แอปเปิลออกอัปเดต iOS 13.7 และ iPadOS 13.7 ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา โดยมีคุณสมบัติใหม่ที่สำคัญคือ Exposure Notifications System สำหรับการทำ Tracing โควิด-19 โดยไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติม กรณีต้องการเปิดการใช้งาน ในประเทศหรือพื้นที่ซึ่งรองรับคุณสมบัตินี้
ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตแบบ OTA ได้ที่ Settings > General > Software Update
iPadOS 13.7 ไม่ได้รองรับ Exposure Notifications แอปเปิลจึงระบุในอัปเดตนี้ว่าเป็นการแก้ไขบั๊กทั่วไป ทั้งนี้คาดว่า iOS 13.7 น่าจะเป็นอัปเดตใหญ่ตัวสุดท้ายของ iOS 13 เนื่องจากตามกำหนดแล้ว iOS 14 จะออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ที่มา: MacRumors
แอปเปิลออกอัพเดตย่อยของ iOS และ iPadOS เวอร์ชัน 13.6.1 ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้ที่ Settings > General > Software Update
ในอัพเดตนี้แอปเปิลระบุว่าเป็นการแก้ไขบั๊กหลายรายการ อาทิ บั๊กไม่สามารถลบไฟล์ข้อมูลระบบได้อัตโนมัติ กรณีพื้นที่หน่วยความจำเหลือน้อย, แก้ปัญหาตัวจัดการความร้อน ที่ส่งผลให้จอแสดงสีเขียว, แก้ไขบั๊ก Exposure Notification อาจปิดการทำงาน
ที่มา: MacRumors
Apple Maps แอปแผนที่พื้นฐานใน iOS เพิ่มเมืองที่แสดงผลในโหมด Look Around (มองไปรอบๆ) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับ Street View ของ Google Maps ได้แก่ โตเกียว โอซาก้า เกียวโต และนาโกย่า ของประเทศญี่ปุ่น
คุณสมบัติ Look Around เป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Apple Maps ตั้งแต่ iOS 13 อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้ก็ยังจำกัดเมืองที่สามารถแสดงข้อมูลนี้ได้ โดยทั้งหมดเป็นเมืองใหญ่ในอเมริกา อาทิ บอสตัน ชิคาโก ลาสเวกัส นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส เป็นต้น
แอปเปิลระบุว่า คุณสมบัติ Look Around เป็นการแสดงข้อมูลโดยรอบของสถานที่นั้นด้วยมุมมองแบบ 360 องศา
แอปเปิลออกอัพเดตใหญ่ระบบปฏิบัติการ iOS 13.6 และ iPadOS 13.6 โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตแบบ OTA ได้ที่ Settings > General > Software Update
รายการอัพเดตที่สำคัญได้แก่ ฟีเจอร์ Car Key กุญแจรถยนต์ดิจิทัล ซึ่งใช้งานได้เฉพาะรถยนต์รุ่นที่รองรับ (รายละเอียดเพิ่มเติม), Apple News+ มีคุณสมบัติอ่านข่าวให้ฟัง, Health เพิ่มตัวเลือกการบันทึกข้อมูลอาการป่วย นอกจากนี้ยังแก้ไขบั๊กและปรับปรุงย่อยอีกหลายรายการ
ในวันนี้ แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.5.1 และ iPadOS 13.5.1 ซึ่งเป็นอัพเดตย่อยต่อจากอัพเดต 13.5 ที่ออกมาสองสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้แบบ OTA โดยไปที่ Settings > General > Software Update
