เราจะเห็นโลกออนไลน์เข้ามา disrupt ธุรกิจแบบเดิมๆ เต็มไปหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่สะดวกมากกว่าเดิม คุณสามารถนอนเล่นอยู่ในคอนโด เลือกสินค้าที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าได้ตามใจชอบ เพียงแค่สแกนบาร์โค้ดเท่านั้น
Nasket เป็นสตาร์ตอัพไทยรายล่าสุดที่แก้ปัญหาเรื่องประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าผ่านอีคอมเมิร์ซที่ยังยุ่งยากและซับซ้อน ด้วยการสร้างฮาร์ดแวร์ที่มีหน้าจอและตัวสแกนบาร์โค้ด ช่วยให้กระบวนการสั่งซื้อง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ อยากได้อะไรก็เอาไปสแกนเพื่อสั่งซื้อได้ทันที
Blognone มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณผรินทร์ สงฆ์ประชา ซีอีโอของ Nasket เพื่อให้ข้อมูลละเอียดว่าตกลงแล้ว Nasket คืออะไร ทำอะไรได้บ้าง
คุณผรินทร์ สงฆ์ประชา หรือคุณอ๋อง ซีอีโอจาก Nasket เป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการอีคอมเมิร์ซมายาวนาน เคยดำรงตำแหน่งเป็น Head of E-Commerce จากของ 7-Eleven และเห็นว่าตลาดอีคอมเมิร์ซภายในประเทศไทยยังมีขนาดไม่ใหญ่เท่าที่ควรจะเป็น
เมื่อพูดถึงขนาดตลาด จีนจัดว่าเป็นประเทศมีสัดส่วนของอีคอมเมิร์ซ์ใหญ่ที่สุดในโลกคือ 20% ของตลาดค้าปลีกทั้งหมด รองลงมาคืออังกฤษราว 18% ในขณะที่ไทยมีตัวเลขไม่แน่ชัด แต่คาดว่ายังไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ คุณผรินทร์จึงมีมุมมองว่าจะทำอย่างไรให้อีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น ขยายตัวเองจากออนไลน์มาอยู่ในโลกออฟไลน์ได้ จึงมีแนวคิดที่ก่อตั้งบริษัท Nasket ขึ้น จากนั้นจึงลาออกเพื่อมาเพื่อสร้างมันให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง
Nasket เป็นชื่อที่ได้รับไอเดียมาจากคำว่า “Next basket” สื่อความหมายจากช่วงเวลาที่เราช็อปปิ้งออนไลน์ เราจะเลือกสินค้าลงตะกร้า หรือ add to cart
สิ่งที่คุณผรินทร์ตอบสนองลูกค้าก็คือ เขาออกแบบฮาร์ดแวร์เพื่อสแกนบาร์โค้ดสินค้า มีจอภาพแบ่งแยกหมวดสินค้าและบริการชัดเจน ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าลงตะกร้าตามออเดอร์ที่ต้องการ จากนั้นสินค้าจะส่งตรงถึงคอนโด ด้วยราคาสินค้าเท่ากับราคาที่ขายในท้องตลาดแบบไม่ชาร์จราคาเพิ่มด้วย
คุณผรินทร์ สงฆ์ประชา ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Nasket
ปัจจุบันผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป คนมาอาศัยอยู่คอนโดในเมืองแทนบ้านเดี่ยวมากขึ้น และพฤติกรรมของคนอยู่คอนโดคือซื้อสินค้าต่อครั้งน้อยลง แต่จำนวนครั้งที่ซื้อค่อนข้างถี่กว่าเดิม เหตุเพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทางฝ่ารถติด ลำบากหาที่จอดรถ และไม่อยากแบกสินค้ากลับทีละมากๆ ด้วยตัวเอง เพราะระยะทางจากที่จอดรถของคอนโดกลับไปยังห้องพัก ไกลกว่าที่จอดรถของบ้านเดี่ยวมาก
