แอปเปิลอัพเดตข้อมูลในหน้าสนับสนุนอีกครั้ง โดยคราวนี้ระบุถึงผู้ใช้ iPhone 5 โดยเฉพาะ ให้อัพเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุด iOS 10.3.4 ก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน เพื่อป้องกันปัญหา GPS ที่แอปเปิลเคยระบุไว้กับ iPhone รุ่นเก่าก่อนหน้านี้
ใน iPhone และ iPad รุ่นเก่ารุ่นอื่น แอปเปิลบอกว่าปัญหาที่เกิดหากไม่อัพเดตซอฟต์แวร์คือ GPS และผลกระทบข้างเคียงอื่น แต่สำหรับ iPhone 5 นั้น แอปเปิลระบุเลยว่าจะกระทบตั้งแต่ GPS ทำให้เกิดปัญหาการระบุวันเวลา ส่งผลต่อ App Store, iCloud, อีเมล และการเรียกดูเว็บต่าง ๆ
แอปเปิลเพิ่มข้อมูลในหน้าสนับสนุน โดยเป็นการแจ้งเตือนย้ำไปยังผู้ใช้ iPhone และ iPad รุ่นเก่าก่อนปี 2012 ที่สามารถอัพเดต iOS ได้สูงสุดคือ iOS 9 หรือ iOS 10 ให้อัพเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดคือ iOS 9.3.6 หรือ iOS 10.3.4 เนื่องจากหลังวันที่ 3 พฤศจิกายน 2019 (12am UTC) หากไม่อัพเดตซอฟต์แวร์ จะพบปัญหา GPS แสดงพิกัดผิดพลาด รวมทั้งวัน-เวลาจะไม่ถูกต้อง
โดยอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ได้แก่ iPhone 5, iPhone 4s, iPad 4th Gen (Wifi + Cellular), iPad mini 1st Gen, iPad 2 (Wi-Fi + Cellular รุ่น CDMA เท่านั้น) และ iPad 3rd Gen (Wi-Fi + Cellular)
นอกจากแอปเปิลจะออกอัพเดต iOS 12.4 แล้ว ในวันนี้แอปเปิลยังออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 9.3.6 และ iOS 10.3.4 ให้กับ iPhone และ iPad รุ่นเก่าอีกด้วย ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ไม่สามารถอัพเกรดมาเป็น iOS 12 ได้
โดย iOS 9.3.6 จะมีให้อัพเดตใน iPad mini รุ่นแรก, iPad 2 และ iPad 3 เครื่อง cellular ส่วน iOS 10.3.4 มีให้อัพเดตสำหรับ iPad 4 รุ่น cellular และ iPhone 5 การอัพเดตทำได้แบบ OTA เลย
แอปเปิลระบุว่าอัพเดตในอุปกรณ์รุ่นเก่านี้ เพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจกระทบกับการทำงานของ GPS จนทำให้ค่าวัน-เวลาผิดพลาด โดยแนะนำให้อุปกรณ์กลุ่มดังกล่าวอัพเดตเป็นเวอร์ชันใหม่นี้
ที่มา: MacRumors
แอปเปิลอัพเดตข้อมูลสถิติส่วนแบ่ง iOS ล่าสุดในหน้าเว็บของนักพัฒนา โดย iOS 11 มีส่วนแบ่งผู้ใช้งาน 65% แล้วของอุปกรณ์ iOS ทั้งหมด ตามด้วย iOS 10 ที่ 28% และรุ่นเก่ากว่านั้นรวม 7%
ในเดือนพฤศจิกายนสถิติ iOS 11 นั้นอยู่ที่ 52% และเดือนธันวาคมอยู่ที่ 59% สะท้อนว่ายังมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นตลอดเดือนละราว 6-7% แต่สถิตินี้ก็ยังน้อยกว่า iOS 10 ซึ่งในระยะเวลาใกล้เคียงกันมีส่วนแบ่งถึง 76% แล้ว
