เมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์นักข่าว โดยมีตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้ข้อคิดคนทำสตาร์ทอัพให้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง
พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงสตาร์ทอัพว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ให้คำเตือนและให้หลักการไว้ว่าทั้งหมดต้องใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการทำงานทุกอย่าง ลงทุนอย่างมีเหตุผล ลงทุนเท่าที่เรามีกำลัง อย่าไปหวังรวยตั้งกิจการใหญ่โตและสุดท้ายก็ล่มสลาย เราต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการประกอบการ
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่ารัฐบาลนี้กำลังทำให้เกิดการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ประชาชนมีช่องทางในการเข้าถึงการค้าอย่างครบวงจร
ภาพจาก Royal Thai Government
ที่มา - ประชาชาติธุรกิจ
Comments
555555555555555555555
ประชาชนแนะ ทำงานราชการต้องยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่าไปหวังรวย
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
+100000000000000
+44
โดนใจมาก
ทำไมผมขำ สิ่งที่ท่านทำ ช่างตรงข้ามกับที่พูด
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555++
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
โชคดีมากที่เพื่อนร่วมงานผมกลับบ้านหมดแล้ว ทำให้ผมสามารถลงไปนอนกลิ้งบนพื้นได้อย่างเต็มที่
เห็นภาพ 5555555555
ใจเย็นครับ 55555555555+
คนระดับบริหารยังเอา SME มาปนกับ Startup อยู่เลย
I need healing.
แต่นายกไม่ได้เอามาปนกันนะครับ
ในข่าวก็แยกย่อหน้าชัดเจน
ถ้าคุณเข้าใจผิดวันหลังอ่านช้าๆนะครับ :P
ย่อหน้าล่างนั่นมันจุลภาค มหภาคนี่ครับ
ธรรมชาติของ Startup เกิดมาเพื่อเจ๊งอยู่แล้วเป็นธรรมชาตินี่ครับ ประสบความสำเร็จก็ขายกิจการให้รายใหญ่แล้วมาทำต่อ
I need healing.
+1 ผมล่ะปวดหัวกับธนาคารออมสินเหลือเกิน =="
Coder | Designer | Thinker | Blogger
+1 ครับ ก็ Startup มันแค่ Start แล้วรอคนอื่นซื้อไปทำต่อ ไม่เกี่ยวกับธุรกิจขนาดเล็กกลางใหญ่ หวังรวยแล้วล้มละลายอะไรนั่นเลย
ถ้าเรารู้จักสิ่งนั้น
Educational Technician
เงิน
จำไว้ ทำธุรกิจอย่าหวังรวย อยากรวยไปรับราชการ ถถถ
+555555555555555555555555
จริงจาก context ท่านน่าจะอยากพูดว่าอย่าโลภมากกว่ามั้ง
เรือดำน้ำ รถถัง รถไฟ
แต่นักข่าวก็ชอบไปถามท่านหลายๆ อย่างนะ ตอนลำไยก็ทีนึง ท่านก็ตอบไปตามเนื้อผ้าแล้วก็เอามาเป็นข่าวกัน 55
ขออยู่เงียบๆ ละกันครับ
ว่าแต่เป็นข่าวที่เรียกแขกเหลือเกิน
จริงๆ เศรษฐีหลายๆ คนในโลก ก็แนะนำว่า ช่วงแรกอย่าเพิ่งห่วงเรื่องเงิน ให้ทำสิ่งที่รัก แล้วเงินจะตามมาเอง นะครับ แกคงจะกำลังแนะนำอะไรเทือกๆ นั้นล่ะมั๊ง ในภาษาของแก
ขึ้นชื่อว่า startup ต้องระดมทุน หาผู้มาร่วมหุ้น
ถ้าบอกใครๆว่าไม่หวังกำไร ไม่หวังใหญ่
แล้วใครจะมาลงทุนด้วย ?
