วันนี้ธนาคารกสิกรไทย แถลงข่าวประกาศยุทธศาสตร์ธุรกิจปี 2561 (2018) ภายใต้แนวคิด "Customers’ Life Platform of Choice" แพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่ลูกค้าเลือกเพื่อตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิต เน้นการลงทุนด้านดิจิทัล-ไอทีครั้งใหญ่ 4-5 พันล้านบาท และเปิดตัวบริการใหม่ๆ ในฝั่งดิจิทัลหลายอย่าง เช่น บล็อกเชน และการนำ machine learning มาช่วยวิเคราะห์การให้สินเชื่อ
ภาพรวมของงานแถลงข่าว เน้นหนักไปที่การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคจากเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานสมาร์ทโฟน การใช้งานเน็ตบ้าน (fixed line) และโซเชียลมีเดียที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้อัตราการใช้ mobile banking เพิ่มขึ้นถึง 34.8% ของจำนวนประชากรในปี 2559 เมื่อเทียบกับแค่ 0.9% ในปี 2553
ในแง่ของการแข่งขัน ธนาคารก็ยังต้องเจอกับคู่แข่งหน้าใหม่ๆ จากอุตสาหกรรมอื่น เช่น โทรคมนาคม ไอที อีคอมเมิร์ซ ค้าปลีก คมนาคม ทั้งบริษัทไทยและบริษัทต่างชาติ รวมถึงสตาร์ตอัพสายฟินเทคด้วย
ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะธนาคารที่มีผู้ใช้งาน mobile banking สูงที่สุดในไทย จึงวางยุทธศาสตร์ใหม่ว่าต้องการจะเป็น "แพลตฟอร์มอันดับหนึ่งในชีวิตลูกค้า" หรือ Customers' Life Platform of Choice ครอบคลุมทุกแง่มุมในชีวิตประจำวัน
เป้าหมายหรือ KPI ตามยุทธศาสตร์ Customers' Life Platform of Choice แบ่งออกเป็น 4 ข้อ
ในแง่ของงบลงทุนด้านไอที ธนาคารระบุว่าปีหน้าจะทุ่มงบประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท สำหรับด้านไอทีเพียงอย่างเดียว เพื่อผลักดันยุทธศาสตร์ Customers' Life Platform of Choice ให้เกิดให้ได้
ตัวอย่างโครงการสำคัญๆ ทางด้านดิจิทัลของธนาคาร เริ่มจากกลุ่มโมบายแบงกิ้ง ที่จะผลักดันจากการเป็นแค่แอพ ให้เป็นแพลตฟอร์ม (ตามที่เคยประกาศไว้) โดยบริการในชุดได้แก่ K PLUS, K PLUS SME, K PLUS SHOP
ของใหม่ที่น่าจะได้เห็นกันภายในเดือน พ.ย. 2560 คือ "Machine Lending" หรือการนำเทคนิค machine learning มาวิเคราะห์พฤติกรรมการเงินของลูกค้า แล้วนำเสนอวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสมให้ลูกค้าได้เลย
โครงการ หนังสือค้ำประกันด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปลายปี 2016 ตอนนี้มีบริษัทเข้าร่วมใช้งานจริงแล้ว 4 ราย และจะเปิดให้ใช้เพิ่มเติมอีก 7-10 บริษัทในเร็วๆ นี้
โครงการด้านบล็อกเชน ยังเริ่มทดลองใช้งานกับการหักบัญชีและชำระดุลทางการค้า (Clearing and Settlement) แบบข้ามประเทศแล้ว
ธนาคารยังจะเปิด API ให้สตาร์ตอัพเข้ามาเชื่อมต่อกับธนาคารได้ง่ายขึ้นด้วย โดยยึดประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ
ยุทธศาสตร์การเดินหน้าเข้าไปอยู่ในทุกส่วนของชีวิตลูกค้า ทำให้ธนาคารกสิกรไทยต้องเร่งสร้างพันธมิตร (partnership) ในทุกด้าน ซึ่งก็จะกระจายผ่านองค์กร 3 หน่วยได้แก่ ตัวธนาคารกสิกรไทยเอง, บริษัทลูก KBTG และบริษัทลูก Beacon Venture Capital ที่ลงทุนในสตาร์ตอัพ
ความคืบหน้าของ Beacon Venture Capital นับจากเปิดตัวเมื่อเดือน มิ.ย. ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 250 ล้านบาท ส่วนปีหน้า 2561 ตั้งเป้าจะลงทุนในสตาร์ตอัพ 4 ราย และลงทุนในกองทุน VC Fund ของต่างประเทศอีก 1 กองทุน
นอกจากธุรกิจในประเทศแล้ว ธนาคารกสิกรไทยยังจะขยายตลาดไปยังภูมิภาค AEC+3 ด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัล เน้นการเป็นศูนย์กลางในการชำระเงินข้ามประเทศของภูมิภาค (Regional Settlement Hub) ควบคู่กับการเปิดสาขาแบบปกติในประเทศเพื่อนบ้าน
ที่มา - ธนาคารกสิกรไทย
Comments
เริ่มจากแก้ UI ของ mobile app ก่อนเลยเถอะ
+1
mobile app เมื่อก่อนเป็นที่ 1 คนใช้เยอะ แล้วก็ทำเป็นเล่นตัว
ตอนนี้เจ้าอื่นหลายเจ้าทำได้เท่ากัน ไปจนถึงดีกว่าแล้ว
ก็ไม่รู้จะใช้แอพ ux ui ที่โบราณ แบบนี้ต่อไปทำไม
เลิกบังคับสมัคร sms alert ด้วย ขี้เกียจต้องไปวิ่งยกเลิก
แล้วก็บังคับ 3g บนแอพมือถือนี่พอเถอะ
เลิกขายประกันด้วย scbเชาเลิกแล้วใครอยากก็ไปสมัครแต่กสิกรขายตลอดทุกสาชาด้วย อยากบอกว่าน่าเบื่อมาก
3g บนแอพมือถือนี่เพื่ออะไรครับ เมื่อไหร่จะยกเลิกซะที
UI ต้องแก้ บังคับ 3G ก็ต้องแก้ ตราบใดที่ยังไม่แก้ ไม่เรียกว่าก้าวหน้าหรอกครับ
อยากให้การใช้ลายนิ้วมือยืนยันทั้งหมดได้รวมทั้งโอนเงินด้วยครับ ไม่ต้องมากดรหัสอีกที
รอ all new kplus platform กันนะครับ
แต่ละแบงค์ขยันทำ platform ตอบโจทย์ทุกด้านของชีวิตกันจัง
ตอนนี้ผมใช้ของแบงค์ม่วง พอเข้าไปแล้วมันดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเหมือนแต่ก่อนไงไม่รู้ ไม่ค่อยกล้าทำธุรกรรมเลย
อยากเบิกเงินสดผ่าน App ต้องกดปุ่มใหนครับ ?
กดปุ่มโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ไปธนาคารที่ทำได้แล้วก็กดถอนเงินไม่ใช้บัตรผ่านเจ้านั้นอีกทีครับ 5555
อยากให้ kbank เลิกบังคับใช้ 3g สักทีเถอะแล้วก็ scb อีก ขอนอกเรื่องหน่อย ฝากหน่อยจะบังคับใช้หมายเลขบัตร atm ทำไมตอน login เครื่องใหม่ทั้งๆที่ ก็มี user password scbeasy อยู่แล้ว งงอ่ะเปลื่ยนเครื่องทีก็ต้องเสียเวลาไปธนาคารอีก dev เค้าคิดอะไรของเค้าถามจริง
dev แค่ทำตาม requirement น่ะครับ ไปโทษคนออกนโยบายดีกว่า
มันไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วนะครับ ตอนนี้เปลี่ยนเครื่องก็แค่โหลดแอพมาแล้วใส่รหัสบัญชีที่ผูกไว้แล้วยืนยันด้วยเลขบัตรประชาชนอีกทีก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องไปactiveที่ตู้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว(เป็นแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว)
แล้วก็เพิ่งมีอัพเดทมาเมื่อเร็วๆนี้ ยกเลิกบังคับใช้mobile dataแล้วครับ
ยกเลิกแล้วเหรอครับ?