ตรงนี้การซื้อสินค้าออนไลน์จากซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ ดูจะตอบโจทย์ แต่เอาเข้าจริงมีความยุ่งยากหลายประการ เช่น
แค่เสียบปลั๊กก็ใช้งานได้เลย ไม่ต้องลงทะเบียนให้ยุ่งยาก
Nasket แก้ปัญหาข้างต้น ด้วยแนวคิดว่าทุกอย่างต้องง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสแกนบาร์โค้ดแล้วคือ Nasket จะเสาะหาสินค้าเหล่านี้จากผู้ขายแหล่งต่างๆ แล้วนำมาจัดส่งให้ลูกค้าในช่วงเย็นของแต่ละวัน ส่วนการจ่ายเงินรองรับทั้งการจ่ายด้วยบัตรเครดิตจากตัวเครื่อง Nasket, รูดบัตรเครดิตกับเครื่องของพนักงานส่ง หรือจะจ่ายเป็นเงินสดก็ได้ เรียกว่ารองรับการจ่ายเงินทุกรูปแบบตามที่ลูกค้าสะดวก
แค่สแกนบาร์โค้ด ก็ได้สินค้ามาครอบครอง โดยไม่ต้องไปตระเวนหาซื้อด้วยตัวเอง
คุณผรินทร์เล่าให้ฟังว่าในโลกยุคดิจิทัล ทุกอย่างเป็นออนไลน์ไปหมด แต่อย่าลืมว่าคนที่ใช้ออฟไลน์ยังมี และเป็นกลุ่มคนขนาดใหญ่ด้วย คนกลุ่มนี้มักเป็นคนที่มีรายได้สูง อายุค่อนข้างเยอะ และเบื่อการจราจรติดขัด อีกทั้งเห็นว่า เอาเวลาไปทำธุรกิจหรือเรื่องที่สำคัญกว่าการมาจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าด้วยตัวเองน่าจะสะดวกกว่า
คำถามที่ Nasket พบบ่อยคือทำไมต้องทำฮาร์ดแวร์เอง ทำแค่แอพไม่พอหรือ? คำตอบคือเราจะเห็นว่าในตลาดมีแอพสำหรับสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากมาย มียอดดาวน์โหลดเป็นล้านๆ แต่เอาเข้าจริง มียอดใช้งานจริงเพียงหลักหมื่น คำถามคือทำไมคนดาวน์โหลดแอพถึงไม่ใช้งาน? คุณผรินทร์พบว่าการใช้แอพมีความยุ่งยากในทุกจุด ยอดผู้ใช้หายไปตั้งแต่ผู้บริโภคต้องมานั่งลงทะเบียนในขั้นตอนเริ่มต้นใช้งานแอพที่ซับซ้อน ยุ่งยาก ใส่รายละเอียดมากมาย อีกทั้งหน้าจอที่เล็ก ดูข้อมูลเลือกเลือกสินค้าลำบากกว่า
วิธีคิดของ Nasket คือการจำลองโมเดลของผู้บริโภคมาจากบรรดาคุณแม่บ้านทั้งหลาย ขอให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด ไม่ซับซ้อน สินค้าที่คุณต้องการจากห้างสรรพสินค้าสามารถนำมาสแกนบาร์โค้ดได้ทั้งหมด สินค้าราคาเท่ากับที่วางขายตามท้องตลาดทั่วไป สั่งมากได้เท่าที่ต้องการ
เครื่องสแกนบาร์โค้ดนี้ได้รับรางวัลมาแล้วในด้าน Product Design ทั้งในยุโรปและในอเมริกา
นอกจากนี้ Nasket ไม่ได้มีแค่สินค้าจำพวกอาหารเท่านั้น แต่มองว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของบริการที่เข้าถึงผู้อยู่อาศัยคอนโดสมัยใหม่ เช่น Nasket ยังร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่ทำเรื่องบริการ (service) สำหรับบ้าน เช่น FIXZY บริการส่งช่างซ่อมบำรุงถึงคอนโด หรือแม้กระทั่งแม่บ้านอย่าง Seekster ก็มาร่วมด้วย
คุณสามารถกดเรียกสั่งแม่บ้านด้วยการกดที่ตัวเครื่องเพื่อเลือกออพฟชั่นแม่บ้าน ให้รีดผ้า ล้างจาน ทำความสะอาดห้อง ล้างแอร์ได้ตามสะดวก รวมถึงพาร์ทเนอร์อย่าง Let’s Relax ให้คุณได้รับการนวดผ่อนคลาย สปาได้ตามต้องการ ไปจนถึงสั่งอาหารบางร้านอย่าง บาร์บีคิวพลาซ่าเข้ามาทานที่ห้อง หรือแม้จะใช้บริการจองคิวอย่าง QueQ ก็ทำได้
