เชื่อว่าสมาชิก Blognone ที่อยู่ในแวดวงคอมพิวเตอร์ คงไม่มีใครไม่รู้จักร้าน J.I.B. ที่มีหลายสาขาทั่วไทย แถมปัจจุบันยังหันมาทำอีคอมเมิร์ซขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ J.I.B. Online ได้อย่างโดดเด่น สามารถส่งสินค้าได้ภายใน 3 ชั่วโมงถ้าเป็นพื้นที่กรุงเทพ
แต่ต้นกำเนิดของร้าน J.I.B. มีประวัติศาสตร์ยาวนานและน่าตื่นเต้นมาก เรามีโอกาสสัมภาษณ์ คุณสมยศ เชาวลิต หรือ "คุณจิ๊บ" ผู้ก่อตั้ง J.I.B. ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และก้าวต่อไปของ J.I.B. คืออะไร
คุณสมยศเล่าว่าชีวิตของตัวเองเป็นเด็กบ้านนอกจริงๆ ชีวิตเป็นคน จ.นครศรีธรรมราช เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย เพราะแม่เลิกกับพ่อ และเอาลูกทั้ง 4 คนมาเลี้ยงเองทั้งหมด คุณสมยศเป็นลูกคนที่สองแต่เป็นลูกชายคนโต เห็นความยากลำบากของแม่มาโดยตลอด เลยรู้สึกว่าต้องทำอะไรเพื่อแม่ และเป็นแรงขับดันให้ดิ้นรนสู้ชีวิตมาโดยตลอด
หลังจบ ป.6 คุณสมยศมีโอกาสบวชเณรภาคฤดูร้อน เผอิญหลวงตา (ซึ่งเป็นตาแท้ๆ) ที่บวชอยู่กรุงเทพแวะไปเยี่ยมบ้านพอดี เลยพามาอยู่วัดที่ กทม. แล้วศึกษาธรรมะจนสอบได้นักธรรมโท เปรียญ 1-2 ประโยค แล้วสึกออกมาเพราะฟังพระพยอมพูดว่าถ้าพ่อแม่ยังลำบาก ไปช่วยแม่อาจได้บุญมากกว่าการบวช หลังจากนั้นคุณสมยศกลับมาช่วยแม่ค้าขายที่นครศรีธรรมราช และฝึกฝนทักษะการค้าขายมาตั้งแต่ช่วงนั้น
เมื่อจบระดับ ม.3 กลับมาเรียนที่กรุงเทพอีกครั้ง และเลือกสาขาอาชีวะคอมพิวเตอร์ เพราะมีคนที่อยู่วัดด้วยกันเรียนด้านคอม เลยยืมหนังสือมาอ่านแล้วรู้สึกชอบ พอมีโอกาสได้จับคอมพิวเตอร์จริงๆ สมัยเป็นจอเขียวใช้แผ่นดิสก์ 5 นิ้ว ก็ประทับใจ มีความรู้สึกว่าคอมคุยกับเรารู้เรื่อง สมัยเรียนมีโอกาสได้ฝึกภาษา GW-BASIC, Pascal, C, dBASE
พอเรียนจบ มีธนาคารไทยพาณิชย์มาสัมภาษณ์ และเปิดโอกาสรับคนที่จบระดับอนุปริญญาไปทำงาน เลยได้ไปทำงานที่ธนาคารไทยพาณิชย์ฝ่ายสินเชื่อ ยุคนั้นเป็นยุคที่ธนาคารเริ่มนำคอมพิวเตอร์มาใช้งาน คุณสมยศที่มีทักษะด้านคอมพิวเตอร์อยู่ก่อน จึงมีโอกาสได้ใช้เป็นคนแรกๆ ด้วย
คุณสมยศ (คนกลาง) สมัยทำงานอยู่ธนาคารไทยพาณิชย์
ช่วงที่ทำงานธนาคารราวปี 2541-2542 วงการคอมพิวเตอร์เริ่มบูม เพื่อนๆ มักมาขอให้ช่วยจัดสเปกคอมให้ ช่วยพาไปซื้อคอมพิวเตอร์ที่พันธุ์ทิพย์พลาซ่า ช่วงแรกๆ คุณสมยศก็ช่วยเหลือเป็นอย่างดี แต่เมื่อคนแนะนำกันปากต่อปากจนโด่งดัง ก็เริ่มจัดการไม่ไหว จึงหันมาคิดเงินค่าจัดสเปกคอม โดยมาพร้อมกับการรับประกันว่าถ้าหากคอมเสียจะมีบริการช่วยซ่อมให้ฟรี
