เว็บไซต์รวมข่าวแอปเปิล iMore ประกาศปิดตัว หลังจากเปิดมานานกว่า 15 ปี เว็บไซต์ก่อตั้งช่วงปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงต้นที่แอปเปิลเริ่มเข้าสู่ตลาดสมาร์ทโฟนด้วย iPhone ที่ทำให้แอปเปิลกลายเป็นบริษัทมีมูลค่ากิจการสูงสุดในโลก
เนื้อหาทั้งหมดในเว็บไซต์จะยังคงอยู่ต่อไป ส่วนฟอรัมสำหรับพูดคุยจะเปิดให้ใช้งานได้ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน
การประกาศปิดตัวของ iMore นี้ เกิดขึ้นถัดจาก AnandTech ที่ปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทั้งสองเว็บข่าวนี้มีเจ้าของเดียวกันคือ Future PLC ที่เป็นเจ้าของเว็บข่าวอื่นด้วย เช่น TechRadar, Tom's Hardware, Android Central, Windows Central
บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH เจ้าของเพจ Facebook "ลงทุนแมน" ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งแรกต่อประชาชน (ไอพีโอ) ในตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว โดยบริษัทมีแผนเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขาย ส่วนราคาไอพีโอและวันแรกที่เริ่มซื้อขายยังไม่ได้กำหนด
เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ AnandTech ประกาศปิดตัว หลังเปิดมานาน 27 ปี (ก่อตั้งปี 1997)
AnandTech ก่อตั้งในปี 1997 โดย Anand Lal Shimpi ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดีย ตอนนั้นเขามีอายุเพียง 15 ปี โดยเปิดเว็บไซต์เพื่อรีวิวเมนบอร์ดและชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ต่างๆ เขาทำงานกับ AnandTech จนถึงปี 2014 แล้วหันไปทำงานสายฮาร์ดแวร์กับแอปเปิล ออกจากวงการสื่อไป คนที่มารับช่วงเป็นบรรณาธิการต่อคือ Ryan Smith ซึ่งทำงานมาจนถึงปัจจุบัน และเป็นคนประกาศปิดเว็บไซต์
บริษัท อมรินทร์บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด บริษัทลูกของบริษัท อมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์ จํากัด (มหาชน) หรือ AMARIN แจ้งความคืบหน้าการเข้าลงทุนครั้งที่ 2 ในบริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ Dek-D.com โดยซื้อหุ้นสามัญจากผู้ถือหุ้นรายเดิม จำนวน 2,878 หุ้น คิดเป็น 25.90% มูลค่า 30 ล้านบาท
หลังการซื้อหุ้นดังกล่าว อมรินทร์บุ๊ค เซ็นเตอร์ เป็นผู้ถือหุ้นในเด็กดี 50.99% ทำให้มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของอมรินทร์ คอร์เปอเรชั่นส์
กลุ่มอมรินทร์ ประกาศแผนซื้อหุ้นเด็กดีตั้งแต่ปลายปี 2565 โดยประกาศตั้งแต่เวลานั้นว่าจะซื้อหุ้นครบตามจำนวนในช่วงกลางปี 2567
วงการสื่อเกมต่างประเทศมีการซื้อกิจการครั้งสำคัญ โดย IGN Entertainment ซึ่งปัจจุบันเป็นเว็บในเครือ Ziff Davis กลุ่มทุนสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ประกาศซื้อกิจการ Gamer Network บริษัทสื่อออนไลน์สายเกมสัญชาติอังกฤษ เจ้าของเว็บไซต์เกมหลายแห่ง เช่น Eurogamer, Digital Foundry, GamesIndusry.biz, Rock Paper Shotgun, VG247, Dicebreaker
เว็บไซต์ Eurogamer รายงานว่าบริษัทตัวเอง Gamer Network ประกาศขายมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว เพราะบริษัทแม่คือ Reedpop ซึ่งเป็นบริษัทด้านอีเวนต์ (ผู้จัดงาน PAX) ตัดสินใจไม่ต้องการทำธุรกิจนี้ต่อ