ตัวสแกนบาร์โค้ดของ Nasket ยังรองรับฟีเจอร์อื่นๆ อย่างการจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ แค่เอาบิลมาแสกนบาร์โค้ดก็จ่ายบิลได้ทันที ฮาร์ดแวร์ยังรองรับวิดีโอคอลล์ ใช้พูดคุยกับคนที่มาส่งสินค้า
Nasket กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ ที่ผ่านมาได้ทดสอบในวงปิดมานานเกือบ 2 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าประสบการณ์การใช้งานนั้นดีจริงๆ
ตอนนี้ Nasket จะใช้วิธีเจรจากับคอนโดเป็นตึกๆ ไป เพื่อติดตั้งเครื่องของ Nasket ให้กับลูกบ้านของคอนโดเหล่านั้น โดยช่วงแรกจะยังเน้นที่ตลาดคอนโดกลุ่มพรีเมียม ซึ่งลูกบ้านมีกำลังซื้อสูง แต่ไม่ค่อยมีเวลาออกไปซื้อของด้วยตัวเอง จากนั้นจะค่อยๆ ขยายไปยังคอนโดในระดับอื่นต่อไป
ส่วนรูปแบบการคิดค่าใช้จ่ายของ Nasket ยังไม่ตายตัว บริษัทก็มองไว้หลายทาง แต่ก็เปิดรับความสนใจจากคอนโดหรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ทุกราย ในกรณีที่ลูกบ้านอยากได้ Nasket ไว้ใช้งาน ก็อาจรวมตัวกันให้ได้หลายๆ ห้องแล้วเข้ามาคุยกับ Nasket ก็ได้เช่นกัน
Comments
กลัวตรงวันหมดอายุ
อยากรู้ค่าบริการมีมั้ย
ในฐานะคนอยู่คอนโดที่ไม่ได้ขับรถ ถือว่าดีมากครับ ถ้ามีฟังก์ชั่นพวกนี้ได้ด้วยก็ยิ่งดี (อาจจะมีอยู่แล้วรึเปล่าไม่รู้ แต่ไม่เห็นในบทความนี้)
Browse ได้ครับ
แล้วทำไมไม่สแกนโดยใช้มือถือละ ต้องใช้ hardware เพิ่มทำไม
เค้าก็บอกไว้ค่อนข้างละเอียดแล้วนะครับ
คือ ผมอ่านสองรอบแล้วก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะทำเป็นเครื่องทำไม ยิ่งเป็นการจำกัดการใช้งานเครื่องว่าต้องเป็นที่ห้องเท่านั้น ถ้าออกไปทำงานแล้วเพิ่งนึกออกได้ว่าจะต้องซื้ออะไรวันนั้นอดใช่มั้ยครับ ต้องรอวันถัดไป เทียบกับทำเป็นแอพสั่งของจากไหนก็ได้ เสียเวลาแค่ลงทะเบียนครั้งแรกครั้งเดียวซึ่งผมไม่เห็นว่าจะยุ่งยากอะไรขนาดนั้น หรือจะให้ดีก็ใช้ได้ทั้งเครื่องทั้งแอพดีที่สุด
อ้อ อีกเรื่องคือ ถ้าไม่ต้องลงทะเบียนแล้วต้องจ่ายด้วยบัตรเครดิตนี่ต้องรูดหรือกรอกทุกครั้งที่จ่ายใช่มั้ยครับ? ยิ่งไม่สะดวกกว่าเดิมเหรอครับแบบนี้
เค้ามองเห็นปัญหาของระบบปัจจุบันก็เลยพยายามเสนอวิธีทางแก้ครับ จะได้ผลจริงหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่องซึ่งเป็นธรรมดาของสตาร์ทอัพทั้งหลาย
แบบเราๆ มองว่าไม่ยุ่งยากครับ แต่แบบคุณพ่อคุณแม่ผมถ้าต้องลงทะเบียนอะไรสักอย่างนึงแล้วไม่มีใครไปทำให้ก็คือจบ ไม่ใช้ แค่นั้นครับ แล้วทีมนี้เค้ามองว่ามันคุ้มที่จะลองเสี่ยงเจาะช่องตรงนี้ดู
ถ้าให้ผมถามผมคงเปลี่ยนคำถามจากทำไมต้องทำ HW เป็นทำไมไม่ทำทั้งคู่มากกว่าหล่ะครับ
amazon dash ก็ประสบความสำเร็จนะครับ
iPAtS
แอพมีครับ แต่ผูกกันเครื่อง คือต้องมีเครื่องก่อนถึงจะใช้แอพได้
คิดว่าไม่ทำแอพ เพราะเลี่ยงปะทะพวกเจ้าอื่น ๆ
