นอกจากการพิจารณามาตรการเยียวยาคดีกูเกิลผูกขาด Search สัปดาห์นี้ยังมีการไต่สวนคดี Meta ผูกขาดธุรกิจโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่สองด้วย โดยเมื่อวานนี้ Kevin Systrom ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram ได้เข้าให้การต่อศาลด้วย
Instagram เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของการพิจารณาว่า Meta มีพฤติกรรมผูกขาดโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือไม่ โดยคณะกรรมการการค้าของสหรัฐ หรือ FTC ฝ่ายโจทก์ได้แสดงข้อมูลว่า Facebook ซื้อ Instagram เพื่อต้องการหยุดการเติบโตของแพลตฟอร์ม ที่อาจขึ้นมาแซง Facebook ได้
การไต่สวนในคดีที่คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ หรือ FTC ฟ้อง Meta ข้อหาผูกขาดตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเริ่มต้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเป้าหมายให้ Meta ต้องขายกิจการ Instagram และ WhatsApp ออกมา จึงทำให้ทนายของ FTC พยายามเน้นประเด็นในตอนที่ Meta หรือ Facebook เวลานั้น ซื้อกิจการ Instagram และ WhatsApp ว่าทำเพื่อรักษาการผูกขาดความเป็นผู้นำธุรกิจโซเชียลเน็ตเวิร์กเอาไว้
แอปเปิลมีฟีเจอร์ปัญญาประดิษฐ์ Apple Intelligence เพิ่มมาตั้งแต่ iOS 18.1 ซึ่งสามารถเรียกใช้งานได้ผ่านแอปต่าง ๆ ในอุปกรณ์ สำหรับนักพัฒนานั้นแอปเปิลก็มีช่องทางให้เชื่อมต่อกับ Apple Intelligence ในแอปของตนเองได้
...แต่ไม่ใช่บริษัทที่ชื่อ Meta
มีรายงานการค้นพบว่าแอปบน iOS ในเครือ Meta เช่น Facebook, WhatsApp หรือ Threads ไม่สามารถเรียกใช้งานความสามารถของ Apple Intelligence ได้แล้ว เช่น Writing Tools เครื่องมือช่วยเขียน, Genmoji ตัวสร้างอีโมจิแบบคัสตอม ซึ่งเดิมนั้นสามารถทำได้
สัปดาห์นี้มีอีเมลภายในระหว่าง Mark Zuckerberg (ซีอีโอ Meta) กับ Tom Alison (หัวหน้า Facebook) ถูกเปิดเผยในศาล ระหว่างการไต่สวนคดีผูกขาดของ FTC ต่อ Meta — ซึ่งเห็นได้เลยว่า Zuckerberg เป็นห่วง Facebook ที่กำลังเริ่มตกกระแส
อีเมลพวกนี้ถูกส่งในช่วงเดือนเมษายน ปี 2022 ถึงแม้ตัวเลขการใช้งานโดยรวมของ Facebook จะดูโอเค แต่ Zuckerberg รู้สึกแพลตฟอร์มเริ่มขาดเสน่ห์ความเป็นวัฒนธรรมแบบเดิม และไม่เป็นที่พูดถึงเหมือนเมื่อก่อน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ในอนาคต
เขาย้ำว่า สุขภาพ ของ Facebook สำคัญกับความสำเร็จของ Meta โดยรวม ต่อให้ Instagram หรือ WhatsApp จะไปได้ดีแค่ไหน ก็ไม่ช่วย ถ้า Facebook ดรอปลง
การไต่สวนคดีที่ FTC ฟ้อง Meta ข้อหาผูกขาดโซเชียลเน็ตเวิร์กยังดำเนินต่อไป ประเด็นน่าสนใจวันนี้คือการเปิดหลักฐานอีเมลภายในเมื่อปี 2013 ซึ่ง Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta (ที่ตอนนั้นเป็น Facebook) เสนอให้ซื้อกิจการ Snapchat
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร เพราะมีรายงานข่าวออกมาตั้งแต่เวลานั้น แต่ตัวเลขในอีเมลระบุมูลค่าเสนอซื้อที่ 6,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่มีรายงานเวลานั้นเท่าตัวคือ 3,000 ล้านดอลลาร์
ในสัปดาห์นี้มีคดีที่น่าสนใจซึ่งเข้าสู่การไต่สวนในศาลแล้ว โดยคณะกรรมการการค้าของสหรัฐ หรือ Federal Trade Commission (FTC) ได้ฟ้อง Meta (ตอนฟ้องยังชื่อ Facebook) ในข้อหาผูกขาดตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์กตั้งแต่ปี 2020 ซึ่งที่ผ่าน Meta ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาตลอด โดย FTC เสนอให้ Meta แยกธุรกิจ Instagram และ WhatsApp ที่มองว่าส่งเสริมการผูกขาดตลาดออกมา