คุณสมยศใช้หลักการว่าพยายามเลือกของดีให้ลูกค้า เพื่อไม่ต้องเสียเวลามาซ่อมบ่อย เพราะตอนนั้นยังทำงานประจำอยู่ ต้องทำนอกเวลางานเท่านั้น พอทำไปสักพักคนบอกต่อกันเยอะว่าคอมไม่ค่อยเสียและบริการดี ช่วง 2-3 ปีนั้นจัดสเปกคอมขายได้ 200-300 เครื่อง
พอไปซื้อคอมที่พันธุ์ทิพย์บ่อยๆ เลยรู้จักคนเยอะขึ้น แต่ก็เจอปัญหาว่าการเลือกของดีต้องเดินไล่ซื้อจากหลายๆ ร้านซึ่งเสียเวลา เพราะต้องไปตอนหลังเลิกงาน จึงเกิดคำถามขึ้นว่าทำไมไม่มีร้านคอมพิวเตอร์ร้านเดียวที่ขายของดีทุกอย่าง ไปซื้อที่เดียวจบเลย
ในปี 2544 ห้าง Zeer รังสิตปรับตัวเองเป็นห้างไอที และดึงร้านค้าจากพันธุ์ทิพย์ไปจำนวนหนึ่ง มีคนรู้จักของคุณสมยศไปเปิดด้วย คุณสมยศแวะไปเยี่ยมและเห็นว่า Zeer ยังมีห้องว่างเยอะ เลยเกิดไอเดียว่าอยากเปิดร้านของตัวเองบ้าง สุดท้ายจึงลาออกมาเปิดร้านคอมร้านแรกของตัวเอง
ส่วนที่มาของชื่อ J.I.B. ต้องการชื่อที่จดจำได้ง่าย สุดท้ายเลยเลือกชื่อเล่นตัวเองมาตั้งชื่อร้าน แต่ JIB Computer รู้สึกว่าสั้นไป เลยใส่จุดเข้าไปด้วยเป็น J.I.B. ไม่ได้มีตัวย่ออะไรเป็นพิเศษ สีประจำร้านเลือกสีเหลือง/น้ำเงินเพราะเป็นสีที่ดูเด่นเวลามองไกลๆ และส่วนตัวเชียร์ทีมเชลซีเลยเลือกสีน้ำเงินแทนสีดำ
ในช่วงแรก คุณสมยศมีทุนไม่เยอะนัก จ่ายเป็นค่าเช่าและค่าซื้อตู้กระจก ค่าเฟอร์นิเจอร์ในร้านไปซะเกือบหมด แทบไม่มีเงินค่าซื้อของสต๊อก เลยใช้วิธีเก็บกล่องสินค้าเปล่าๆ ไว้ตั้งโชว์เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่ามีของเยอะ เมื่อลูกค้าแวะมาซื้อคอม ก็บอกให้ลูกค้าไปทำอย่างอื่นรอก่อนแล้วค่อยกลับมาเอาของ จากนั้นก็ไปวิ่งไล่ซื้อของจากร้านอื่นๆ มาประกอบคอมให้ลูกค้า
ร้าน J.I.B. สาขาแรกที่ Zeer
คุณสมยศเล่าว่า โมเดลการซื้อของจากร้านอื่นมาขายต่อ ส่งผลให้ราคาของร้านตัวเองแพงกว่าร้านอื่นอยู่บ้าง และลูกค้าที่เปรียบเทียบเรื่องราคาก็มักตั้งคำถามเวลามาซื้อ แต่คุณสมยศอาศัยว่าขายของเอง ใช้ความจริงใจกับลูกค้า อธิบายข้อมูลอย่างละเอียด เน้นการบริการที่ดี ส่งผลให้สร้างฐานลูกค้าขึ้นมาได้เยอะ
เมื่อธุรกิจเริ่มไปได้ โมเดลการซื้อของจากร้านอื่นเริ่มไม่เวิร์ค เพราะร้านอื่นมองว่าเป็นคู่แข่งกัน บีบให้ร้าน J.I.B. ต้องเรียนรู้การดีลกับซัพพลายเออร์โดยตรง และในสมัยนั้น จอภาพ CRT ต้องใช้กล่องขนาดใหญ่ ร้านคูหาเดียวไม่มีที่พอเก็บ จึงเช่าอีกห้องเพื่อเอาไว้สต๊อกของ แต่ปรากฏว่ามีคนแวะมาซื้อด้วย เลยเป็นไอเดียของการขยายสาขาในเวลาต่อมา