กับที่ทำเป็น HW เพราะถ้าดีลกับ condo ต่าง ๆ ได้ ผมว่าเพิ่มมูลค่าห้องขึ้นได้เยอะครับ (integrated)
และอย่างที่หลายคนบอกครับ พวกพ่อแม่หรือคนแก่ ชอบอะไรที่มันง่าย ๆ มากกว่า (คงสำรวจแล้วเจอ product-market fit)
ทำไมผมกลับไม่อยากได้เครื่องงหน้าตาแบบนั้นมาตั้งอยู่ในห้องนะ
หลายคนก็ไม่ชอบหน้าตาไอโฟนครับ แต่ยอดขายถล่มทลาย
เอาจริงๆ ผมอ่านตั้งแต่วันแรก ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำฮาร์ดแวร์ออกมานะ
ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจ แต่พยายามวิเคราะห์ เดาว่าคงต้องการคุมประสบการณ์
ตอบเหมือนมีความรู้ แต่จริงๆ แล้วผมตอบแบบหว่านแหมากๆ 555+
แบบเจาะลึกอีกนิด
เช่น สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น ใช้สแกนบาร์โค้ดยากง่ายไม่เท่ากัน ขนาดของหน้าจอไม่เท่ากัน อาจมีรูดบัตร สแกนนิ้ว มีกล้อง บลาๆๆๆ ที่อาจผูกมากับฮาร์ดแวร์ในอนาคต ฯลฯ อะไรแบบนี้ครับ เหล่านี้ส่งผลต่อความรู้สึก (ประสบการณ์) ของผู้ใช้ทั้งสิ้น (UX, User experience)
ในวันที่ IT มันแทรกซึมอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันของคนทั่วไปมากกว่าแต่ก่อน
User experience ยังเป็นเรื่องที่คนสาย IT หลายคนยังไม่เข้าใจครับว่า user experience มันขยายไปไกลกว่าเดิมมากแล้ว หลายคนยังยึดติดอยู่ว่า ทำโปรแกรมให้มันใช้ง่ายๆแล้วบอกว่า product ตัวเอง user eperience ดี
รบกวนอธิบายอีกครับ ผมชอบ อยากให้อธิบายเรื่อง UX กับฮาร์ดแวร์ตัวนี้ด้วย
ตอบเป็น concept แล้วกันนะครับ
User experience ของโปรแกรม microsoft word อยู่กรอบหน้าจอคอม (ribbon, MS cloud bla..bla..bla)
แต่ User experience ของการซื้อของใช้ประจำบ้าน ไม่ใช้หน้าจอของ software สั่งของนะครับ
เพราะฉะนั้นการทำ software ให้ใช้ง่ายแล้วบอกว่า user experience ของเราเข้าใจง่าย ของเราสะดวก เป็นการตีความที่คนสาย IT ยังหลงประเด็นกันอยู่
ถ้าจะบอกว่า user experience ของเราดี ต้องใช้งานง่ายกว่า ยื้นของให้แคชเชียร์ 7-11 คิดเงิน แต่ถ้าเป็น software มือถือ ต้อง install app, ลงทะเบียน, ผูกบัตรเครดิต, ใช้ sms verify, ตอนซื้อต้องใช้กล้อง scan barcode แสงมืดไป ต้องถือไปตรงสว่างๆ, แตะจอไปสิบทีกล้องยังไม่ focus เลย
/me เขวี้ยงทิ้ง เดินลงไปเซเว่นใต้คอนโด...จบ
เย้ๆ แสดงว่าผมเข้าใจหน่อยๆ
ถ้าเป็นสินค้าที่ผมซื้อประจำอยุ่แล้ว ผมไม่เลือกปาทิ้งแล้วเดินลงไปเซเว่นนะครับ
ถ้ามองคำว่า UX ถึงขนาดนั้น การเดินลงไป 7/11 อาจมีอุปสรรคมากกว่าก็ได้ครับ เช่น ก่อนจะออกจากห้องต้องห่วงภาพลักษ์ (สำหรับบางคน),อากาศร้อน, การต่อคิวคิดเงินในช่วงเวลาคนพลุกผล่าน
+1
-ซ้ำ-
พฤติกรรมลูกค้าเรามี สองแบบครับ ตัดบาร์โค้ดเก็บไว้ หรือ
เซฟมันไว้ในระบบ
และคุณ Thanyadol เข้าใจลูกค้าบางกลุ่มถูกต้องครับ
การลงไปข้างล่าง คือ ต้องแต่งตัวแต่งหน้า ทำให้ยิ่งขี้เกียจเข้าไปอีก
สุดยอดมากครับ
อีกไม่นานไอเดียนี้ถูก copy and paste....