OpenAI ประกาศความร่วมมือกับสองบริษัทสื่อ Le Monde (ฝรั่งเศส) และ Prisa Media (สเปน) เพื่อนำคอนเทนต์ใหม่ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสและสเปน มาแสดงผลบนแพลตฟอร์มของ OpenAI ตลอดจนนำเนื้อหามาใช้เทรนโมเดลเพิ่มเติม
Brad Lightcap ซีโอโอ OpenAI กล่าวว่าความร่วมมือนี้ทำให้ ChatGPT รองรับการใช้งานสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลกได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการได้เนื้อหาข่าวในรูปแบบที่เป็นปัจจุบันและเชิงลึกมากขึ้นจากการร่วมมือกับสื่อชั้นนำ
ทั้งนี้ดีลดังกล่าว OpenAI ไม่ได้เปิดเผยมูลค่า แต่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าข้อตกลงของ OpenAI ที่จ่ายให้บริษัทสื่ออยู่ที่ประมาณ 1-5 ล้านดอลลาร์ต่อปี
We Are Social และ Meltwater ออกรายงานข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกประจำปี 2024 ซึ่งมีรายงานแยกสำหรับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตประเทศไทยโดยเฉพาะ Digital 2024: Thailand เหมือนเช่นเคย ซึ่งรายงานนี้ช่วยสะท้อนภาพรวมและพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
รายงานมีทั้งหมด 132 หน้า โดยมีส่วนสรุปที่เป็นไฮไลท์หลายอย่างดังนี้
ประชากรอินเทอร์เน็ตไทยมี 63.21 ล้านคน คิดเป็น 88.0% ของประชากรทั้งประเทศ (71.85 ล้านคน) ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 0.1% จากข้อมูลในปี 2023 มีการใช้งานโซเชียลมีเดีย 49.10 ล้านคน (68.3% ของประชากรทั้งหมด) และมีการใช้โทรศัพท์มือถือ 97.81 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 136.1% ของจำนวนประชากร
Walmart เชนค้าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐ ประกาศซื้อกิจการ Vizio บริษัทผลิตทีวีของอเมริกา ที่มูลค่าดีล 2,300 ล้านดอลลาร์ โดยจ่ายเป็นเงินสด
Walmart อธิบายเหตุผลหลักของดีลนี้ ว่าเพื่อผลักดันธุรกิจสื่อ Walmart Connect ที่มีรายได้หลักผ่านการโฆษณาสินค้าในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งบริษัทวางแผนเชื่อมต่อแพลตฟอร์มนี้กับระบบปฏิบัติการ SmartCast ของทีวี Vizio ซึ่งใช้ในการรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ
ธุรกิจโฆษณาเป็นธุรกิจที่เติบโตสำหรับร้านค้าปลีกอย่าง Walmart และมีอัตรากำไรที่สูง (แนวโน้มนี้เกิดขึ้นกับ Amazon เช่นกัน) ทั้งนี้ระบบปฏิบัติการ SmartCast ของ Vizio มีผู้ใช้งานลงทะเบียนแล้ว 18 ล้านบัญชี มีอัตราการเติบโตนับจากปี 2018 ถึง 400% จึงเป็นโอกาสเติบโตอีกมากนั่นเอง
นอกจากการขายเกมแบบดิจิทัลแล้ว PlayStation Store ยังมีขายภาพยนตร์และซีรีส์แบบดิจิทัลเพื่อให้เกมเมอร์ได้ดูบน PlayStation อยู่สักระยะหนึ่ง ก่อนเลิกไปในปี 2021 โดยให้เหตุผลว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปสมัครบริการสตรีมมิ่งแทน
อย่างไรก็ตาม โซนี่เพิ่งออกประกาศว่าซีรีส์และรายการทีวีของค่าย Discovery จะถูกลบออกจากระบบในวันที่ 31 ธันวาคม 2023 แม้เป็นรายการที่ลูกค้าจ่ายเงินซื้อไปแล้วก็ตาม ด้วยเหตุผลแบบสั้นๆ ว่าเป็นข้อตกลงระหว่างโซนี่กับ Discovery
ข้อมูลของ Echobox บริษัทด้านการจัดการโซเชียลมีเดียและคำวิจารณ์ของบริษัทด้านสื่อเผยว่า Facebook ได้ปรับเปลี่ยนการทำงานของอัลกอริธึมโดยไม่ได้แจ้งก่อน ทำให้ยอดผู้เข้าถึงโพสต์ของเพจสำนักข่าวและสื่อลดลงอย่างมาก