หวังกำไรได้ แต่อย่าหวังมากจนสุดท้ายเจ๊ง
แล้วอันนี้ก็แค่คำเตือนเฉยๆ ไม่ได้บังคับให้ทุกคน
ในความคิดผม Startup เกิดจากคนกลุ่มนึง ที่คิดค้นวิธีแก้ปัญหาอะไรบางอย่างได้ แล้วกำลังทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เพียงแต่ขาดโอกาศและเงินลงทุนเท่านั้น คุณจะระดมทุนได้แค่ไหน อยู่ที่ความเจ๋งของไอเดียคุณ ผมมองแค่นี้ครับ ถ้าเริ่มทำ Startup โดยมีเหตุผลเพียงเพราะได้เงินเร็วดีอย่างเดียว แต่ไม่ได้เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาอะไรซักอย่าง ผมว่าเกิดยากครับ
เรื่อง Startup ผมยกตัวอย่างคลาสสิคอย่าง Instagram เลยครับ เริ่มจากไม่คิดตัง ไม่มีโมเดลหาเงินด้วยซ้ำครับช่วงแรก แล้วค่อยๆ โต
http://www.investopedia.com/articles/investing/102615/story-instagram-rise-1-photo0sharing-app.asp
เราอาจจะอยู่กันคนละจักรวาลหรือเปล่าครับ ทำไมผมไม่ได้รู้สึกว่า Instagram มันเป็นธุรกิจที่ "ค่อยๆ โต"
จะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลกครับ เพราะ Instagram โตขึ้นมากหลังจากโดน facebook ซื้อไป
แต่แรกเริ่มเดิมที ถ้าติดตามเรื่องราวของ Instagram มาตลอดจะรู้ว่า Instagram โตแบบค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ เพิ่ม feature อย่างระมัดระวัง รักษาจุดยืนของตัวเองไว้ ไม่ได้จ้างคนเพิ่มเยอะๆ หรือเน้นทำให้บริษัทโตไวๆ หรือทำกำไรเยอะๆ เลยครับ ลองไปอ่านจาก link ข้างล่างนี้ดูครับ
Top 3 Lessons for Young Entrepreneurs from Instagram’s $1 Billion Sale
Instagram, Facebook, And The New Zero-Revenue Acquisitions
คำว่าโตของคุณดูแล้วน่าจะหมายถึงกำไรหรือสินทรัพย์หรือเปล่า? ถ้าเป็นในมุมมองของผมว่าคำว่าโตตามนิยามของคนในวงการ Startup จำนวนของ user ก็เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่า Product มันโตแค่ไหนได้เช่นกัน ซึ่งมองในมุมนี้ การปล่อยแอพออกมาแล้วสามารถสร้างฐานผู้ใช้งานได้ถึง 1 ล้าน users ใน 2 เดือนผมว่านี่ไม่ได้เรียกว่า "ค่อยๆ" แล้วครับ และเหตุการณ์ช่วงนี้ก็ยังไม่ได้มี facebook เข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินการเลยนะครับ ในตอนนั้นจำนวน users ยังเพิ่มขึ้นแบบ exponential เป็น 10 ล้าน users ในอีก 9 เดือนถัดมาก่อนจะถูก facebook ซื้อไปในอีก 7 เดือนให้หลัง
ถ้ามองในมุมนี้ผมก็ไม่รู้ว่าคุณมองแบบไหนถึงเห็นว่ามัน "ค่อยๆ โต" ไปได้
แล้วสมมติว่าเฟสบุคไม่มาซื้อ และ Instragram เองก็อยู่ในภาวะเดิม คือไม่มีโมเดลทำเงิน จำนวนผู้ใช้มันความโตได้มั้ยครับ แล้วถือว่าเป็น startup ที่ใช้ได้หรือไม่
อันนี้ผมถามเพื่อเปิดมุมมองนะครับ เพราะตอนแรกผมก็ไม่ทันคิดเรื่องจำนวนผู้ใช้เหมือนกัน จนคุณอธิบายมาน่าสนใจดีครับ
เรื่องที่ว่ามันเป็น startup ที่ใช้ได้หรือไม่ได้ตรงนี้ผมคงไม่สามารถชี้ขาดได้ครับเพราะไม่ได้มีความรู้หรือประสบการณ์มากเพียงพอในด้านนี้ แต่ถ้าหากมองด้วยมุมมองส่วนตัวแล้ว ตราบใดที่ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนมีคนเอาเงินมาลงทุนอยู่เรื่อยๆ และยังสร้างฐานผู้ใช้หรืออย่างน้อยรักษาฐานผู้ใช้เอาไว้ได้ก็ถือว่ายังเป็น Startup ที่ดูน่าสนใจอยู่ครับ
ขอบคุณครับ ผมก็มองไปแบบอูเบอร์ ที่คนใช้เพียบแต่ก็ยังขาดทุน ถ้าเปลี่ยนโมเดลทางธุรกิจก็น่าจะทำอะไรได้อยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเหลือความเป็นอูเบอร์ได้ขนาดไหน
เพราะดูๆ แล้วมีโอกาสจะกลายเป็น just another Taxi calling platform อ่ะครับ
