ในยุคที่ผู้คนต่างพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่ตลอดเวลา แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้แบบไม่จำกัด การมาของ Web Application เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสามารถในการทำงานผ่านเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน อีกทั้งยังทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้แอปพลิเคชันได้จากแลปทอปหรือคอมพิวเตอร์เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต
Web Application คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร?
Web Application คือ แอปพลิเคชันที่ทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม แตกต่างจากแอปพลิเคชันที่ต้องดาวน์โหลดและติดตั้ง Web Application ทำงานโดยอาศัยการประมวลผลทั้งฝั่ง Server และฝั่ง Client เมื่อผู้ใช้งานทำการเข้าถึงผ่าน URL ข้อมูลจะถูกส่งไปประมวลผลที่ Server และส่งผลลัพธ์กลับมาแสดงบนเบราว์เซอร์ ให้เราได้ใช้งานเสมือนใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน
Web Application มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร?
เวลาที่เราใช้งานเว็บไซต์ที่เป็น Web Application จะมีกระบวนการทำงานเบื้องหลังที่ซับซ้อน ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่ากว่าที่ Web Application จะแสดงผลและตอบสนองกับผู้ใช้งานได้นั้น จะมีขั้นตอนการทำงานที่เป็นระบบดังนี้
- การรับคำขอจากผู้ใช้งาน
ผู้ใช้งานเริ่มต้นโดยการป้อน URL, คลิกลิงก์ หรือกดปุ่มบนเว็บไซต์ ซึ่งจะสร้างคำขอ (Request) ส่งไปยัง Web Server ผ่านโปรโตคอล HTTP หรือ HTTPS จากนั้น Web Server จะวิเคราะห์คำขอและส่งต่อไปยัง Application Server เพื่อประมวลผลต่อไป - การประมวลผลโดย Application Server
Application Server รับคำขอและดำเนินการตามที่ได้โค้ดไว้บนแอปพลิเคชัน ซึ่งจะรวมถึงการคำนวณ การตรวจสอบสิทธิ์ และการจัดการข้อมูล ในขั้นตอนนี้ Application Server จะเชื่อมต่อกับ Database เพื่อดึงข้อมูล บันทึก หรือปรับปรุงข้อมูลตามที่จำเป็น - การสร้างผลลัพธ์และส่งกลับ
หลังจากประมวลผลเสร็จสิ้น Application Server จะสร้างผลลัพธ์ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น HTML, JSON หรือ XML จากนั้นส่งผลลัพธ์กลับไปยัง Web Server พร้อมกับข้อมูลสถานะการตอบกลับ (Response Status) เช่น 200 OK หรือ 404 Not Found - การนำเสนอผลลัพธ์แก่ผู้ใช้
Web Server ส่งผลลัพธ์ที่ได้รับจาก Application Server กลับไปยังอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน เบราว์เซอร์ของผู้ใช้จะแปลงข้อมูลที่ได้รับ (เช่น HTML, CSS และ JavaScript) แล้วแสดงผลบนหน้าจอในรูปแบบที่มนุษย์สามารถมองเห็นและโต้ตอบได้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการ Web App ต่อไปได้
ข้อดีของ Web Application
Web Application ได้กลายเป็นส่วนสำคัญของหลาย ๆ ธุรกิจในปัจจุบัน ด้วยการเข้าถึงที่สะดวกและความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทำให้องค์กรและธุรกิจต่าง ๆ หันมาใช้เทคโนโลยีนี้กันมากขึ้น เราลองมาดูข้อดีที่ทำให้ Web Application ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายกัน
- การเข้าถึงได้จากทุกที่ - ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้จากทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์หรือระบบปฏิบัติการ
- ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ - ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งโปรแกรมใด ๆ เพียงแค่มีเว็บเบราว์เซอร์ก็สามารถใช้งานได้ทันที
- ลดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ - ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่มีสเปคสูง เนื่องจากการประมวลผลส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่เซิร์ฟเวอร์
- รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม - ใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ตโฟนที่มีเบราว์เซอร์ โดยไม่ต้องพัฒนาแยกแต่ละแพลตฟอร์ม
- ความปลอดภัยข้อมูล - ข้อมูลสำคัญจัดเก็บที่เซิร์ฟเวอร์ ลดความเสี่ยงจากการสูญหายหรือถูกโจรกรรมจากอุปกรณ์ของผู้ใช้งาน
- ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ - ไม่กินพื้นที่จัดเก็บบนอุปกรณ์ของผู้ใช้งานมากเกินไป เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่มีพื้นที่จำกัด
- ขยายระบบได้ง่าย - สามารถรองรับผู้ใช้งานจำนวนมากได้โดยการเพิ่มทรัพยากรที่ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ โดยไม่กระทบต่อผู้ใช้งาน
ความแตกต่างของ Web Application กับ Website ปกติ
ข้อแตกต่างระหว่าง Web Application กับ Website จะอยู่ที่ความสามารถในการโต้ตอบและประมวลผล โดย Website จะเน้นการนำเสนอข้อมูลทั่วไป ให้ผู้ใช้งานอ่านหรือดูเนื้อหาเท่านั้น ส่วน Web Application มีการโต้ตอบกับผู้ใช้งาน สามารถประมวลผลข้อมูล ทำงานเฉพาะทาง และรองรับการทำธุรกรรมที่ซับซ้อนได้ เช่น ระบบชำระเงิน ระบบจองตั๋ว หรือระบบ E-commerce Website จึงเปรียบเสมือนหนังสือ ในขณะที่ Web Application เป็นเครื่องมือที่ผู้ใช้งานสามารถโต้ตอบได้
ตัวอย่างของ Web Application ที่นิยมในปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Web Application ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ช่วยให้เราทำงาน สื่อสาร และจัดการชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยตัวอย่างของ Web Application ยอดนิยมที่หลายคนใช้งานอยู่เป็นประจำ จะมีดังนี้
- Gmail - บริการอีเมลจาก Google ที่มีฟีเจอร์จัดการอีเมลที่ครบครัน
- Facebook - แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดฮิตที่มีผู้ใช้งานกว่า 3,000 ล้านคนทั่วโลก ที่นิยมแชร์เนื้อหากับเพื่อนและครอบครัว
- Slack - เครื่องมือสื่อสารภายในองค์กรที่รวมการแชท การแชร์ไฟล์ และการประชุมไว้ในที่เดียว
- ClickUp - ระบบบริหารจัดการโครงการที่ช่วยในการติดตามงาน จัดการเวลา และทำงานร่วมกันเป็นทีม
- Trello - แพลตฟอร์มบริหารงานในรูปแบบบอร์ดที่ใช้ระบบการ์ดและคอลัมน์
Web Application สร้างโอกาสทางธุรกิจเหนือคู่แข่ง
Web Application ได้กลายเป็นโซลูชันที่เปลี่ยนโลกธุรกิจด้วยความสามารถในการทำงานผ่านเบราว์เซอร์ โดยที่ไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ และยังสามารถทำงานได้ทุกแพลตฟอร์ม ทำให้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ สร้างโอกาสใหม่ ๆ เหนือคู่แข่ง
หากใครที่รู้สึกสนใจและอยากทดลองจ้างบริษัท Web Application ที่มีคุณภาพ Cube SoftTech คือบริษัท IT Outsource ที่มีบริการ Web Application Service แบบครบวงจร พร้อมทีม IT ที่มีประสบการณ์สูง สามารถพัฒนาซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ตามความต้องการเฉพาะของธุรกิจ หากสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cubesofttech.com/