หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการไปนั่งดื่มหรือรับประทานอาหารที่บาร์ทั่วไป ซึ่งมีการแสดงสดเป็นดนตรี แต่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีบาร์แห่งหนึ่งที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับบรรดาเหล่าโปรแกรมเมอร์หรือ geek ทั้งหลาย ซึ่งบาร์นั้นมีชื่อว่า Hackers Bar

จุดเด่นของบาร์แห่งนี้ นอกจากจะมีเครื่องดื่ม (ส่วนมากเป็นค็อกเทล) ชื่อแปลกๆ แต่คนทำงานด้านไอทีจะคุ้นเคย อย่างเช่น Blue Screen (มาจาก Blue Screen of Death ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงของ Windows), Kernel Panic (มาจากข้อผิดพลาดร้ายแรงของระบบปฏิบัติการ UNIX, Linux), Spaghetti (หมายถึงโค้ดของโปรแกรมที่เขียนไม่เป็นระบบ) เป็นต้น แล้ว ยังมีการแสดงสดจากทางบาร์ด้วย โดยเป็นการแสดงสดการ "เขียนโปรแกรม" ให้กับผู้ที่เข้ามานั่งดื่มบาร์ได้รับชมด้วย

สมาชิกบน XDA Developers เผยว่า ได้ทดลองสร้าง VHD (virtual hard disk) ของ Windows Phone 8.1 แล้วไปบู๊ตเน็ตบุ๊กสองเครื่องโดยใช้ VHD ดังกล่าว จะเป็นอย่างไรเชิญชมวิดีโอที่ท้ายข่าว

เขากล่าวว่า เนื่องจากเน็ตบุ๊กไม่มีจอสัมผัส จึงต้องใช้ความพยายามใช้การใช้ทัชแพดเพื่อทำงานบนหน้าจอ เขายังอธิบายสิ่งที่น่าสนใจจากการทดลอง ดังนี้

"Geek อย่างไรให้ไม่โสด" เป็นหัวข้อที่พูดในงาน Barcamp Bangkhen ตั้งแต่ปี 2011 ด้วยความที่พบเห็นหนุ่ม Geek มากมายรอบตัว มักมีปัญหาทางด้านความรัก ประกอบกับตัวเองก็เป็นบล็อกเกอร์ด้านความรักคนหนึ่ง จึงได้แชร์หัวข้อนี้ใน Blognone แบบ Exclusive ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับค่อนข้างดี

พจนานุกรมภาษาอังกฤษ Oxford Dictionaries ประกาศเพิ่มคำศัพท์ใหม่ๆ จากโลกเทคโนโลยีและวัฒนธรรมไซเบอร์อีกหลายคำ

• คำศัพท์ด้านไอทีที่ถูกเพิ่มเข้ามา ได้แก่ e-learning, NFC, UI, user experience หรือ UX, video chat, 3D printing
• คำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไซเบอร์ ได้แก่ hackathon, dog food, ethical hacker, hat tip, inbox (ในฐานะคำกริยาว่าส่งข้อความถึงกัน), lifecasting, lolz, photobomb, tweeps, Wikipedian

ความหมายของคำเหล่านี้และรายการคำอื่นๆ ที่ถูกเพิ่มเข้ามา อ่านได้ที่ Herald Suns

xkcd เว็บคอมมิคสำหรับชาว geek ที่คนแถวๆ นี้หลายคนรู้จักกันดี (ถ้าไม่รู้จักลองอ่านคำโปรยของเว็บก่อน A webcomic of romance, sarcasm, math, and language.)

xkcd เป็นการ์ตูนที่เขียนโดย Randall Munroe อดีตนักวิจัยด้านหุ่นยนต์ของนาซา (ตอนนี้เขาอายุ 27 ปีเองนะครับ) เริ่มวาดการ์ตูนเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2005 และกลายเป็นการ์ตูนฮิตบนโลกออนไลน์ เหตุการณ์หลายอย่างที่เคยถูกวาดเป็นการ์ตูนก็มีแฟนๆ นำไปทำตามในโลกความเป็นจริงหลายครั้ง รายละเอียดที่เหลืออ่านใน Wikipedia กันเองครับ

ผู้อ่าน Blognone คงคุ้นกับที่อยู่ของสำนักงานใหญ่แอปเปิล "1 Infinite Loop" กันดีอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ที่อยู่สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ Facebook ที่ Menlo Park อาจจะมาแรงกว่า โดยตอนนี้นามบัตรรุ่นใหม่ของพนักงาน Facebook จะเขียนที่อยู่บริษัทว่า

