เป็นคำถามสามัญทุกครั้งที่แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ ว่าอุปกรณ์เดิมตัวไหนบ้างจะได้ไปต่อ และอุปกรณ์ไหนจะถูกแพไว้กลางทางเพียงเท่านี้ ซึ่งสำหรับ iOS 13, iPadOS 13 และ watchOS 6 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อคืนนี้ ก็สรุปรายชื่ออุปกรณ์ที่ได้ไปต่อได้ดังนี้
แอปเปิลเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS 13 สำหรับ iPhone และ iPod (เพราะ iPad ได้ iPadOS แยกไปแล้ว) โดยชูจุดขายสำหรับในครั้งนี้คือรูปโฉมใหม่ การปรับปรุงในแอปพื้นฐานของ iOS และเพิ่มความเป็นส่วนตัว ตลอดจนเน้นไปที่การทำงานที่เร็วขึ้น
ของใหม่สำคัญที่ประกาศมีดังนี้
แอปเปิลชูความเป็นส่วนตัวอีกระดับด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่บน iOS 13 เป็นบริการล็อกอินผ่านบัญชีแอปเปิลเรียกว่า Sign in with Apple, การแชร์ตำแหน่งแบบจำกัด, และการส่งภาพกล้องวงจรปิดอย่างปลอดภัย
Sign in with Apple ไม่แชร์อะไรให้กับบริการเลยเป็นค่าเริ่มต้น ทำให้บริการที่เราเข้าใช้งานไม่เห็นชื่อ, อีเมล, หรือข้อมูลอื่นใด นอกจากนี้หากบริการต้องการอีเมล เรายังสามารถขอให้แอปเปิลสร้างอีเมลชั่วคราวสำหรับบัญชีนั้นโดยเฉพาะ ทำให้สามารถเลิกรับอีเมลของบริการใดๆ ก็ได้
เว็บ 9to5Mac อ้างแหล่งข้อมูลจากภายในแอปเปิล ได้ภาพหน้าตาสกรีนช็อตของ iOS 13 มาเปิดเผยบางส่วน ซึ่งคาดว่าแอปเปิลจะเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในงาน WWDC สัปดาห์หน้า
ฟีเจอร์สำคัญใน iOS 13 คือ Dark Mode ข้อมูลบอกว่าผู้ใช้งานสามารถเรียกเปิด Dark Mode ได้ทั้งจาก Settings และใน Control Center โดยจากภาพที่ได้มานั้นพบว่าหน้า Home ส่วน Dock มีการปรับให้มืดลง ส่วนภาพต่อมาจากแอป Music ทำให้เห็นว่าเมื่ออยู่ใน Dark Mode พื้นหลังจะเป็นสีดำล้วน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานสำหรับหน้าจอ OLED และรูปสุดท้ายเมื่อเวลาจับภาพหน้าจอ ตัว UI มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย พร้อมมีเครื่องมือแต่งภาพมากขึ้น
Mark Gurman นักข่าวสายแอปเปิลแห่งสำนักข่าว Bloomberg ออกรายงานล่าสุด อ้างแหล่งข่าวภายในที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยฟีเจอร์ใหม่ของระบบปฏิบัติการ macOS, iOS และ watchOS เวอร์ชันใหม่ ที่เตรียมประกาศในงาน WWDC 2019 ที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า แต่บางฟีเจอร์อาจอยู่ในแผนการพัฒนาและไม่ได้เปิดตัวในปีนี้ โดยมีรายละเอียดทั้งหมดที่เขารวบรวมมาได้ดังนี้