ปัญหาของการมีร้านหลายสาขาคือการจัดการสต๊อก ว่าของชิ้นไหนอยู่ที่ร้านสาขาไหน ในฐานะที่คุณสมยศเคยเป็นโปรแกรมเมอร์มาก่อน จึงเขียนโปรแกรมจัดการสต๊อกระหว่างสาขาเอง พนักงานอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างก็ไม่ต้องโทรถาม ถือเป็นเคล็ดลับอย่างหนึ่งที่ทำให้ J.I.B สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ การที่คุณสมยศเคยทำงานด้านสินเชื่อมาก่อน มีประสบการณ์พิจารณาสินเชื่อของลูกค้า มีความรู้ด้านการเงิน จึงสามารถจัดการกระแสเงินสดของธุรกิจได้ดีกว่าคู่แข่ง เหตุเพราะธุรกิจขายคอมพิวเตอร์มีกำไรต่อชิ้นน้อย ต้องใช้เงินซื้อสินค้ามาสต๊อกเป็นทุนจมเยอะ ส่งผลให้ร้านคอมชื่อดังหลายร้านที่เราเคยรู้จัก ไม่สามารถอยู่รอดมาถึงยุคปัจจุบันได้เพราะจัดการกระแสเงินสดไม่ดีพอ
ช่วง 5 ปีนั้น J.I.B. สามารถเปิดได้ถึง 19 สาขา พอเริ่มมีสาขามากในระดับหนึ่ง ก็เห็นความจริงของตลาดว่าร้านขนาดกลางจะเสียเปรียบร้านขนาดใหญ่ในแง่ต้นทุนค่าซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ ตอนนั้นจึงเริ่มกู้เงินจากธนาคารเพื่อลงทุนเพิ่ม ได้เงินมา 350 ล้านบาท ใช้ซื้อที่ดินตั้งสำนักงานใหญ่แถวดอนเมือง (เพราะฐานที่มั่นของ J.I.B. อยู่ที่ Zeer รังสิต) และเปิดสาขาใหม่ๆ แทบทุกสัปดาห์ เคยทำสถิติ 2 ปีเปิดได้ถึง 100 สาขา
วิกฤตของ J.I.B. เริ่มเกิดขึ้นเมื่อตลาดสมาร์ทโฟนเริ่มบูมจาก iPhone ช่วงนั้นยอดขายตกไปนานถึง 2 ปี แถมในวงการร้านคอมเองก็เกิดสภาพการณ์ตัดราคาแข่งกัน เพราะร้านยอมขายขาดทุนเพื่อนำเงินสดไปหมุน และถ้า J.I.B. ไม่ลดราคาสู้ก็ไม่มีคนซื้อ ส่งผลให้ตอนนั้นธุรกิจขาดทุนหนักมาก
คุณสมยศเริ่มสนใจเรื่องการสร้างแบรนด์ จึงไปลงเรียนหลักสูตรต่างๆ หลายหลักสูตร และมีคนแนะนำให้ลองไปปรึกษากับ ดร.สรณ์ จงศรีจันทร์ นักสร้างแบรนด์ชื่อดัง จึงเริ่มอยากทำแบรนดิ้งบ้าง
ตอนนั้นคุณสมยศยอมรับว่าไม่มีความรู้เรื่องแบรนดิ้งเลย เข้าใจว่าแบรนด์คือโลโก้เท่านั้น แต่ภายหลังก็เรียนรู้ว่าแบรนด์เป็นเรื่องของตัวตนต่างหาก ตอนแรกสร้างแบรนด์ MINE มาแทน J.I.B. แต่พบว่าค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เลยหันมาปั้นแบรนด์ J.I.B. ใหม่แทน
ร้าน MINE
นอกจากการตกแต่งร้านแล้ว J.I.B. ยุคใหม่ยังเน้นเรื่องการเทรนพนักงานอย่างมาก เน้นคุณภาพในการให้บริการ ส่งผลให้สามารถขายของได้โดยไม่ต้องลดราคา
ส่วนปัญหาเรื่องการขาดทุน พอพิจารณาธุรกิจของตัวเองแล้วพบว่าต้นทุนไปอยู่ที่ค่าเช่าพื้นที่ซะมาก บางสาขาอาจมีค่าเช่าต่อเดือนถึง 3 แสนบาท บวกค่าจ้างพนักงานรวม 1 แสนบาท เท่ากับว่าต้องมีกำไร 4 แสนบาทถึงจะอยู่ได้ และธุรกิจคอมพิวเตอร์มีอัตรากำไรน้อย ยอดขายต่อเดือนของสาขานั้นอาจต้องสูงถึง 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