Instagram มี Teen Account บัญชีสำหรับวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี มาตั้งแต่ปี 2024 ล่าสุดฟีเจอร์นี้ขยายมายัง Facebook และ Messenger แล้ว
การใช้งาน Teen Account ใน Facebook และ Messenger จะได้ฟีเจอร์จำกัดการเข้าถึงจากคนแปลกหน้าและเนื้อหาไม่เหมาะสมแบบเดียวกับของ Instagram
ฝั่ง Instagram เองก็ได้เพิ่มฟีเจอร์จำกัดการใช้งาน Live จนกว่าอายุถึง 16 ปี และฟีเจอร์เบลอภาพใน DM ป้องกันคนอื่นส่งภาพนู้ดมาให้ด้วย
Meta บอกว่าตั้งแต่เริ่มใช้ Teen Account มา ตอนนี้มีบัญชีใช้งานแล้วอย่างน้อย 54 ล้านบัญชี แม้ยังไม่ได้เปิดบริการให้กับผู้ใช้ในทุกประเทศ
Facebook ประกาศอัปเดตการแสดงเนื้อหาในฟีด โดยระบุว่าต้องการนำบรรยากาศต้นฉบับ (OG) ของ Facebook ยุคแรก ที่มีแต่โพสต์ของเพื่อน กลับมาอีกครั้ง ซึ่ง Facebook ก็ยอมรับว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ได้รับการตอบรับดีทั้ง Groups, Video, Marketplace และอื่น ๆ ทำให้บรรยากาศโพสต์ของเพื่อนลดลงไปมาก
โดย Facebook จะปรับปรุงแท็บ Friends ซึ่งเดิมใช้สำหรับค้นหาเพื่อนที่อาจรู้จัก มาเป็นหน้าฟีดที่รวมเฉพาะโพสต์จากเพื่อนใน Facebook ทั้งโพสต์ปกติ, Reels, Stories, เตือนวันเกิด รวมทั้งคำขอเพิ่มเพื่อน ไม่มีการแสดงคอนเทนต์แนะนำจากเพจหรือเพื่อนที่ไม่ได้ติดตาม
ถ้าใครดูภาพยนตร์ The Social Network อาจจำได้ว่าผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook ยุคแรกมีทั้งหมด 4 คน (ถ้าไม่นับฝาแฝด Winklevoss ที่มีข้อขัดแย้งกัน) ผู้ร่วมก่อตั้งคนที่รับบทเป็นโปรแกรมเมอร์เงียบๆ Dustin Moskovitz ถือเป็น CTO คนแรกของบริษัท ภายหลังในปี 2008 เขาลาออกไปก่อตั้งบริษัท Asana ของตัวเอง และประสบความสำเร็จเช่นกัน ขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2020
ล่าสุด Dustin Moskovitz ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอแล้ว หลังอยู่กับบริษัทมานาน 17 ปี โดยบอร์ดบริหารจะเริ่มกระบวนการสรรหาซีอีโอคนใหม่มารับตำแหน่งแทน Moskovitz ต่อไป ส่วนตัว Moskovitz จะยังเป็นซีอีโอจนกว่าจะหาผู้สืบทอดตำแหน่งได้
ก็เป็นซะอย่างงี้! ถึงได้สร้างความเกลียดชังกันถ้วนหน้า ล่าสุด บ. เทคยักษ์ใหญ่อย่าง Meta บริษัทแม่ของ Facebook ให้โบนัสผู้บริหารระดับสูงมากถึง 200% จากฐานเงินเดือน และดันเป็นการให้โบนัสหลังเลย์ออฟพนักงานออกอย่างมหาศาลถึง 3,600 คน
การปลดพนักงานที่มีศักยภาพต่ำกว่าระดับที่ตั้งเกณฑ์ไว้ อาจจะเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อยู่บ้าง ถ้ามีกระบวนการที่เป็นธรรมและโปร่งใส แต่ Meta ดันปลดคนที่ศักยภาพสูงออกด้วย เพียงแค่ต้องการเอาคนออกให้ได้ตามยอดที่กำหนด และนี่ยังมีข่าวให้โบนัสมหาศาลหลังปลดคนอีก
Meta เริ่มเปิดโครงการ Community Notes ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือน ม.ค. 2025 ว่าจะนำมาใช้แทนระบบ fact checking แบบเดิม
Community Notes เป็นการเปิดให้ "อาสาสมัคร" (แปลว่าไม่จ่ายเงิน) สมัครเข้ามาช่วย fact checking เนื้อหาในโพสต์ต่างๆ ว่าถูกต้องหรือไม่ แบบเดียวกับที่ Twitter/X มีมาก่อนนานแล้ว ทิศทางของ Meta ในช่วงหลังชัดเจนว่าไม่ต้องการจ้างพนักงานเอาท์ซอร์สมาเช็คข้อมูลอีกต่อไป แม้ตอนนี้ Community Notes ยังเริ่มใช้งานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวก่อน
