ทวิตเตอร์ร่วมกับ Billboard ทำชาร์ตเพลง The Billboard Hot Trending ที่อิงจากการที่มีคนพูดถึงเพลงและขึ้นเทรนด์บนทวิตเตอร์ โดยชาร์ตเพลงเปลี่ยนทุก 24 ชั่วโมง ตัวชาร์ตนี้เปิดพื้นที่โฆษณาด้วย โดย Julian Holguin หัวหน้าของ Billboard ระบุว่า ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงชาร์ต The Billboard Hot Trending ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตเพลงโดยตรงในรูปแบบเนื้อหาคลิปที่จะปรากฏบนชาร์ต
Billboard จัดอันดับเพลงโดยรวมเอาเพลงจากข่องทาง music streaming เข้ามาได้ระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดเตรียมจัดอันดับ music video ด้วย และจะไม่ใช่เพียง MV จาก YouTube เท่านั้น แต่รวมจากทุกแพลตฟอร์มเช่น Apple Music, Spotify เข้ามาด้วย
พฤติกรรมผู้บริโภค เสพเพลงนอกจากฟังผ่านวิทยุ ซื้อเพลงและซีดี, สตรีมมิ่ง การฟังรูปแบบวิดีโอก็เป็นอีกพฤติกรรมที่คนทำกันมาก จึงต้องจัดอันดับ MV เพื่อจะสะท้อนความนิยมกลุ่มคนฟังได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
การจัดอันดับ MV จะเริ่มใน 3 มกราคม 2020
Billboard รายงานสถิติใหม่ของวงการเพลงสตรีมมิ่ง โดยบอกว่าอัลบั้ม Scorpion ของ Drake ได้ทำสถิติถูกสตรีมมากกว่า 1 พันล้านครั้งทั่วโลก ในเวลาเพียง 1 สัปดาห์แรก (29 มิถุนายน-5 กรกฎาคม) โดยสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้คืออัลบั้ม Beerbongs & Bentleys ของ Post Malone ถูกสตรีม 700 ล้านครั้งในสัปดาห์
ข้อมูลบอกว่าเฉพาะในอเมริกานั้นอัลบั้ม Scorpion ถูกสตรีมมากกว่า 750 ล้านครั้ง
ตัวเลขการฟังผ่านสตรีมมิ่งที่สูงมากนี้ยังช่วยให้อัลบั้มของ Drake ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Billboard 200 ที่เพิ่มน้ำหนักการคำนวณการฟังผ่านสตรีมมิ่งเป็นสัปดาห์แรกด้วย
Billboard ประกาศปรับวิธีการจัดอันดับเพลงฮิตในอเมริกา มีผลตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นไป โดยที่ผ่านมา Billboard นำข้อมูลการฟังเพลงสตรีมมิ่งมาใช้อยู่แล้ว แต่ด้วยความหลากหลายของบริการสตรีมมิ่ง จึงมีการปรับการให้น้ำหนักของการฟังสตรีมมิ่งแต่ละแบบ
โดย Billboard แบ่งบริการสตรีมมิ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ เสียเงิน (Apple Music, Spotify, Tidal), มีโฆษณา (Spotify, YouTube) และรายการวิทยุ (Pandora) ซึ่งอันดับเพลง Billboard Hot 100 จะให้น้ำหนักข้อมูลจากกลุ่มเสียเงินสูงกว่ากลุ่มอื่น (ปัจจุบันเท่ากัน) และอันดับอัลบั้ม Billboard 200 ก็ปรับไปในแนวทางเดียวกัน
ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเพลงอเมริกา Billboard ประกาศความร่วมมือกับทวิตเตอร์ในการจัดอันดับเพลงฮิตแบบเรียลไทม์ (Real-Time Chart)
Billboard จะดึงข้อมูลการสนทนาที่เกี่ยวข้องกับดนตรีจาก Twitter มาวิเคราะห์ และเผยแพร่บนเว็บไซต์ Billboard.com ซึ่งจะอัพเดตข้อมูลตลอดเวลา แถมจะโพสต์อัพเดตเพลงใหม่ผ่าน @billboard และ @twitter เป็นระยะ
ในระยะหลัง Billboard ปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ฟังเพลงที่หันมาฟังเพลงออนไลน์มากขึ้น โดยดึงข้อมูลจากทั้ง Spotify และ YouTube มาใช้จัดอันดับเพลงด้วย
Billboard ชาร์ตอันดับเพลงฮิตของสหรัฐอเมริกา ประกาศจับมือกับ YouTube และ Nielsen นำยอดชมมิวสิควิดีโอบน YouTube เข้ามาคิดคะแนนเพื่อจัดอันดับเพลงแล้ว
ในอดีต อันดับเพลงบน Billboard คิดคะแนนจากยอดขายแผ่นและความถี่ของการเปิดเพลงบนคลื่นวิทยุ แต่ภายหลังก็เริ่มนำข้อมูลการเล่นเพลงแบบใหม่ๆ เช่น การสตรีมมิ่งบน Spotify เข้ามาคิดคะแนนด้วย ล่าสุดก็เป็นคิวของ YouTube นั่นเอง
หลักการคิดคะแนนเพลงจาก YouTube จะนับทั้งมิวสิควิดีโออย่างเป็นทางการ และมิวสิควิดีโอที่ผู้ใช้สร้างเอง (โดยใช้ไฟล์เสียงเพลงอย่างเป็นทางการ) และเริ่มคิดคะแนนจาก YouTube ในชาร์ทเมื่อวานนี้ (21 กุมภาพันธ์)
คนที่ติดตามวงการเพลงในโลกตะวันตกคงรู้จัก Billboard ชาร์ตเพลงรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
เดิมที Billboard จัดอันดับเพลงจากความนิยมในรายการวิทยุ และภายหลังหันมานับสถิติจากการขายเพลงออนไลน์ (เช่น iTunes Store) เพิ่มเติมด้วย
แต่โลกดนตรีออนไลน์ในช่วงหลังเริ่มหันมานิยมเพลงแบบสตรีมมิ่ง อย่างเช่น Spotify หรือ Rdio ทำให้ Billboard ต้องเริ่มปรับตัวตาม โดยประกาศว่าจะใช้ข้อมูลจากบริการสตรีมมิ่งเหล่านี้ มาร่วมจัดอันดับชาร์ตเพลงของตัวเองด้วยเช่นกัน