การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์เพื่อปรับเปลี่ยนหรือส่งเสริม ไม่ว่าจะเป็นเบื้องหลัง เบื้องหน้า หรือแม้แต่การดำเนินธุรกิจ กำลังเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเทรนด์นี้ทำให้เราได้เห็นได้ในแทบทุกอุตสาหกรรม
อย่างแสนสิริ ในฐานะหนึ่งในบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์แถวหน้า ก็เริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานในโครงการต่างๆ ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยภายใต้กลยุทธ Siri LifeTech ที่นำ 6 นวัตกรรมมายกระดับคุณภาพชีวิตและเพิ่มประสบการณ์การอยู่อาศัยให้ครบครันและสะดวกสบายในหลายๆ มิติมากยิ่งขึ้น
นวัตกรรมทั้ง 6 อย่างภายใต้ Siri LifeTech ประกอบไปด้วย
แอปพลิเคชันสำหรับลูกบ้านของแสนสิริ สำหรับการติดตามข่าวสารจากโครงการ (Announcement), การส่งข้อความติดต่อกับนิติบุคคล (Messaging), รับการแจ้งเตือนเมื่อมีพัสดุส่งถึงเจ้าของห้อง (Mailbox) การบริการจัดการค่าส่วนกลาง / ยอดค้างชำระ (My Account) ไปจนถึงการแจ้งซ่อมและตรวจสอบสถานะการซ่อม (Home Care)
นอกเหนือจากนั้น ตัวแอปยังเชื่อมต่อกับระบ Home Automation สำหรับการควบคุมเปิดปิดไฟและเครื่องปรับอากาศผ่านแอป อีกทั้งยังสามารถใช้จองห้องส่วนกลางหรือห้องสันทนาการต่างๆ ได้ด้วย โดยตัวแอปรองรับถึง 4 ภาษาได้แก่ไทย, อังกฤษ จีน (มีทั้งตัวเต็มและตัวย่อ) และญี่ปุ่น
สุดท้ายเดือนธันวาคมนี้แสนสิริจะเปิดฟังก์ชันในบนแอปชื่อว่า Online Shopping by SB Furniture สำหรับการช็อปปิ้งเพื่อตกแต่งบ้านบนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตได้จากปลายนิ้ว
แสนสิริเป็นเจ้าแรกที่นำหุ่นยนต์มาให้บริการภายในโครงการด้วย “แสนดี” หุ่นยนต์อำนวยความสะดวกจากการบริการส่งพัสดุถึงหน้าประตูบ้าน หลังลูกบ้านได้รับการแจ้งเตือนผ่าน Sansiri Home Service Application และแสดงความจำนงให้แสนดีเป็นคนนำมาส่ง
แสนดีสามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางและขึ้นลิฟต์ได้ด้วยตัวเอง มีความเร็วในการเคลื่อนที่สูงสุดที่ 1.5 เมตรต่อวินาทีและสามารถรับน้ำหนักได้สูงสุด 80 กิโลกรัม โดยเริ่มนำมาเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านครั้งแรกกับโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า
Sansiri AI Box เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เป็นความร่วมมือระหว่างแสนสิริร่วมกับ Amazon Web Service ในการนำเอนจินต์ Amazon Lex มาเชื่อมต่อกับระบบ Home Automation รองรับการสั่งงานและตอบโต้ด้วยเสียง ลักษณะเดียวกับ Amazon Echo
ความสามารถเบื้องต้นของ Sansiri AI Box คือการเช็คข่าวประจำวัน ตรวจสอบสภาพอากาศ สภาพจราจร เปิดฟังจากวิทยุ และสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดปิดไฟ สั่งจองห้องส่วนกลาง ไปจนถึงสั่งให้หุ่นยนต์แสนดีนำพัสดุมาส่งที่ห้องก็ได้ เป็นต้น
ด้วยกระแสของการเปลี่ยนผ่านรถยนต์จากเครื่องยนต์น้ำมันไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้แสนสิริเลือกที่จะนำรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% มาให้บริการ Car Sharing สำหรับลูกบ้านในโครงการพร้อมด้วย EV Charger โดยคิดค่าบริการจริงเป็นนาที ซึ่งนำร่องด้วย BMW i3 นำมาใช้ในโครงการ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิตเป็นโครงการแรก
อยู่ในคอนโดก็ใช่ว่าจะปลูกพืชปลูกผักไม่ได้ แสนสิริได้นำ Farmshelf นวัตกรรมฟาร์มแนวตั้งอัจฉริยะจากอเมริกาเข้ามาให้ลูกบ้านได้ทำ Indoor Farm โดยใช้ IoT ในการควบคุมและติดตามการเจริญเติบโตผ่านแอป ไปจนถึงควบคุมคุณภาพผ่าน Automated hydroponic Growing Systems และใช้น้ำน้อยกว่าการปลูกแบบเดิมถึง 90%
แสนสิริได้จับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช นำ Wearable Device ในรูปของสายรัดข้อมือสำหรับลูกค้า ในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้โดยตรงสู่โรงพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งข่าวไปถึงญาติผู้สวมใส่ให้ด้วย
