ทีมงาน Starlink เปิดช่วงตอบคำถามชุมชน หรือ ask me anything (AMA) ใน Reddit และได้ตอบคำถามเชิงเทคนิคจำนวนมาก ผมสรุปคำถามสำคัญๆ มาดังนี้
SpaceX ยื่นขออนุญาตให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย Starlink บนเครื่องบิน Gulfstream จำนวน 5 ลำเพื่อทดสอบการให้บริการ โดยพื้นที่ให้บริการครอบคลุมตั้งแต่ก่อนขึ้นบินและระหว่างบินทั้งเหนือแผ่นดินและน่านน้ำสหรัฐฯ
การให้บริการอินเทอร์เน็ตระหว่างการบินนับเป็นตลาดสำคัญของ Starlink นอกเหนือจากการให้บริการในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากอินเทอร์เน็ตบนเครื่องบินทุกวันนี้มีราคาแพงมาก และพื้นที่ให้บริการจำกัด โดยก่อนหน้านี้ SpaceX ก็เคยขอทดสอบบริการอินเทอร์เน็ตบนเรือของตัวเองมาก่อนแล้ว
Starlink เริ่มเปิดทดสอบเบต้าแบบไม่ต้องตกลงปกปิดข้อมูลทำให้เริ่มเห็นผู้ใช้แชร์ผลทดสอบออกมาทั้งการใช้งานในป่าและการใช้ขณะฝนตก
ผู้ใช้ Reddit ชื่อบัญชี zonklewonk รายงานถึงการใช้ขณะฝนตกหนักจากรัฐวอชิงตันแสดงให้เห็นว่าความเร็วยังคงสูง ขณะที่ผู้ใช้อีกรายคือ wandering-coder ใช้งานจากในป่าลึกที่ไม่มีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือใดๆ ก็ยังใช้งานได้ และเขายังทดสอบนำจานไปตามจุดต่างๆ โดยใช้ไฟจากแบตเตอรี่ เขาพบว่าตัวจานกินไฟ 116 วัตต์ขณะใช้งาน แต่ข้อจำกัดสำคัญคือการใช้งานจากจุดที่มีต้นไม้บัง การเชื่อมต่อจะขาดๆ หายๆ แสดงให้เห็นว่า Starlink ต้องวางจานให้เห็นท้องฟ้าให้กว้างที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
Starlink เริ่มเปิดให้บริการแบบเก็บเงิน ตอนนี้ผู้ใช้ที่สมัครก็ต้องยินยอมตามข้อตกลงการใช้งาน โดยมีหมวดหนึ่งของข้อตกลงระบุถึงกฎหมายที่จะใช้ในกรณีเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้กับบริษัท โดยระบุว่าหากยังใช้บริการอยู่ในวงโคจรโลก รวมถึงการโคจรรอบดวงจันทร์จะต้องใช้กฎหมายแคลิฟอร์เนียในสหรัฐฯ ยกเว้นการให้บริการบนดาวอังคารและบริการระหว่างเที่ยวบิน Starship ไปยังดาวอังคาร
ข้อตกลงระบุว่าผู้ใช้ต้องยอมรับว่าดาวอังคารไม่อยู่ภายใต้รัฐบาลใดบนโลกและข้อพิพาทต้องทำตามหลักการปกครองตนเองของนิคมดาวอังคาร
Starlink เริ่มส่งอีเมลเชิญผู้ใช้ทดสอบใช้อินเทอร์เน็ตดาวเทียมในชื่อโครงการ "ยอมลองยา ดีกว่าไม่มีเน็ต" (Better Than Nothing Beta) โดยมีค่าใช้จ่ายแยกเป็นค่าอุปกรณ์ 499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15,600 บาท และค่าบริการรายเดือน 99 ดอลลาร์หรือ 3,100 บาท โดยอีเมลเชิญชวนระบุว่าความเร็วโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 50-150Mbps ขณะที่ความหน่วงอยู่ที่ 20-40ms โดยคาดว่าปีหน้าจะลดลงจนถึง 16-19ms ได้
ไมโครซอฟท์เปิดบริการ Microsoft Azure Modular Datacenter (MDC) บริการศูนย์ข้อมูลพร้อมใช้แบบยกไปที่ไหนก็ได้ เหมาะกับภารกิจนอกสถานที่ เช่น ศูนย์บัญชาการเคลื่อนที่, การช่วยเหลือภัยพิบัติ, ปฎิบัติการทางทหาร, ไปจนถึงการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ โดยที่คนทำงานหน้างานต้องการเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลที่ความเร็วสูง