จากปัญหาบั๊ก chaiOS ที่สามารถทำให้มีลิงก์โจมตีช่องโหว่ใน iPhone จนเกิดปัญหาเครื่องค้างใน Message ล่าสุดตัวแทนของแอปเปิลยืนยันว่าจะออกอัพเดต iOS ที่ปิดช่องโหว่นี้ ภายในสัปดาห์หน้า
ตอนนี้ iOS เวอร์ชันสำหรับนักพัฒนาล่าสุดคือ 11.2.5 แต่เวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปคือ 11.2.2 จึงไม่แน่ใจว่าอัพเดตที่จะออกมานี้จะเป็น 11.2.5 เลย หรือจะเป็นอัพเดตย่อยก่อน
เนื่องจากปัญหาช่องโหว่นี้ก็ทดสอบและพบบน macOS ด้วยอาการเดียวกัน จึงเป็นไปได้ว่าแอปเปิลก็จะออกอัพเดต macOS ในสัปดาห์หน้าด้วย
ที่มา: MacRumors
พบลิงค์ที่อาศัยช่องโหว่แอป Message ใน iOS ส่งผลให้ iPhone และ iPad ที่ใช้ iOS 10 และ 11 ค้างทันทีที่ได้รับข้อความแม้จะไม่ได้เปิดเข้าไปดู และจะถูกบังคับรีบูทในไม่กี่นาทีต่อมา นอกจากนี้ยังทำให้แอป Message ไม่สามารถใช้งานได้ ช่องโหว่นี้ยังมีผลกับแอป Message ใน Mac ด้วย
วิธีแก้คือต้องเข้าไปลบข้อความที่ได้รับนั้นออกไปถึงจะทำให้แอปกลับมาทำงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามบั๊กลักษณะนี้เคยถูกพบมาแล้วหลายครั้ง และไม่ใช่บั๊กร้ายแรง แค่สร้างความน่ารำคาญให้ผู้ได้รับเฉยๆ
หลังจากที่ iOS 10 ถูกปล่อยให้อัพเดตเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา นับมาถึงวันนี้ก็ปีกว่า ๆ เหล่าผู้ชื่นชอบการเจลเบรคต้องรอแล้วรอเล่าว่าเมื่อไหร่จะมีเครื่องมือให้เจลเบรคกันสักที มิหนำซ้ำเมื่อเดือนกรกฎาคม ก็ยิ่งมีข่าวว่า Jay Freeman ผู้พัฒนา Cydia กล่าวว่า "การเจลเบรคได้ตายไปแล้ว" ทำให้ขาเจลเบรคทั้งหลาย เป็นอันต้องถอดใจกันไปหลายคน
ล่าสุดวันนี้กับผลิตภัณฑ์ของ Apple มีอัพเดตซอฟต์แวร์ให้กับผู้ใช้งานทั่วไป ดังนี้
ในส่วนของการอัพเดต iOS 10.3.3 จะมีอุปกรณ์ที่รองรับ ได้แก่
ในวันนี้ แอปเปิลได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์หลายรายการ มีรายละเอียดดังนี้
แอปเปิลออกอัพเดต iOS เวอร์ชัน 10.3.1 ในวันนี้ ซึ่งไล่หลังจาก iOS 10.3 ที่ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รายละเอียดของอัพเดตนี้ระบุว่าแก้ไขบั๊ก และปัญหาต่างๆ ทั้งบน iPhone และ iPad โดยยังไม่ได้ระบุรายละเอียดเพิ่มเติม
ผู้ใช้ iOS สามารถอัพเดตได้ทั้งผ่าน OTA และ iTunes
ที่มา: MacRumors
หลังจากออกเบต้ามาได้หลายรุ่น วันนี้แอปเปิลก็ออก iOS 10.3 ตัวจริงแล้ว ของใหม่มีดังนี้
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงของ iOS 10.3 อ่านได้จากข่าวเก่าตอน Beta 3
Apple ปล่อย iOS 10.3 beta 3 สำหรับนักพัฒนาบน iPhone และ iPad แล้ว โดยอัพเดตในเวอร์ชันนี้มีดังต่อไปนี้