J.I.B. จึงปรับแนวทางธุรกิจใหม่หมด ไล่ปิดสาขาที่ขาดทุน และเปลี่ยนมาเป็นแนวคิดว่าถ้าไม่ชัวร์ไม่ต้องเปิดสาขาใหม่ ใช้เวลาประมาณปีกว่าปิดไปถึง 54 สาขา พอธุรกิจปรับตัวได้ก็เริ่มกลับมาทำกำไรอีกครั้ง
ปัจจุบัน J.I.B. มีทั้งหมด 134 สาขา และ MINE อีก 6 สาขา รวมเป็น 140 สาขา
ร้าน J.I.B. โฉมใหม่
ปัจจัยอีกอย่างที่ช่วยให้ J.I.B. กลับมาทำกำไรได้ คือการค้นพบตลาดเกมมิ่ง ที่เป็นสินค้าราคาค่อนข้างสูง อัตรากำไรสูง และลูกค้าไม่ได้สนใจเรื่องราคาที่ถูกแพงกว่ากันมากนัก
เมื่อ J.I.B. เข้าสู่ตลาดเกมมิ่งเร็ว จึงกลายเป็นร้านอันดับหนึ่งในด้านนี้ไป คุณสมยศอธิบายว่าแบรนด์ร้านขายสินค้าไอทีในช่วงหลัง กลายเป็นว่าแต่ละรายมีจุดเด่นแตกต่างกัน มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ชัดเจน เช่น บางร้านเน้นขายมือถือและสินค้าของแอปเปิล บางร้านเน้นการเปิดร้านผ่านแฟรนไชส์ หรือบางร้านเน้นขายตลาดองค์กร ส่วนฐานลูกค้าหลักของ J.I.B. คือกลุ่มคอมประกอบไฮเอนด์และเกมมิ่งเกียร์
ส่วนเหตุผลที่ J.I.B. หันมาสนใจตลาดไฮเอนด์ เป็นเพราะคุณสมยศมีงานอดิเรกส่วนตัวด้านกล้องถ่ายรูป และเป็นลูกค้าร้าน Fotofile อยู่แล้ว ประทับใจในแง่ร้านมีของครบครัน มีสินค้าตัวเทพสุดจำหน่าย พนักงานมีความรู้แน่น อธิบายข้อมูลได้ละเอียด จึงอยากทำร้านตัวเองให้เป็นไฮเอนด์บ้าง ช่วงแรกๆ ก็ขายไม่ค่อยได้ แต่เมื่อคนเริ่มรู้จักและบอกต่อกันเอง สินค้าก็เริ่มขายได้
คุณสมยศบอกว่า J.I.B. มีเว็บไซต์ที่บอกราคาสินค้าอยู่แล้ว และได้ไอเดียจากคุณภาวุธ Tarad.com จึงลองเพิ่มปุ่มสั่งซื้อออนไลน์เข้าไป เดือนแรกไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กลับขายได้ถึง 800,000 บาท เลยหันมาจริงจังกับตลาดอีคอมเมิร์ซนับตั้งแต่นั้น
หลังมาขายผ่านอีคอมเมิร์ซ J.I.B. พบว่าออนไลน์กับออฟไลน์ไม่ได้ดึงยอดขายกันเอง แต่กลับสนับสนุนเสริมกันและกัน ข้อดีของการขายออนไลน์คือมีสินค้าให้เลือกเยอะกว่าที่วางหน้าร้าน เพราะในร้านสาขาแห่งหนึ่งมีพื้นที่วางของได้อย่างมาก 3,000 SKU แต่ถ้าสั่งออนไลน์ สินค้าอยู่ที่สำนักงานใหญ่มีถึง 6,000 SKU ส่งผลให้สินค้าหลายตัวที่ไม่สามารถขายผ่านหน้าร้าน กลับขายได้ผ่านออนไลน์
เทคนิคการขายสินค้าผ่านออนไลน์ของ J.I.B. มีหลายอย่าง เช่น
บทเรียนของ J.I.B. คือการขายของออนไลน์มาพร้อมกับข้อมูลว่าลูกค้าแต่ละคนซื้ออะไร สนใจสินค้าตัวไหน ซึ่งไม่เคยทำได้บนโลกออฟไลน์มาก่อน ทำให้ J.I.B. สามารถทำตลาดเจาะลูกค้าเป็นรายคนได้ เช่น ถ้าลูกค้าซื้อพรินเตอร์รุ่นนี้ ก็จะส่งโปรโมชั่นหมึกที่ใช้กันได้มาทางอีเมลในภายหลัง ไม่ส่งโปรแบบสะเปะสะปะ
