Canon เปิดตัว Canon EOS C200 กล้องถ่ายภาพยนตร์ระบบดิจิทัลรุ่นที่ 3 ของตระกูล Cinema EOS และมีขายแบบไม่พ่วงจอ LCD, ช่องมองภาพ หรือกริป ในรุ่น EOS C200B
EOS C200 สามารถบันทึกภาพความละเอียด 4K ทั้งอัตราส่วนแบบ DCI และ UHD ด้วยเซนเซอร์รับภาพฟอร์แมต Super 35 (ใกล้เคียงกับ APS-C) ที่ 8.85 ล้านพิกเซล ด้วยระบบ Dual Pixel AF หน่วยประมวลผล DIGIC DV6 รองรับถึง 60 เฟรมต่อวินาที
EOS C200 ยังสามารถบันทึกไฟล์ในรูปแบบ Cinema Raw Lite เก็บรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างได้สูง ให้ความสามารถในการเกรดสีเช่นเดียวกับ Cinema RAW ในขนาดไฟล์ที่เล็กกว่า โดยซอฟต์แวร์เช่น DaVinci Resolve, Media Composer, Premiere Pro CC และ Final Cut Pro X จะรองรับไฟล์ชนิดนี้ในเดือนนี้
EOS C200B จะวางจำหน่ายเดือนสิงหาคม 2017 ที่ราคาประมาณ 5999 ดอลลาร์ หากซื้อพร้อมอุปกรณ์เสริมจะเป็น EOS C200 ราคาประมาณ 7499 ดอลลาร์
ที่มา - DPReview
Comments
อัดแน่นไปด้วยปุ่ม
ด้วยเซนเซอร์รับภาพขนาด 35mm --> ด้วยเซนเซอร์รับภาพฟอร์แมต Super 35
(Super 35 format ไม่ใช่ขนาด 35mm มันจะเล็กกว่า)
https://en.wikipedia.org/wiki/Super_35
ขอบคุณครับ
เอาเลนกล้องถ่ายรูปมาใส่กล้องถ่ายหนังโฆษณาสำหรับผมนี่ มันดูไม่เข้าท่าอย่างรุ่นแรง นอกจากอยากจะขาย พวก amateur
เลนส์กล้องถ่ายหนังต่างยังไงกับเลนส์ถ่ายรูปธรรมดาหรอครับ พอบอกได้เปล่า
ถ้าบอกโดยภาพรวมก็คือ เลนกล้องถ่ายหนัง จะมีคุณภาพที่สูงกว่า และมีค่าความแม่นยำในการกำหนดควบคุมแสงที่สูงมาก
แต่มันฟังดู นามธรรมไปไหน่อยใช่ไหมครับ
รูปธรรมอย่างแรกของความต่างที่พอจะอธิบายได้ง่ายๆ ก็คือ กล้องถ่ายหนังใช้ค่า T-Stop ไม่ใช่ F-Stop
ค่า T-stop กัย F-stop คำนวนเหมือนกัน แต่ค่า F-Stop ของเลนแต่ละตัว แม้จะค่าเดียวกันแต่มันไม่เท่ากัน แต่ค่า T จะต้องเท่ากันหมด ถ้าผมจำไม่ผิด ค่า F-Stop จะคำนวนจากปริมาณแสงที่เข้ามา ค่า T-stop จะคำนวนจากค่าแสงที่ผ่านไปทั้งหมด
T-stop บน Cinelenses จะไม่มี click เวลาหมุน มันจะหมุดลื่นๆ เลย และเลนถ่ายหนังจะไม่มี auto-focus อืมม อะไรอีกหนอ ตอนนี้นึกไม่ค่อยออกละ อ่อ เลนกล้องถ่ายหนังแพงกว่าหลายเท่าตัวมากๆ ด้วยเหตุผลด้านบนเป็นส่วนหนึ่ง
https://www.youtube.com/watch?v=bbfYEBM5oec
แอบสงสัย ถ้าไม่มี auto focus นี่ แสดงว่าช่างกล้องต้องมือแม่น เหมือนจับวางเลยเปล่าครับ เคยมีพลาดกันบ้างเปล่านะเนี่ย
เท่าที่เคยอ่านเจอแบบผ่านๆ เหมือนกับเขามีการมาร์คตำแหน่งของนักแสดงไว้ล่วงหน้า แล้วก็ตัวช่วยสำหรับโฟกัสติดไว้ที่เลนส์อะไรสักอย่างนะครับ รอท่านอื่นมายืนยันอีกที
ใช่ครับจริงๆไม่ได้ว่าด้วยความแม่น แต่ว่าด้วยการเตรียมการ
คือ เขาวัดระยะเอาเลยว่า ตำแหน่งของจุดที่จะ focus อยู่ห่างจากกล้องเท่าไหร่ ตลับเมตรลากเลย แล้วเขาตั้ง T เผื่อด้วย ถ้าสังเกตุในหนังจริงๆจังๆ เราจะไม่เห็น focus บางๆ แบบตาชัดข้างเดียวหรือว่า ตาไม่ชัดไปชัดหู แบบที่เราเห็นในหนังไทยบ่อยๆ เหตุผลหนึ่งคือ ค่ารูรับแสงที่กว้างที่สุด หรือว่าแคบที่สุดไม่ได้ภาพคุณภาพที่ดีที่สุด มันมักจะดีตรงกลางๆ