แอปเปิลระบุว่าอัพเดตนี้เป็นการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย CVE-2020-9859: unc0ver ที่ทำให้สามารถเจลเบรกอุปกรณ์แอปเปิลได้จนถึง iOS 13.5 ใน iPhone ทุกรุ่น
นอกจากนี้แอปเปิลยังออกอัพเดตระบบปฏิบัติการอื่นในเครือ ดังนี้
มีรายงานจากผู้ใช้ iOS บางส่วน พบปัญหาไม่สามารถเปิดแอปที่ใช้งานเป็นประจำได้ตามปกติ โดยขึ้นข้อความเตือนว่า "This app is no longer shared with you" และระบุว่าเพื่อใช้งานแอปนี้ ต้องซื้อแอปจาก App Store จากนั้นก็เด้งไปที่ App Store ในหน้าแอปนั้น และมีตัวเลือกเดียวคือ Open จากนั้นก็วนลูปแบบนี้
คาดว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากระบบตรวจสอบแอปว่าผ่านการซื้อถูกต้องหรือไม่ของแอปเปิล ซึ่งในหน้า System Status ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ระบุว่ามีปัญหาใด ทั้งนี้รายงานปัญหาพบทั้งใน iOS 13.5 เวอร์ชันล่าสุด และเวอร์ชันเก่ากว่านั้น
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.5 และ iPadOS 13.5 ในวันนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้แบบ OTA โดยไปที่ Settings > General > Software Update
คุณสมบัติใหม่สำคัญใน iOS 13.5 คือการรองรับ Exposure Notification API เพื่อให้หน่วยงานสาธารณสุขของรัฐนำไปใช้งานรวมกับแอปที่มีอยู่ ทั้งนี้ผู้ใช้งานต้องเปิดใช้ API นี้เอง ใน Settings ส่วนของ Health เบื้องต้นรองรับการทำงานใน 22 ประเทศ (ไม่มีไทย) และบางรัฐของอเมริกา
อีกอัพเดตสำคัญใน iOS 13.5 คือการเพิ่มความเร็วในการปลดล็อกหน้าจอ เวลาผู้ใช้งานสวมใส่หน้ากากหรือผ้าปิดปาก โดย iOS จะตรวจจับได้เร็วขึ้นและเรียกหน้าใส่รหัสผ่านขึ้นมาทันที
แอปเปิลออกอัพเดตย่อย สำหรับ iOS 13.4.1 และ iPadOS 13.4.1 ซึ่งอัพเดตนี้ออกมาเพื่อแก้ปัญหาบั๊ก FaceTime ที่มีรายงานก่อนหน้านี้ ว่าอุปกรณ์ที่อัพเดตเป็น 13.4 ไม่สามารถ FaceTime หาอุปกรณ์รุ่นเก่ากว่าตั้งแต่ iOS 9.3.6 และที่เก่ากว่า OS X El Capitan 10.11.6 ได้
ในอัพเดตนี้แอปเปิลยังระบุว่าได้แก้ไขบั๊กการตั้งค่าบลูทูธ กรณีเลือกจาก Control Center ในหน้าโฮม อาจไม่สำเร็จ
ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตผ่าน OTA ได้โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update
ที่มา: MacRumors
มีรายงานจากผู้ใช้ iOS ใน Apple Support Communities ว่าพบปัญหาหลังอัพเดต iOS เวอร์ชัน 13.4 และ macOS เวอร์ชัน 10.15.4 ว่าไม่สามารถ FaceTime ทั้งแบบวิดีโอและเสียงกับอุปกรณ์ที่ใช้ iOS รุ่นเก่า iOS 9 ได้ จากที่ก่อนหน้านี้ก็ใช้งานได้ ซึ่งมีผู้พบปัญหาเช่นกันหลายคน
เมื่อทดสอบปัญหานี้ โดยใช้ iOS 13.3.1 หรือ macOS 10.15.3 ที่เป็นอัพเดตก่อนหน้านี้ ยังสามารถ FaceTime หาอุปกรณ์รุ่นเก่าได้
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการในเครือทั้งหมด โดย iOS 13.4 และ iPadOS 13.4 เป็นอัพเดตใหญ่ มีรายการสำคัญสำหรับ iPadOS คือรองรับการทำงานของ Trackpad
ส่วนฟีเจอร์เด่นอื่น ได้แก่ ทูลบาร์แบบใหม่ในแอป Mail, iCloud Folder Sharing, Memoji และ Animoji รูปแบบใหม่
ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตผ่าน OTA ได้โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update
นอกจากนี้แอปเปิลยังออกอัพเดตระบบปฏิบัติการอื่นดังนี้
แอปเปิลปรับแนวทางการตรวจสอบแอปที่ส่งเข้ามายัง App Store ในหลายประเด็น ซึ่งบางหัวข้อได้ประกาศไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะมีผลสำหรับ iOS 13
โดยหัวข้อที่น่าสนใจมีหลายประเด็น อาทิ การแจ้งเตือนแบบพุช (Push notification) จากเดิมห้ามใช้ทำการตลาดหรือโฆษณา เปลี่ยนเป็นทำได้ แต่ผู้ใช้งานต้องยินยอมก่อน และตัวแอปต้องอธิบายการปิดส่วนนี้ (opt-out) ให้ชัดเจนในแอป
นอกจากนี้แอปเปิลยังระบุว่าแอปประเภทดูดวงและแอปหาคู่ จะถูกมองว่าเป็นแอปสแปมทันที เว้นแต่ผู้พัฒนาอธิบายรายละเอียด คุณภาพ และประสบการณ์ใช้งานของแอปให้ชัดเจน
แอปเปิลได้ออก iOS 13.4 เบต้า สำหรับให้นักพัฒนาใช้ทดสอบ โดยในเวอร์ชันล่าสุดมีผู้พบคุณสมบัติการทำงาน OS Recovery แบบผ่านอินเทอร์เน็ต
ที่ผ่านมาหาก iPhone หรือ iPad ไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากระบบปฏิบัติการมีปัญหา การ restore ต้องทำผ่าน Mac หรือพีซี โดยการเชื่อมต่อสายเท่านั้น ซึ่งด้วยแนวโน้มที่หลายคนไม่มีคอมพิวเตอร์ แต่ใช้สมาร์ทโฟนกับแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์หลัก การทำ recovery ก็เป็นเรื่องยุ่งยากขึ้น
โหมด OS Recovery ที่พบใน iOS 13.4 นั้น ระบุว่าสามารถซ่อมแซมระบบ iOS ด้วยการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ผ่านอินเทอร์เน็ต OTA ได้เลย การทำงานน่าจะคล้ายกับโหมด Internet Recovery บน macOS
Unc0ver ทีมผู้พัฒนาเครื่องมือ jailbreak ของ iPhone ชื่อดัง ได้ประกาศปล่อยตัว Unc0ver 4.0.0 รองรับ iPhone รุ่นที่ใช้ชิป A12-A13 และ iOS เวอร์ชัน 13.0-13.3 แล้ว
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการ jailbreak อุปกรณ์ต่าง ๆ ของ Apple ไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องใช้เครื่องมือและช่องโหว่ที่ยังไม่ได้แก้ไขใน iOS เวอร์ชันนั้น ๆ เป็นตัวช่วยในการเปิดทางให้สามารถเข้าถึงแกนของระบบได้
ถึงแม้ปัจจุบันการ jailbreak จะไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่แล้วก็ตาม เนื่องด้วย iOS เวอร์ชันล่าสุดก็มีฟีเจอร์ที่จำเป็นและเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ก็อย่างที่รู้ ๆ กัน ยิ่งระบบปิดเท่าไหร่ คนก็ยิ่งอยากเปิด และ iOS ก็คือหนึ่งในนั้น จึงเป็นที่มาของการ jailbreak เพื่อใช้ประโยชน์จากตัวระบบให้มากกว่านี้
แอปเปิลอัพเดตตัวเลขส่วนแบ่งผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS 13 และ iPadOS 13 โดย iOS 13 มีการใช้งานอยู่ 77% บน iPhone ที่วางจำหน่ายช่วง 4 ปีย้อนหลัง ส่วน iOS 12 มี 17% และ 6% เป็นเวอร์ชันเก่ากว่านั้น แต่หากนับรวม iPhone ทั้งหมดที่ยังมีการใช้งาน iOS 13 จะมีส่วนแบ่งเป็น 70% และ iOS 12 มี 23%
ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับ iOS 12 โดยเมื่อเดือนมกราคมในปีที่แล้ว iOS 12 มีส่วนแบ่ง 78%
แอปเปิลออกอัพเดตซอฟต์แวร์ iOS 13.3.1 และ iPadOS 13.3.1 มีรายการปรับปรุงสำคัญคือการแก้ไขบั๊ก Communication Limits ที่มีรายงานออกมาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังเพิ่มตัวเลือกปิดการทำงานของชิประบุพิกัด U1 ใน iPhone 11
รายการปรับปรุงอื่น ได้แก่ แก้ปัญหาแอปอีเมลโหลดรูปจากภายนอกแม้ตั้งค่าปิดไว้ และแก้ปัญหาการเตือนแบบพุชเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi
นอกจากนี้ยังมีรายการอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์อื่นดังนี้
จากการที่ iOS 13 เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วและมีฟีเจอร์สำคัญที่รอกันมานานคือ Dark mode โดยแอพที่จะใช้ได้ต้องรอให้นักพัฒนาออกอัพเดตให้รองรับเสียก่อน ซึ่งมีหลาย ๆ แอพก็ทยอยอัพเดตให้รองรับฟีเจอร์ดังกล่าวแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Twitter, YouTube, Messenger, LINE TV และอื่น ๆ ที่ไม่สามารถกล่าวถึงได้
มาวันนี้ถึงคิวของ LINE แอพแชทยอดนิยมในประเทศไทยแล้ว โดยเวอร์ชันที่ได้จะเป็น 9.19.0 มีของใหม่ดังนี้
วิธีการใช้งาน
iOS 13.3 ที่ออกอัพเดตมาไม่กี่วันก่อน มีฟีเจอร์ใหม่ตัวหนึ่งคือ Communication Limits ที่ผู้ปกครองสามารถกำหนดการใช้โทรศัพท์ของเด็กได้ ซึ่งควบคุมได้ถึงรายชื่อคนที่สามารถติดต่อได้ และช่วงเวลาใช้งานแต่ละแอป อย่างไรก็ตามดูเหมือนฟีเจอร์ดังกล่าวจะยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์แบบนัก
CNBC พบบั๊กในคุณสมบัติดังกล่าว กรณีรายชื่อผู้ติดต่อไม่ได้ตั้งค่าจัดเก็บไว้ที่ iCloud เป็นค่าเริ่มต้น หากมีข้อความจากคนแปลกหน้าส่งเข้ามา เด็กสามารถเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อคนนั้นเข้าไปได้เองโดยไม่ต้องขอรหัสผ่านจากผู้ปกครอง นอกจากนี้หากเด็กใช้ Apple Watch ยังใช้ช่องโหว่ให้เพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อผ่าน Siri บน Apple Watch ก็ได้
แอปเปิลออกอัพเดตใหญ่ iOS 13.3 และ iPadOS 13.3 ต่อจากอัพเดตก่อนหน้านี้ iOS 13.2.3 ผู้ใช้งานสามารถอัพเดตผ่าน OTA ได้โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update
ในอัพเดตนี้เป็นการเพิ่มฟีเจอร์ที่สำคัญหลายรายการ ที่แอปเปิลเคยประกาศไปก่อนหน้านี้ รวมทั้งปรับปรุงด้านความปลอดภัย อาทิ
Mark Gurman จาก Bloomberg อ้างแหล่งข่าวภายในแอปเปิลที่เกี่ยวข้อง ว่าแอปเปิลได้ปรับเปลี่ยนกระบวนการเพิ่ม-แก้ไข-ทดสอบ ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ iOS 14 ใหม่ทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาหลังพบว่า iOS 13 แต่ละเวอร์ชันที่ปล่อยออกมามีรายงานบั๊กที่ถูกค้นพบอย่างรวดเร็วในทุกครั้ง