สำหรับผมหมายถึงกำไรและสินทรัพย์ที่กำลังเป็นประเด็นให้พูดถึงอยู่ในกระทู้นี้ครับ แน่นอนถ้าพูดถึงฐานผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่ Instagram เค้าเน้นอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ซึ่งจริงๆแล้ว Instagram ช่วงแรกๆ ก็ได้ใช้หลักการประมาณเดียวกับที่นายกประยุทธ์บอกอยู่รึเปล่า คือลงทุนอย่างมีเหตุผล สามารถขยายบริษัทให้ใหญ่โตแต่ไม่ทำ
แต่ถ้ามองในแง่นักลงทุนฐานผู้ใช้งานและข้อมูลต่างๆ ก็พอจะอนุมานได้ว่านั่นคือสินทรัพย์ประเภทหนี่งได้เช่นกันนะครับ
วิชั่นแบบนี้ ไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียง และความหมายของ สตาร์ทอัพ เลย จะนำพาชาติไป 4.0 ได้ แน่นอน
...ชาติหน้า
ปล. อยากนำหลักคิดของท่านไปทำป้ายคัดเอาท์โตๆ ขึ้นทุกกรม ว่า "เป็นทหารอย่าไปหวังรวย อย่าหวังอำนาจ อย่าเข้าใจบาบาทสำคัญตนผิด" จุงเบยครับท่าน
นายกไม่เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียงหรือคุณอ่านข่าวไม่ดีครับ นายกบอกให้ลงทุนอย่างรอบคอบ อย่าโลภลงทุนเยอะจนสุดท้ายธุรกิจล่ม ซึ่งก็ตรงกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง
ที่ไม่เข้าใจคือเอาคำว่าพอเพียงมากางคลุมกับบริบทสตาร์ทอัพ ลำพังคำว่าพอเพียงมันไม่ตายตัวหรือในเชิงขนาดได้เป็นระนาบเดียวกัน เหมือนคุณใส่เสือ M ผมใส่ L พอดีๆ คุณกับผมไม่เหมือนกันยิ่งมาใช้ฟังดูผิวๆ กับการประกอบธุรกิจ ที่ถามจริงๆ มีใครบอกได้ว่าควรลงทุนเท่าไหร่จะพอเพียงไม่ใช่เกินตัว มีสูตรสำเร็จเหรอ? แล้วตัวชี้วัดอะไรจะบอกว่านั้นใช้เงิน กู้หนี้ไปแสน หรือล้านมันเกินพอเพียงสำหรับคนนั้นคนนี้? คิดซิครับ ไม่ใช่เอาแต่ไล่อ่าน และคอมเม้นท์สรุปว่าใครอ่านไม่ดี คำว่า scale มันมีความเสี่ยงอยู่ในตัวและ ใครๆ ที่ทำธุรกิจรู้คำว่า'เสี่ยง' มาก-น้อยอยู่แล้ว และที่ใครๆ เขากุมขมับไม่ใช่เพราะว่าไม่เขาใจความหวังดีของคนดีศรีอยุธยาแต่ตรงที่เอาคำว่า 'อย่าไปหวังรวย' มาใช้กับบริบทของการทำธุรกิจ /ตั้งกิจการ มันเข้ากันได้จริงๆ เหรอถามใจจริงๆ
startup มักต้องระดมทุน หาผู้มาร่วมหุ้น
ถ้าบอกใครๆว่าไม่หวังกำไร ไม่หวังใหญ่
แล้วใครจะมาลงทุนด้วย ?
จะเม้นสองสามที่ทำไมครับ แค่ที่เดียวคนก็เห็นแล้ว รกเปล่าๆ
เศรษฐกิจพอเพียง มันเอามาใช้กับการทำธุรกิจไม่ได้หรอกคุณ ไม่มีใครที่เค้าประสบความสำเร็จจากการทำแค่พออยู่ได้หรอก
จะขอยึดคำพูดท่านไว้ปฏิบัติ จะเลิกซื้อฉลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วครับ
เพราะไม่เคยได้กินรัฐบาลเลยสินะครัช :p
ถ้าได้กินก็ต้องแบ่งรัฐบาลล่ะครับ (สลากกิน(แล้ว)แบ่งรัฐบาล)
ใจความสำคัญของเขาคือ อย่าโลภ โตเร็วจนมีความเสี่ยงสูงเกินไป หรือเปล่าครับ พอตัดมาแค่คำว่า อย่าไปหวังรวย แล้วใจความสำคัญผิดเพี้ยนไปหมดเลย
ผมว่าพาดหัวข่าวเรียกแขกครับ ไม่ต่างกับหนังสือพิมพ์หัวสีเลย ซึ่งเข้ามาดูแล้วก็เป็นดังคาด มีคนอ่านแต่พาดหัวแล้วประชดกันเละเทะ ทั้งที่ส่วนที่พูดว่า
นี่ก็หลักการทำธุรกิจพื้นฐานมากๆ ให้ระวัง Overinvestment เติบโตให้เหมาะสมกับขนาดและทุนของกิจการ แต่ก็ไม่มีคนอ่านเนอะ
ใครจะไปมีปืนยึดอำนาจ ทำกิจการใหญ่โตได้เหมือนนายประยุดล่ะ
ผมว่าตระกูลรวยๆ 10 อันดับแรกของไทย เช่น เจียรวนนท์ สิริวัฒนภักดี อยู่วิทยา etc. ก็ไม่ได้มีใครจับปืนมายึดอำนาจสักคนนะ
นั่นมาเพราะการแต่งงานบางส่วนครับ
I'm ordinary man; who desires nothing more than just an ordinary chance to live exactly what he likes and do precisely what he wants.