1 Hacker Way, Menlo Park, 94025

แหล่งข่าวระบุว่าตอนแรก Facebook จะใช้ชื่อ 1 Social Circle แต่โดน Google+ ตัดหน้าแย่งคำว่า circle ไป เลยต้องเปลี่ยนหนี

ตัวอย่างสำนักงานของบริษัทอื่นที่มีที่อยู่เก๋ๆ แบบนี้ได้แก่

ช่วงนี้หลายคนคงกำลังเครียดกับสถานการณ์น้ำท่วม ก็ขอพื้นที่ข่าวฮาๆ ให้ได้คลายเครียดซักหน่อยครับ

เป็นที่รู้กันดีว่าในคืนวันฮาโลวีนนั้น (แต่เดิม) ฝรั่งจะออกมาแต่งตัวเป็นผีกัน เพื่อป้องกันวิญญาณเร่ร่อนที่จะมาขโมยร่าง แน่นอนว่าเวลาเปลี่ยน วัฒนธรรมก็ย่อมเปลี่ยน ทุกวันนี้ การแต่งตัวในเทศกาลฮาโลวีนจึงไม่ได้จำกัดอยู่กับชุดผีอีกต่อไป

แน่นอนว่าเรื่องสนุกๆ อย่างนี้ geek หลายคนคงไม่พลาดอยู่แล้ว งานนี้จึงมีชุดแปลกๆ โผล่มาให้เห็นเพียบเลยครับ

ผมคัดภาพมาบางส่วนให้ดูในข่าว ถ้ายังไม่เต็มอิ่มก็ตามดูทั้งหมดจากที่มาได้เลย

ที่มา: Engadget

ในงาน Barcamp Bangkhen ที่ผ่านมา พอดีผมได้มีโอกาสไปแชร์ในหัวข้อ "Geek อย่างไรให้ไม่โสด" ซึ่งเดิมทีเคยคิดที่จะเขียนเป็นบทความใน Blognone มานานแล้ว แต่ก็มีโอกาสได้ไปแชร์ในงานสัมมนาก่อน จากเสียงตอบรับก็ค่อนข้างดี และก็คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่าน Blognone ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายในหัวข้อนี้ เลยขอนำมาแชร์ให้ได้อ่านกันครับ

คำเตือน: ยาวมาก เพราะถอดเทปจากที่คุยในงานมา

ต้นแบบของ Blognone คือ Slashdot เว็บไซต์ข่าวสำหรับชาวเนิร์ดที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1997 (อ่าน กว่าจะเป็น Blognone)

Slashdot สร้างขึ้นโดย Rob Malda เจ้าของนามแฝง CmdrTaco ร่วมกับเพื่อนของเขาคือ Jeff "Hemos" Bates ตั้งแต่สมัยที่ทั้งคู่เรียนมหาวิทยาลัย Hope College และวางเซิร์ฟเวอร์ไว้ใต้โต๊ะทำงานของ Malda เอง

จากนั้น Slashdot ขยายตัวเรื่อยมา กลายเป็นสื่อรายสำคัญของโลกไอที โอเพนซอร์ส วิทยาศาสตร์ สิทธิเสรีภาพ ฯลฯ ผ่านการขายกิจการหลายครั้ง (นามบัตรใบแรกของ Rob Malda เขียนชื่อตำแหน่งว่า "Lies and Misinformation") และปัจจุบันเป็นของบริษัท Geeknet

พจนานุกรมภาษาอังกฤษอ๊อกซฟอร์ด (Oxford English Dictionary) ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 12 ได้เพิ่มเติมคำศัพท์อีก 400 กว่าคำซึ่งคำส่วนใหญ่เป็นคำศัพท์ที่มาจากเทคโนโลยีใหม่ และศัพท์ที่เกิดขึ้นจากกระแสสังคม โดยในรอบนี้มีคำว่า Retweet ซึ่งนิยามไว้ว่า "to forward a message on Twitter" อีกด้วย ส่วนคำอื่นๆ ก็มีทั้ง Sexting, Cyberbullying และ Woot

Angus Stevenson บรรณาธิการของพจนานุกรมกล่าวว่าทีมงานได้รวบรวมข้อมูลมากพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่าคำเหล่านี้ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายจริง ไม่ใช่ว่าใช้กันอยู่แค่ไม่กี่คนแล้วพอเวลาผ่านไปคำเหล่านี้ก็เสื่อมความนิยมอย่างรวดเร็ว

