ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ หรือมินิคาบิเนต มีมติให้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางรวมข้อมูลจากทุกกระทรวงสำหรับจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เปิดให้ประชาชนเข้ามาใช้จดทะเบียนทำธุรกิจโดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก โดย กสทช. สนับสนุนงประมาณพัฒนาระบบเบื้องต้น 4 พันล้านบาท ให้รองรับการยืนยันตัวตนออนไลน์ มีดิจิทัลไอดี ซิงเกิ้ลฟอร์ม เป็นต้น
ประธานในที่ประชุมคือนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งการว่าให้สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เร่งดำเนินการให้เสร็จภายในสามเดือน
นอกจากนี้ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอให้ในระบบสามารถเชื่อมโยงกัน 30 หน่วยงาน เป็นวันสต็อปเซอร์วิสเลย และกล่าวเพิ่มเติมว่า "ผลประชุมครั้งนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.วันนี้ เว็บกลางจะทำให้การขออนุญาตทำธุรกิจของประเทศไทยอยู่ในระดับเวิลด์คลาสเทียบเท่าสิงคโปร์ นอร์เวย์ นิวซีแลนด์"
ที่มา - Post Today
Comments
ต้องไปถามหน่วยงานที่เคยทำว่ากว่าจะสำเร็จเนี่ยกี่ปี มีประสบการณ์มาแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์ กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างก็ 4-5 ปีขึ้นไป ไม่ใช้ 1-2 ปีแน่นอน เอาระบบที่ใช้งานได้จริงนะ มันมีอยู่ที่เขาทำแล้วใช้งานได้ เพราะจุดเชื่อม 30 หน่วยงานเนี่ย แค่เกลี่ยงบประมาณให้ทำ Service ออกมาในแต่ละหน่วยงานก็หลายปีแล้ว ยังไม่รวม Integration อีก
สามเดือน...
งบเยอะดีครับ
ซื้อระบบแบบเดียวกับของสิงคโปร์มามั๊ง เร็วดี
4000 ล้าน!? นั่งคิดๆดูแค่เอาข้อมูลที่มีอยู่แล้วในแต่ละกระทรวงมาเชื่อมกัน เขียนเพิ่มอีกนิดหน่อยมันไม่ควรจะเกิน 1000 ล้านรึเปล่า
ทำยังงัยก็ได้ให้ประชาชนเข้าระบบเยอะที่สุดเพราะว่าตอนนี้การตลาด online มาเยอะมาก รัฐสูญเสียรายได้ก้อนมหาศาลถ้าไม่ใช้ระบบนี้รัฐก็จะไม่ได้เงินภาษีในส่วนนี้เลย
3 เดือน . . . . ถึงมี ม.44 อีก 5 อัน ผมว่าก็ยังเร็วเกินไปนะ
ps. งบประมาณ 4000 ล้าน คงเป็นค่า ระบบ + training (ข้าราชการทั่วประเทศ) + โฆษณา
มีเงินจะเสก อะไรก็ได้ = = ซะงั้น
มีเงินเหลือเฟือขนาดนี้ ไม่ต้องขึ้น Vat หรอก
ดีครับ พวกเหลือบไรสังคม ขายของออนไลน์หนีภาษีจะได้มีข้ออ้างน้อยลง
ความคิดเห็นส่วนตัว
คิดว่าที่ 3 เดือน เพราะน่าจะแบ่งกันลงตัวแล้ว
เปิดซองปุ๊ป ก็พร้อมติดตั้ง
ใครก็ทำแข่งไม่ทันแน่นอน ตามสูตรสำเร็จ
4 พันล้าน....