เขาไม่จับปืนแต่ใช้เงิน เส้นสาย หนือการแต่งงานครับ อย่างวัฒนา เมืองสุข ฉายา เขยซีพีคุณว่าเขาไม่คิดช่วยพ่อตาหรือครับ
แล้วผมบอกเหรอครับว่าผมคิดว่าตระกูลเหล่านั้นไม่ได้ใช้เส้นสาย? ผมว่าคุณลองจับประเด็น ดูลำดับการถามตอบดีๆ ก่อนนะครับว่าผมพูดอะไร ตอบใคร
555+ อ่านแล้วขำคนที่คุณไปตอบเม้น
ผมก็ขำคุณเหมือนกัน เห็นเม้นท์ทุกเรื่อง แต่เรื่องพร้อมเพย์กับไม่รู้เรื่องว่าใช้จ่ายแท๊กซี่ได้แล้วไปวิจารณ์พร้อมเพย์ ที่จริงตอนนั้นผมก็อยากตอบคุณนะแต่โควต้าผมหมดพอดีเลยไม่ได้ตอบ เลยขอตอบตรงนี้แล้วกัน
จ่ายแท็กซี่ได้แค่สหกรณ์ที่รองรับครับ ไม่ใช่ว่าจ่ายได้ทุกคัน แหม พูดยังกะจ่ายแท็กซี่ได้ทุกคันครับ
มีแค้นฝังหุ่น ... ผมน่ะไม่รู้ แต่คุณน่ะไม่ใช้สมอง
จริงๆ มันไม่เกี่ยวกับความรวยหรอกครับ อยู่ที่การโกงคอรับชัน คนจะเลว ล้านนึงมันก็โกงได้ครับ
เห็นด้วยครับ หมดอนาคตเพราะเงินน้อยกว่านี้ผมก็เคยเห็น
แต่เป้าหมายการทำ startup ก็คือระดมทุนเพื่อให้โตเร็วหรือป่าวครับ
ส่วนลงทุนผมว่านักลงทุนเขาก็วิเคราะห์ก่อนจะเลือกลงทุนใน startup แต่ละเจ้าอยู่แล้วนะครับ คงไม่ลงซี้ซั้วแน่ๆ
ยกเว้น Kickstarter ที่ผู้ร่วมทุนไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับโครงการเลย แค่เห็นว่ามันเจ๋งดี
ใจความที่ลุงต้องการสื่อ คือ อย่าโลภ นิครับ
พอเรื่องการเมืองนี่ กลายเป็นเว็บคลิกแชตกากๆ ไปเลยแฮะ
ผมว่าแนวคิดนั้นบางอย่างมันสวนทางกับการทำ Startup อยู่แล้วคนเลยไม่อิน ถ้าเอาไปพูดกับธุรกิจ SME อันนั้นดูน่าจะตรงมากกว่า
พออ่านครบ เข้าใจในสิ่งที่เค้าจะสื่อนะ
ถ้าไม่เอาเรื่องอื่นมาเกี่ยว เค้าก็พูดถูกละนี่
เหมือน boatboat ว่าไว้ข้างบน
startup ต้องระดมทุน หาผู้มาร่วมหุ้น
ถ้าบอกใครๆว่าไม่หวังกำไร ไม่หวังใหญ่
แล้วใครจะมาลงทุนด้วย ?
เสนอแผนธุรกิจครับ จะใหญ่ไม่ใหญ่เค้าไม่ค่อยสน คนที่จะมาร่วมด้วยเค้าดูแผนธุรกิจ และช่องทางทำเงิน
ถ้าคุยใหญ่ แต่ดูแผนแล้วง่อย ใครก็ไม่เอา
บางทีแผนดี คุยใหญ่ แต่วิธีการดำเนินงานง่อย เค้าก็ถอนหนีครับ แบบ Theranos
เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ไช่ จงจนตลอดไปอย่าหวังรวย แต่เป็น การพยายามทำทุกอย่างให้ครบวงจรเพื่อไช้เอง อยู่ให้ได้ด้วยตนเองไม่ต้องไปแย้งยื้อเงินของคนอื่น มีพอแล้วค่อยขาย
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
คนเขียนข่าวก็ทำตัวเหมือนนักข่าวตามท้องตลาด หาคำจั่วหัวเป็นclickbaitตัดข้อความมาแค่บางคำ เอาแบบที่คนจะเข้าใจผิดชัวร์ๆ
คนอ่านก็ไม่อ่านเนื้อข่าวให้เข้าใจดีก่อน เห็นหัวข่าว+อ่านผ่านๆ+อคติในตัว แล้วก็ตีความผิดไปหมดเอานู้นชนนี่ แล้วก็มาคอมเม้นบ้าๆบ้อๆ
เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ในเว็บblognoneขึ้น
น่าเวทนาจริงๆ
สิ่งที่นายกพูดก็เป็นการเตือนที่มีประโยชน์ด้วย
เจ้าตัวยังไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดไปเลยมั้ง ไม่งั้นคงเตือนน้องชาย กับหลานไปแล้ว
เป็นคนบ้านเดียวกับนายกหรอครับ ดูรู้ดีจังเลย ทั้งรู้ว่านายกไม่เชื่อและไม่เตือน
ว๊ายยยยย ตกใจ มีแฟนลุงตู่ อยู่แถวนี้ด้วย
ปกติพาดหัวสั่วๆ ผมด่ายับนะครับ
แต่พาดหัวนี้ผมว่ากินใจความครบถ้วน ถือว่าเป็นพาดหัวที่ดีเลยนะครับ
