ไมโครซอฟท์, EMC, และ NetApp แถลงในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับคดี (amici curiae) ในคดีลิขสิทธิ์ API จาวาระหว่างออราเคิลกับกูเกิล แสดงการสนับสนุนให้ศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ตัวเอกสารยื่นเข้าสู่ศาลแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาสู่สาธารณะ (คาดว่าทางศาลจะเปิดเผยออกมาเร็วๆ นี้) แต่ The Register ได้สำเนาออกมาระบุว่าเนื้อหาวิจารณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่าเป็นผลของการตีความกฎหมายลิขสิทธิ์ผิดพลาดอย่างมีนัยสำคัญหลายจุด และหากศาลอุทธรณ์ยังยืนยันคำตัดสินเช่นเดิม จะมีผลอันตรายต่อความคาดหวังที่รับรู้โดยทั่วไปในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
ไมโครซอฟท์นั้นชัดเจนว่ายืนร่วมออราเคิลในคดีนี้เพราะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ใน API จำนวนมาก เช่น เทคโนโลยี .NET ที่แม้จะเปิดตัว "ภาษา" อย่าง C# ออกมาเป็นเทคโนโลยีเปิด แต่ตัว API พื้นฐานนั้นยังมีข้อจำกัดจากไมโครซอฟท์หลายจุด หากแนวทางพิพากษาว่า API ไม่มีลิขสิทธิ์ยังคงถูกยืนยันจากศาลไปเช่นนี้ ในอนาคตก็อาจจะมีหน่วยงานต่างๆ รวมถึงบริษัทคู่แข่งเข้ามาทำซอฟต์แวร์ที่มี API เหมือนกันอีกจำนวนมาก
ที่มา - The Register
Comments
"ไมโครซอฟท์นั้นชัดเจนว่ายืนร่วมกับกูเกิลในคดีนี้เพราะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ใน API จำนวนมาก"
น่าจะเป็นไม่โครซอฟท์กับออราเคิลรึเปล่าครับ
นั่นสิ ตกลงไมโครซอฟท์ถือฝั่งไหนครัฟ -_-
+1
อ่านแล้วงงด้วยคน
นั่นสิ กำกวมนะครับ
พิมพ์ผิดครับ แก้ไขแล้ว
lewcpe.com, @wasonliw
ผลประโยชน์ทับซ้อนรึเปล่า?
ผมว่า API ไม่มีลิขสิทธิ์ดีแล้ว จะได้ไม่เกิดการผูกขาด
เอ๊า ถ้าเป็นพวกเขียน API ขายกันจริงๆจังอย่าง Syncfusion แบบนี้ก็แจกฟรีอ่ะดิ แล้วจะทำไรกิน?
API มันเป็นแค่ส่วนที่ไปติดต่อ (เช่นชื่อคลาส/ชื่อฟังก์ัชั่น) แค่นั้นเองครับ
ถ้าเกิดว่ามันมีลิขสิทธิจริง ๆ คงปวดหัวตายเลย ใครจะมานั่งไล่หาว่าใครเขียนคลาสชื่อ string เป็นคนแรก ?
ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าฟังก์ชั่นใน API มันง่ายมากจนกระทั่งใครๆ ก็ทำตามได้?
lewcpe.com, @wasonliw
ง่ายไม่ง่ายกูเกิลก็ทำมาแล้วนี่ครับ เห็นตอนต่อสู้บอกว่าลอกแต่ abstraction แสดงว่าตัวโค้ดเขียนเองทั้งหมด
รึเปล่า?