อีกบทเรียนที่น่าสนใจคือ ลูกค้าต่างจังหวัดมีกำลังซื้อสูง อาจอยากได้ของราคาค่อนข้างสูงที่ไม่คุ้มกับการสต๊อกในสาขาต่างจังหวัด (เพราะสินค้าไอทีต้องซื้อของจากซัพพลายเออร์มาขายต่อ ต้องลงทุนค่าของไปก่อน) การมีช่องทางออนไลน์ช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้าถึงสินค้าที่ต้องการได้
คุณสมยศบอกว่า ยอดขายอีคอมเมิร์ซไทยไม่มีใครมีข้อมูลแน่ชัด แต่เคยมีคนวิเคราะห์ว่า J.I.B. ถือเป็นอันดับสองรองจาก Lazada เท่านั้น ก็ถือเป็นคำชม
Comments
รู้จักร้านจิ๊บเพราะรุ่นน้องเค้าแนะนำมาว่าพูดเพราะ บริการดี พอได้ซื้อกับตัวเองแล้วเราก็แนะนำคนอื่นเหมือนกับที่รุ่นน้องแนะนำ จนตอนนี้กลายเป็นคำตอบอัตโนมัติไปแล้วว่าไปร้านจิ๊บเหอะ จบทุกเรื่อง
สรุปว่าอ่าน จิ้บ หรือ เจ ไอ บี สับสันมาก
น่าจะ เจไอบี มั้งครับ ดูจากหน้าเวป เขียนว่า ติดต่อ เจไอบี
ก็ เจ.ไอ.บี. จิ๊บมันสั้นไป เลยเติมจุดให้ชื่อยาว
ตามที่เจ้าของคิดอ่าน เจ ไอ บี
แต่พูดกันทั่วไปก็ จิ๊บ แหละครับ
อ่านบทความ น่าจะออกเสียงว่า จิ๊บ แต่เราออกว่า จิบ 555
ร้านที่ขายออนไลน์ มีร้านคู่แข่งอีกร้าน ซึ่งมีราคานาทีทอง แต่นาทีทองเจ้านั้น ดันเท่ากับ จิ๊บ นี่สิ
เคยสั่งออนไลน์ สั่งของสองอย่าง ปรินเตอร์ตัวนึง กะ micro sd card อีกอัน ปรากฏว่า แพคมาคนละกล่อง รู้สึกเสียดายค่ากล่องแทนเลย
ลองไปปรับปรุงตรงนี้ อาจจะช่วยลดต้นทุนได้ค่ะ
คนคอนเหมือนกันเลย เพิ่งรู้นะเนี่ย
ส่วนตัวก็ซื้อร้านนี้บ่อยๆ (ออนไลน์เป็นส่วนใหญ่)
ป.ล. ผมอ่านว่าร้านจิ๊บ แต่พนักงานมักอ่านร้านเจไอบี
จากประสบการณ์ที่เคยไปเดินเล่นตามห้างใหญ่
ถ้าเทียบความรู้ JIB จะเหนือกว่า IT city กับ Banana พอควร
แต่จุดออ่อนของจิ๊บคือ accessory ที่น้อยมากๆ เทียบกับ กับอีกสองเจ้า
ถ้าอยากได้ตลาดแมสอาจะต้องมีสต็อกสำหรับเก็บของเพิ่มแต่ทุนก็จะปรี๊ดๆ
ถ้าแบ่งเจ้าใหญ่ๆตามหน้าร้าน
- JIB สำหรับ power user ของจะมีน้อยแต่ครบ และก็มีแบรนด์ที่เจ้าอื่นไม่ขายหลายรายการ
- Banana & IT city เหมาะสำหรับแมสด้วยความที่สต็อกร้านเยอะมากๆและหลากหลาย
แต่เรื่องการคัดเลือก พนง ยังต้องระวัง หลายๆสาขาเข้าไปเหมือนจ้างมาขายเท่านั้นพอเจาะสเปคแล้ว
ตอบไม่ได้ต้องวิ่งไปถามซีเนียร์ตลอด(ซึ่งจิ๊บทำได้ดีกว่าในจุดนี้ที่ พนง.มีเลเวลเฉลี่ยสูงกว่าอ หรือ เพราะด้วย
ขนาดร้านและสต็อค อาจจะต้องจำใจยอมมีจุดอ่อนตรงนี้)
- advice เหมือนเน้นขายส่ง แต่ลิสต์อะไหล่ของแปลกๆจุกจิกเยอะมากๆเหมือนจะเหมาะกับช่างคอม
DIY สะมากกว่า
ส่วนด้านออนไลน์ตอนนี้ JIB ทำได้ดีถึงดีมากอาจจะดีกว่าคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ๆสะอีก
