับ แต่อันนี้มันดีก็ชม
คือใช้ม.44 นี่คือทำดี? สนแต่ผลที่ได้? บ่นแค่ตอนเกิดปัญหา? ไม่คิดว่าต้องป้องกันเหรอครับ?
ผมถามหน่อย การไม่ต้องเตรียมเอกสารไปเองเนี่ย มันมีผลเสียมากกว่าผลดียังไงบ้างครับ เอาแค่เรื่องนี้ก่อนนะ เรื่องอื่นค่อยด่าไปที่ละเคส
นี่เข้าใจว่าผมด่าที่ตัวผล (ห้ามหน่วยงานปฏิเสธการขอถ่ายเอกสาร) เหรอครับ?
เข้าใจว่าคุณด่าทุกเรื่อง แต่ผมเลือกคุยเฉพาะถ่ายเอกสาร
ค่าของทุกอย่าง อยู่ที่การนำไปไช้ ไช้ดีก็ต้องชม ไช้ไม่ดีก็ต้องด่า
ต่างกันตรงไหน ?
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ถ้ามองย้อนกลับไปถึงการสร้างกฎต่างๆ อย่างเช่นกฎหมายมันมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนโดยรวม ซึ่งในกรณีนี้ดูแล้วประชาชนส่วนใหญ่ก็ดูจะได้รับประโยชน์จากตรงนี้ เขาจะชื่นชมก็ดูไม่แปลกมั้งครับ
พลังอำนาจให้คุณและโทษได้อยู่ที่ว่าใครมี และถูกใช้เพื่อการใด ขอเพียงอย่าปล่อยให้ด้านมืดครอบงำก็พอ ขอพลังจงสถิตย์อยู่กับท่าน
โยดาไม่ได้กล่าว...
นาทีนี้ต้องเป็นลีโอไนดัสถีบยอดอกลงบ่อแล้วบอกว่า "I AM YOUR FATHER" อ่ะครับ
คืออยากสนับสนุนให้คนไทยอวย/ด่าแบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มองเหตุผล ไม่ดูแต่ละกรณีเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ให้มากขึ้นไปอีกเหรอครับ?
แล้วคุณเห็นเหตุผลของผมมั้ยอ่ะครับ หรือเห็นแต่ผลที่คุณจะได้ แล้วก็มาบอกว่าผมอวยให้ด่าแบบไม่ลืมหูลืมตา
ผมว่าคุณกำลังอวยผลที่ได้จากกระบวนการผิดๆ แล้วก็ด่าผมโดยไม่ลืมหูลืมตาว่าผมต้องการต่อต้านอะไร
ผมไม่ได้ต่อต้านผลลัพท์ ผมต่อต้านกระบวนการครับ กระบวนการที่ผิด มันไม่ได้ให้ผลลัพท์ที่คุณถูกใจเสมอไปครับ แล้วถึงเวลาที่มันเสีย มันก็สร้างผลเสียได้มากด้วย เพราะเรายอมรับกระบวนการไปไงครับ
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆ ที่คุณบอกว่า "อวย" คิดแบบไหนนะครับ แต่ผมจะแสดงความเห็นเฉพาะในมุมของผมเองแล้วกัน
ถ้าอ่านความเห็นผมข้างบนนู้นที่ตอบอีกท่านไปในเชิงเห็นด้วยกับคำสั่งนี้ (ถึงผมจะเขียนไว้แล้วว่าไม่เคยเห็นด้วยกับการมี ม.44 ก็เถอะ) ไม่ใช่เพราะผม "ยอมรับ" กระบวนการครับ ผม "จำยอม" รับมันมากกว่า
เหตุผลที่ผมจำยอมรับก็ตรงไปตรงมามากคือ ผมไม่กล้าลุกไปเดินขบวนหน้าทำเนียบ ส่วนการแสดงความเห็น "ในนี้" ผมสนใจเฉพาะ "ผลลัพธ์" ครับ เพราะกระบวนการมันก็เหมือนเดิม จะให้ตามด่าทุกครั้งที่มีการใช้กระบวนการนี้ก็ใช่เรื่อง มาแสดงความเห็นเรื่องผลลัพธ์ยังน่าจะมีประโยชน์ "ในนี้" มากกว่าครับ
อคติเกินไปมั้ยคุณ
อคติ นะถูกแล้วครับ เราะเขามาแบบฉีกกฏหมาย ไม่เคารพเสียงคนอื่น แต่อยากให้คนอื่นเคารพสิ่งที่ตัวเองทำเหรอครับ ?
พอใช้ไม่ถูกใจก็ว่าบ้าอำนาจ ลัดขั้นตอนกฎหมาย พอใช้ถูกใจก็บอกให้พิจารณาเป็นเรื่องๆ เรื่องไหนดีให้ชม เรื่องไหนไม่ดีให้ด่า
สรุปคือเห็นแก่ผลประโยชน์โดยไม่ดูว่าวิธีการมันผิดหรือถูก แล้วม.44 มันถูกใช้ตามความเห็นชอบของคนไม่กี่คน มันไม่เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายที่ถูกต้อง
พอใช้กระบวนการลัดขั้นตอนที่ผิด แต่มันดันถูกใจคุณๆ ก็สนับสนุน แต่คุณๆ ท่านๆ อย่าลืมว่ากระบวนการที่มันผิดเหล่านี้มันมาจากคนไม่กี่คน
จะให้มันถูกใจคุณๆ ท่านๆ ไปตลอดได้หรือ?
ผมถึงแดกดันกระแนะกระแหนเต็มที่ในต้นเม้น นอกจากไม่สำนึกแล้วยังแอ่นอกรับกันอีก มีมาแดกดันกลับด้วยว่าอคติ
การใช้อำนาจของคณะบุคคลเพื่อลัดขั้นตอนทางกฎหมาย แทนที่จะทำตามกระบวนการ มันก็มีแต่ผลเสีย ที่พวกคุณมองว่าเป็นผลดีเพราะมันถูกใจพวกคุณแค่นั้นเอง
ถามว่าผมชอบมั้ยกับการที่ให้หน่วยงานราชการงดปฏิเสธการถ่ายเอกสารให้ประชาชน ผมตอบเลยว่าชอบ แต่ผมไม่เห็นด้วยกับกระบวนการได้มาและวิธีการ
ถ้าคุณเห็นชอบแค่ผลที่ได้ โดยไม่สนกระบวนการ เมื่อถึงเวลา คุณก็ต้องยอมรับผลอื่นๆ ที่ได้จากกระบวนการแบบนี้ไปด้วย
เลิกภูมิใจว่าตัวเองรู้จัก "แยกพิจารณาผลที่ได้" หันมาพิจารณากระบวนการที่ได้ผลนั้นมาได้แล้วครับ
(ออกตัวก่อนว่าผมไม่เห็นด้วยกับม.44 และไม่เห็นด้วยกับการมาของรัฐบาลชุดนี้เหมือนกัน ถ้าทำได้ก็อยากเชิญรัฐบาลชุดนี้ออก และถ้าถามว่าอยากให้ยกเลิกม.44 มั้ย ผมตอบได้เลยว่าอยากตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้)
แล้วยังไงครับ ทุกคนควรจะทำยังไง?
ถ้าตามความหมายของคุณคือไม่ว่ารัฐจะทำอะไรให้ออกมาด่า ทำอะไรก็ด่าอย่างนั้นหรือครับ
ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆอยากต่อต้านจริงๆ ผมแนะนำให้ไปยืนด่าหน้าทำเนียบเลยครับ ชูป้าย ทำแคมเปญอะไรก็ว่าไป หรือปิดถนนเอาให้ประเทศหยุดนิ่งเหมือนตอน กปปส.ไปเลยก็ได้ครับ เพราะถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก็เหมือนยอมรับอำนาจรัฐไปในตัว
ทางทฤษฎีมันใช่ครับ คุณดูมีอุดมการณ์ไม่เห็นด้วยกับอำนาจเผด็จการ แต่ทางปฏิบัติคุณก็ไม่ได้ทำอะไรเลยเหมือนๆคนอื่น
มาด่าแบบนี้เค้าไม่เห็นหรอกครับ ไม่ต่างอะไรกับที่คนอื่นเค้ายอมรับอำนาจที่มาโดยมิชอบนี้หรอกครับ
ผมว่าหลายๆคนก็ไม่ได้เห็นด้วยหรือชอบม.44 นักหรอกครับ แต่ชีวิตคนเรามันต้องปรับตัวจะมาขาวอย่างเดียว ดำอย่างเดียว คงทำไม่ได้หรอกครับ
อันนี้ logic เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอครับ หรือเป็นแค่เพราะความอยากเอาชนะทำให้แสดงความเห็นออกมาแบบนี้
แดกดันกระแนะกระแหนครับ ผมไม่ได้อยากเอาชนะอะไรเพราะชนะไปหรือแพ้ไปก็ไม่ได้อะไร คิดซะว่าแลกเปลี่ยนความเห็นดีกว่าครับ
อันนี้ผมขอโทษคุณละกันครับที่ไปประชดคุณออกนอกเรื่อง กลับมาคุยกันแบบปกติดีกว่า
แต่บรรทัดแรกผมถามจริงๆครับ คือคุณอยากให้คนอื่นคอมเมนท์ยังไงหรือครับที่จะให้ออกมาเป็นไม่ยอมรับอำนาจรัฐ?
(โควต้าผมหมดแล้วคงไม่ได้มาตอบเพิ่มวันนี้แล้วนะครับ)
ขอบคุณมากครับที่เข้าใจ และขอบคุณมากที่กลับมาคุยกันครับ
เราแสดงความไม่เห็นด้วยกับกระบวนการได้หลายแบบนะครับ ในใบเลือกตั้งหรือใช้สิทธิ์ยังมีช่องงดออกเสียง ซึ่งตีความได้หลายกรณี เพราะบางคนก็ไม่สะดวกใจที่จะบอกว่าไม่เห็นด้วย
กรณีนี้ผมมองว่าไม่จำเป็นต้องแสดงความไม่เห็นด้วย และไม่จำเป็นต้องต่อต้านก็ได้ครับ แค่อย่าสรรเสริญ ม.44 ออกนอกหน้ากระดี๊กระด๊าก็พอ
อย่างที่ผมบอกว่ามันจะดูตลกและไร้จุดยืน ที่สนับสนุนกระบวนการได้มาที่ผิด แต่กลับเลือกชม/ด่าที่ผลลัพท์แทน
ขอปล.อีกทีครับ
* ผมเห็นด้วย 90% กับการที่หน่วยงานรัฐต้องบริการประชาชนถ่ายเอกสารครับ
* อีก 10% มองว่าเลิกใช้ hardcopy เป็นตั้งๆ เหอะ เข้าใจว่าต้องใช้ แต่นี้มันพึ่งพา hardcopy มากเกินไป
* ผมไม่เห็นด้วยกับ ม.44 เท่านั้นครับ
แค่ต้องปรับตัวก็ไม่ใช่แล้วครับ เราต้องต่อต้าน แต่เราทำไม่ได้ครับ โดนปืนโดนลากเข้าคุก ดูจากตัวอย่างมีเยอะ
ถ้าขนาดปรับตัวมาตรา 44 ได้ ช่วยไปบอก เพื่อน ๆ ญาติๆ กปปส ให้ปรับตัวรับรัฐบาล พลเรือนได้ ไม่อกมาสร้างคสามวุ่นวายให้ประเทศ จนเป็นเงื่อนไขให้ทหาร ไม่โดนวาทะกรรมโง่ๆ ของนักการเมืองหลอก ได้ไหมครับ น่าจะง่ายกว่าเยอะะะ เลย
มันเป็นวิธีการสร้างความชอบธรรมให้กับ ม.44 นะครับ ต้องเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ยินดีเพราะยังไงเขาก็ย่อมไม่ทันกับกลยุทธ์ของทหารที่มีการพัฒนามานานแล้ว จะให้คนธรรมดาไปศึกษาและเข้าใจวิธีปกครองก็คงไม่มีคนทำอาชีพปกติแล้วครับ
ปล.ผมว่านี้เป็นการเล่นงานข้าราชการที่ช่วงนี้เช้าชามเย็นชามให้ปรับเปลี่ยนปรับปรุง ผมว่ามันก็ดีที่สุดในรูปแบบของมัน (เพราะเราเลือกไม่ได้อยู่ดี) แต่ผลผมว่าอาจไม่ได้เป็นดังที่คาดกันไว้ก็ได้
แต่ว่า ............ แต่ว่าคสช.เค้าเข้ามาปฏิรูปนะครับ
กลยุทธ์แรก ๆ ทางการทหารครับ Misleading
ตอนนี้ผมมองว่าเป็นกลยุทธ์ของภาคประชาชนไปแล้วครับ
กลยุทธ์ misunderstanding อ่ะนะ โดนกันมาขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัว แถมคอยแก้ตัวแทนให้อีก
ผมว่าผมพอเข้าใจประเด็นคุณนะ
แต่คำว่า"วิธีการที่ถูกต้อง"มันคลุมเครือครับ