งั้นคงต้องบอกว่านี่ขนาดเตือนนะเนี่ย ยังจับได้คาหนังคาเขา ยังไม่ทำอะไรเลย หรือเปล่าครับ
แสดงว่า แทบไม่ตามข่าวอีกด้านเลยนะครับ แทบจะคาหนังคาเขา พ่อเขาก็ไปขายที่ดิน แบบต่างตอบแทน ที่เกาะบริติท
ผมว่าทั้งหัวข่าวและเนื้อหาก็ตรงไปตรงมาดี
ถ้าคุณไม่พอใจก็เขียนข่าวเข้ามาเองเลย จะรออ่านนะครับ
อ่านหัวข้อข่าวแล้วขำกลิ้ง อย่าหวังรวย
พออ่านเนื้อข่าวแล้ว OK ก็จริงนี่หว่า นายกพูดถูกแล้ว
สงสัยคนเขียนข่าวแม่งไม่เข้าใจความหมายของเศรษฐกิจพอเพียงว่ะ อายแทน Blognone
ผมว่ามันคงติดอยู่ตรงนี้ "อย่าไปหวังรวยตั้งกิจการใหญ่โตและสุดท้ายก็ล่มสลาย" ถ้าพูดว่าเศรษฐกิจพอเพียงมันก็น่าจะครอบคลุมความหมายแล้ว ส่วนเรื่องจะตั้งเล็กหรือใหญ่มันก็อยู่ที่เงินทุน แหล่งเงินทุนกับการยอมรับความเสี่ยงของแต่ละธุรกิจ Startup
คนเดียวนั่งหลายตำแหน่ง กินเงินเดือนทุกตำแหน่ง .... พอเพียง? คนก่อนกินเงินเดือนสูงสุดตำแหน่งเดียว
ผมหมายถึง ... เมียผมเองครับ
คนพูดทำได้ไหม
พาดหัวข่าวแนวเรียกแขก นึกว่าเป็นเว็บ ...zaa.com ไปแล้ว
โอ้โห อยากปล่อยสวนสัตว์ออกจากปากผมเองมากๆ นี่แย่สุดๆ เลย
อ้าว แก้ละ ... ค่อยโอเคหน่อย
เห็นมีด่าคนเขียนกันเละเทะเลย สงสัยไม่เข้าใจ StartUp จริงๆว่ามันไปกับมันคนละแนวคิดกับเศรษฐกิจพอเพียงเลยครับ Startup ไม่มีตังสักแดงแต่เอาแนวคิดไปขายเอาเงินทุนแค่เริ่มก็ผิดหลักแล้ว แถมต้องโลภในความสำเร็จจุดติดแล้วต้องไปให้เร็วที่สุด ทำตัวเกินตัวตลอดเวลาช้าค่อยๆก้าวก็ตายหมดครับ เงินที่ VC ให้ก็หมด ลูกค้าก็ยังไม่มี กระแสหายขายใคร? มันก็มีแนวคิดจากรีบคิดรีบทำรีบรวยทั้งนั้นอะ บ้างทีแนวคิดมันไม่สอดคล้องกับบางอย่างก็อย่าดันทุลังเลยครับ
ถ้าตาม Dictionary เลย (ผมอ้างของ Prentice Hall ที่อยู่บนโต๊ะพอดีละกัน) คำว่า Start Up แปลว่า
ซึ่งผมว่า มันแปลได้ทั้งสามอย่างเลยนะ แต่ความหมายที่น่าจะเข้ากันมากที่สุดคงเป็นอันที่สาม คือเหมือนกับเป็นตัวเริ่มให้อะไรสักอย่างมันเคลื่อนไปข้างหน้า มีการพัฒนา อะไรประมาณนี้ ซึ่งผมมองว่าจริง ๆ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเอาแนวความคิดไปขาย หรือการทำอะไรด้วยเงินคนอื่น อะไรแบบนี้เท่าไหร่ (แต่ยอมรับว่า Start Up หลาย ๆ ที่ก็ทำแบบนี้จริง ๆ )
ทั้งนี้มีคนบอกว่าการทำธุรกิจด้วยแนวความคิดที่ว่าจะต้องรวยให้ได้ก็ผิดแล้วครับ ให้มองว่าการทำธุรกิจคือการใช้ชีวิตแบบจะดีกว่า อะไรแบบนี้
ไม่ใช่หลายๆทีอะครับ เกือบ 100% อาจารย์บางท่านบอกทั้งหมดด้วยซ้ำ งั้นเขาก็ใช้คำอื่น เช่น SME เพราะคำนี้มันดังจากการมีเวที picth งานกับมี VC เห็นได้จาก บรรดา VC ที่มีเป็นดอกเห็ดเลยครับ มีเพื่อสร้าง Start UP ทั้งนั้น ถามจำเป็นต้องทำให้รวยไม่ก็อาจจะไม่ แต่อันนั้นก็เป็น Social Enterprise ครับมีประเภทย่อยไม่เยอะนักซึ่งท่านผู้นำไม่ได้ก้าวถึง
ผมนั่งฟังพวกแข่ง pitch กันบ้างเหมือนกันครับ (ฟังของนอกนะครับ ไม่ได้ฟังของไทย) หลาย ๆ อันมีแนวคิดน่าสนใจ มีอันนึงที่ผมสนใจคือ VC สนใจแนวคิดแล้ว แต่ Pitch ไม่ผ่าน VC ไม่ซื้อ ด้วยเหตุผลว่ายังไม่ได้ทดลอง ยังไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนเป็นอย่างไร ขาดความชัดเจนด้านแผนงาน จำนวนคนที่จะใช้ ฯลฯ แต่ VC มีให้ที่อยู่ติดต่อกลับไปโดยสัญญาว่าจะช่วยในเรื่องการพัฒนาแผนธุรกิจครับ