ยังไม่มีคำศัพท์อย่าง Retweet and Reply แต่อย่างใด

พจนานุกรมภาษาอังกฤษอ๊อกซฟอร์ด (Oxford English Dictionary หรือตัวย่อ OED) ฉบับปรับปรุงประจำเดือนมีนาคม 2011 ได้เพิ่มคำศัพท์ใหม่ๆ เข้าไปตามปกติ แต่รอบนี้น่าสนใจหน่อยเพราะมีคำย่อที่ใช้กันแพร่หลายบนอินเทอร์เน็ตอย่าง LOL, OMG, FYI เข้ามาด้วย (ผมจงใจเว้นคำเต็มของตัวย่อเหล่านี้ไว้ เพื่อให้ไปหาข้อมูลกันเองนะครับ)

ผู้จัดทำพจนานุกรมให้เหตุผลว่า คำเหล่านี้ช่วยให้พิมพ์ข้อความได้ง่ายขึ้น และยังลดจำนวนตัวอักษรที่ใช้ เพื่อเพิ่มที่ว่างให้กับข้อความอื่นๆ (ในกรณีของ SMS และ Twitter) นอกจากนี้ยังแสดงอารมณ์ของการสนทนาที่ไม่เป็นทางการมากนัก

อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์กันแล้ว คุณมีดอกไม้ ช็อคโกแลต หรือของขวัญสุดพิเศษให้กับคนที่คุณรักแล้วรึยัง แล้วถ้าคนรักของคุณเป็น Geek ที่แสนจะเข้าอกเข้าใจยากล่ะ เราลองมาดู 10 ของขวัญวันวาเลนไทน์สำหรับ Geek ที่รับรองว่าคนรับจะต้องชอบอย่างแน่นอนกันดีกว่า

1. กรอบรูปบอกรักด้วยเลขฐาน 2

"ฉันรักเธอ" คำนี้ Geek บางคนอาจจะฟังไม่เข้าใจ งั้นลองใหม่บอกรักด้วยเลขฐาน 2 เสียเลย

ราคา : $10

ต้องขอบคุณหนังเรื่อง The Social Network ที่ดูเหมือนจะช่วยให้สาวๆ เข้าใจและสนใจจะลองคบกับบรรดา Geek ทั้งหลายมากขึ้น โดย Annie Scudder แห่ง PopSugar ได้รวบรวม 5 เหตุผลที่สาวๆ ควรจะลองเดทกับหนุ่ม Geek มาดังนี้

Leslie Sobon เป็นรองประธานบริษัทเอเอ็มดีที่ไม่น่าแปลกใจนักว่ารอบตัวเธอจะมีแต่ผู้ชาย แถมเป็น geek บ้าเทคโนโลยีกันเป็นส่วนมาก ล่าสุดเธอก็ออกมาเขียนบล็อกให้คำแนะนำสาวๆ ห้าข้อที่จะทำให้คบกับผู้ชายเหล่านี้ได้อย่างมีความสุข

สาวๆ หลายคนชอบบ่นว่าคบกับ Geek แล้วความโรแมนติกในชีวิตจะหมดไป คงต้องกลับมาคิดใหม่ เมื่อ Mashable รวบรวม 10 อันดับการขอแต่งงาน ในรูปแบบที่ Geek สุดๆ

ทีนี้จะได้รู้เสียทีว่า Geek อย่างเราก็มีความโรแมนติกกับเค้าเหมือนกันนะ เพียงแค่มันอยู่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปต่างหาก

1. Super Mario

Geek หนุ่ม Brad ใช้โปรแกรม Lunar Magic เข้าไปแก้ด่านหนึ่งของ Super Mario World ภาค SNES และขอให้ Lisa แฟนสาวลองเล่นดู โดยในตอนแรกของวิดีโอเธอเองก็สงสัยว่าทำไมต้องเล่นด้วย แต่เมื่อเล่นไปซักพักเธอก็พบกับเหรียญทองที่เรียงกันเป็นคำว่า "Lisa .. will you mary me?" เธอตอบ "Yes"

น่ารักไหมล่ะ

นิตยสาร Fast Company ได้มอบรางวัล Geeks of the Year ให้กับ geek ที่ทำผลงานโดดเด่นในรอบปี 2009 ซึ่งมีผู้รับรางวัลหลายคน ได้แก่