แอปเปิลเริ่มส่งมอบเฮดเซต Apple Vision Pro ให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาแล้ว ทำให้มีข้อมูลเอกสารซัพพอร์ตเผยแพร่ออกมาประกอบการใช้งาน ซึ่งมีหลายประเด็นที่น่าสนใจในรายละเอียด โดยมีคนรวบรวมไว้แล้วดังนี้
การใช้งาน Vision Pro สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์บลูทูธเพิ่มเติมได้ ดังนี้
แอปเปิลเริ่มขายเฮดเซต Apple Vision Pro ในสหรัฐอเมริกาแล้ว โดย Tim Cook ซีอีโอแอปเปิล ได้เข้าร่วมการเปิดขายสินค้าวันแรกที่ร้าน Apple Store สาขา Fifth Avenue เพื่อต้อนรับลูกค้าวันแรกที่มาซื้อหรือรับ Vision Pro
Tim Cook ยังอีเมลถึงพนักงานแอปเปิล ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของ Spatial Computing ที่ยังมีโอกาสมากมายมหาศาลอยู่ข้างหน้า ทั้งความบันเทิงในรูปแบบใหม่ แอปนวัตกรรมใหม่ที่รอนำเสนอ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่จะนำไปประยุกต์ใช้งาน
แอปเปิลประกาศความพร้อมของ App Store สำหรับเฮดเซต Apple Vision Pro ที่จะเริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วไปในสหรัฐอเมริกาวันนี้ โดยมีแอปที่รองรับ visionOS ให้ดาวน์โหลดมากกว่า 1 ล้านแอป และมีมากกว่า 600 แอป ทั้งหมวดแอปและเกม ที่พัฒนามาใหม่รองรับ Vision Pro โดยเฉพาะด้วย
ทั้งนี้ App Store ของ Vision Pro ได้พอร์ตแอปของ iPhone และ iPad ขึ้นสโตร์ให้อัตโนมัติ แต่นักพัฒนาสามารถเลือกไม่ส่งแอปขึ้นสโตร์ได้ (opt-out) ซึ่งมีแอปรายใหญ่ที่ประกาศไม่ส่งแอปเช่น YouTube, Netflix และ Spotify
ถึงแม้สินค้าจะยังไม่ได้เริ่มส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วไปในสหรัฐอเมริกา แต่เฮดเซต Apple Vision Pro ก็ได้ออกอัพเดตซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ visionOS เวอร์ชัน 1.0.2 แล้ว
ในอัพเดตนี้แอปเปิลไม่ได้ระบุรายการฟีเจอร์ที่สำคัญ แต่บอกว่าเป็นการแก้ไขช่องโหว่ WebKit ที่มีรายงานการโจมตีแล้ว ซึ่งแอปเปิลก็แก้ไขช่องโหว่เดียวกันนี้ไปใน iOS 17.3 และ macOS Sonoma 14.3 ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เนื่องจากอัพเดต visionOS 1.0.2 นี้ สื่อที่ได้เฮดเซตไปรีวิวพบว่าแอปเปิลเพิ่งออกอัพเดตมา จึงคาดว่าลูกค้าที่รับสินค้ากลุ่มแรก ก็น่าจะต้องเปิดกล่องมาแล้วอัพเดตซอฟต์แวร์ให้เป็น 1.0.2 นี้ด้วยเช่นกัน
เฮดเซต Apple Vision Pro นั้นใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ต่อแยกออกมาอีกที ตอนนี้มีสื่อที่ได้รับอุปกรณ์มารีวิว จึงมีการทดสอบหลายอย่าง และค้นพบความน่าสนใจในแบตเตอรี่ส่วนนี้
โดยแบตเตอรี่แยกของ Vision Pro นั้น มีช่องชาร์จไฟเป็นพอร์ต USB-C ตรงนี้คงไม่น่าแปลกใจเพราะแอปเปิลย้ายอุปกรณ์มาเป็น USB-C เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ส่วนที่แบตเตอรี่ไปเชื่อมต่อกับ Vision Pro เป็นสายชาร์จที่ล็อกติดกับแบตเตอรีเลย ซึ่งสามารถแยกชิ้นส่วนได้โดยใช้เข็มจิ้มแบบที่ใช้กับถาดใส่ซิม จึงพบว่าปลายสายเป็นหัวชาร์จหน้าตาคล้ายกับ Lightning แต่มีจำนวนขั้วมากกว่าสาย Lightning แบบเดิม
ไมโครซอฟท์ประกาศนำแอปในกลุ่ม Microsoft 365 มาลงใน App Store ของเฮดเซต Apple Vision Pro ซึ่งจะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าในอเมริกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้