ทำให้ เจ้าที่เหลือขยับตัวบ้างดูได้จาก Banana ที่ลงทุนลงเว็บใหม่
(แต่เหมือนจะยังไม่มีคนดูแล) ส่วน advice ผมไม่แน่ใจสายป่านขนาดไหนดูเงียบเหลือเกิน
แต่ที่ต้องระวังคือเรื่องรายละเอียดสินค้าที่ทุกเจ้าต้องปรับปรุงใส่มาน้อยเกินไป
ผมประทับใจที่สุดกับพนักงานร้านนี้คือเขารู้จักสินค้าครับ อย่างน้อยในเชียงใหม่ 2-3 ร้านที่ผมไปถามจะมีพนักงานที่รู้จักว่า nas คืออะไร
JIB-Online
สำหรับผมขยาดกับ JIB-Online ไม่ขอขยายความเรื่องผ่านมานานแล้ว
ขอซื้อเจ้าอื่นดีกว่า
นึกถึงร้านนี้ก่อนเพื่อนทุกที เพราะความครบครับ เช็คราคาจากเว็บง่าย
โอเคกับ jib เพราะคุยกับพนักงงานรู้เรื่องนี่แหละ ถามอะไรตอบได้ แนะนำได้ ไม่ใช่สักแต่จะขายของ
ขอชื่นชมเรื่องการปรับตัวเข้าสู่ระบบ Online ซื้อของสะดวกสะบายมาก
ไม่ต้องไปเดินเตร่ๆ ตามหาของที่อยากได้ตามห้างอีก
ใครปรับตัวได้ก่อนก็ได้ผู้บริโภคไปตามนั้น
สมัยก่อนผมเคยไปต่อราคากับเจ้าของที่ร้านเลย เป็นเด็กต่างจังหวัดพอไปซื้อที่เลยซื้อเยอะ ผมไปซื้อที่ร้านนี้ร้านเดียวเลย
สำหรับผมจากร้านใน ห้างเล็กๆ มาจนระกับนี้ได้ผมว่าสุดยอดครับ เป็นกำลังใจให้พัฒนาต่อไปครับ
เรื่องราคา+บริการ..ผมชมดี
ผมเป็นลูกค้าเจ้านี้ประจำเหมือนกันทั้ง Online และอ Offline พึ่งรู้ว่าเป็นคนคอนเหมือนกัน ... :)
ทุกวันนี้ก็ J.I.B. ตลอด ถ้ารีบมากก็ออนไลน์ ไม่รีบก็ซื้อที่สาขา อาศัยดูหน้าเว็บเป็นแคตาล็อกแล้วโทรไปเช็คที่ร้านว่ามีของไหม โดยรวมก็ชอบนะ บริการดี ราคาบางอย่างก็แพงกว่า Advice แต่นับระยะเดินทางก็เลยหยวน ๆ ไป
ความคาหวัง -> ความคาดหวัง
Mekokung's Story บล็อกส่วนตัวที่ย้ายไป Blogger แล้วนะ
เมื่อก่อนเป็นร้านโปรดผมเลยใช้บริการเป็นประจำ แต่เดี๋ยวนี้หันไปพึ่งอีกร้านนึง ซึ่งผมว่าร้านนั้ั้นเสียแล้วฝากส่งเคลมได้รวดเร็วกว่า
เพิ่งแวะไปซื้อ Notebook กับ JIB เหมือนกัน สาขา Central ลำปาง พนง มีความรู้ดี แนะนำสินค้าได้ ตามงบประมาณที่แจ้งไป
เมื่อก่อน JIB คือ One-Stop Service ในการจัด PC เช็คราคาจากหน้าเว็บ > ทำ List > ไปถึงร้านยื่นให้พนักงาน > รอประกอบ / ขนกลับมาประกอบเอง
คนขี้ลืม | คนบ้าเกม | คนเหงาๆ
พนักงานดี คุยรู้เรื่อง ไม่พยายามยัดเยียด ไม่เอาเปรียบเหมือนร้าน B. ตอนซื้อipad2 ยังฝังใจอยู่เลย ยัดเยียดขายcover ผม"ฉาป"ส่ง และไม่ไปเหยียบร้านนั้นอีกเลย
ผมโดนจิ๊บเล่นไปเมื่อก่อนสงกรานต์ 5 วัน สั่งของไปแล้วโทรมาบอกว่าของหมดก่อนสงกรานต์ 2 วัน เราก็ถามทันไหมเขาก็บอกว่าไม่ทันเราก็บอกไปว่างั้นไปเอาเองก่อนสงกรานต์ พอเราไปถึงศูนย์ใหญ่ก็เล่นสงกรานต์กันเราก็เดินตามของปรากฏว่า.... มีรถไปส่งแล้วที่บ้านแล้ว #$@%=&/@)#=@=÷`}€{[