Facebook ประกาศเปลี่ยนแปลงการให้บริการระบบถ่ายทอดสด Facebook Live โดยจะเก็บวิดีโอไลฟ์หรือถ่ายทอดสดสำหรับดูย้อนหลัง 30 วัน จากนั้นวิดีโอจะถูกลบออกไปอัตโนมัติ มีผลทั้ง Facebook Page และ Facebook ส่วนตัว จากก่อนหน้านี้วิดีโอจะถูกเก็บไว้ถาวรไม่ถูกลบ
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับไลฟ์ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นไปทันที ส่วนไลฟ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ Facebook จะทยอยลบเช่นเดียวกัน โดยจะมีการแจ้งเตือนเจ้าของวิดีโอล่วงหน้า รวมทั้งให้เวลา 90 วัน ในการดาวน์โหลดวิดีโอนั้นออกมา หรือเลือกวิธีการอื่น
สำหรับคนที่ยังต้องการเก็บวิดีโอไลฟ์ของตนเองไว้ Facebook ให้ทางเลือกหลายแบบดังนี้
ผลสำรวจโดย DatingNews รายงานว่า 52% ของคนโสดในสหรัฐอเมริกาอายุ 20-40 ปี พบคู่ชีวิตผ่านแพลตฟอร์มหางานและสร้างเครือข่าย เช่น LinkedIn โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 35-40 ปี ซึ่ง 61% ประสบความสำเร็จในการหาคู่ผ่านช่องทางเหล่านี้
ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า สาเหตุที่ LinkedIn ได้รับความนิยมในการหาคู่ เป็นเพราะแพลตฟอร์มช่วยให้ผู้ใช้งานค้นพบผู้คนผ่านความสนใจที่มีร่วมกัน เช่น อุตสาหกรรม การศึกษา หรือองค์กรการกุศล รวมทั้งยังมีความโปร่งใสผ่านเครือข่ายมืออาชีพ และลดข้อกังวลด้าน HR เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในที่ทำงาน
Meta ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้ Meta AI ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ในแชท ให้ "รู้จัก" ตัวเราผู้ใช้งานมากขึ้น 2 ทางดังนี้
ชาวเน็ตหงุดหงิด อยู่ๆ แอคเคาท์ Instagram และ Facebook ของตัวเอง ก็ไปตามแอคเคาท์ของ Trump และ JD Vance เฉย จะลบก็ทำไม่ได้อีก!
ทำไมมันเป็นอย่างนั้น?
หลังจากที่ Donald Trump ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 2 และทำพิธีสาบานตนเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน JD Vance มือขวาของเขาก็ได้เป็นรองประธานาธิบดีด้วย
แต่อยู่ๆ ชาวเน็ตก็ต้องเซอร์ไพรส์เมื่อพบว่าแอคเคาท์โซเชียลมีเดียของตัวเอง อยู่ๆ ก็ไปกดติดตาม Trump และ Vance แบบไม่ได้ตั้งใจ แถมพยายามจะกดเลิกติดตามหลายต่อหลายครั้งก็ทำไม่ได้อีก
Meta ประกาศว่าผู้ใช้งาน WhatsApp สามารถเลือกเพิ่มบัญชีที่ใช้งานอยู่ พ่วงเข้าไปกับระบบจัดการบัญชี Accounts Center ของ Meta เพื่อให้สามารถจัดการบัญชีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้จบที่เดียว
หากผู้ใช้เพิ่มบัญชี WhatsApp เข้าไป นอกจากทำให้การล็อกอินผ่านระบบ Accounts Center ทำได้สะดวกขึ้น ยังสามารถสั่งโพสต์เดียวให้ขึ้นหลายแพลตฟอร์ม (cross-post) เพิ่มมาที่ WhatsApp ได้ด้วย
การเพิ่ม WhatsApp เข้า Accounts Center จะถูกปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น หากต้องการใช้งานต้องเปิดเอง และ WhatsApp ย้ำว่าข้อความและการโทรเสียงใน WhatsApp ยังคงเข้ารหัสแบบ end-to-end เหมือนเดิม แม้จะเพิ่มบัญชีเข้ามาที่ Accounts Center แล้วก็ตาม