โอเค คุณมองว่าประชาธิปไตยคือวิถีที่ดีที่สุด ดังนั้นกระบวนการที่ถูกต้องควรผ่านการบังคับใช้กฏหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็คงเห็นด้วยกับคุณนั่นละ ผมก็เห็นด้วย
แต่มันก็ยังคงมีบางคนที่ไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่า"กระบวนการตายตัว" และมองว่าผลลัพท์ต่างหากที่สำคัญ
คนที่มองว่าประชาธิปไตยมันก็แค่รูปแบบหนึ่งที่จะนำไปสู่สังคมที่ต้องการ และถ้าจะมีวิธีอื่นที่ทำได้ จะเป็นเผด็จการหรือราชาธิปไตยก็ไม่ได้มีความหมายอะไรมากน้อยไปกว่ากัน
กับคนแบบนั้น(ซึ่งมีไม่มากหรอก แต่มีจริง) คุณจะยืนยันคำว่า"กระบวนการที่ถูกต้อง"ได้เหรอครับ?
เรื่องความถูกต้องนี่พูดยากใช่แน่นอนครับ
แต่กระบวนการที่ผมบอกว่าผิดนี่ ผม debug และ reproduce ให้ดูได้นะครับ
ผมว่าตัวอย่างน่าจะง่าย คือในกระบวนการเดียวกัน เมื่อได้ผลที่ถูกใจ คุณบอกว่ากระบวนการดี แต่เมื่อผลไม่ถูกใจ คุณกลับบอกว่าแย่ แค่นี้มันก็ขัดแล้วครับ
คือคุณสนับสนุนผล มันก็เหมือนสนับสนุนวิธีการ เมื่อใช้วิธีการเดิม แต่ผลกลับไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการ คุณก็ด่า
มันกลายเป็นว่าพวกคุณทุกคนที่คิดแบบสนแต่ผล กลับไม่มีส่วนร่วมร่วมต่อการได้มา เมื่อไม่มีส่วนร่วม ก็ไม่มีส่วนรับผิดชอบ แต่ก็ยังตำหนิเมื่อได้ผลไม่พอใจ กลายเป็นว่าเหมือนคนเห็นแก่ได้อ่ะครับ รอเค้าป้อนอย่างเดียว แล้วต้องป้อนของชอบด้วย พอป้อนของไม่ชอบก็ด่าว่า การป้อนแบบนี้มันไม่เวิร์ค แต่พอป้อนของอร่อยก็ตบมือดีใจ
ปล. อันนี้อาจจะงงๆ นะครับ งงมากๆ ด้วย ... ผมชอบระบบเผด็จการครับ ผมไม่ได้สนับสนุนประชาธิปไตยอ่ะนะ งงมั้ยครับ ผมก็งง
ในกรณีนี้ผมมองว่าเป็นวิธีการเดิมแต่เป้าหมายต่างครับ
เช่น ใช้ไฟเพื่อหุงหาอาหารกับใช้เพื่อวางเพลิง หรือใช้มีดเพื่อทำอาหารกับใช้เพื่อจี้ปล้น
แน่นอนว่าไม่มีใครไปด่าคนที่ใช้ไฟหุงข้าวแต่คงอยากไล่กระทืบคนวางเพลิง ทั้งที่มันก็ไฟเหมือนกัน
ซึ่งถ้าจะบอกว่าแค่อยากกินข้าว ไม่ต้องก่อไฟหรอกไปซื้อเถอะ มันก็เป็นอีกวิธีการนึง
แต่เราก็คงไปบอกว่าวิธีการก่อไฟเพื่อหุงข้าวเป็นวิธีที่ผิดไม่ได้ซะทีเดียวละนะครับ
แน่นอน ผมยังย้ำว่าเห็นด้วยว่าเราควรสนับสนุนกระบวนการที่ทำซ้ำแล้วได้ผลใกล้เคียงเดิมมากกว่าวิธีการที่สะเปะสะปะแบบนี้ แต่การจะบอกว่ากระบวนการใดกระบวนการหนึ่งไม่ดี"ในทุกๆกรณี" มันก็พูดยากครับ