ก็ไม่เชิงยกเลิกเลิกนะครับ เพียงแต่อนุญาตให้ใช้ผ่าน wifi ได้ 90 วัน แต่ต้องเข้าไปตั้งค่าในแอพก่อน เอาไว้ใช้ตอนเดินทางไปต่างประเทศ
ผมจะไม่ใช้ธนาคารนี้เลย ดูเยอะไปหมดทั้งเว็บ ทั้งแอ๊พ งง
ใช้ TMB All free สบายใจกว่า
นอกจาก APP UI ที่ล้าสมัยแล้ว
ยังเป็นธนาคารที่มีการจับเก็บ ข้อมูลไม่ได้เรื่อง
ข้อมูลลูกค้า ไม่รู้เก็บไว้กี่ที่ ไม่มีการ Syn อะไรสักอย่าง
เอาแค่เรื่องแก้ E-mail แก้ที่นึง อีกที่นึงไม่ Update ต้องโทรให้ Call Center เปลี่ยนตาม
และ K-Cyber ก็ส่ง E-mail มาหาแทบทุกวัน แต่เวลาเข้า App ถามหา E-mail ?
ถามหาพระแสงอะไร ตลกชะมัด
Trux ก็ไม่ต่างกัน สงสัยคนออกแบบระบบ น่าจะคนเดียวกัน
พูดถึงข้อมูลไม่ซิงค์ ผมมีฝั่งธนาคารออมสินมาแชร์ครับ (ไม่รู้แก้หรือยังนะ เป็นปีแล้ว)
บริการ ib (internet banking ผ่านเว็บ ให้บริการเอง) กับ MyMo (เอาท์ซอร์ส) นี่แยกกันโดยสิ้นเชิงจริงๆ ครับ สมัครแยกกัน รวมไปถึงอันนึง ถ้ากดสมัคร PromptPay ผ่าน ib จะยกเลิกผูกผ่านแอปไม่ได้ สมัครทางไหนต้องยกเลิกทางนั้น (แน่นอนว่าดีกว่า KTB ที่บนแอปสมัคร PromptPay ได้อย่างเดียว ไม่สามารถยกเลิกได้ ในขณะที่ธนาคารอื่นที่ผมใช้ทุกเจ้าสมัครและยกเลิกได้ทันที)
MyMo นี่มีการจัดเรียงหน้าตาบางอย่างไม่ถูกใจเหมือนกัน (เมนูถอนเงินสดอยู่ในเมนูเบอร์เกอร์ซ่อนไว้ แต่เมนูจ่ายเงิน QR กดได้จากหน้าแรกเฉย) แต่นอกนั้นโอเคหมดครับ อย่างพวก transaction คือเก็บบนคลาวด์ กดโอนเงินนี่ไม่ต้องกลัวทำสลิปหายเลย มือถือพังย้ายไปล็อกอินเครื่องใหม่ก็มีประวัติครบ
UI แอพเมื่อไรจะแก้ iPhone จอใหญ่ออกมาหลายปีมากละ ยังไม่รองรับสักที แถบด้านบนนี่ใหญ่เลย
ปัญหาเรื่องจอนี่ KTB ก็มีครับ แต่คือมีกับรุ่นเก่า ใช้บน iPhone 4 แล้วปุ่มตกลงเลยเขตหน้าจอไป กดไม่ได้...
Feedback ล้นหลาม
TMB แจ่มสุดล่ะตอนนี้ ฟรีทุกอย่าง
TMB TOUCHมีปัญหาบ่อยมาก
เคยถามไปสักพักใหญ่ๆ แค่จะจ่ายค่างวดบ้าน...ยังต้องไปจ่ายที่สาขาเลย ของอีกเจ้าที่มีบัญชีอยู่ด้วยทำผ่านแอพได้เลย