(เป็นธุรกิจการกำจัดของเสียชีวภาพ โดยนำไปผ่านกระบวนการที่ผลลัพท์ที่ได้เป็นปุ๋ย ไม่ใช่การฝังกลบแบบในอดีต เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่ายแค่ 1/3 และใช้เวลาต่ำกว่าเกินครึ่ง ถ้าผมจำได้คร่าว ๆ นะ)
ส่วนตัวผมมองว่า SME เป็นแค่ธุรกิจขนาดเล็กน่ะครับ มองว่า StartUp ก็เป็นแค่ธุรกิจขนาดเล็กรูปแบบนึงแต่มีแนวคิดที่ทะเยอทะยาน และเป็นแนวคิดที่ไม่เคยมีคนทำมาก่อน ถ้าลอกคนอื่นมาก็เป็นแค่ SME ธรรมดา ๆ
Instagram ไงครับ เริ่มจากไม่คิดตัง ไม่มีโมเดลหาเงินด้วยซ้ำครับช่วงแรก แล้วค่อยๆ โต
http://www.investopedia.com/articles/investing/102615/story-instagram-rise-1-photo0sharing-app.asp
start up = มูลนิธิ
เศรษฐกิจพอเพียง ในความคิดของผมคือ ไม่ทำอะไรเกินตัว พอประมาณ ทำสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้
ถ้าใช้เศรษฐกิจพอเพียง แล้วต้องจนอยู่ตลอดหรอ ถ้าคิดอย่างงั้น คุณก็ไม่มีความพัฒนาตนเลย หากคุณมีความสามารถ การทำในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ และพัฒนามันขึ้นไปเรื่อยๆ ตามสเต็ป ของมันไปคุณก็รวยได้ หาเงินได้จากการใช้พื้นฐานแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
ในความหมายของนายก สตาร์ทอัพเกิดใหม่เยอะแยะมากมาย มันก็อาจมีบางคนคนหวังรวยกันอย่างรวดเร็ว ก็ทุ่มอะไรไปหลายอย่าง ทำเกินตัว พอไปพิชไม่ได้เงินทุน ก็เจ้งกันไป หมดเนื้อหมดตัว
มันอะไรแนวๆนี้รึเปล่าครับ เขาแค่ออกมาเตือน
สำหรับท่านที่เข้ามาหลังจากมีการแก้ข้อความในหัวข้อข่าวนะครับ
หัวข้อเดิมได้ถูกเขียนไว้ตามนี้ครับ
"นายกประยุทธ์แนะ ทำสตาร์ทอัพต้องยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่าไปหวังรวย"
https://twitter.com/blognone/status/882548703554412545
ในบล็อกนันก็ยังมีคนประเภทอ่านแต่หัวข้อข่าวรึนี่
ไม่ใปแฟนลุงนะ ผมว่าอคติกันหลายคน
บางคนอ่านแต่หัวข่าว
บางคนภาษาไม่แตก
ลองเปลี่ยนเป็น jack maa หรือ คนอื่นพูดดิ
จะเม้นกันแบบนี้ไหม
บางคนเม้นซะยังกะห้องราชดำเนิน
ยินดีกับทุกท่านด้วยครับ
คำว่า "อย่า" ในบริบทของข้าราชการทุกครั้งเวลาที่แพล่มออกมาก็มักจะมีปัญหาอย่างนึงคือ "ล่อทีน" จากบุคคลทั่วไป(พูดอย่างกับมึ-ทำกิจการเองเป็นแหละ, กินภาษีทุกเดือนจะพูดอะไรก็ได้นี่ ฯลฯ)
จริงๆก็มีบทเรียนเยอะแยะครับ Rovio, OUYA, แม้กระทั่งบริษัทที่ผมร่วมงานด้วยก็เคยล่มมาแล้ว เหตุเพราะมันโตแต่โครงสร้างองค์กร(+มูลค่าบริษัท) แต่.... Cash Flow หนืดอย่างกับอะไรดี สุดท้ายก็เละ.... เอวัง
ผมว่าหลายๆคน ยังเอา startup ไปรวมกับ sme อยู่นั่นแหละ
โดยตัวstartup เองต้องดึงดูดให้โตเร็วที่สุด เพื่อ disrupt ตลาดในช่วงเวลาหนึ่งๆให้ได้ โดยก้าวต่อไปคือโดนบ.ขนาดใหญ่ซื้อต่อไป หรืออยู่ไม่ได้ก็ล้มไป แล้วไปสร้างนวัตกรรมใหม่ๆมาถล่มตลาดต่อ
ไม่มี startupที่ไหน ลงทุนเองค่อยๆขยายตัว เพราะจะโตไม่ทันคู่แข่งแล้วแพ้ไปจากตลาดครับ
เวลาpitch นี่มีใครบอกนักลงทุนVCไหม ผมหวังผลระยะยาวนะ ค่อยๆโต ค่อยๆขยายตลาดสักสิบปี? ไม่กู้เงินลงทุนนะ ค่อยๆเอาเงิินเก็บขยายการลงทุนทีช้าๆเอา?