เคสของ Java นี่เอาเข้าจริงกูเกิลไม่ได้ทำ (ตั้งแต่แรก) นะครับ โครงการอย่าง Harmony มันเกิดขึ้นมาในมุมมองผมเพราะท่าทีที่สับสนของซัน อยากเป็นมิตรกับโลกโอเพนซอร์สให้ทุกคนใช้แต่อยากกันโน่นกันนี่ มันเลยเกิดสภาพครึ่งๆ กลางๆ
พอมีคนตัดสินใจว่าถ้ามีปัญหานักก็ fork (แนวทางปกติของโอเพนซอร์ส) พอดีกับช่วงเวลาที่เปลี่ยนมือเจ้าของและต้องการหาเงินให้ได้สูงสุด เลยเป็นอย่างที่เห้น
ถ้าท่าทีตั้งแต่แรกเป็นศัตรูกับนักพัฒนาภายนอกมาแต่ต้น ยืนยันว่าจะฟ้องทุกคนที่ไม่ผ่าน TCK โครงการ Harmony คงไม่มีใครไปยุ่งจนเสร็จมาถึงทุกวันนี้
lewcpe.com, @wasonliw
อ่าน คห. นี้ + คห. ด้านล่างแล้วมันแจ่มแจ้งเลยครับ
สรุปสั้นที่สุด "ตอนแรกมันเป็นซัน ตอนหลังมันเป็นออราเคิล"
ขอบคุณครับ
ขอแทรกครับ แนะนำอ่านความเห็นของคุณ tontpong จากข่าวก่อนหน้าประกอบครับ ผมว่ามันต้องใช้สมอง + ความสามารถในการออกแบบอยู่นะ
http://www.blognone.com/node/41051
คิดซะว่า เป็นการ override แล้วกันนะครับ
ผมว่า ประเด็น JAVA ส่วนสำคัญของ API น่าจะอยู่ตรงที่ว่า มัน Compatible หรือเปล่า (ที่แต่แรก ที่ Oracle ออกมาโวยวายนี่ เพราะ Android Dalvik มันไม่ Compatible กับ JAVA หลัก) ความหมายคือ JAVA นั่นแหละ ที่อยากให้ Android มี API เหมือนกับ JAVA ทุกอย่างหรือให้ Copy ได้ ก็จะดีมาก (ไหง ตอนหลัง เรื่องกลับกลายมาเป็น ลอกไม่ได้ ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย) ผมมองว่า การสร้าง API ก็เพื่อให้ คน ลอก เอาไปใช้ให้เหมือน ๆ กันให้หมด (จะไม่มีปัญหา) การที่ไม่ลอก หรือลอกไม่เหมือน เนี่ยสิ สร้างปัญหา (คือ ผมคิดว่า ตอนนี้ คดีที่ศาล ออกทะเล ไปแล้วครับ คือคนฟ้อง ไม่ใช่โปรแกรมเมอร์ แต่เป็นทนาย)
ไม่ใช่แค่ไม่ compatible ครับ
การจะอ้างว่า compatible ได้หรือไม่ ต้องผ่านระบบเทสที่ชื่อว่า TCK ก่อน (เหมือนสอบ cert แบบหนึ่ง) แต่ cert ที่ว่านี้ห้ามใช้กับงาน mobile หากจะใช้ต้องตกลงกับซัน (ออราเคิลในตอนนี้) เป็นเคสๆ ไป ต่อให้ Android เข้ากับซันเต็ม 100% ก็มีปัญหาอยู่ดี
คนที่ตกตลงแบบนี้เช่น BlackBerry และ Nokia (J2ME) ระบบทั้งสองอันแม้จะไม่ compatible กัน และไม่ได้ compatible กับระบบ Java อื่นๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะจ่ายเงินแล้ว
ปัญหาเรื่อง Java เป็นเรื่องของนโยบายของซันที่ขัดกับแนวทางของโอเพนซอร์ส คือ ซันอยากเปิดในบางธุรกิจ แต่อยากสงวนการใช้งานบางประเภทไว้เพื่อหาเงิน ขัดกับหลักการของโอเพนซอร์สที่ห้ามจำกัดประเภทการใช้งาน
lewcpe.com, @wasonliw
+1
+1 กระจ่างเลยอ่านความเห็นคุณlew ^^
เห็นด้วยครับ ไม่งั้นคงมีเกรียนจดสิทธิบัตร API ไว้ขาย/เก็บส่วยแน่นอน แล้วถ้าใช้ชื่อฟังก์ชันเหมือนกันไม่ได้ก็คงมีชื่อยาวๆ มาให้ใช้แน่นอน เช่น concat -> concatString, concatTwoStrings, concatFirstStringWithAnotherString แค่คิดก็เพลียแล้ว
ถ้าพูดถึง Software เทียบได้กับงาน วรรณกรรม อันมี ...ลิขสิทธิ์
ถ้า API ของแต่ละ Object เทียบได้กับ ชื่อ-นิสัย ของตัวละครใน วรรณกรรม
ปล. ผมว่า การตั้ง ชื่อ และกำหนด นิสัย ของตัวละคร ...ก็ต้องใช้ความคิดเหมือนกันครับ