แอปเปิลออก iOS 10.3 Beta มีฟีเจอร์ใหม่ที่สำคัญคือ Find My AirPods ช่วยให้เราค้นหาหูฟังไร้สาย AirPods ได้ลักษณะเดียวกับ Find My iPhone แต่ฟีเจอร์นี้มีข้อจำกัดคือ AirPods ต้องอยู่ในรัศมี Bluetooth ที่เชื่อมต่อกับ iPhone เท่านั้น (เผื่อกรณีทำหล่นหายในบ้าน จะได้รู้ว่ายังอยู่ในบ้าน)
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาแอพคือใน iOS 10.3 แอปเปิลจำกัดจำนวนการขอให้ผู้ใช้รีวิวแอพ จากเดิมที่นักพัฒนาสามารถขึ้นเตือนได้ไม่จำกัดครั้งจนเกิดความรำคาญ ก็จะเหลือเพียง 3 ครั้งต่อปีเท่านั้น
นอกจากนี้ นักพัฒนาก็ยังจะได้ฟีเจอร์ที่รอกันมานานแสนนาน อย่างการตอบคอมเมนต์รีวิวของผู้ใช้ใน App Store ได้โดยตรง ช่วยให้การสื่อสารกับผู้ใช้แอพสะดวกและเป็นปัจจุบันมากขึ้น
วันนี้แอปเปิลได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ชุดใหญ่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
Apple ออกอัพเดตใหญ่ iOS 10.2 ให้กับอุปกรณ์ iOS โดยเน้นการอัพเดตไปที่แอพทีวี (มีให้บริการเฉพาะภาษาอังกฤษของสหรัฐอเมริกา) และมีอิโมจิใหม่มากกว่า 100 แบบ รวมทั้งใบหน้าใหม่ อาหารใหม่ สัตว์ใหม่ กีฬาใหม่ และอาชีพใหม่ การอัพเดตนี้ยังประกอบด้วยการปรับปรุงความเสถียรและการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ด้วย
สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ iOS สามารถเข้าไปอัพเดตได้ทาง Settings (การตั้งค่า) > General (ทั่วไป) > Software Updates (รายการอัพเดตซอฟต์แวร์) ขนาดไฟล์อัพเดตที่ได้จะประมาณ 331 MB (ซึ่งเป็นขนาดไฟล์สำหรับ iPhone SE ของผู้เขียนข่าว) จำเป็นต้องใช้เครือข่าย Wi-Fi ในการดาวน์โหลดและติดตั้ง
ที่มา - ค้นพบด้วยตนเอง
Apple ได้ออกอัพเดต iOS 10.1.1 ใหม่สำหรับอุปกรณ์ iOS โดยอัพเดตในครั้งนี้ออกมาเพื่อทำการแก้บั๊กที่เกิดขึ้นต่าง ๆ โดยเน้นบั๊กที่เกี่ยวกับแอพ Health ไม่แสดงผล ซึ่งมีผู้ใช้รายงานเป็นจำนวนหนึ่ง แต่ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นในวงกว้าง
สำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ iOS สามารถเข้าไปอัพเดตได้ทาง Settings > General > Software Updates แล้วรออัพเดตสักพัก โดยการอัพเดตครั้งนี้จะมีไฟล์ขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากเป็นอัพเดตที่เน้นการแก้บั๊กเล็ก ๆ เป็นหลัก
ที่มา - 9to5Mac
หลังทดสอบ iOS 10.1 Beta มาได้สักระยะ วันนี้แอปเปิลเปิดให้ดาวน์โหลด iOS 10.1 รุ่นสมบูรณ์แล้ว
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของ iOS 10.1 คือโหมด Portrait ของ iPhone 7 Plus ที่ถ่ายภาพหลังเบลอแบบติด bokeh ได้ โดยเป็นการประมวลผลที่ฝั่งซอฟต์แวร์
ที่มา - Gizmodo