Echobox ได้เก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ข่าว 2,000 แห่งทั่วโลกพบว่า ยอดการเข้าถึงโพสต์ลดลงมาเป็นปีแล้ว แต่ลดลงอย่างมากในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยลดลงจากช่วงกลางปีที่แล้วราว 50%
เมื่อหลายปีก่อนเราอาจคุ้นเคยกับประโยคว่า สื่อกระดาษอย่างหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารควรปรับตัวด้วยการขายเวอร์ชันอิเล็กทรอนิกส์ เช่น e-newspaper หรือ e-magazine แทน แต่วันนี้ประโยคนี้อาจไม่เป็นจริงอีกแล้ว
Amazon ประกาศยุติบริการ Amazon Newsstand ที่ให้สมัครสมาชิกรับ e-newspaper และ e-magazine บนเครื่องอ่านอีบุ๊กตระกูล Kindle (บริการนี้ยังรวมถึงการสมัครฉบับกระดาษส่งถึงบ้าน โดยจ่ายเงินผ่านระบบของ Amazon ได้ด้วยหากต้องการ)
บริษัท Morning Consult รายงานผลการศึกษาด้านสื่อข้อมูลข่าวสาร โดยสำรวจกลุ่มตัวอย่างในอเมริกา 2,199 คน ระหว่างวันที่ 3-5 กุมภาพันธ์ 2023 เกี่ยวกับการค้นหาข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ
ภาพรวมพบว่า 46% ให้ Google Search คือช่องทางหลักในการค้นหาข่าวสาร และตัวเลขสูงในระดับเดียวกันเมื่อแบ่งกลุ่มตัวอย่างตามช่วงวัย ทั้ง เบบีบูเมอร์, เจเนอเรชัน X, มิลเลนเนียล (เทียบเท่าเจน Y) ยกเว้นกลุ่ม เจเนอเรชัน Z ที่ต่ำกว่าเล็กน้อยที่ 39% แต่ก็ยังสูงสุดในบรรดาช่องทางทั้งหมด
We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ ออกรายงานเพิ่มเติมต่อจาก Digital 2023 โดยรายงานนี้โฟกัสเฉพาะข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย Digital 2023: Thailand ซึ่งสะท้อนภาพรวมและรูปแบบพฤติกรรมการใช้งานในประเทศ
รายงานฉบับเต็มมี 125 หน้า ซึ่ง We Are Social เองก็ได้ทำสรุปประเด็นสำคัญที่น่าสนใจไว้ดังนี้
ประชากรอินเทอร์เน็ตของไทยมี 61.21 ล้านคน คิดเป็น 85.3% ของประชากรทั้งประเทศ (71.75 ล้านคน) เป็นข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2023 เพิ่มขึ้น 0.2% จากตัวเลขในปี 2022
We Are Social ดิจิทัลเอเจนซี่ เผยแพร่รายงานประจำปี Digital 2023 รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก โซเชียลมีเดีย สื่อโฆษณาออนไลน์ ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากการรวบรวมของ We Are Social เอง และผ่านพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ
รายงานฉบับเต็มมี 465 หน้า และเป็นการนำเสนอภาพรวมทั่วโลก ซึ่ง We Are Social ได้สรุปประเด็นที่น่าสนใจมาบางส่วนดังนี้
Listen Notes เว็บค้นหารายการพ็อดแคสต์ สรุปสถิติจำนวนรายการของปี 2022 ว่ามีรายการเกิดใหม่ 2.2 แสนรายการ (นับทุกภาษาทั่วโลก) ลดลงจากช่วงพีคปี 2020 ที่มีรายการเกิดใหม่ถึง 1 ล้านรายการ (หายไปราว 80% ของปีที่พีค)
ปี 2020 เป็นปีที่มี COVID-19 ทุกคนต้องอยู่บ้าน ทำให้มีรายการพ็อดแคสต์เกิดใหม่จำนวนมหาศาล ตัวเลขนี้ลดลงมาในปี 2021 มีรายการเกิดใหม่ 7.3 แสนรายการ ส่วนปี 2022 ลดลงมากจนมีรายการน้อยกว่าปี 2019 เสียอีก (3.4 แสนรายการ)
หากนับรายการที่ยังผลิตเนื้อหาอยู่ (active podcast) โดยต้องมีจำนวนตอนใหม่อย่างน้อย 1 ตอนในปีนั้นๆ ตัวเลขของปี 2022 มีเหลืออยู่ 4.8 แสนรายการ และพอขึ้นปี 2023 ลดลงมาเหลือ 3 แสนรายการแล้ว
