By: arjin 
on 30 January 2018 - 20:31
Tags:
Topics:
Steve Wozniak หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล กล่าวในงานสัมมนา Nordic Business Forum ที่เขาไปบรรยายที่สวีเดน โดยตอนหนึ่งพูดถึง Tesla ว่าเป็นบริษัทที่มักนำเสนอเรื่องราวเกินความจริงไปมาก
Wozniak มีรถยนต์ Model S ของ Tesla ถึงสองคัน เขาได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่รถประสบอุบัติเหตุ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่อมั่นใน Tesla ได้อัพเกรดอุปกรณ์ความปลอดภัยเพิ่ม และเขาก็เชื่อที่ Elon Musk เคยกล่าวในปี 2016 ว่าจะได้เห็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนไปได้เองทั่วอเมริกาในปี 2017 แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น เพราะ Tesla เกิดกรณีขัดแย้งกับบริษัทที่ผลิตเซ็นเซอร์รถยนต์ตอนนั้น Wozniak บอกว่าตอนนี้เขาไม่เชื่อทุกอย่างที่ Elon Musk หรือ Tesla พูดแล้ว แต่ยังรักรถยนต์ของ Tesla อยู่
เขายังบอกเพิ่มเติมว่าถ้าพูดถึงเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับนั้น วันนี้ BMW หรือ Audi ถือว่านำหน้า Tesla ไปมากแล้วด้วย
ที่มา: The Mercury News และ Business Insider
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Blognone Jobs Premium
Cloudnone
- NVIDIA จะไปหยุดที่ตรงไหน ทำไมครองโลกดาต้าเซ็นเตอร์ | Cloudnone EP.22
- ถึงคลาวด์เคราะห์: ทำอย่างไรเมื่อบริการคลาวด์ที่ใช้ถูกยกเลิก | Cloudnone EP. 21
- รู้จักอาชีพ Site Reliability Engineer สำคัญยังไง? | Cloudnone EP. 20
- อธิบาย CrowdStrike ทางเทคนิค ทำไมถึงทำพีซีจอฟ้าเป็นล้านๆ เครื่อง | Cloudnone EP.19
- Kubernetes [Part 2] ยี่ห้อไหนดี งานไหนต้องใช้ แล้วเลือกยังไง? | Cloudnone EP.18
Comments
BMW กับ AUDI อันนี้เรื่องจริงไช่ไหมครับ หรือผมตกข่าว
Audi A8 ได้ Level 3
ส่วน Tesla Model S ได้ Level 2 ครับ
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ไหนๆขอตามไปเสพ
2019 Audi A8 Level 3 autonomy first-drive
oxygen2.me, panithi's blog
Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6
ส่วน GM รู้สึกวางเป้าไป level 5 แล้ว
แล้วตอนนี้เวลไหนครับ คนใช้ GM ในไทยโวยยับเลยยี่ห้อนี้
MG รึเปล่าครับ
GM ถูกละครับ General Motors ผู้ผลิตรถยี่ห้อที่เรารู้จักกันดีคือ Chevrolet ยังไงล่ะครับ
เมื่อก่อนเชฟโรเลตมีภาพล้กษณ์ดี(โฆษณาว่าเป็นแบรนด์อเมริกัน ช่วงนั้นคนเริ่มเบื่อตัวเลือกเดิมๆ กัน) ขายดีอยู่ช่วงนึง จนรถเริ่มแผลงฤทธิ์ แผลงอาการต่างๆ ออกมา ศูนย์ก็แก้ปัญหาไม่ได้ แก้ไม่จบ สุดท้ายลอยแพลูกค้า คนเลยสาบส่ง บอกปากต่อปาก สุดท้ายยอดขายหล่นวูบ ก็เลยมีชื่อเสียอย่างที่เป็นตอนนี้แหละครับ (พี่น้องที่กอดคอตายกันอีกเจ้าคือ Ford อันนี้ชื่อเสียงย่อยยับเลยโดยเฉพาะรถเก๋ง ดีที่รถกระบะไม่ค่อยมีปัญหาและยังมีจุดขายในตัวเอง)
ส่วน MG ยังเป็นน้องใหม่ รถจีนก็จริงแต่ยังไม่ได้ข่าวคาวไม่ดีๆ และ CP ก็เอาจริงพอสมควร แต่ระยะยาวนี่ยังคาดเดาไม่ได้จริงๆ
Ford ฝรั่งเรียก Fix Or Repair Daily
จากประสบการณ์ตรง (Fiesta) เห็นด้วยครับ 555
Opel Zafira อันนี้รถดีนะครับ แต่เลิกทำตลาดแล้ว
อีกสองรุ่นเด่น Holden/Daewoo Captiva กับ Daewoo Cruze ไม่ต้องพูดถึง
เคยไปลอง Aveo ยังกะขับรถกระบะ วัสดุแย่ พวงมาลัยแย่ เก็บเสียงแย่ เกียร์แข็ง ครัชแข็ง กันสะเทือนห่วย (Soluna รุ่นแรกก็ด้วยแต่ข้างในดูดีกว่า)
"ปัจจุบันสถานะรถยนต์ไร้คนขับของ Waymo อยู่ระดับที่ 4"
https://www.blognone.com/node/99488
ตอนนี้เขา"ไม่เชื่อทุกอย่าง"ที่ Elon Musk หรือ Tesla พูดแล้ว
หมายถึง "ไม่เชื่อซักอย่าง" หรือ "เชื่อแค่บางอย่าง" หว่า?