ผมว่าทำ HW หรือแอพอาจจะไม่ยาก แต่ที่ copy and paste ไม่ได้หรือคือ connection กับเจ้าอื่น ๆ ที่ดีลมาก่อนแล้ว อีกอย่างแกเป็นอดีตผู้บริหาร 7-11 มาก่อนด้วย น่าจะมีช่องทางแหละครับ
แล้วลูกบ้านต้องลงทุนอะไรเพิ่มไหมเช่นซื้อเครื่องจ่ายกี่บาท หรือเรื่องนี้เจ้าของคอนโดจะต้องซื้อเอง แล้วเจ้าของคอนโดได้อะไรกลับมา แล้วกำไรมาจากส่วนไหน
ตอนนี้ยังไม่มีขายให้ลูกบ้านทั่วไปครับ
แต่ก็มีนิติบางแห่งรวมกันมา เพื่อจะซื้อเครื่องไปติดเฉพาะห้องที่ต้องการครับ
ถ้าแบบนั้น เราก็ไปให้บริการได้ครับ
คอนเซปดีหมด เหลือแต่ว่าจะจุดติดหรือเปล่า แค่นั้นเอง
concept เหมือน Amazon Dash เปี๊ยบ
แต่อาจทำเหมือนไม่ได้ เพราะติดสิทธิบัตร
เลยต้องทำเป็นกล่อง
คำถามคือ แล้วทำไม Amazon ไม่ทำกล่องตั้งแต่แรก ?
จำกัดเวลา 1 ทุ่มเท่านั้นนี่แปลกๆแฮะ อยากรู้จังว่าเค้าเอาสถิตินี้มาจากไหน หรือคอนโดไม่ติด bts อย่างผมจะไม่ใช่ target group ของเค้า
แต่ต่อให้ 1 ทุ่มถึงคอนโด แต่ก็ต้องมีวันที่อยากสั่งแต่กลับดึกหรือเสาร์-อาทิตย์ที่อยากออกไปข้างนอกบ้างสิ
ไหนจะเรื่องจำนวนคนส่งอีกอะไรอีก ถ้าจะขยาย scale จุดนี้คงต้องปรับ
น่าจะเป็นการเข้าใจผิด หรือเขียนกันไม่ครอบคลุมครับ
Nasket ไม่ได้จัดส่งโดยตรงให้ลูกค้าเหมือนกับบริการ eCommerce อื่นๆ ครับ
แต่เราไป Drop เอาไว้ในพื้นที่เฉพาะของเรา ที่อยู่ใต้คอนโดครับ
เราเคยให้คนไปนั่งรอ ลูกค้าระหว่าง 7pm-11pm
เพื่อจ่ายของให้ แต่ทำให้ลูกค้าที่กลับดึกมากๆ เกรงใจ ไม่กล้ารับของ เพราะเขากลับดึกกว่านั้นอีก
สุดท้าย เลยเลือกใช้วิธี เอาของไปเก็บในพื้นที่เฉพาะ เป็น Locker
ลูกค้าสามารถมารับได้เอง
มีอะไรเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ
อ่านแล้วมีคำถามบางประการ ขอตั้งไว้เป็นข้อสังเกตดังนี้ครับ
-อยากรู้ว่าราคาสินค้าจะอิงจากร้านค้ารายไหน? พวกสินค้าอุปโภคบริโภค ซื้อจากห้างค้าส่งก็ราคานึง ซื้อจากร้านสะดวกซื้อก็ราคานึง ไปแวะซื้อจากพวกซุเปอร์มาเก็ตในห้างก็อีกราคานึง
-สินค้าที่ sensitive เรื่องคุณสมบัติผู้ซื้อ อย่างพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือบุหรี่ จะส่งได้ไหม? ยืนยันตัวตนผู้ซื้ออย่างไร?