"มีมติให้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางรวมข้อมูลจากทุกกระทรวงสำหรับจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ เปิดให้ประชาชนเข้ามาใช้จดทะเบียนทำธุรกิจโดยใช้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก"
ใช้ 4000 ล้าน เพื่อแค่ให้จัดตั้งบริษัทง่ายขึ้นเนี่ยนะ? คือทุกวันนี้มันก็ไม่ได้ยากอยู่แล้ว เมื่อก่อนมีผู้ก่อการ 3 หรือ 4 คนนี่แหละไม่แน่ใจ ก็ไปจดทะเบียนตั้งบริษัทได้ละ (มีเอกสารประกอบนิดหน่อย ดาวน์โหลดจากในเน็ตได้เลย) เดี๋ยวนี้ลดให้เหลือผู้ก่อการคนเดียวแล้ว
รัฐบาลเหมือนจะโฟกัสผิดจุดนะ เท่าที่สัมผัสกับ ผปก. มากหน้าหลายตา (หลักร้อยคน) ครึ่งนึงผมกล้าพูดได้ว่าไม่มีหัวทำธุระกิจเลย คือทำตาม ๆ ต่อ ๆ กันมา มีอะไรหรือผลิตอะไรได้ก็เอาไปวางขาย ไม่รู้จักการตลาด ไม่รู้จักการบริหารการเงิน ไม่รู้จักอุปสงค์-อุปทาน และยิ่งไม่รู้จักการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวเอง เราเลยเห็นอะไรดัง ซักพักก็จะเฮโลกันไปทำตาม เช่นไปสุราษฏ์ คุณจะเห็นไข่เค็มไชยาวางขายอยู่ข้างทางเกินสิบแบรนด์ เกือบทุกแบรนด์หน้าตาเหมือนกันยันบรรจุภัณฑ์ ต่างกันก็เพียงโลโก้ แล้วซักพักก็จะทยอยตายกันไป เหลืออยู่ไม่กี่แบรนด์ตามขนาดตลาดที่จะพอเอื้ออำนวยให้รอดได้ และผลิตภัณฑ์มันอยู่ยังไง ก็จะยังอยู่ยังงั้นไปเรื่อย ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ลองนึกถึงกาละแมสุรินทร์ เค้กเมืองตรัง หมูยออุบล หมี่โคราช ฯลฯ
ผมว่าเอา 4000 ล้าน ไปส่งเสริมหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว เช่นศูนย์บ่มเพาะ อุทธยานวิทย์ฯ สถาบันส่งเสริมธุรกิจการค้าต่าง ๆ ฯลฯ ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกันมากขึ้น ส่งต่อกันเป็นทางเหมือน one stop service ยังงี้ยังดีกว่ากันเยอะ
เทคโนโลยีไม่ผิด คนใช้มันในทางที่ผิดนั่นแหละที่ผิด!?!
+1 เห็นด้วยครับ ไม่เข้าใจว่าจะไปโฟกัสตรงการจดทะเบียนให้เร็วขึ้นทำไม
จ้างบริษัทระดับโลกพัฒนาระบบเชื่อมต่อ โดยใช้ระบบที่มีขายในตลาด น่าจะได้อยู่นะ แต่เรื่องกว่าจะวิเคราะห์ระบบงาน ก่อนออกมาในส่วนพัฒนา ก็หมดเวลา 4 เดือนละมั้ง เพราะมันวุ่นวายตรงต้องเชื่อมทุกกระทรวงนี่ละ ซึ่งแต่ละหน่วยงานคงประยุกต์ใช้ข้อมูลไม่เหมือนกัน
นอกจากว่าจะเขียนโครงการให้มันกำกวม แล้วทำแค่ระบบจดทะเบียนแล้วส่งรีพอร์ทให้หน่วยงานอื่น แบบนี้ 4 พันล้านฟันกันเปรม
ถ้าระยะเวลา 3 เดือนหมายถึงระบบต้องพร้อมใช้นี่คือเพ้อฝันในทุ่งลาเวนเดอร์มากๆ
แค่คุยกับพวกกะโหลกกะลาบางคนก็เสียเวลาไปร่วมเดือนแล้วมั้ง?
ตั้งงบได้โหดสัส
โอ้ 4 พันล้าน
..: เรื่อยไป
สนับสนุนงประมาณ => สนับสนุนงบประมาณ