หน่วยงานกำกับและดูแลด้านโทรคมนาคมของอินโดนีเซียเตรียมเสนอข้อกำหนด ให้ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือต้องมีราคาขายขั้นต่ำ 100,000 รูเปียขึ้นไป หรือประมาณ 310 บาท จากเดิมที่ปล่อยให้ผู้ให้บริการเครือข่ายแข่งขันกัน จนซิมการ์ดพรีเพดราคาเริ่มต้นเพียง 2,000 รูเปีย หรือแค่ 6 บาท

สาเหตุที่มีการเสนอข้อกำหนดนี้เพราะอัตราการย้ายค่ายของลูกค้า (Churn Rate) ในอินโดนีเซียนั้นสูงถึง 20% ต่อเดือน ซึ่งมากที่สุดในทวีปเอเชีย หากมีการปรับราคาซิมการ์ดเริ่มต้นขึ้นมาก็น่าจะช่วยลดปัญหานี้ได้

เป็นที่รู้กันว่าค่ายมือถือในสหรัฐฯ มีโมเดลการขายแบบต่ำกว่าราคาทุน (subsidize) แต่จะพ่วงสัญญาไปพร้อมกับการขายด้วย ซึ่งก็มีกูเกิลเป็นแกนนำในการล้มโมเดลดังกล่าว ด้วยการขายเต็มราคาผ่าน Play Store มาตั้งแต่เมื่อครั้งเปิดตัว Nexus รุ่นแรก

แน่นอนว่าโมเดลแบบนี้ยังเป็นที่นิยมอยู่ แต่ในอนาคตก็มีแนวโน้มจะลดลงแล้ว หลังจากผู้ให้บริการรายใหญ่อย่าง T-Mobile ประกาศว่าจะเลิกสนับสนุนโมเดลนี้แล้ว โดยจะเริ่มต้นในปี 2013 ผลคือการซื้อมือถือจะแยกกับสัญญาเครือข่ายอย่างสิ้นเชิง และผู้ใช้สามารถเลือกแพลนที่ตรงความต้องการได้มากขึ้น (จากเดิมที่จะมีเรตต่างกันไปตามเครื่องที่ซื้อ ซึ่งมักจะแพงกว่าปกติ) T-Mobile ยังเผยข้อมูลอีกว่าในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ลูกค้ากว่า 80% เลือกใช้แพลนแบบ Value ทั้งนั้น

ถ้าจำกันได้ เมื่อปีที่แล้วสหรัฐฯ มีมหากาพย์การซื้อกันระหว่างสองเครือข่ายยักษ์ใหญ่อย่าง AT&T และ T-Mobile USA ที่ปัจจุบันล่มไปแล้ว หลังจากทั้งรัฐบาล และ FCC ของสหรัฐฯ ต่างก็ไม่เห็นด้วยกับดีลดังกล่าว (รวมถึงคู่แข่งอย่าง Sprint ด้วย)

ล่าสุดเครือข่ายที่เกือบถูกซื้ออย่าง T-Mobile USA กลายเป็นฝ่ายเข้าซื้อบ้างแล้ว หลังจากบอร์ดบริหารของ Deutsche Telekom (เจ้าของ T-Mobile USA) และ MetroPCS อนุมัติการควบรวมกิจการของ MetroPCS เครือข่ายผู้ให้บริการมือถืออีกรายของสหรัฐฯ (เป็นเบอร์ห้า) เข้ากับ T-Mobile แล้ว

คริสติน สโลเกน รองประธานฝ่ายบริหาร และบริการดิจิทัล แห่งเทเลนอร์กรุ๊ป ต้นสังกัดของผู้ให้บริการเครือข่ายดีแทค ให้สัมภาษณ์กับนสพ. เดลินิวส์ว่ามีแผนจะนำระบบการจ่ายเงินผ่านเครือข่าย (carrier billing) สำหรับซื้อแอพบน Google Play Store มาใช้ในประเทศไทยแล้ว

ปัจจัยที่ทำให้เทเลนอร์สนใจขยายระบบดังกล่าวมาในประเทศไทยคือการเติบโตของธุรกิจดิจิทัลที่กำลังเป็นที่นิยม จนถึงปัจจุบันสามารถสร้างรายได้ราว 3% ของรายได้ทั้งหมด และมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต

นอกจาก carrier billing แล้ว ดีแทคยังมียังมีแผนจะขยายฐานการตลาด ด้วยการบริการทางการเงินผ่านมือถือแบบใหม่ สำหรับโอนเงินโดยไม่ต้องใช้บัญชีธนาคาร ซึ่งอยู่ในระหว่างวางโครงสร้าง น่าจะเริ่มใช้ในประเทศไทยได้ภายในปีหน้าครับ

นิตยสารฉบับหนึ่งของสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่า แอปเปิลได้เปลี่ยนแผนการทำตลาด โดยเรียกร้องให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สนับสนุนเงินโฆษณา iPhone รุ่นถัดไปเพิ่มมากขึ้น และเมื่อนิตยสารดังกล่าวสอบถามว่าผู้ให้บริการยอมตามแอปเปิลหรือไม่ แหล่งข่าวรายหนึ่งก็กล่าวว่า แอปเปิลเป็นสัตว์ร้ายที่แตกต่างอย่างสมบูรณ์แบบในด้านการต่อรองกับบริษัทอื่น โดยแอปเปิลให้ข้อมูลมากเพียงพอที่จะสร้างความกลัวให้กับคนอื่นจนเหมือนกับทุกคนโดนปืนจ่ออยู่

ในงานสัมมนาแฮกเกอร์ DefCon 20 ที่เพิ่งจบลงเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีกลุ่มแฮกเกอร์ผู้เข้าร่วมงานอย่าง Ninja Networks ได้สร้างเครือข่ายสำหรับมือถือขึ้นมาเองด้วยเครื่องมือที่อยู่ในรถตู้ โดยใช้ชื่อเครือข่ายว่า "Ninja-Tel"

แต่ด้วยความที่เครือข่าย Ninja-Tel นั้นไม่สามารถใช้ร่วมกับมือถือทั่วไปได้ จึงแจกมือถือสำหรับใช้กับเครือข่าย Ninja-Tel โดยเฉพาะ นั่นก็คือ HTC One V รุ่นใช้แอนดรอยด์ปรับแต่งชื่อว่า "Ninja OS" สำหรับใช้ในงาน DefCon 20 จำนวน 650 เครื่อง โดยตัวเครือข่ายใช้ได้เฉพาะในโรงแรม Rio ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเท่านั้น

ตลาด LTE ในสหรัฐฯ ใกล้เริ่มถึงจุดปะทะแล้ว หลังจากที่เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ MetroPCS ที่เน้นให้บริการพรีเพดราคาถูก และเริ่มให้บริการ 4G LTE แล้วในปีนี้ ได้ประกาศแพคเกจอันลิมิตสำหรับ LTE ออกมาแล้ว

ก่อนหน้านี้ MetroPCS มีแพคเกจแพงสุดอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สามารถใช้บริการทุกอย่างได้อย่างไม่จำกัด (โทร ข้อความ อินเทอร์เน็ต อีเมล์ และมีบริการเพลง+วิดีโอแบบ on-demand ด้วย) มาวันนี้ได้ประกาศแพคเกจที่แพงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยเป็น 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่สามารถใช้อินเทอร์เน็ตผ่าน 4G LTE ได้แบบอันลิมิตเลยทีเดียว ส่วนโปรเก่าราคา 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถใช้ 4G LTE ได้ที่ 5GB หลังจากนั้นจะถูกลดความเร็วลง "เล็กน้อย"

อาจจะเป็นผลงานแรกๆ ของสบท. (สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม)ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิ์เกี่ยวกับการให้บริการโทรคมนาคมของประเทศไทย

เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจาก มีผู้บริโภคร้องเรียนเข้าไปที่ สบท. เกี่ยวกับการให้บริการของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ DTAC มีการเรียกเก็บค่าต่อคู่สายจำนวน 107 บาท หลังจากที่ผู้บริโภคได้ผิดนัดชำระค่าบริการรายเดือนล่าช้าและถูกตัดสัญญาณ หากจะใช้บริการต่อจะต้องจ่ายเงินต่อคู่สายอีกเป็นจำนวนเงิน 107 บาท