บริษัท อมรินทร์บุ๊ค เซ็นเตอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของอมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง ประกาศเข้าลงทุนในบริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด คิดเป็น 51% ของหุ้นทั้งหมด โดยจะลงทุนเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 204 ล้านบาท
เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ เป็นเจ้าของเว็บไซต์ Dek-D.com ที่ดำเนินการมาแล้วกว่า 23 ปี และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา และธุรกิจคอนเทนต์ สื่อโฆษณา
กลุ่มอมรินทร์มองว่าการลงทุนนี้ จะสามารถนำมาต่อยอดกับธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้เป็นอย่างดี คาดว่าดีลทั้งหมดจะเสร็จสิ้นในเดือนมิถุนายน 2567
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หลายคนอาจรู้จักเว็บไซต์ Fandom หรือเดิมคือ Wikia เว็บไซต์ที่นำเอนจิน MediaWiki ตัวเดียวกับของ Wikipedia มาให้บริการชุมชนผู้ชื่นชอบภาพยนตร์ ซีรีส์ วิดีโอเกม การ์ตูน นิยาย ฯลฯ โดยใช้โมเดลธุรกิจหารายได้จากโฆษณา
Fandom ก่อตั้งเมื่อปี 2004 โดย Jimmy Wales ผู้สร้าง Wikipedia แต่ขายให้กลุ่มทุน TPG Capital ไปเมื่อปี 2018
ล่าสุด Fandom ประกาศซื้อกิจการเว็บไซต์สายเกม-หนัง-ทีวี ชุดใหญ่จากเจ้าของเดิม Red Ventures ได้แก่ GameSpot, Metacritic, TV Guide, GameFAQs, Giant Bomb, Cord Cutters News, Comic Vine เพื่อสร้างเครือข่ายเว็บไซต์ที่มีผู้ชม 300 ล้านคนต่อเดือน มีเนื้อหา 40 ล้าหน้า และมีผู้เขียน Wiki จำนวน 250,000 คน ผงาดขึ้นเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาอันดับ 14 ของสหรัฐอเมริกา
Lyft แอปเรียกรถแท็กซี่ที่เน้นทำตลาดในอเมริกาและเป็นคู่แข่งของ Uber ประกาศตั้งกลุ่มธุรกิจใหม่ Lyft Media เพื่อดูแลงานด้านสื่อและโฆษณาโดยเฉพาะ ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ของบริษัท
โดยระบบโฆษณาของ Lyft นั้น จะพ่วงไปกับบริการต่าง ๆ ได้แก่ Lyft Halo ป้ายโฆษณาติดบนรถยนต์ ที่มาจากการซื้อกิจการเมื่อปี 2020, Lyft Tablets แท็บเล็ตแสดงข้อมูลการโดยสารในรถยนต์ โดยขายโฆษณาไปกับรายการวิทยุที่ร่วมมือกับ iHeartRadio, Lyft Bikes ติดตั้งป้ายโฆษณาในจุดจอดรถจักรยาน และ Lyft Skins ซึ่งเป็นการขายสื่อโฆษณาให้กับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อแสดงผลแบบเป็นลูกเล่นในแอป
Pearson สำนักพิมพ์ผู้จัดจำหน่ายตำราเรียน (textbook) รายใหญ่ของโลก เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ Pearson+ แอปรวมตำราเรียนแบบดิจิทัล (e-textbook) เพื่อให้ผู้เรียนเข้าถึงเนื้อหาล่าสุดแบบดิจิทัลได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ในราคาแบบเหมาจ่าย
โมเดลราคาของ Pearson+ มีสองแบบคือ 9.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สามารถเลือกในหนึ่งตำราเรียนดิจิทัล และแบบราคา 14.99 ดอลลาร์ต่อเดือน เข้าถึงได้ทุกตำราดิจิทัลของ Pearson ที่มีมากกว่า 1,500 รายการ
Disney ประกาศความสำเร็จของบริการสตรีมมิ่งในเครือทั้ง 3 ตัว ได้แก่