ถอยโน้ตบุ๊กมาได้เพราะร้านนี้เนี่ยแหละ ตอนนี้ซื้ออะไรส่วนใหญ่ซื้อร้านนี้หมด (ยกเว้นคอมมาร์ตงวดที่แล้วที่โปรของ Advice โหดจริง)
ไมค์, HDD Bay, อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ส่วนใหญ่ร้านนี้ทั้งนั้น
Coder | Designer | Thinker | Blogger
เวลาคนจะซื้ออุปกรณ์ การดูใบราคาบนเว็บเป็นเรื่องสำคัญมาก วิธีการการจัดหมวดหมู่ วิธีการการให้ให้รายละเอียด การออกแบบ ui ของรายการสินค้าบนเว็บของแต่ละแบรนด์ มีผลต่อการเลือกของผมมาก
รายการสินค้า และ navigation บนเว็บของบานาน่าแย่สุด ของจิ๊บกับแอดไวซ์ดีคนละแบบ พอไปถึงหน้าร้านก็อยู่ที่คนขายแล้วว่าเจ้าไหนก็ดึงเงินได้ ... ผมก็ไปจบที่จิ๊บทุกที
ก็บริการดีนะครับ ยิ้มแย้มแจ่มใส เป็นกันเอง ผมก็ซื้อร้าน J.I.B. กับ Banana IT เป็นประจำ
แต่เคยโดนพนักงานฟันค่าหัวคิวไป 1,000 บาท ตอนซื้อโน๊ตบุ๊คแล้วอัพเกรด SSD เพิ่มไป 2 ตัว พนักงานพาไปหาร้านข้างนอกที่เป็นตัวแทนสินค้าแบรนด์นั้นทำให้ โดนบวกราคาค่า SSD เพิ่มไปอีกตัวละ 500 บาท ค่าช่างอีก 500 บาท สรุปโดนเพิ่มไป 1,500 บาท แฟรชไดร์ฟที่ใช้ลง Windows ก็ต้องเดินไปซื้อเองอีก ใบเสร็จที่ซื้อ SSD กับ J.I.B. ก็ไม่ได้ เพราะจะเห็นส่วนต่างของราคา ให้ประกันกับร้านประกอบแทน
และตัวแทนแบรนด์สินค้าบางเจ้าให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาเรื่องการเครมก็ไม่ค่อยดี ต้องให้ลูกค้าเดินประสานงานเองกับศูนย์ซ่อมตั้ง 2-3 รอบ พนักงานในศูนย์ซ่อมยังบ่นเลยว่าเป็นตัวแทนสินค้าแล้วทำไมไม่รู้เรื่องสินค้า
ผมซื้อของร้านพี่เขา ตั้งแต่เซียร์เริ่มทำห้างไอทีใหม่ๆ ถ้าหลายๆคนจำได้ ชั้นร้านพี่เขา เป็นแหล่งขาย CD เปล่าหลายร้าน ผมไปซื้อซีดีเปล่าและแวะไปร้านเขาเพื่อดู spec คอม จำได้ว่าร้านนี้แนะนำดีมาก จึงเป็นลูกค้าประจำร้านนี้มาตลอด
ปล.แนะนำอีกอย่าง ร้านนี้จะขาย Flash memory ถูกกว่าร้านอื่นๆเยอะมาก
เมื่อก่อนไปประกอบคอม ซื้อของร้านนี้ที่ zeer บ่อยๆครับ
พอมีร้าน MINE ที่ฟิวเจอร์ก็เลยมาซื้อที่นี่แทน สะดวกดี ซื้อของแล้วมีอะไรให้ทำต่อ ชอบตรงที่พนักงานมีความรู้ ของเคลมง่ายด้วย
แต่ล่าสุดนี่ ร้านกล้วยออนไลน์ ก็เข้ามาแย่งเงินผมไปจากคุณได้ล่ะนะ
เขาขายถูกกว่าในสิ่งที่ผมอยากได้ในราคาปกติ(บางอย่างถูกเข้าไปอีกถ้ามีโปร)
ส่งด่วนฟรีด้วย ผมอยู่หน้าคอมได้ของถูกกว่า กับ ขับออกไปร้าน(ค่าน้ำมัน)ได้ของ
แพงกว่า ผมจะซื้อแบบไหนล่ะ ถ้าขายของหน้าเว็บถูกกว่าหน้าร้านได้แบบร้านกล้วยก็ดีครับ ชอบUIของเว็บร้านกล้วยมากกว่าด้วย