ลงทุนเท่าที่มีกำลัง งั้นstartup ส่วนใหญ่คงไม่เกิด เพราะไม่ได้ใช้เงินตัวเองลงทุนเป็นหลักกันทั้งนั้นเลย?
ส่วนจะไปเทียบกับเศรษฐกิจพอเพียงก็เทียบยาก เพราะเหมือนนามธรรม ที่พูดยังไงก็ถูกขึ้นกับการตีความ เหมือนคำว่า"คนดี" คือยังไงก็ดี แต่ทำอย่างไรแล้วดี ตอบกันยากครับ....
ป.ล. เห็นหลายคนไม่ชอบพาดหัว ทั้งๆที่ก็สรุปความได้ค่อนข้างครบถ้วนแล้วกระชับ อีกหน่อยคงลงได้แต่บทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ห้ามสรุปข่าว จริงๆประเด็นสำคัญคือพาดหัวได้ตรงเนื้อความไหม ซึ่งผมก็คิดว่าค่อนข้างตรงนะ(ที่ว่าอย่าไปหวังรวย)
+44.0
ตามเม้นนี้ครับเพิ่มเติมคือเป็นธุรกิจที่ scale ได้ ทำซ้ำได้
อยากเอาเม้นนี้ไปให้ผู้ใหญ่หลายๆท่านได้อ่านจริงๆครับ
อันนี้ผมเห็นด้วยครับ ว่าหลายคนน่าจะสับสนอยู่ (ซึ่งผมก็เคยเป็นนะ)
ถ้าแนวคิดนี้ใช้กับการทำธุรกิจทั่วไปหรือ SMEs บางอย่างก็คงจะโอเค แต่คงไม่ใช่กับธรรมชาติของ startup แน่นอน (หัวข่าวก็โอเคแล้วนะ ทั้งอันเก่าหรือใหม่)
เพียงแต่เรื่องที่มีการเมืองมาเอี่ยวด้วย อาจจะ sensitive กัน จริง ๆ เห็นแย้งกับบางคนนะครับ ถ้าใครคนอื่นแนะว่าใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับ startup ก็คงโดนเหมือนกันแหละครับ ไม่เหมาะจริง ๆ ไม่ใช่แค่นายกคนเดียว
+1
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
คอมเม้นแรกๆยังกะเว็บล่อข่าวในเฟสบุ๊ค เสียดาย Blognone กลายเป็นเว็บข่าวกิ๊กก๊อกไปเลย
เผื่อคนเพิ่งเข้ามาแล้วงงว่าข้างบนเถียงอะไรกัน
พาดหัวข่าวตอนแรกคือ "นายกประยุทธ์แนะ
ทำสตาร์ทอัพต้องยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
อย่าไปหวังรวย"
แล้วเพิ่งมาแก้ที่หลังเป็น "นายกประยุทธ์แนะ
ทำสตาร์ทอัพต้องยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
อย่าไปหวังรวยจนตั้งกิจการใหญ่โตแล้วล่มสลาย"
เห็นแบบนี้แล้วค่อยรู้สึกว่า blognone ยังคงเป็นเว็บที่มีคุณภาพอยู่
https://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:9t8ik3p9josJ:https://www.blognone.com/
node/93719+&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th
แต่ก็ยังรู้สึกเวทนามีคนที่ยังมีความคิดความเชื่อผิดๆ
แบบเม้นแรกๆอยู่ในเว็บนี่ มากกว่าหนึ่งคนอยู่ดี
อ่านความคิดเห็นแต่ละคนแล้วรู้สึก นิยาม Startup ไม่ตรงกับของผม ของผมจะหมายถึงธุรกิจที่เริ่มตั้งต้นในเรื่องดำเนินกิจการโดยเสนอผลิตภัณฑ์หรือแนวคิดธุรกิจใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน ส่วนเรื่องการระดมทุนนี้ไม่ได้เอามาเป็นส่วนหลักในนิยามเลย ถึงจะมีข่าวน่าตื่นเต้นในเรื่องการระดมทุนกับพวก Startup ก็เถอะ แต่เป็นมุมมองทางด้านการลงทุนมากกว่าตัวกิจการของ Startup เอง
Startup จริงๆแล้วคือธุรกิจที่ทำซ้ำได้ scale ได้ครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ iFlix ที่ให้บริการเหมือน Netflix
Lazada ที่เหมือนกับ Amazon พวกนี้ไม่ใช่อะไรใหม่ครับ แต่มันคือการก๊อปวางแล้วขยายตัวเองได้ไว
ผมขอรับรู้ไว้ก่อนนะครับ
จาก Wikipedia นะครับ อันนี้ตัว wiki มี cite ไปสองที่
คำอธิบายยาวๆก็หาอ่านได้ครับ
ส่วนเรื่องความเห็นหรือคำแนะนำของลุงตู่ ผมก็เห็นด้วยบางส่วนและไม่เห็นด้วยบางส่วนแฮะ และความหมายบางอย่างก็เหมือนว่าลุงตู่แกไม่เข้าใจว่า startup คืออะไรเลย ตัว startup เองมันเกิดขึ้นเพราะคนหวังรวยกันอยู่แล้ว ไม่เกิดก็ดับเพราะเน้น investors fund ต่างจาก SME ที่เป็น self-fund ถ้าจะให้ถูกลุงตู่น่าจะบอกว่าก่อนทำ startup ใดๆให้คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนว่าตัวนั้นจะรุ่งหรือร่วงมากกว่ากันดีกว่า
เอาจริงๆแกคงมองว่า NPL ในปีนี้มันเยอะเกินไปแล้วหน่ะแหละ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1 ผมก็คิดว่าแกพูดผิดเรื่องนี้ไป คือจริงๆ น่าจะเป็น "ก่อนทำ startup ใดๆให้คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนว่าตัวนั้นจะรุ่งหรือร่วงมากกว่ากันดีกว่า" แบบที่คุณบอกนี่แหละ
ผมว่าหลัก ๆ คือค้นหา problem-solution fit เพื่อตอบโจทย์ pain point ของ customer ครับ
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
ถ้านายกยึดหลักพอเพียง คงจบที่ ผบ.ทบ.