ใช่ครับ ประมาณนั้นเลย
ยกตัวอย่างอีกแบบเช่น ชื่อบทของนิยายแฮรี่ก็ได้ บทแรก จุดเริ่มต้นการเป็นพ่อมด บทที่ 2 แฮรี่เริ่มเข้าโรงเรียน บทที่ 3 แฮรี่แข่งควิสดิช บทที่ 4 แฮรี่ฝึกวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด
ถ้าเป็นแบบนี้ ผมบอกว่าผมลอกแต่ชื่อบท ไส้ในเขียนเอง แบบนี้ผมไม่ละเมิดหรอ เพราะชื่อบทกับโครงของมัน คนอ่านก็จินตนาการได้อยู่ว่ามันจะเดินทางไปในแนวไหน
แล้วผมก็เห็นว่า มันสามารถสร้างความสับสนให้ผู้บริโภคได้อีกด้วย
เหมือนเป็นการจงใจสร้าง เลียนของดังๆ มา เพื่อหาโอกาสขายของตัวเองนะ ผมว่า
ตังอย่างให้เห็น เช่นพวกหนังเกรดต่ำ ที่ตั้งชื่อ และใช้ภาพปกให้ใกล้เคียงกับหนังดังๆ นั่นไง
ใครรู้ไมาเท่าทัน ก็โดนกันไป
แนวคิดของทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่ต้องใช้ความคิดแล้วจะได้รับความคุ้มครองครับ
สมการคณิตศาสตร์เองก็ใช้ความคิด บางคนคิดกันทั้งชีวิตเพื่อให้ได้งานวิจัยชั้นดี แต่สมการคณิตศาสตร์ก็เป็นหลักการหลายประเทศว่าจะไม่ให้ความคุ้มครอง
แนวทางปลีกย่อยอีกหลายอย่าง (ข่าวเก่า) เช่น สูตรอาหาร, คำขวัญ ฯลฯ หลายประเทศไม่ให้ความคุัมครอง โน้ตเพลงเองแต่ละประเทศให้ความคุ้มครองในระดับที่ต่างๆ กัน (จำนวนตัวโน้ตต้องเหมือนกันเกินกี่ตัว ใช้ส่วนของเพลงยาวเกินกี่วินาที ฯลฯ)
อันนี้ยังต้องคิดถึงการใช้งานอย่างเป็นธรรมที่ได้รับรองตามกฎหมายในหลายประเทศ การใช้งานวรรณกรรมจำนวนน้อยๆ อ้างอิงวรรคของงานวรรณกรรม ในสัดส่วนที่ % ที่มีประกาศกำหนดก็ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
lewcpe.com, @wasonliw
ปัญหา
ใครมี ชื่อ เหมือนกับตัวละคร ถือว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ ...หรือไม่
ใครมี นิสัย เหมือนกับตัวละคร ถือว่า ละเมิดลิขสิทธิ์ ...หรือไม่
ผมมอง ชื่อ-นิสัย ของตัวละคร เสมื่อเป็น API ของ Object
และมองว่า บทต่าง ๆ ของ วรรณกรรม เป็นเหมือน Algorithm หรือ แนว Concept กว้าง ๆ ที่ Microsoft ไปชอบ Copy คนอื่น ๆ เค้ามาเช่น Excel มาจาก Lotus, Word มาจาก WordPerfect หรือ Dos ของ Apple II
อ่านแล้ว งั้นกลับไปเขียน c++ standard ดีกว่านะครับ ส่วน API ก็เอาของ Google ละกัน
Android 2D ต้องเขียนด้วย Java เท่านั้น ครับ
หากต้องการใช้ C++ Standard ต้องผ่าน JNI
อ้าวหนักกว่าเดิม แต่ขอบคุณครับ
จากข่าวนี้ยืนยันได้ว่า
Microsoft : รอวัน Mono โตหรือมีคน fork ไปใช้แล้วโต พี่จะฟ้อง นะจ๊ะ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
55 คงจะจริงนะจ๊ะ
และหากคดีนี้ออราเคิลแพ้ บริษัทที่กล้าๆ กลัวๆ จะลงทุนกับ Mono จะรุมใช้งานกันไม่สนใจไมโครซอฟท์อีกต่อไป
lewcpe.com, @wasonliw
หมายความว่าจะรุมใช้ Mono หรือ java ครับ
แล้วมันควรเกิดเช่นนั้นมั้ย (ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน) .. เพราะเหตุใด
โดยส่วนตัว คิดว่าเรื่องนี้คงต้องคุยกันยาว แต่ว่าต้องคุยไม่ใช่ปล่อยคาทิ้งไว้.. คำตอบคงไม่ใช่แค่เปิดหรือปิด การตัดมาคุยกันแค่เรื่องชื่อ class/member น่าจะลดรูปลดขนาดของปัญหาลงมามากจนเกินไป คงต้องลองคุยกันดูเพื่อหา ขนาด/ขอบเขต/สัดส่วน ที่เหมาะสม