De La Rue บริษัทผู้พิมพ์ธนบัตรรายใหญ่ของโลกจากอังกฤษ เปิดเผยว่าความต้องการใช้ธนบัตรในโลกลดลงต่ำที่สุดในรอบมากกว่า 20 ปี เนื่องจากความนิยมในการใช้การจ่ายเงินผ่านบัตรหรือแอปมือถือเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการสำรองเงินที่สูงขึ้นจากธนาคารกลาง ที่เป็นผลต่อเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้มีธนบัตรหมุนเวียนออกมาน้อยลง
De La Rue เป็นบริษัทรับพิมพ์ธนบัตรให้กับอังกฤษและหลายประเทศทั่วโลก โดยธนบัตรของประเทศไทยแบบแรก ในปีพ.ศ. 2445 ก็จัดพิมพ์โดย De La Rue และสั่งพิมพ์อีกหลายแบบ จนกระทั่งธนาคารแห่งประเทศได้จัดตั้งโรงพิมพ์ธนบัตรแห่งแรกในประเทศเองในปีพ.ศ. 2512 (ที่มา)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ หลังจากโลกเข้าสู่สังคมไร้เงินสดเต็มตัวคือ สุขอนามัยที่ดีขึ้น เพราะมีงานวิจัยมากมายเหลือเกินที่ยืนยันว่า เงินสดโดยเฉพาะเงินสดสหรัฐฯเป็นที่รวมตัวของเชื้อโรคที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยต่างๆนานา
งานวิจัยดังกล่าวชื่อว่า dirty money ระบุว่าบนพื้นผิวธนบัตรดอลลาร์มีเส้นใยและรอยแยกที่ใหญ่ เชื้อโรคและแบคทีเรียเข้าไปอาศัยอยู่ได้มาก ยิ่งธนบัตรค่าเงินน้อยๆ ยิ่งมีการจับจ่ายสูง แบคทีเรียก็สูงตาม แบคทีเรียบางชนิดอยู่ได้เป็นเดือน นอกจากนี้ธนบัตร 1 - 100 ดอลลาร์ หมุนเวียนใช้กันมือต่อมือเป็นระยะเวลานานตั้งแต่ 4-15 ปี (ข้อมูลจากธนาคารกลางสหรัฐฯ)
งานวิจัยในปี 2010 จากนักวิจัยชาวออสเตรเลียระบุว่า ธนบัตรสหรัฐฯมีแบคทีเรีย 10 ตัว/พื้นที่ 1 ตร.ซม. มีเชื้อโรคเยอะกว่าธนบัตรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เนื่องจากธนบัตรสหรัฐฯทำจากฝ้ายและลินิน จึงดูดแบคทีเรียได้มากกว่าธนบัตรออสเตรเลียและแคนาดาที่ทำจากโพลีเมอร์ ด้านนักวิจัยกองทัพอากาศสหรัฐฯทำงานวิจัยในปี 2002 ระบุว่า เชื้อโรคบนธนบัตรก่อให้เกิดโรคปอดอักเสบและการติดเชื้อร้ายแรงอื่นๆ
ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ธนาคารแห่งชาติอังกฤษหรือ Bank of England มีธรรมเนียมเอารูปของบุคคลสำคัญชาวอังกฤษผู้มีผลงานโด่งดังพิมพ์ลงในธนบัตรเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่บุคคลเหล่านั้น (ลองดูรูปบุคคลสำคัญในธนบัตรของอังกฤษรุ่นปัจจุบันได้จาก www.bankofengland.co.uk/banknotes/Pages/current/default.aspx)
และเนื่องด้วยว่าในโอกาสที่ปี 2012 นี้จะเป็นการครบรอบ 100 ปีชาตกาลของ Alan Turing พอดี เลยมีคนไปตั้งข้อเรียกร้อง (e-petition) ที่เว็บไซต์ของรัฐบาลอังกฤษให้ใส่รูปของ Alan Turing ไว้บนธนบัตร £10 รุ่นถัดไปที่กำลังจะออกแบบใหม่เร็วๆ นี้