น่าจะเป็น "ไม่ได้เชื่อทุกอย่าง" ครับ
ตอบแบบนี้อารมณ์เหมือนเขียน function reflect(a) { return a; } เลยแฮะ
ผมว่าหมายถึงเชื่อแค่บางอย่างครับ บางอย่างดูเกินจริงไปหน่อยก็คงไม่เชื่อครับ
"ไม่ได้เชื่อทุกอย่าง" นี่ผมเข้าใจว่าหมายถึง "เชื่อไม่ทุกอย่าง" แฮะ ยังกำกวมนิดๆ แต่ตีความได้ง่ายกว่า "ไม่เชื่อทุกอย่าง" เยอะเลย
ถ้าอ่านพวก Reddit ของ Tesla ก็จะเห็นว่าแฟนคลับเองคิดแบบนั้นมานานแล้วครับ 5555
อย่างถึงกับมี Elon Standard Time ออกมาเวลา Musk พูดเรื่องกำหนดการ
สรุปว่าบริษัทรถยนต์เก่า พวก Benz BMW AUDI หรือแม้แต่ Volvo ก็คงจะก้าวหน้ามากกว่าบริษัทรถยนต์ใหม่แบบ Tesla
งานนี้เจ้าใดสามารถดัน Level 5 ออกมาขายได้ก่อนก็น่าจะเรียกเสียงเชียร์ได้มาก
ดีแฮะมีรถ 2 คัน ใช้คันนึง ชาร์จคันนึง
แบตหมดกลับบ้านเปลี่ยนคัน ไม่ต้องรอชาร์จ
ที่เมืืองที่เค้าใช้น่าจะมีสถานี Supercharger อยู่แล้วนะครับ ครึ่งชั่วโมงก็ชาร์จได้เยอะอยู่
พวกค่ายรถเยอรมัน Benz BMW เค้าซุ่มพวกเทคโนโลยีรถไฟฟ้า Autonomous Driving มานานละครับ แต่ไม่อยากเปิดเผย เพราะกระแสโลกยังไม่มา กลัวจะแป้กแบบ GM ที่พยายามดัน Volt เมื่อหลายปีก่อน แต่สภาพแวดล้อมยังไม่อำนวย
อีกอย่างคือ เค้าจะรีบทำให้เทคโนโลยีที่ตัวเองลงทุนมหาศาลเกี่ยวกับรถยนต์น้ำมัน หรือ supplychain ทั้งหมดของรถเครื่อง ตายไวๆไปทำไมหละครับ พวกนี้ไม่ยอมให้เกิดง่ายๆหรอก
Elon เองคงเห็น dilemma ตรงจุดนี้ ถึงกล้าลงทุนมหาศาล เข้ามาเป็น Game changer ซะเอง เพราะยังไงๆ พวกเจ้าใหญ่ๆ คงไม่มีใครยอมขยับ ได้แต่กั๊กเทคโนโลยีไว้ก่อน รอค่อยๆปล่อยมาสู้กับคู่แข่ง