ถึงแม้เทคโนโลยีอำนวยความสะดวกบางอย่างข้างต้นจะเริ่มนำไปใช้งานแล้วในบางโครงการ แต่ Siri Life Tech จะมาช่วยเพิ่มประสบการณ์การอยู่อาศัยใน 2 โครงการใหม่ของแสนสิริได้แก่
oka HAUS
โครงการตั้งอยู่บนถนนพระราม 4 ใกล้ถนนสุขุมวิท 36 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 47 ชั้น จำนวน 1,178 ยูนิต เป็นรีสอร์ทคอนโดมิเนียมในรูปแบบไฮไรส์โครงการแรก ซึ่งถึงแม้จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองแต่ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศทีสงบและเป็นธรรมชาติ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและ Prop Tech ครบครัน ด้วยคอนเซ็ปต์ Retreat and Rebound เดินทางไปทุกจุดหมายอย่างสะดวกสบาย ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสและทางด่วนเฉลิมมหานครและอาจนรงค์ ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท
Kawa Haus
โครงการตั้งอยู่ใน Community T77 บนสุขุมวิท 77 เป้นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ริมน้ำสูง 7 ชั้น มีทั้งหมด 3 อาคาร จำนวน 546 ยูนิต ภายใต้แนวคิด Live A Good Story ที่ที่เพรียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่และความสดชื่นริมน้ำ ไม่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายและถูกล้อมรอบไปด้วยร้านอาหารระดับนานาชาติ สถานเสริมความงาม สถานออกกำลังกายและโรงเรียนนานาชาติ เดินทางสะดวก ด้วยระยะทางเพียง 5 นาทีจากรถไฟฟ้าบีทีเอสอ่อนนุช และ 2 นาทีจากทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ พร้อมบริการรับส่งจากฮาบิโตะ รีเทล มอลล์ไปบีทีเอสด้วย
แสนสิริจะจัดงานเปิดตัวทั้ง 2 โครงการใหม่ ที่พร้อมรอรับลูกบ้านด้วย Siri Life Tech ทั้ง 6 อย่าง ภายในงาน SanSiri Lifes Comes Home 2017 วันที่ 24-26 พฤศจิกายนนี้ที่ แฟชันฮอลล์ ชั้น 1 สยามพารากอน
พบกับข้อเสนอพิเศษ 3 ต่อเมื่อจองภายในงาน
ต่อที่ 1 ลงทะเบียนรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 50,000 บาท เมื่อจองโครงการใหม่
ต่อที่ 2 ทุกยูนิตลุ้นรางวัลทุกวัน มูลค่ากว่า 5 แสนบาท อาทิ iPad Pro, Apple Watch, บัตรกำนัดที่พักโรงแรม Escape หัวหิน
ต่อที่ 3 รับ Personalized Clutch Bag โดย Thai Artist (จำนวนจำกัด)
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เพจ SanSiri Family หรือ เว็บแสนสิริ
Comments
เป็นการรวมโปรเจคที่ว้าว แต่ใช้งานจริงไม่ได้(เรื่อง)
แต่อย่างว่า คนไทยชอบว้าวๆไว้ก่อน ดูล้ำ โปรโมทดี ใช้อยู่สองที แล้วก็กองทิ้งไว้ เพราะมันไม่ได้คิดถึงการใช้งานจริงๆ
มันก็เลยมีแต่โปรเจคว้าวๆ แต่หาสาระไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ เต็มไปหมด ตั้งแต่โปรเจคนักเรียน นักศึกษา เอกชน ไปจนถึงรัฐบาล
ส่วนของที่ใช้จริงๆได้ในระยะยาว คิดไม่ได้ ทำไม่เป็น แล้วก็ซื้อเมืองนอกต่อไป
จะเปลี่ยนของที่ฝังรากลึกอย่างนี้ คงต้องใช้เวลาอีกสัก 1-2 generation
ตามนี้
อันนี้ไม่ได้กวนนะ แต่ลองใช้จริงๆแล้วใช่ไหมครับ
อันไหนเป็นผลงานของทีมไหนมั่งละนี่
วันก่อนเห็นแถลงข่าว partner ต่างประเทศ แล้ว Siri Venture ล่ะคือยังไง
อยากรู้เรื่อง Siri Venture เหมือนกัน เห็นจากโพสเฟซบุ๊คพี่คนนึงว่าทีมเก่าลาออกยกชุดไปแล้ว
บัตรกำนัด >> บัตรกำนัล
ชอบ Samitivej @ Home ส่วนเรื่องอื่นเฉย ๆ มาก
Car Sharing - BMW i3 มีกี่คัน ? คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ต่อจำนวน unit ทั้งหมด ?
หุ่นยนต์ส่งพัสดุ ? มันก็อาจจะใช้ได้ก็เป็นได้ 1 โครงการมีหุ่นแบบนี้กี่ตัว ? ค่า maintenance หุ่นตัวนี้อยู่ที่เท่าไร ? เสียเงินค่าส่วนกลางเพิ่มขึ้น มันจะคุ้มจริงหรือ ?
Farm Shelf มีให้ทุกบ้านหรืออยู่ในส่วนกลาง ? ถ้าอยู่ในส่วนกลางใครจะได้ปลูกบ้าง ? แล้วป้องกันปัญหาการปลูกเกินเวลา ไม่ใส่ใจ รวมไปถึงการขโมยผักกันได้อย่างไร ?
ผมอาจจะเป็นพวก conservative กับเรื่องพวกนี้ ผมว่าแสนสิริควรเพิ่มคุณภาพงานก่อสร้างน่าจะดีกว่า ยังจำข่าวเก่าที่เอาโฟมใส่ในผนังได้อยู่เลย
That is the way things are.