ปล. งงครับ 555
เคยใช้บริการถ่ายสำเนาที่ราชการรอคิวตั้งนานพอยื่นไปเขาบอก ถ่ายมาหน้าไม่ชัดไปถ่ายใหม่ แล้วต่อคิวใหม่ หงุดหงิดทั้งวัน
เดียวรู้จัก งานไม่เดิน หรือ เดินก็ ช้ามากๆ ต้อง มีกำหนด ในระบบว่า จบ กระบวนการในกี่วัน
คิดถึงเรื่อง เจ้าชายน้อย บทที่สิบ ขึ้นมาเลยทีเดียว คำสั่งที่ไม่พร้อมด้วยเหตุต่าง ๆ ถ้าเค้าทำไม่ได้ผิดที่ใคร
มาตรา 44 หลายๆ อันก็ทำเอาผักชีโรยหน้า ออกข่าวเอาใจประชาชน เรียกคะแนนนิยม
เห็นหัวข้อข่าวแล้ว คำว่า Linkage ผุดขึ้นมาในหัวเลย ลองไปอ่านเพิ่มเติมกันดูนะครับ
https://www.ega.or.th/th/content/913/11475/
อาจมาตอนตลาดวาย
แนวทางปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้คือต้องอาศัยการ link ข้อมูลระหว่างหน่วยงานครับ คือมันดีกว่าสำเนาแน่นอนเพราะรับมาจากหน่วยงานเจ้าของข้อมูล verified เสร็จสรรพ การบันทึกก็อยู่ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลดภาระจัดเก็บเอกสารอีกมหาศาล
แนวทางนี้จะสำเร็จต้องพิจารณาประเด็นความปลอดภัยของระบบและการเชื่อมต่อระหว่างหน่วยงาน ตอนนี้มหาดไทยยังไม่พร้อม** แก้ครับจากข่าว linkage center ข้างบน มหาดไทยบอกว่าตัวเองพร้อมแล้ว ที่ไม่พร้อมคือหน่วยงานอื่นๆ ในแง่ทำธุรกิจฐานข้อมูลจากคลังข้อมูลธุรกิจ พณ. ก็ยังไม่พร้อมแชร์ แต่ก็เข้าไปค้นเองได้ ในแง่การบังคับคดีทางแพ่ง ก็ต้องใช้ผลคำพิพากษา คำสั่งต่างๆของศาล ศาลก็ยังไม่พร้อมแชร์ ความจริงโจทก์จำเลยถ้ามีข้อมูล คู่ความและศาลควรระบุด้วยเลขบัตรประชาชนหรือเลขผู้เสียภาษีในคำพิพากษาหรือคำสั่งไปเลย ระบบการเงินการธนาคาร เอกชนแชร์กันได้เอง แต่รัฐบาลยังไม่พร้อมเชื่อม ระบบใบอนุญาตนำเข้า ส่งออก กรมศุลกากรในฐานะแม่ข่ายพร้อมแล้ว แต่หน่วยงานหลายแห่งไม่พร้อมเพราะต้องยกเครื่องระบบกระดาษเป็นอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อระบบตามคอนเซปต์ไม่พร้อม แต่ผู้บริหารสั่งมา วันนี้ ตอนนี้ ทันที คนปฏิบัติก็ทำงานแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ตอนนี้ถ้าในระเบียบต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนประกอบคำร้อง คงต้องร่างหนังสือราชการขออนุเคราะห์สำเนาบัตรจากมหาดไทยในท้องที่ คิดในแง่ร้ายงานช้ามากกว่าเร็วแน่นอน