สอนคนอื่นได้ แต่ลืมธรรมชาติของมนุษย์
"พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่ารัฐบาลนี้กำลังทำให้เกิดการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ประชาชนมีช่องทางในการเข้าถึงการค้าอย่างครบวงจร"
สงสัยกลัวบริษัทประชารัฐรักสามัคคี โตไม่ทันstartup
http://www.prsthailand.com/aboutus
สังคมไทยมีความหวาดกลัวความล้มเหลว ความพ่ายแพ้ และการแข่งขันครับ ธรรมชาติของการทำธุรกิจจะต้องนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในด้านหนึ่งด้านใดและเป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อลงแข่งในตลาดอันดับต้น ๆ ก็จะร่ำรวยเป็นธรรมดา อันดับต่ำลงมาก็ย่อมจะล้มไปเป็นธรรมชาติ การล้มเหลวเมื่อเกิดก็ต้องเกิดการเรียนรู้ที่จะไม่ทำพลาดในสิ่งเดิม การล้มเหลวของ Startup ทั้งหลายมันย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่มีอะไรไปป้องกันไม่ให้แพ้ไม่ได้หรอกครับ เพราะมันเป็นการแข่งขันเสรี ยกเว้นจะมีระบบอุปถัมภ์ที่จะทำให้ Startup ที่ไม่มีคุณภาพพอชนะได้
การหวาดกลัวความล้มเหลวก็จะพลักดันให้หาวิธีนอกกติกา ปฏิเสธการเรียนรู้จากความผิดพลาด ผมว่าในระยะยาวนี้น่าจะเสียหายมากกว่าเดิมครับ
คนเคยเจ็บตอนปี 40 เยอะครับ จะให้เจ็บซ้ำๆมันก็กระไรอยู่
แต่ก็อย่างว่า ถ้าผมปรามาส Startup ว่าเป็น"ขอทานไอที" เท่าที่ผมคลุกคลีอยู่ ณ ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องจริงครับ(เชิดเงินหนีไปเลย)
ประเด็นคือไม่มีอะไรป้องกันการเป็นอันดับล่าง ๆ ได้ครับ ยังไงก็ต้องมี startup ที่จะต้องเจ๊งไม่ว่าเค้าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม ส่วนจะได้เป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ จะแข่งกับประเทศอื่นได้หรือไม่ บางเรื่องต้องทำ บางเรื่องก็ต้องเสี่ยงครับ
ปล. รู้เรื่องต้มยำกุ้งว่าเกิดจากอะไรหรือเปล่าครับ มาตราการเงินบาทคงที่ 25 บาทต่อดอลล่าร์ กู้ในประเทศดอกเบี้ยแพง คนเลยแห่ไปกู้นอกประเทศ โซรอสทุบเงินบาท เงินบาทลอยตัว หนี้ที่ต้องจ่ายเป็นดอลล่าร์เลยแพงเป็นสองเท่า การเรียนรู้เรื่องต้มยำกุ้ง (ซึ่งใช้อำนาจพิเศษแก้ไม่ได้) ทำให้คนไม่ผิดพลาดอีก ผมว่าเป็นสิ่งที่ดีนะครับ
พวก Unicorn Startup ทั้งหลายนี่ไม่ฉลาดเหมือนลุงตู่เลยเนอะระดมทุนทำไม?ต้อง"พอเพียง"ค่อยๆโตสิเธอว์
"Those who make peaceful revolution impossible will make violent revolution inevitable." JFK.
จริงๆเปลี่ยนจากแนะ Startup เป็นแนะ SME นี่จบเลยนะ ทุกอย่างเข้าใจได้
เมื่อไรจะเลิกใช้คำว่าพอเพียง(คนล่ะคำกับ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง)กับบริบท มั่วกันซะที ไม่ใช่ทุกบริบทจะมาจับกับคำคำนี้ได้