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.2.3 และ iPadOS 13.2.3 ซึ่งสามารถอัพเดตได้ผ่าน OTA โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update ซึ่งแอปเปิลระบุว่าอัพเดตนี้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาหลายรายการได้แก่
ที่มา: MacRumors
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.2.2 และ iPadOS 13.2.2 ต่อจากอัพเดตก่อนหน้า 13.2 เมื่อสองสัปดาห์ก่อน โดยผู้ใช้งานสามารถอัพเดตได้ผ่าน OTA โดยไปที่แอป Settings > General > Software Update
ในอัพเดตนี้แอปเปิลระบุว่ามีการแก้ไขปัญหาแอปปิดการทำงานเมื่อทำงานในแบ็คกราวด์ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผู้ใช้งานรายงานออกมาก่อนหน้านี้ใน iOS 13.2
ปัญหาอื่นที่มีการแก้ไขในอัพเดตนี้ อาทิ ปัญหาการเชื่อมต่อบนเครือข่ายมือถือ, ปัญหาเมื่อชาร์จด้วย YubiKey Lightning, แก้ปัญหา single sign-on ผ่าน Kerberos ฯลฯ
แอปเปิลออกอัพเดตใหญ่ iOS 13.2 ที่มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญอย่าง Deep Fusion ได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานจำนวนน้อยได้รายงานปัญหาบนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่นี้ โดยเฉพาะการจัดการแรม
ปัญหาที่รายงานนั้นบอกว่าแอปอย่างเช่น Safari, YouTube จะพบปัญหาต้องโหลดเนื้อหาใหม่ทั้งหมดซ้ำ เมื่อมีการสลับใช้งานแอปกลับมา (multitasking) โดยเทียบกับ iOS เวอร์ชันก่อนหน้า ไม่พบปัญหาโหลดเนื้อหาใหม่บ่อยขนาดนี้
ทั้งนี้กลุ่มผู้ใช้ที่พบปัญหานี้จำนวนมาก ใช้ iPhone 11 และ iPad Pro ทำให้การสลับใช้งานแอปไม่ราบรื่นอย่างที่ควรเป็น ทั้งนี้ก็คาดว่าแอปเปิลจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวในอัพเดตเวอร์ชันถัดไป
Adobe ประกาศอัพเดตแอป Creative Cloud สำหรับ iOS โดยมาพร้อมกับฟอนต์หลากหลายสไตล์ที่มีให้เลือกจากผู้ผลิตฟอนต์ทั่วโลกที่พร้อมติดตั้งบน iOS 13 และ iPadOS พร้อมให้แอปอื่น ๆ เรียกใช้งานผ่าน API
ปัจจุบัน ผู้สมัครสมาชิก Adobe Creative Cloud จะสามารถใช้งานคอลเลคชั่นฟอนต์ของ Adobe ที่มีกว่า 17,000 ฟอนต์ได้ทั้งหมด (ส่วนผู้ใช้ที่มี Adobe ID แต่ไม่ได้สมัคร Creative Cloud จะใช้งานได้เพียง 1,300 ฟอนต์) ซึ่งเดิมฟอนต์เหล่านี้จะใช้งานได้เฉพาะในเดสก์ท็อปเท่านั้น แต่ล่าสุด Adobe ปล่อยให้ผู้ใช้ iOS ได้ใช้ฟอนต์เหล่านี้แล้ว
แอปเปิลออกอัพเดตระบบปฏิบัติการ iOS 13.2 และ iPadOS 13.2 ในวันนี้ ซึ่งเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ จากอัพเดตก่อนหน้านี้ 13.1.3
รายการของใหม่ที่สำคัญในอัพเดตนี้ได้แก่
ที่มา: MacRumors
อัพเดตถัดไปของระบบปฏิบัติการ iOS 13 นั้นจะเป็น iOS 13.2 ซึ่งได้ออกเวอร์ชันเบต้าสำหรับให้นักพัฒนาทดสอบแล้ว 3 รุ่น ถึงแม้ยังไม่ชัดเจนว่า iOS 13.2 จะออกมาสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปเมื่อใด แต่แอปเปิลก็บอกใบ้ช่วงเวลาเสียเอง ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่