-พวกของที่ต้องแช่เย็น จัดส่งได้ไหม? อย่างไอศครีมกล่อง, อาหารแช่แข็ง, ข้าวกล่องไมโครเวฟ
-การที่เครื่องมี SIM ก็ต้องไปติดต่อลงทะเบียน SIM อยู่ดีใช่หรือไม่? แล้วถ้าลูกค้าอยากใช้เครื่องโดยใช้ Wi-Fi ของตัวเองในห้องพักแทนการใช้ SIM เพราะอยากประหยัดค่าเน็ต ทำได้ไหม?
ช่างไฟสมัครเล่น (- -")
ราคาสินค้า อ้างอิงจาก Hypermarket รายใหญ่รายหนึ่งครับ ไม่รับประกันว่าถูกที่สุด แต่ไม่แพงที่สุดครับ
คุณสมบัติผู้ซื้อ กลุ่มนี้ ต้องใช้บัตรเครดิตซื้อครับ
หรือถ้าซื้อแล้ว จะส่ง sms ไปให้ Confirm อีกทีครับ (ขั้นตอนสองอย่างนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมครับ)
ของแช่เย็น จะต้องให้ Partner ส่งตรง นัดหมายเวลากันเหมือนส่งของ eCommerce ทั่วไปครับ
ใช้ Wifi ได้ครับ
ขอบคุณที่ถามมาเรื่องสินค้า Sensitive ครับ จะเอาไปสอบทานให้รอบคอบอีกที
ความเห็นจากผู้ก่อตั้งมาแล้วนะครับ ปล.ความเห็นอยู่ในส่วนคอมเมนต์ครับ
คุณผรินทร์พบว่าการใช้แอพมีความยุ่งยากใน (ทก => ทุก) จุด
ไอเดียดีอยู่นะครับ นึกภาพตอนผงซักฟอกหมดแล้วขี้เกียจออกไปซื้อ เดินเอาซองเปล่าไปแสกนที่เครื่องสั่งซื้อก่อนแล้วค่อยโยนลงถังขยะ ก็น่าจะสะดวกดี แต่ที่สงสัยคือ เครื่องมันราคาเท่าไหร่ล่ะเนี่ย
อย่างกรณีของ Amazon Dash อันนั้นมันแค่ $5 คือราคามันไม่ได้แพงไปกว่าของที่เอาไว้สั่งซื้อสักเท่าไหร่ คนเลยไม่ลังเลที่จะซื้อมันมาเก็บไว้
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ครับ ดีใจที่ได้รับเสียงตอบรับดี และสุภาพ 555
ถึงจะคิด และทดลองมานาน
Nasket เรายังมีจุดที่ยังคิดไม่ถึงอีกเยอะครับ และยังไม่ทราบว่าอนคตจะเป็นอย่างไร
แต่เราเชื่อว่า ง่ายที่สุด เป็นดี ก็เลยพัฒนาให้ง่ายจริงๆ สำหรับคนทั่วไปครับ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และติชมครับ
นี่อาจจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการซื้อสินค้า
แต่ส่วนมากใต้คอนโดก็จะมีร้านสะดวกซื้อ เลิกงาน เดินผ่าน แวะซื้อกลับ
โดยหลักการของอุปกรณ์ รู้สึกว่า (น่าจะ) ใช้ (ชอป) ง่ายดีนะครับ ผมคิดไปถึงคนกลุ่มที่ไม่สะดวกไปซื้อด้วยตัวเอง เช่นผู้สูงอายุ คนพิการ ฯ ถ้าออกแบบ hw ให้เป็น universal design ซะหน่อย และเลือกบริการส่งเป็นแบบส่งถึงประตูบ้าน/ห้องได้
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
ผมว่าความเห็นของคุณมีค่าต่อการพัฒนาแพลตฟอร์มมากนะครับ อยากให้เจ้าของมาเห็นจัง
เห็นแล้วครับ ขอบคุณมาก เป็นไอเดียที่ดีมากๆ ครับ ทีมงานจะเอาไปพิจารณาครับ
จำเป็นไหมที่ต้องติดเฉพาะคอนโด? ผมว่าบ้านก็น่าจะติดได้นะ
ผมเดาว่าน่าจะเกี่ยวกับ business model ครับ
เข้าใจได้ถูกต้องเลยครับ เกี่ยวกับ Business Model
และนอกจากนั้น การกระจายตัว และความแตกต่างเป็นอย่างมากของบ้าน แต่ละแบบ แต่ละพื้นที่