ถ้าซื้อ Online ไปซื้อ jib ใน Lazada ดีกว่าเพราะไม่เสียค่าส่ง แต่เห็นหลายคนล่ะเจอของเก่า ยังไงช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วยซึ่งเวลาใครถามผม ผมนี้แนะนำให้เลี่ยงไป Banana ตลอด
ยอมรับว่าเว็บ JIB ทำดีมากๆ ถ้าจะซื้ออุปกรณ์ไอที ผมจะเช็คราคาจากเว็บ JIB ก่อนเลย
ช่วงหลัง Banana IT ปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ ผมคิดว่าเริ่มสูสีแล้วครับ แต่ยังสู้ JIB ไม่ได้
ไปถามหาการ์จอสำหรับเร้นเดอร์งาน พนักร้านใหญ่ร้านแรกงงว่าการ์ดจอ nvidia มันมีรุ่นนี้ด้วยหรอ พอเดินเข้าjib พนักเข้าใจทันทีว่าเราต้องการอะไร รู้เลยว่าเทรนพนักงานมาดีแค่ไหน
สมัยเรียนเคยไปซื้อคอมประกอบจัดสเปค ร้านนี้ตั้งใจประกอบมากเก็บสายไฟเรียบร้อย ตอนนั้นไปซื้อก็ค่ำๆแล้วด้วย จนขนาดห้างปิดไฟหมดเหลือแต่ไฟเรืองๆทุกร้านปิดหมด ร้านนี้ยังเปิดประกอบคอมให้จนเสร็จประมาน 4 ทุ่มได้ ตอนนี้มีอะไรก็ซื้อร้านนี้ตลอด บริการดีมากครับ
เป็นตัวอย่างของคำว่า พนักงานคือหัวใจของธุรกิจจริงๆ
ของราคาต่างกัน จริงๆ แค่หลักสิบบาท หรือร้อยสองร้อยบาท ถ้าพนักงานโอภาปราศัย สุภาพ พูดจารู้เรื่อง มีความรู้แต่ไม่อวดเบ่งข่มลูกค้า ส่วนต่างแค่นี้ ใครๆก็เลือกร้านที่พนักงานพูดจาดีกว่า
ถ้าพนักงานไม่มาคอยเดินตามจนรู้สึกลำบากใจด้วยครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ เข้าไปซื้อของแล้วรู้สึกสบายใจ ในขณะที่พนักงานก็ยืนพร้อมคอยช่วยเหลือตลอด
ผมเคยไปซื้อของมาประกอบคอมใหม่ แล้วมาติดตรงเมนบอร์ดว่าจะเอาตัวไหนดี สุดท้ายเลือกตัวแพงเพราะขอเผื่อเหลือดีกว่าเผื่อขาด พอไปถึงหน้าร้าน พนักงานยืนยันให้เอาตัวถูกกว่าไปใช้เพราะคุ้มกว่า ใช้งานได้แน่นอน ยอมใจเลย
เบื้องหลัง ตัวแพงของหมดเปล่าครับ ฮ่าๆ
ไม่รู้ง่ะ แฮะๆ
ทันยุคร้านแรก(ยุคหลังสเก็ตน้ำแข็งเจ๊ง)
เหมือนเคยเดินไปซื้อกับแก มิน่าร้านตรงกลางถึงยังอยู่ ทั้งๆที่มีร้านใหญ่ๆหลายร้านในzeerแล้ว
เพราะเป็น"ร้านแรกนิเอง" อืมๆ ถ้าผมจำไม่ผิด se-edใกล้ๆนิมาเปิด หลังๆร้านแก ใช้ป่ะ หรือผมเบลอ เปิดมาพร้อมๆกัน
ผมอาจจะไม่ค่อยได้ซื้อของที่ JIB มาก แต่ผมชื่อชมคุณสมยศ จริงๆครับ
ล่าสุดซื้อ External HDD ทาง JIB online เมื่อเดือนที่แล้ว
"สินค้าที่ขายต้องเป็นของใหม่จริงๆ 100%"
ขอให้ทำได้จริงๆครับ พลาดที คนเขาจำไปนาน
"J.I.B. ซีเรียสกับการส่งสินค้ามาก"
TP Logistic นี่ก็ทำเสียไว้เยอะ
ทำไมเรี่อง พนง. ร้านนี้ผมตรงกันข้ามเลย ทำหน้าหยิ่ง ไม่ต้อนรับลูกค้า เวลาถามก็หน้างอยังกะไปขอฟรี
อยากชี้อเจ้าอี่น แต่ไกลเวอร์
ประทับใจร้านนี้ครับ ซื้อและแนะนำคนอื่นให้ซื้อจากร้านนี้เช่นกัน :)
ขอบคุณที่ทำให้เรารู้จัก และเข้าใจ มั่นใจในกิจการนี้มากขึ้น ;)
รูปสามผมคุ้นหน้าคนขวามือสุดมาก