หรืออย่างมีการขยับ ไอ้หนักhandheld นี่มันเพิ่งมาเริ่มีเอาตอน Blair Witch Project หนะครับก่อนหน้านั้นมันก็ต้องใช้รางเลื่อน จริงๆหลังจากนั้นก็ยังใช้ทุกวันนี้ก็ยังใช้ หนังที่ใช้มือถือนี่เป็นส่วนน้อยจัดๆ พอใช้รางเลื่อนเขาก็จะมีเครื่องมือหมุน focus เลนตามระยะรางขยับเพื่อให้ focus อยู่ที่เดิม หรือว่า เปลี่ยนจุด focus ไปหาตรงไหนก็ได้ครับ คือมันเป็น production design, ช่างกล้องมันคือ director of photography ไม่ใช่ camera man (ภาษา tv) camera man ในงาน tv คือใส่หูฟัง producer สั่งจับภาพตรงไหน อะไรแบบนั้นเอง
แต่ว่า director of photography จะต้องออกแบบว่า shot นี้จะเริ่มตรงนี้ถ่ายไปถึงตรงนี้ ความชัดจะให้ตรงนี้ไปถึงตรงนี้ ความชดจะเพิ่มขึ้นหรือว่าลดลงไหม ต้องการแสงแบบไหน ต้องคุยกับคนคุมแสงอีก เพราะว่า frame per sec ของกล้องถ่ายหนัง หรือว่าพูดง่ายๆ คือ shutter speed มันต้องคงที่ ฉะนั้นจึงต้องจัดแสงตาม ถ้าค่าความชัดถูกกำหนดแล้ว
ในรูปวงกลมขาวๆที่มีคันโลกอะครับอาจจะถูกเชื่อมกับสายคล้อง ให้มันหมุนตามที่กำหนดเลยว่าเริ่มตรงไหนสุดตรงไหน อย่าง vdo ของ mr_tawan แปะไว้ ก็จะบอกว่า รอบ focus ของ เลนถ่ายหนังจะหมุนได้ยาวกว่าเลยกล้องถ่ายภาพนิ่ง (สิ่งที่มันไม่ได้อธิบายคือ กล้องถ่ายภาพนิ่งต้องการความเร็วในการ focus ไม่ว่าจะ auto หรือว่าmanual focus แต่กล้องถ่ายหนังต้องการความแม่นยำ)วงกลมตัวนี้จะกำหนด mark จุดได้ เอาปากกาขีดเลย จากตรงนี้หมุดสุดถึงตรงนี้ หมุนมือเอา หรือว่าจะลากสายเอาให้มัน เลื่อนตามระยะก็มีครับ
http://lift.ca/sites/lift.ca/files/aaton%20b%26w.jpg
ปล. กล้องถ่ายภาพนิ่งก็สามารถเอาเทคนิคพวกนี้มาใช้นะครับ กระบอกเลน จะมีบอระยะ ว่า ตรงนี้จุดชัดที่กี่เมตร กระบอกเลนโบราณๆ หน่อย จะมี scale ให้ ตั้งค่าว่า F เท่านี้ จะชัดจากตรงนี้ถึงตรงนี้ คนโบราณเรียนถ่ายรูป ไม่ว่าเลนระยะเท่าไหร่ก็ตามเขาจะตั้ง 5.6-8 ไว้แล้วค่อยลดครับ เหตุผลหนึ่งคือเพื่อให้จุดชัดมันไม่หลุด อีกเหตุผลคือเพื่อคุณภาพของแสงที่จะได้ ถ้าตั้งตาม scale แล้วเราแม่น ระยะเลนไม่ต้องยกกล้องขึ้นมาก็ถ่ายได้ เพราะเราตั้ง F เผื่อ วิธีนี้เรียกว่า hyper focal (วิธีนี้จะใช้กับ auto focus ไม่ได้ เพราะเราคงไม่แม่นถึงกับรู้จุด focus ว่ามันจะตรงกับจุดที่เรา ตั้งองศาของเลนไปพอดี ถ้าไม่ยกทาบตา hyper focal นี่เป็นวิธีแอบถ่าย โดยไม่ยกกล้อง จะทำให้แบบไม่รู้ว่าโดนถ่ายและได้ภาพที่เป็นธรรมชาติ รูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศถ่ายใช้วิธีนี้เยอะครับ คนโบราณใช้เลน fixed (zoom ไม่ได้) ระยะเลนมันมีไม่กี่ระยะ เขาจะแม่นกันว่าเขาใส่ตัวไหน ได้ภาพมุมไหน
http://www.dofmaster.com/hyperfocal.html
อันนี้อธิบายเรื่อง T กับ F ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=jI8uAzX0bBw
อย่าง 85 1.2 อันโด่งดังของ Canon เปิด F กว้างสุด นี่มันจะมีค่าแสงที่ T1.6
ซึ่งหายไปราวๆ ครึ่ง stop (กะเอานะ) ของแบบนี้ ในยุคก่อนที่ถ่ายหนังจะเอาความเป๊ะ มันใช้งานไม่ได้ครับ
https://www.dxomark.com/Lenses/Canon/Canon-EF-85mm-F12L-USM-mounted-on-Canon-EOS-5DS-R__1009
ถ้ามีเวลาลองดูคลิปนี้ครับ ผมว่าเค้าอธิบายดีนะ
ขอบคุณ ครับ ได้ความรู้ใหม่เลย
มันก็ใส่ Cinema EF ได้นี่ครับ ?