ทำให้การออกแบบการทำงานทั้งหมด ไม่สามารถทำเป็น Pattern ได้ ทำให้ไม่เกิดการประหยัดจากขนาดเหมือยอย่างที่คอนโดมีครับ
เข้าใจได้ถูกต้องเลยครับ เกี่ยวกับ Business Model
และนอกจากนั้น การกระจายตัว และความแตกต่างเป็นอย่างมากของบ้าน แต่ละแบบ แต่ละพื้นที่
ทำให้การออกแบบการทำงานทั้งหมด ไม่สามารถทำเป็น Pattern ได้ ทำให้ไม่เกิดการประหยัดจากขนาดเหมือยอย่างที่คอนโดมีครับ
ส่วนตัวจากที่ทำEcommerceมา...ก่อนหน้านี้ประเมินผู้ใช้ไว้สูงมากครับ
ตอนนั้นพยายามทำทุกอย่างให้มีเป็น"ระบบ"เข้าไว้ ระบบCART ระบบAffiliate ระบบOrder Fulfillment ระบบBotไว้ตอบคำถามผู้ใช้ น่าจะตอบโจทย์User และAgentเอามากๆ ทั้งง่ายและสะดวก และการจัดการของเราก็ง่ายใช้คนน้อย
สุดท้ายต้องมาเปลี่ยนกันให้วุ่น เพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการสั่งซื้อของมากที่สุด
ไม่ถึง 10% ของลูกค้าทั้งหมด ซื้อสินค้าผ่าน website (add cart แบบทั่วๆไป) โดยไม่ถึง 5% จาก 10%นั้น จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต...ที่เหลือโอนเงิน (*แอบเจ็บปวดเล็กๆครั้งที่1)
อีก 90% ซื้อผ่านLine ผ่าน Facebook ทั้งที่ช่องทางเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในแผนแต่แรกเลยครับ (T__T) ต้องมาหาคนมาช่วยตอบ Line ตอบ Inbox กันละทีนี้ (**แอบเจ็บปวดเล็กๆครั้งที่2)...Cart ก็ไม่ได้ใช้ ฺ...Bot คนก็ไม่ชอบ...Affiliate คืออะไร ไม่รู้จัก...อีโก้ที่สะสมมาพังทลาย 555
ถ้าเราดูพื้นฐานการเข้าถึงEcommerceอย่างแท้จริงของไทย(คืออะไรก็ตามที่ไม่ได้ซื้อผ่านsocial mediaนะ) ผมว่ายังเป็นสัดส่วนที่น้อยครับ เพราะUserยังติด "สบาย" ติด "สะดวก" เข้าว่า
.....
สำหรับ Nasket ผมว่าผู้สร้าง ทำการบ้านมาดีและเข้าใจหัวอกผู้บริโภคส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังเน้นเรื่องความสะดวกสบาย ความง่าย เป็นหลัก
แต่ส่วนตัวมองว่า Business Model ตอนนี้ยังไม่น่าจะใช่สำหรับ End Userครับ (End User คงมีประเด็นให้ตีกลับเรื่อง ที่ใช้มือถือscanเอาเองก็ได้จะมีNasketไปทำไม 555) ดูเหมาะกับ B2Bมากกว่าเยอะเลย คือประมาณ B2B2C นะครับ ผมมองว่าตลาดยังใหม่มาก ยังโตได้อีกเยอะครับ
ซึ่งจริงๆมีหลายsectorมากนอกเหนือจากกลุ่มคอนโด บ้านพักอาศัยนะครับ...ผมว่า กลุ่มบ้านพักคนชรา, Health Care ต่างประเทศมาสร้างเยอะมากๆใช่ช่วง 3-4ปีหลัง), ออฟฟิศสำนักงาน, โรงงาน...ประมาณว่าที่ไหนก็ได้ที่มีคนอยู่รวมกันเยอะๆ 555
เอาใจช่วยครับ...นานๆทีจะเห็นคนไทยทำอะไรที่เป็น Hardware ท่ามกลาง Softwareและ Application เกลื่อนเมือง....
ดีลตั้งตู้แสกนด้านล่างคอนโด(ตอนเช้าแวะเอารูปถ่ายบาร์โค้ดแสกนๆทิ้งไว้)+ทำล้อคเกอร์เกบของให้เรียบร้อยลูกค้าเลิกงานตอนค่ำแวะหยิบของกด pin4ตัวเปิดตู้ หยิบของขึ้นห้องได้เลย