กระแส Digital Disruption แผ่ขยายไปยังธุรกิจตำราเรียน (textbook) แล้ว ล่าสุด Pearson สำนักพิมพ์ผู้ขายตำราเรียนรายใหญ่ของโลก ประกาศปรับตัวครั้งใหญ่ด้วยแนวทาง digital first พัฒนาเนื้อหาการเรียนรู้เป็นเวอร์ชันดิจิทัล (e-textbook) ที่อัพเดตเนื้อหาบ่อยๆ และต่อเนื่อง (เบื้องต้นยังมีผลเฉพาะตำราเวอร์ชันที่ขายในสหรัฐอเมริกา)
ส่วนตำราเรียนที่เป็นหนังสือกระดาษแบบเดิม จะลดความถี่ในการปรับปรุงเนื้อหาลง (เดิมปรับปรุงทุก 3 ปี ต่อไปจะนานกว่านั้น) และเปลี่ยนโมเดลจากการขายหนังสือขาด มาเป็นการให้เช่าหนังสือเพียงอย่างเดียว
ปกติแล้ว Pearson มีตำราเรียนวางขายในสหรัฐอเมริกาประมาณ 1,500 เล่ม โดยปี 2019 มีอัพเดตเวอร์ชันใหม่ 500 เล่ม แต่ปีหน้า 2020 จะอัพเดตเพียง 100 เล่มเท่านั้น
เว็บไซต์ Business Insider รายงานข่าวว่าธุรกิจสื่อหลายรายไม่พอใจที่ Apple News+ บริการอ่านข่าวแบบจ่ายเงิน ที่แอปเปิลเพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม ไม่สามารถสร้างรายได้เท่าที่แอปเปิลสัญญาไว้
Apple News+ เป็นการรวมคอนเทนต์แบบพรีเมียมจากสื่อหลายเจ้า มาให้ลูกค้าอ่านแบบเหมาจ่ายเดือนละ 9.99 ดอลลาร์ โดยแอปเปิลจะแบ่งรายได้ให้สำนักพิมพ์ต่างๆ ตามปริมาณการอ่านเนื้อหาของแต่ละเจ้า
บทความนี้เป็นการศึกษาข้อมูลโดย Connie Chan แห่งกองทุนชื่อดัง Andreessen Horowitz โดยตั้งคำถามว่าบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ในฝั่งอเมริกานั้น มักมีรูปแบบรายได้หรือการทำเงินเพียง 1 วิธี และคิดเป็นรายได้เกือบทั้งหมดของรายได้รวม ซึ่งไม่มีการกระจายความเสี่ยง วิธีทำเงินนั้นแบ่งได้เป็น 2 แบบหลัก ๆ
โดยแต่ละบริษัทจะมีรายได้จากโมเดลทำเงินนั้นมากกว่า 80% ของรายได้รวม เช่น Facebook มีรายได้จากโฆษณา 98.5%, Netflix มีรายได้จากค่าสมาชิก 100%
Facebook ประกาศวันนี้ว่า Watch แท็บรวมวิดีโอน่าสนใจ ได้เปิดให้ใช้งานแล้วสำหรับผู้ใช้ทั่วโลกแล้วตั้งแต่วันนี้รวมทั้งในไทย ซึ่งในแท็บดังกล่าวจะมีวิดีโอที่น่าสนใจ คลิปรายการโทรทัศน์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
Facebook Watch เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นเฉพาะในอเมริกา (แต่ก็มีรายงานว่าผู้ใช้ในไทยบางคนได้แท็บนี้) ซึ่งเป็นการขยับที่น่าสนใจ เพราะเป็นการย้ำว่า Facebook ให้ความสำคัญกับวิดีโอมาก
ทั้งนี้ Facebook บอกว่าวิดีโอที่ถูกเลือกมาแสดงใน Watch มีทั้ง วิดีโอน่าสนใจที่ Facebook คัดเลือกจากความสนใจของเรา, วิดีโอจากเพจที่เราติดตาม ตลอดจนวิดีโอที่เราเห็นใน News Feed แต่ยังไม่มีเวลาดูเลยกดเซฟไว้ก่อน
กลุ่มบริษัท Alibaba ประกาศเข้าซื้อหุ้น 6.62% ในบริษัท Focus Media Information Technology ของจีน ซึ่งทำธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน เป็นมูลค่า 1,430 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 48,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังซื้อหุ้นอีกส่วนหนึ่งจากบริษัทของผู้ก่อตั้ง ที่ถือหุ้นใหญ่ใน Focus Media 23.34% และใช้เงินของกองทุน New Retail Strategic Opportunities Fund ที่ Alibaba จัดตั้งขึ้น ซื้อหุ้นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก ทำให้กลุ่ม Alibaba มีหุ้นรวมทั้งหมด 10.32%
ทั้งนี้ Alibaba บอกว่ามีแผนจะซื้อหุ้นเพิ่มเติมอีก 5% ภายใน 12 เดือนข้างหน้าด้วย