Edit: แล้วทั้งสองตัวก็ต้องซื้อเลนส์แยกด้วยนะครับ ไม่ได้มีเลนส์ติดมาในชุด
ใช่ครับ แต่ขายกล้องถ่ายหนังแต่เอาเลนถ่ายภาพนิ่งมาประกบ โฆษณามันเลยดูตลกสำหรับผมหนะครับ
ปล. ทำไงถึงจะแปะ clip youtube ได้เหรอครับอยากแปะบ้าง
กด share -> embed แล้วก็อปโค้ดมาใส่เฉยๆ เลยครับ คลิกขวาที่วิดีโอเลือก copy embed code ก็ได้
ขอบคุณครับ
ยอดขายสูงสุดของกลุ่ม C100 ถึง C300 คือพวกงานข่าวครับ กลุ่มรี้ใช้เลนส์ถ่ายรูปมากกว่าเลนส์ถ่ายหนัง (ซึ่งมี CN-E จอง Canon ที่ดีมากๆครับ)
ผมใช้งานกล้อง C ของ Canon ทั้งสองประเภทงานครับ เลนคิดว่ามันโอเคกับทั้งคู่ครับ (ใช้ถ่ายหนัง/ละคร และขณะเดียวกันก็ใช้กับงานข่าว) ถ้าจำไม่ผิดช่องที่ผมทำงานอยู่น่าจะเป็นหนึ่งในเจ้าที่ซื้อกล้อง C100-C300 มากที่สุดครับ เลยเอาข้อความนี้ไปถามที่ที่ออกงานทุกวัน ได้คำตอบว่ามันก็ใช้งานได้ดีครับ และเลนส์ภาพนิ่งโฟกัสน้อย ไม่มี Aperture Ring ปรับเอาจากกล้องได้เลย ในงานที่เร็วและต้องรีบเอาภาพแล้งมันทำงานได้ดีมากๆครับ
ส่วนตัวหนัง ทีมละครผมใช้คู่กับเลนส์ Samyang Cine กับ C-NE ครับ พวกนี้เป็น T-Stop และ Declick มาแล้ว แต่ก็มีเลนส์ถ่ายภาพมาปนด้วยอยู่เยอะครับ
ถามว่าผม Amature ไม๊ .... ผมคิดว่าไม่ครับ งานของผมเป็นงานสเกลละครขนาดใหญ่ครับ
ก่อนหน้านี้ผมได้ลอง 18-80 Cine ที่เป็น Auto Focus ของ Canon ในงานใหญ่มากๆงานหนึ่ง พบว่ามันช่วยให้ทำงานได้ดีครับ เป็น Hybrid ระหว่างเลนส์ถ่ายภาพและเลนส์ภาพยนตร์ครับ
ดังนั้นผมว่า C200 ถ่ายรูปแบบนี้ไม่ได้ผิด เพราะตรงกับการใช้งานของคนส่วนใหญ่ (ที่เป็น Professional ทำงานทุกวันจริงๆ) ครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
ทำงานอยู่ในวงการโปรดักชั่นเหมือนกันครับ เห็นด้วยกับความเห็นนี้ครับ
รู้จริงไม่นั่งเทียน สุดยอดครับ
ผมพอจะเดาได้ว่าคุณเป็นใครและช่องที่ว่าหมายถึงช่องไหน
ฉะนั้นเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยผมจะละไว้
เอาแค่ประเด็นกล้องว่า มันเหมือนโฆษณากล้อง 6D ที่ เป็น entry level ของ full frame ก็ยังประกบเลน L โฆษณาใช่ไหมครับ
สวัสดีครับ