หลังจากที่ Apple ได้ปล่อย iOS 10 เวอร์ชันเสถียรให้บุคคลทั่วไปสามารถกดอัพเดตเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น
ล่าสุด เช้าวันนี้ (24 กันยายน 2559) Apple ได้ปล่อย iOS 10.0.2 ให้ผู้ใช้งานทุกคนได้อัพเดตกันแล้ว โดยมีการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงความเสถียรของระบบ ดังนี้
Apple ได้ออกอัพเดต iOS 10 และ watchOS 3 สำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว หลังจากที่ได้ทดสอบเบต้ามาในระยะหนึ่ง
สำหรับ iOS 10 ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าไปอัพเดตโดยต่อ Wi-Fi แล้วไปที่ Settings > General > Software Updates จากนั้นก็ตัวเครื่องก็จะตรวจสอบการอัพเดต และดาวน์โหลดการอัพเดตผ่าน OTA ได้ทันที หรือว่าจะอัพเดตผ่าน iTunes ก็ได้
ส่วน watchOS 3 ก็เช่นกัน ผู้ใช้ Apple Watch สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้โดยใช้แอพ Watch บน iOS ในการติดตั้งอัพเดตได้ทันที
หลังจากที่แอปเปิลปล่อย iOS 10 ให้อัพเดตกันเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา มีรายงานจากผู้ใช้จำนวนมากที่อัพเดตผ่าน OTA ว่าอุปกรณ์ของตัวเองทั้ง iPhone และ iPad ใช้งานไม่ได้ (Brick) ซึ่งต้องแก้ปัญหาด้วยการต่อสายตรงเข้ากับพีซีและรีสโตร์เครื่องผ่าน iTunes ทั้งนี้ทั้งนั้นอาการนี้ไม่มีปัญหากับผู้ที่อัพเดตผ่าน iTunes โดยตรง
อย่างไรก็ตามล่าสุดแอปเปิลชี้แจงกับเว็บไซต์ Recode ว่ารับทราบและแก้ปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว และปัญหานี้กระทบกับผู้ใช้กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น
ฟีเจอร์อย่างหนึ่งของ iOS 10 คือปรับปรุงฟีเจอร์ของ iMessage ให้เชื่อมต่อกับแอพภายนอก และรองรับการส่งสติ๊กเกอร์ดังเช่นแอพแชทตัวอื่นๆ
ในโอกาสที่ iOS 10 จะเปิดให้ดาวน์โหลดตัวจริงวันนี้ (13 กันยายน ตามเวลาสหรัฐ) แอปเปิลก็เปิด iMessage App Store มาเตรียมรอไว้แล้ว ตัวอย่างสิ่งที่ดาวน์โหลดได้จาก iMessage App Store คือ สติ๊กเกอร์ Super Mario Run ที่ใช้ส่งแทนข้อความผ่าน iMessage ได้
ที่มา - VentureBeat
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แอปเปิลได้ปล่อยอัพเดทใหม่ล่าสุดของ iOS 10 ในสาย Developer Build และ Beta Build เป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เปิดทดสอบ โดยหลังจากการอัพเดทเสร็จสิ้น มีคนค้นพบว่าแอปเปิลได้ปรับดีไซน์อีโมจิใหม่ทั้งหมด และปรับให้มีรูปแบบที่ดูมีมิติมากขึ้น
ประเด็นสำคัญของการเปลี่ยนอีโมจิในรอบนี้อยูที่ "รูปอาวุธปืน" ที่แต่เดิมมักใช้สื่อถึงความรุนแรง ถูกเปลี่ยนรูปแบบใหม่หมด โดยใช้ "ปืนฉีดน้ำ" เป็นตัวสื่อถึงรูปปืนแทน เบื้องต้นมีการคาดเดาว่าที่แอปเปิลเลือกที่จะเปลี่ยน ก็เพื่อเป็นการสนับสนุนการลดการใช้ความรุนแรงในเชิงสัญลักษณ์นั่นเอง
