เมื่อปลายเดือนที่แล้ว โครงการ Jakarta EE ที่เป็นผู้สืบทอด Java EE ในยุคโอเพนซอร์ส ที่ Oracle ยกให้ Eclipse Foundation ดูแลต่อ ประกาศออก Jakarta EE 10 ซึ่งถือเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ออก Jakarta EE 8 รุ่นแรกภายใต้โครงการใหม่
ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือการเพิ่ม Jakarta EE Core Profile 10 ถือเป็น profile ใหม่ที่ขนาดเล็กและเบากว่า Web Profile ของเดิม เพื่อใช้รันงานประเภท microservice/container บนคลาวด์
ตัว Core Profile ยังเพิ่ม Jakarta Contexts and Dependency Injection (CDI) 4.0 เวอร์ชัน Lite (CDI-Lite) สำหรับสร้างแอพที่ขนาดเล็กและเบาด้วย
Red Hat เปิดตัว JBoss Enterprise Application Platform เวอร์ชันเสถียร 7.3 (ช่วงหลังออกเวอร์ชันเสถียรประมาณปีละ 1 รอบ)
ของใหม่ที่สำคัญในเวอร์ชันนี้คือ รองรับการใช้งานบน Jarkarta EE 8 จาก โครงการโอเพนซอร์สของ Java EE ที่ไปอยู่กับ Eclipse Foundation ผู้ใช้งานจึงเลือกได้ว่าจะรันบน Java EE 8 หรือ Jakarta EE 8 (ซึ่งตอนนี้ยังเหมือนกันทุกอย่าง ยกเว้นชื่อ)
ของใหม่ที่สำคัญอีกอย่างคือ รองรับ Microsoft SQL Server 2017 บน Red Hat Enterprise Linux (RHEL) นอกเหนือจากบนวินโดวส์ ซึ่งมาจากความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับ Red Hat ก่อนหน้านี้
โครงการ Java EE ย้ายจาก Oracle ไปสู่ Eclipse Foundation โดยใช้ชื่อใหม่ว่า Jakarta EE และออกเวอร์ชันแรกคือ Jakarta EE 8 เมื่อเดือนกันยายน 2019 โดยไม่มีความแตกต่างใดๆ จาก Java EE 8 ที่ออกในปี 2017 นอกจากการเปลี่ยนข้อความ Java เป็น Jakarta เท่านั้น เพราะเป้าหมายคือรักษาความเข้ากันได้ของแอพพลิเคชันเดิมที่เขียนบน Java EE 8
เส้นทางใหม่ของ Java EE เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2017 เมื่อ Oracle ตัดสินใจยก Java EE ให้ Eclipse Foundation ดูแล ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า Jakarta EE เพราะ Oracle ยังถือเครื่องหมายการค้า Java อยู่ (Java SE ยังเป็นของ Oracle)
ตอนนี้โครงการ Jakarta EE มีโลโก้ใหม่และเว็บไซต์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็เจออุปสรรคสำคัญที่จะทำให้แอพพลิเคชันที่เขียนบน Java EE ในอดีต ไม่สามารถรันบน Jakarta EE ในอนาคตได้
หลังจาก Java EE กลายเป็นโครงการในสังกัดของ Eclipse Foundation และใช้ชื่อโครงการว่า EE4J เพื่อเลี่ยงการใช้เครื่องหมายการค้า Java ที่ยังเป็นของ Oracle
ล่าสุดโครงการ EE4J ประกาศชื่อแบรนด์ใหม่ของ Java EE ว่าเป็น Jakarta EE
กระบวนการตัดสินใจเรื่องชื่อมาจากการนำเสนอของชุมชน ซึ่งมีคนเสนอเข้ามาหลายร้อยชื่อ สองชื่อที่เข้ารอบสุดท้ายคือ Jakarta EE กับ Enterprise Profile และการโหวตตัดสินโดยชุมชน ชื่อ Jakarta EE ชนะด้วยคะแนน 64.4%
ต่อเนื่องจากข่าว Oracle ยก Java EE ให้มูลนิธิ Eclipse Foundation ดูแลต่อ โดยตัวโครงการจะต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่นแทน เนื่องจากชื่อ Java EE เป็นเครื่องหมายการค้าของ Oracle
ชื่อใหม่ของโครงการ Java EE คือ EE4J (Eclipse Enterprise for Java) ซึ่งจะใช้เป็นชื่อโครงการระดับบนสุด (Top-level Project) ของมูลนิธิ Eclipse ที่ตัวมันเองจะมีโครงการย่อยๆ อย่าง Glassfish, EclipseLink อยู่ในสังกัดด้วย
Mike Milinkovich ผู้บริหารของ Oracle อธิบายว่า EE4J เป็นชื่อโครงการ ไม่ใช่ชื่อแบรนด์ที่มาแทน Java EE และในอนาคตเมื่อโครงการเริ่มเดินหน้าไปได้ ก็หวังว่าจะมีชื่อแบรนด์ใหม่ที่มาแทน Java EE ในแง่ของตัวผลิตภัณฑ์
ต่อจากข่าว Oracle ประกาศ เตรียมยก Java EE ให้มูลนิธิโอเพนซอร์สอื่นดูแลแทน วันนี้ Oracle ประกาศแล้วว่าจะยก Java EE ให้มูลนิธิ Eclipse Foundation โดยให้เหตุผลว่าเป็นหน่วยงานที่คุ้นเคยกับ Java EE มาโดยตลอด
Eclipse Foundation เริ่มจากการเป็นหน่วยงานอิสระที่พัฒนา Eclipse (ซึ่งในอดีตเป็นของ IBM) มาตั้งแต่ปี 2001 แต่ภายหลังก็รับดูแลโครงการโอเพนซอร์สอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย