ครบรอบสองปีที่ Jack Dorsey กลับมาทำหน้าที่ซีอีโอทวิตเตอร์ หลังจากประสบปัญหาภายในจนออกจากตำแหน่งไป ช่วงที่เขากลับมา หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในทวิตเตอร์ แต่ผลกลับไม่เป็นเช่นนั้น
ราคาหุ้นทวิตเตอร์ยังดิ่งลงเรื่อยๆ มีการปลดพนักงาน ปิดตัวแอพพลิเคชั่น Vine, ผู้บริหารทยอยลาออก, Kevin Weil หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ลาออกไปอยู่ Instagram และระหว่างนั้นทวิตเตอร์ก็ประสบปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่อง troll ตลอดเวลา ทั้ง Hate speech ข่มขู่คุกคาม กรณีล่าสุดคือบัญชีโฆษณาแฝงจากรัสเซียช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ ทวิตเตอร์ก็โดนด้วยเหมือนกัน
ภาพจาก wikipedia
สองปีที่ผ่านมา ทวิตเตอร์มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเพียง 21 ล้านราย ราคาหุ้นลดลง 40% ไตรมาสล่าสุดยังไม่เห็นตัวเลขกำไร รายได้ปีนี้ก็น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ข่าวคราวขายบริษัทก็มีมาให้เห็นเรื่อยๆ ตั้งแต่ Disney แต่ไม่ได้ตกลงเข้าซื้อเพราะทวิตเตอร์มีชื่อเสียงในทางไม่ดีเยอะเกินไป ผู้ซื้อที่น่าจะมีความเป็นไปได้ในขณะนี้คือ Google, Amazon (บอร์ดทวิตเตอร์มีอดีตคนจาก Google เข้าไปนั่งอยู่สองคน)
ทันทีที่ Dorsey กลับมา หลายฝ่ายคาดหวังว่าเขาทำหน้าที่ผู้นำยามสงคราม แต่บุคลิกของ Dorsey ไม่ใช่แบบนั้น ปากคำจากคนวงในบอกว่า Dorsey ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมบริษัท หลังเลิกจ้างพนักงาน เขาก็ประกาศยกหุ้นของบริษัทจำนวน 1/3 ที่เขาถือครองอยู่ (คิดเป็น 1% ของหุ้นทั้งหมด) ให้เป็นหุ้นกองกลางที่จะปันส่วนให้พนักงาน
ความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นบนทวิตเตอร์คือ เพิ่มข้อความทวีตจาก 140 เป็น 280 ซึ่งเป็น pain point ของผู้ใช้หลายกลุ่ม (แต่ก็ได้ยินเสียงวิจารณ์ว่าควรคงไว้แบบเดิมไม่น้อยเหมือนกัน) การเพิ่มข้อความอาจดึงดูดคนทำโฆษณาได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งความพยายามอย่างจริงจังในการสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ให้ทวิตเตอร์เป็นพื้นที่ขาวสะอาดมากกว่านี้ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของทวิตเตอร์มานานแล้ว
ที่มา - Recode
Comments
Dorsey ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองบริษัท << ของ?
ขอบคุณค่ะ
อย่านะครับ ไม่มีทวิตเตอร์แล้วผมจะไปสูบที่ไหน
อย่าเพิ่งเจ๊งนะ ใช้อยู่ทุกวัน ชอบมากกว่าเฟซบุ๊ก ไอจีอีก
Dorsey ก็เป็นงี้แต่ไหนแต่ไรแล้วนี่เนอะ .. นึกถึงดราม่าของรุ่นก่อตั้ง ก็คงเป็นแบบนี้ต่อไปตามสไตล์เฮียแก
my blog
เป็นช่องทางหลักที่ใช้ในการติดตามข่าวสารอยู่ทุกวันนี้ FB, IG นี่ไม่ได้ใช้เลย ถ้าเจ๊งมาก็นะ งานเข้า 555
..: เรื่อยไป