นอกจากการเปลี่ยนรูปปืนแล้ว ในอัพเดทนี้แอปเปิลยังได้เพิ่มการระบุเพศในอีโมจิบางตัว เพิ่มสัญลักษณ์แสดงถึงความหลากหลายทางเพศ (LBGT) เพิ่มอีโมจิเพื่อสื่อถึงความเป็นครอบครัว และแอปเปิลยังระบุว่าจะทำงานร่วมกับ Unicode Consortium เพื่อสนับสนุนให้มีการทบทวนอีโมจิบางตัวเพื่อให้อีโมจิออกมาเหมาะสมกับผู้ใช้ต่อไป
ปัจจุบัน ตัวเอนจิน WebKit จะต้องให้มีการกระทำจากผู้ใช้ก่อน เช่น สัมผัส จึงจะมีการเล่นวิดีโอและเสียงที่อยู่ใน Safari บน iOS เพื่อเป็นการประหยัดแบนด์วิธและพลังงาน แต่ก็ทำให้หน้าเว็บบางหน้าที่มีวิดีโอเต็มไปหมดดูแปลกไป
ล่าสุด Jer Noble ได้ประกาศผ่านบล็อก WebKit ว่า ต่อไปนี้ นโยบายการเล่นวิดีโอใหม่ของ WebKit ตั้งแต่ Safari บน iOS 10 จะเริ่มอนุญาตให้วิดีโอเล่นอัตโนมัติได้ทันทีโดยไม่ต้องให้ผู้ใช้สั่ง ถ้าวิดีโอนั้นไม่มีเสียง หรือว่าถูกปิดเสียงเอาไว้อยู่ แต่ถ้าเกิดเสียงมีการเปิดเสียงขึ้นโดยผู้ใช้ไม่ได้สั่ง หรือพบว่ามีเสียงในวิดีโอ ตัวเล่นวิดีโอจะสั่งพักการเล่นทันที
มีผู้ที่ทดสอบ iOS 10 เวอร์ชันเบต้าได้ค้นพบฟีเจอร์ใหม่ที่จะมีการแจ้งเตือนผู้ใช้เมื่อผู้ใช้ได้ใช้ Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย โดยหลังจากเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายแล้ว ตัว iOS 10 จะแสดงการแจ้งเตือน Security Recommendation ภายในเมนูการตั้งค่า Wi-Fi
การแจ้งเตือนนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเราเชื่อมต่อเครือข่ายเปิดที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัย โดยจะมีการแจ้งเตือนว่า "open networks provide no security and expose all network traffic." และแนะนำให้ผู้ใช้ทำการตั้งค่าเราท์เตอร์ให้ใช้การเข้ารหัส WPA2 Personal (AES) ด้วย
Apple ได้ออก Public Beta ของ iOS 10 และ macOS Sierra ให้ผู้ใช้ทั่วไปที่สนใจทดสอบทุกคนเข้าไปลงทะเบียนทดสอบได้แล้ว ซึ่งในช่วงก่อนหน้านี้ Apple ได้เปิดให้ทดสอบเฉพาะนักพัฒนาผ่าน Apple Developer Program เท่านั้น
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการทดสอบ iOS และ macOS เวอร์ชันเบต้า จะต้องไปลงทะเบียนโดยใช้ Apple ID ก่อนที่ Apple Beta Software Program แต่ถ้าใครเคยทดสอบเวอร์ชันเบต้าไปก่อนหน้านี้ผ่าน Apple Beta Software Program ก็สามารถล็อกอินด้วยบัญชีเดิมได้ทันที
การทดสอบซอฟต์แวร์เบต้านั้น Apple บอกว่าแอพต่าง ๆ อาจจะไม่ได้ทำงานได้ดีเหมือนที่หวังไว้ จึงควรแบคอัพข้อมูลทุกครั้งก่อนจะเริ่มติดตั้งและใช้งานซอฟต์แวร์เบต้า