Mark Gurman นักข่าวสายแอปเปิลแห่งสำนักข่าว Bloomberg ออกรายงานล่าสุด อ้างแหล่งข่าวภายในที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยฟีเจอร์ใหม่ของระบบปฏิบัติการ macOS, iOS และ watchOS เวอร์ชันใหม่ ที่เตรียมประกาศในงาน WWDC 2019 ที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า แต่บางฟีเจอร์อาจอยู่ในแผนการพัฒนาและไม่ได้เปิดตัวในปีนี้ โดยมีรายละเอียดทั้งหมดที่เขารวบรวมมาได้ดังนี้
iOS 13
- โค้ดเนมภายใน Yukon (เขายังให้ข้อมูลว่า iOS 14 โค้ดเนมคือ Azul เน้นรองรับ 5G)
- ไม่เน้นฟีเจอร์ใหม่ เหมือนกับตอน iOS 12 แต่เน้นทำงานเร็วขึ้น บั๊กน้อยลง ปรับหน้า Widget (ปัดซ้ายสุด) ให้สะอาดตาขึ้น
- เพิ่ม Dark Mode
- อาจเพิ่มคียบอร์ดแบบลากเหมือน SwiftKey เป็นตัวเลือกพื้นฐาน
- ปรับปรุงแอป Health เพิ่มแทร็กการปั่นจักรยาน
- ยกเครื่อง Reminders แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ กิจกรรมที่ต้องทำวันนี้, กิจกรรมทั้งหมด, กิจกรรมที่กำหนดไว้ และกิจกรรมที่ติดธงไว้ ซึ่งคล้ายกับแอป To-Do ยอดนิยม
- เพิ่มคุณสมบัติใหม่ใน Screen Time ให้พ่อแม่ล็อกเวลาใช้อุปกรณ์ของลูกได้มากขึ้น
- Apple Books เพิ่มแถบ progress และระบบ reward
- iMessage สามารถตั้งรูปโปรไฟล์ ตั้งชื่อที่แสดงผลได้
- Apple Maps สามารถกำหนดสถานที่ซึ่งไปบ่อย (บ้าน-ที่ทำงาน)
- รวมแอป Find My Friends กับ Find My iPhone เข้าด้วยกัน (มีข่าวก่อนหน้านี้แล้ว)
- เพิ่ม Sleep Mode ที่ทำงานร่วมกับ Bedtime ในแอปนาฬิกา
- HomePod รองรับการแยกแยะคำสั่งเสียงจากผู้ใช้หลายคน
macOS 10.15
- นักพัฒนาสามาร์ถพอร์ตแอป iPhone, iPad มาลง Mac ได้ง่ายขึ้น
- Apple Music ยกเครื่องใหม่ รวมทั้งเพิ่มแอป Podcast
- เพิ่ม Screen Time บน Mac
watchOS 6
- เพิ่ม App Store ลงบน Apple Watch ทำให้ดาวน์โหลดแอปได้โดยตรง ไม่ต้องทำผ่าน iPhone
- เพิ่มแอป Voice Memo, เครื่องคิดเลข และ Apple Books
ที่มา: Bloomberg
Comments
อยากให้เพิ่ม reply ใน iMessage ?
Unsend ด้วยได้ไหม
ส่งผิดปล่อยหรอครับ
Dark Mode ? ขอสวยแบบบน MacBook นะ (รวมกับจอของ iPhone X ประหยัดแบตไปอีกนิด ฟิน~)
ดีครับ macOS ไม่ต้องเปลี่ยนเยอะ กลัวต้องซื้อเครื่องใหม่ ฮ่าๆ
macOS 10.15
รุ่น10 นี่ลากยาวววววววนานมากกกกก
osx จะใช้ 10 ไปเรื่อยๆครับ
น่าจะแนวทางเดียวกับ Windows10 สินะครับ
ถ้าจะพูดให้ถูกจริงๆ คือ Windows จะใช้แนวทางเดียวกับ MacOS ครับ เลข X หรือ 10 มีมาตั้งแต่ปี 2000 แล้วครับ ตอนนั้น Windows น่าจะเป็นเวอร์ชั่น ME(Maximum Error) อยู่เลย ก่อน XP จะมากู้ให้ดีขึ้น
เอาจริงทั้งสองเจ้าก็ไปแนวเดียวกันทั้งคู่แล้ว
macOS เปลี่ยนจาก OS X แสดงว่าไม่เน้นว่าเป็นรุ่น 10 แล้ว ก็เรียก macOS ไปเลยแบบไม่มีชื่อรุ่น เพราะทุกวันนี้คงไม่มีใครสับสนก้บ Mac OS Classic รุ่น 1-9 แล้ว (หลายคนคงลืมไปแล้วมั้ง 55 อีกอย่างถ้านับถึงวันนี้ ถือว่าเราอยู่ในยุคของ macOS 10.x มายาวนานมากกว่ายุค Mac OS Classic รุ่น 1-9 รวมกันซะอีก) อีกอย่างหลังๆ ไม่ค่อยเห็นแอปเปิลเรียก macOS 10.x ด้วย แต่เรียกเป็น codename ไปเลยเช่น macOS Mojave
คิดว่า macOS คงจะเป็นรุ่น 10.x ตลอดไป เพราะเดิมที X นอกจากจะสื่อถึงความเป็นรุ่นที่ 10 แล้วก็ยังสื่อถึงความเป็น UNIX (และอาจจะ Nextstep ด้วย)
ส่วน Windows 10 ก็เหมือนกันเลย ได้ข่าวว่า Microsoft มีแผนจะตัดเลขรุ่นออกให้เหลือแต่ Windows ซะด้วยซ้ำ ตามแนวทางใหม่ Windows as a service แล้วเปลี่ยนมาเรียกเลขรุ่นตามเลข build แทน (แต่จำเลข build ยากจัง ขอ codename จำง่ายๆ แบบ macOS เหอะครับ /แต่เห็นแว้บๆ ว่ารุ่นถัดไปก็จะมี codename บ้างแล้ว) คิดว่าฝั่ง Windows ก็คงจะใช้เป็นรุ่น 10 ตลอดไปด้วยเช่นกันเพราะคงจะไม่ออกรุ่นใหม่แบบ major version อย่าง XP 7 8 ออกมาอีกแล้ว แต่จะอัพเดตให้ฟรีไปเรื่อยๆ แทนเหมือน Office 365 ซึ่ง microsoft ก็ทำแบบนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว
ไม่รู้บังเอิญหรืออะไรที่สอง OS นี้น้ดมาหยุดที่เลข 10 ด้วยกัน 55
App Store บน WatchOS แม่เจ้า
จอแค่นั้น เอาจริงดิ
แยกออกมาน่าจะอารมณ์ เหมือน store ของ iMessage
ดีครับ SwiftKey มาซักทีหวังว่าจะรองรับภาษาไทยตั้งแต่แรกไม่ต้องรอ เพราะตอนนี้ใช้ GBoard มันจะเอ๋อๆบางครั้ง
ส่วน SwiftKey ของแท้นี่รองรับภาษาเยอะแยะมากมาย ยกเว้นภาษาไทยกับญี่ปุ่น ผมล่ะงง
App บน Apple Watch ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย ? ยกเว้นแอพออกกำลังกาย
มือใหม่!! ใหม่จริงๆนะ