Starlink เพิ่งรายงานผลการทดสอบแก่ FCC ว่าดาวน์โหลดสูงถึง 100Mbps และอัพโหลดสูงถึง 40Mbps ก็เริ่มมีผู้ใช้ไปสแกนเว็บ speedtest.net เพื่อกวาดดูว่ามีการทดสอบผ่าน Starlink จากคนอื่นๆ อีกหรือไม่ และพบว่าแม้ผลทดสอบจะอยู่ในช่วงที่บริษัทระบุแต่ก็มีผลกว้างมาก
ผลที่ผู้ใช้รวบรวมกันมาเองค่าดาวน์โหลดนั้นเริ่มตั้งแต่ 11Mbps ไปจนถึง 114Mbps และอัพโหลดนั้นบางครั้งก็ทดสอบไม่สำเร็จ หรือไปเริ่มที่ 4.5Mbps ไปจนถึง 42Mbps ตามที่บริษัทอ้าง และค่า ping แกว่งอยู่ระหว่าง 18-94ms
SpaceX เข้าร่วมประมูลโครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบของกสทช. สหรัฐฯ (FCC) ที่มีบริษัทร่วมประมูลมากกว่า 500 บริษัท โดยบริษัทแสดงผลทดสอบโครงการ Starlink ว่าสามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตที่อัตราดาวน์โหลดสูงกว่า 100Mbps และเวลาหน่วง 40-50ms ใกล้เคียงกับบรอดแบนด์ทั่วไป ขณะที่ภาพทดสอบแสดงการอัพโหลดที่ 40-42Mbps และเวลาหน่วงไม่ถึง 20ms เท่านั้น
ทาง SpaceX กำลังพยายามย้ายวงโคจรของดาวเทียมทั้งหมดลงมาที่ระดับต่ำลงในช่วง 540-570 กิโลเมตร ตัวเลขที่น่าสนใจอีกอย่างคือบริษัทระบุว่าการให้บริการในสหรัฐฯ ต้องการเกตเวย์นับร้อยจุดทีเดียว
Elon Musk ตอบคำถามผู้ใช้ทวิตเตอร์ถึงบริการ Starlink โดยระบุถึงดาวเทียมเวอร์ชั่น 2 ที่จะโคจรในวงโคจรต่ำลง ทำให้สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เวลาหน่วง (latency) หรือค่า ping นั้นเหลือแค่ 8ms เท่านั้น ขณะที่ดาวเทียมเวอร์ชั่น 1 ที่ Starlink กำลังยิงอยู่ตอนนี้จะให้บริการอินเทอร์เน็ตที่ latency ประมาณ 20ms
ดาวเทียม Starlink โคจรที่ระดับความสูง 550 กิโลเมตรหรือต่ำกว่านั้น ขณะที่ดาวเทียมที่วงโคจรต่ำที่สุดคือ Tsubame ของญี่ปุ่นโคจรที่ระดับความสูง 167.4 กิโลเมตร แต่ก็โคจรอยู่เพียง 7 วันเท่านั้น ส่วนสถานีอวกาศนานาชาตินั้นโคจรที่ระดับความสูง 340 กิโลเมตร
หลังจาก SpaceX ส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติได้ไม่กี่วัน ก็กลับมาเดินหน้าภารกิจส่งดาวเทียม Starlink สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตต่อไป โดยยังคงส่งชุดละ 60 ดวงเช่นเดิม แต่รอบนี้มีดาวเทียมทดสอบ VisorSat ขึ้นไปด้วยอีกหนึ่งดวง
VisorSat เป็นการทดลองแก้ปัญหาแสงสะท้อนจากดาวเทียม Starlink ที่รบกวนการทำงานของนักดาราศาสตร์ โดยทาง SpaceX พยายามลดแสงจากดาวเทียมด้วยวิธีการต่างๆ ตั้งแต่การทดสอบทาสีให้มืดลง หรือ DarkSat ที่พบปัญหาว่าสีที่ดำมืดทำให้ตัวดาวเทียมร้อนขึ้นและกลับสะท้อนแสงบางย่าน เช่นอินฟราเรด การทดสอบ VisorSat อาศัยม่านบังแสง (visor) สีดำที่จะบังไม่ได้แสดงเข้าไปถึงตัวดาวเทียม
Elon Musk ระบุว่าบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink จะเริ่มให้บริการวงปิดภายในอีกสามเดือนข้างหน้า และบริการเป็นการทั่วไปภายในอีกหกเดือน โดยจะเริ่มให้บริการแถบทางเหนือของโลกก่อน (high latitude)
SpaceX เพิ่งยิงดาวเทียม Starlink ชุดล่าสุดไปเมื่อคืนวานนี้ ทำให้จำนวนดาวเทียมมีมากถึง 422 ดวง โดยมีดาวเทียมทดสอบ 2 ดวงจะถูกปลดออกเร็วๆ นี้ ทาง Starlink เคยระบุว่าจะเริ่มให้บริการได้บางพื้นที่จะต้องมีดาวเทียมเกิน 400 ดวง