ผู้ใช้งาน Instagram ที่เล่นฟิลเตอร์สตอรีเป็นประจำอาจจะทราบอยู่แล้ว แต่เป็นการแจ้งอีกครั้งว่าฟิลเตอร์เอฟเฟกต์ AR ที่้สร้างโดยนักพัฒนาภายนอก (3rd Party) จะถูกลบออกทั้งหมด มีผลในวันที่ 14 มกราคมนี้ โดยไม่ใช่ว่าฟิลเตอร์จะหายไปทั้งหมด แต่ฟิลเตอร์ที่เหลือให้ใช้งานคือฟิลเตอร์พื้นฐานของ Meta เองเท่านั้น
การตัดสินใจลบฟิลเตอร์เอฟเฟกต์ AR นี้ เป็นผลจากประกาศปิดบริการ Spark AR แพลตฟอร์มที่ให้นักพัฒนาภายนอกสร้างเอฟเฟกต์ AR ให้ใช้งานกับแอปต่าง ๆ ในเครือ Meta โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต้องการจัดลำดับความสำคัญของโครงการและบริการต่าง ๆ ใหม่
Meta ประกาศว่าจะอนุญาตให้ eBay แสดงข้อมูลสินค้าได้บน Facebook Marketplace ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกดูค้นหาและทำคำสั่งซื้อหรืออื่น ๆ ได้เลยกับ eBay ภายในแอป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะในยุโรปและอเมริกาเท่านั้น โดยจะทดสอบที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และอเมริกา
เหตุผลหนึ่งที่น่าจะทำให้ Meta อนุญาตให้ eBay แสดงข้อมูลสินค้าได้บนแพลตฟอร์ม เนื่องจากสหภาพยุโรปได้สั่งปรับเงิน Meta 797 ล้านยูโร เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากประเด็นที่ Facebook ถูกกล่าวว่าใช้ข้อได้เปรียบบางอย่างใน Facebook Marketplace เหนือคู่แข่งที่อยู่บนมาร์เกตเพลส โดย Meta ก็ได้ยื่นอุทธรณ์
Meta และซีอีโอ Mark Zuckerberg ประกาศการเปลี่ยนแปลงของเครื่องมือตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าว (Fact-Checking) จากที่ใช้แหล่งข้อมูลจากองค์กรภายนอก 3rd Party มาเป็นระบบให้ชุมชนช่วยกันรายงานและตรวจสอบเนื้อหาที่ถูกต้องหรือ Community Notes แบบเดียวกับ X ซึ่งจะมีผลในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก
Meta บอกว่า Community Notes มีแผนเตรียมขยายไปยังผู้ใช้งานประเทศอื่นด้วย เมื่อเครื่องมือนี้มีการปรับปรุงมากขึ้น โดยปัจจุบันการตรวจสอบ Fact-Checking ของ Meta ใช้ข้อมูลผ่านเครือข่าย International Fact-Checking Network และ European Fact-Checking Standards Network สำหรับผู้ใช้งานในยุโรป มีผลทั้งบน Facebook, Instagram และ Threads
มีรายงานปัญหา Facebook, Instagram และแพลตฟอร์มอื่นของ Meta ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อคืนนี้ ตั้งแต่เวลาประมาณ 1 นาฬิกา ข้อมูลล่าสุดใน Downdetector มีคนพบปัญหาน้อยลง
Meta โพสต์ข้อความใน X เมื่อเวลา 1:48น. ยืนยันปัญหาทางเทคนิคที่ทำให้ผู้ใช้งานเข้าแอปไม่ได้ โดยขอโทษผู้ใช้งาน และกำลังเร่งแก้ไขให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุด
เทรนด์ X ของประเทศไทยในช่วงดึกจึงมาครบทั้ง #ไอจีล่ม และ #เฟสล่ม
อัปเดต: Meta รายงานเมื่อเวลา 5:26น. ว่าตอนนี้ระบบกลับมาเป็นปกติ 99% แล้ว และอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสุดท้าย
Meta ประกาศปรับปรุงเงื่อนไขผู้ลงโฆษณาในออสเตรเลียบนแพลตฟอร์มทั้ง Facebook และ Instagram โดยหากต้องการลงโฆษณาที่เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงิน ต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนเท่านั้น
เงื่อนไขระบุว่านอกจากผู้ลงโฆษณาต้องยืนยันตัวตนแล้ว ยังต้องแสดงหมายเลขใบอนุญาตในการให้บริการทางการเงินของหน่วยงานรัฐด้วย จึงจะสามารถลงโฆษณาที่เป็นบริการทางการเงินได้ เมื่อโฆษณาได้รับการอนุมัติให้แสดง แพลตฟอร์มจะขึ้นข้อมูลด้วยว่าโฆษณานี้ถูกซื้อโดยใคร (Paid for By...)
กฎใหม่นี้ออกมาหลังจาก Meta ในออสเตรเลียพบปัญหาโฆษณาหลอกลวงชักชวนให้ลงทุน ซึ่ง Meta ได้ปิดไปแล้วกว่า 8,000 บัญชีที่เกี่ยวข้อง
Facebook ประกาศการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับครีเอเตอร์ที่สร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม โดยจะเปลี่ยนมาใช้จำนวนวิว (Views) เป็นตัววัดหลักของประสิทธิภาพคอนเทนต์ (Primary Metric) มีผลทั้งโพสต์เนื้อหา, สตอรี, Reels และวิดีโอ
Views เป็นการนับว่าวิดีโอหรือ Reels ถูกเล่นกี่ครั้ง, โพสต์หรือรูปภาพถูกปรากฏบนหน้าจอกี่ครั้ง วิธีวัดผลด้วย Views นี้เป็นแนวทางเดียวกับ Instagram
Facebook บอกว่าการเปลี่ยนแปลงที่ครีเอเตอร์ต้องรับทราบนั้น สำหรับวิดีโอหรือ Reels วิธีวัด Views ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ Facebook จะเลิกใช้ตัววัดผลการเล่นซ้ำ (Replay) ทั้งหมดจะนับรวมใน Views เลย
คณะกรรมาธิการแห่งสหภาพยุโรป (European Commission - EC) ออกคำสั่งปรับ Meta เป็นเงิน 797.72 ล้านยูโร หรือประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท ในประเด็นบริการ Facebook Marketplace มีพฤติกรรมเอาเปรียบคู่แข่งในการแข่งขันทางการค้า
EC เริ่มสอบสวน Meta ในประเด็นนี้มาตั้งแต่ปี 2021 โดยบอกว่าบรรดาเว็บให้บริการประกาศซื้อขายสินค้าของบุคคลทั่วไป (classified ads) ต่างก็เป็นลูกค้าของ Facebook ที่ซื้อโฆษณาบนแพลตฟอร์ม แต่ Facebook เองก็มีบริการลงประกาศซื้อขายสินค้า Facebook Marketplace ด้วยเช่นกัน จึงตั้งข้อสังเกตว่า Facebook มีข้อมูลที่ได้เปรียบเหนือคู่แข่งหรือไม่ ซึ่ง EC ก็สรุปว่ามีการเอาเปรียบคู่แข่งจริง
Meta ประกาศการเปลี่ยนแปลงมีผลเฉพาะผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรือ EU ของ Facebook และ Instagram ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้งานมีตัวเลือกสมัครแพ็คเกจไม่มีโฆษณาในราคา 9.99 ยูโรต่อเดือน แต่หน่วยงานกำกับดูแลของ EU บอกว่าละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
Meta บอกว่าแนวทางจากนี้จะเป็นสองทางเลือกเหมือนเดิมคือ จ่ายเงินแลกกับไม่มีโฆษณา แต่จะลดราคาลง 40% เหลือ 5.99 ยูโรต่อเดือนสำหรับการสมัครผ่านเว็บต่อหนึ่งบริการ โดยเพิ่มอีก 4 ยูโรหากไม่ต้องการแสดงโฆษณาทั้ง Facebook และ Instagram ซึ่ง Meta บอกว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มคู่แข่ง
Meta เตรียมนำระบบรู้จำใบหน้าหรือ Facial Recognition มาใช้งานในการยืนยันตัวตน โดยจะเริ่มทดสอบกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์และบุคคลมีชื่อเสียงจำนวนหนึ่ง เพื่อหวังลดการสร้างโฆษณาปลอมเป็นบุคคลนั้น ซึ่งการทดสอบนี้จะใช้ทั้งบน Facebook และ Instagram ทำให้การบล็อกโฆษณาปลอมบุคคลทำได้ดีขึ้น
ระบบรู้จำใบหน้าบุคคลเคยเป็นเครื่องมือสำคัญของแพลตฟอร์ม Meta แต่ถูกร้องเรียนเรื่องความเป็นส่วนตัว ทำให้ในปี 2021 Facebook ตัดสินใจปิดระบบการทำงานทั้งหมดบนแพลตฟอร์มไปเลย