โดยไมโครซอฟท์บอกว่าแอปที่นำมาลงได้แก่ Microsoft Teams, Word, Excel, PowerPoint, Outlook, OneNote และ Loop ทั้งหมดมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้าน AI Copilot
ฟีเจอร์เฉพาะสำหรับ Vision Pro ในแต่ละแอปตัวอย่างเช่น PowerPoint กับ Word มีโหมดทำงานแบบ Immersive Environment เพื่อให้ทดลองซ้อมนำเสนอหรือเพิ่มโฟกัสในการทำงาน, Excel เพิ่มพื้นที่แสดงผลตาราง-กราฟ, Teams รองรับฟีเจอร์ persona ที่แสดงใบหน้า
Unity ออกเครื่องมือพัฒนาสภาพแวดล้อมแบบ spatial (จงอย่าเรียกว่า VR) มาต้อนรับการวางขายแว่น Apple Vision Pro หลังจากเปิดทดสอบแบบ Beta มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023
การใช้งานจำเป็นต้องมี Unity 2022 LTS เป็นพื้นฐาน แล้วติดตั้ง visionOS build target โดยรองรับเฉพาะบน Mac ที่เป็นชิป Apple Silicon เท่านั้น
Unity ระบุว่าการสร้าง "ประสบการณ์ spatial" (จงอย่าเรียกว่าแอพ) สำหรับ visionOS มีความเป็นไปได้ 3 แบบคือ
แว่น Apple Vision Pro เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้แล้ว ล่าสุดบรรดาสื่อ และอินฟลูเอนเซอร์ของสหรัฐฯ เริ่มปล่อยบทวิจารณ์เบื้องต้นแล้ว หลายสื่อมีความเห็นว่าเป็นอุปกรณ์ที่ดูมีอนาคต และดูดีที่สุดในตลาดตอนนี้ แต่คำว่าอนาคตที่ว่านั้นกลับยังไม่มาถึง บางส่วนยังต้องปรับปรุงแม้ประสบการณ์ที่ได้รับจะดีมากก็ตาม แต่ที่อุปกรณ์ตัวนี้มีราคาแพงเกินไป โดยมีตัวอย่างบทวิจารณ์จากสื่อต่าง ๆ ดังนี้
Zoom เปิดตัวแอปใหม่บน Apple Vision Pro ซึ่งเป็นการนำแพลตฟอร์มการประชุมออนไลน์เข้าสู่โลก Spatial Computing ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้กันมากขึ้น โดยแอปจะออกมาในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมกับการส่งมอบ Vision Pro ลอตแรกในสหรัฐอเมริกา
Zoom บนระบบปฏิบัติการ visionOS ของ Vision Pro มีฟีเจอร์เด่นที่ดึงความสามารถของเฮดเซตนี้มาใช้งานด้วย ได้แก่ Personas ระบบสแกนใบหน้าผู้สวมใส่เฮดเซต เพื่อให้แสดงผลใบหน้าและการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ขณะประชุม นอกจากนี้ยังสามารถเปิดการทำงาน immersive เพื่อสร้างบรรยากาศโดยรอบให้เสมือนอยู่ในห้องประชุมเดียวกับผู้ร่วมประชุมคนอื่นได้ด้วย
Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook ซึ่งเปลี่ยนชื่อบริษัทตั้งแต่ปี 2021 เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์มุ่งสู่การเป็นบริษัท Metaverse แต่ผ่านมาเกือบสามปี ส่วนธุรกิจ Reality Labs ที่รับผิดชอบด้าน Metaverse ยังมีรายได้น้อยกว่า 1% ของรายได้รวมทั้งหมด ก็อาจสะท้อนว่าตลาดโลกเสมือนนั้นยังไม่ได้ออกสู่กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปแบบธุรกิจโซเชียลมีเดีย
ก่อนหน้านี้ Netflix ออกมายืนยันว่าจะไม่มีแอปในสโตร์ของ Apple Vision Pro โดยให้เข้าใช้งานผ่านเบราว์เซอร์ Safari แทน ถึงแม้บริการสตรีมมิ่งหลายรายจะพัฒนาแอปมารองรับ และแอปเปิลเองก็เปิดให้พอร์ตแอปเวอร์ชัน iPad มาลงได้เลย
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายซัพพลายเชนที่ให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลอยู่เป็นประจำ รายงานข้อมูลของเฮดเซต Apple Vision Pro ที่เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าในอเมริกาตั้งแต่สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และตอนนี้สินค้าลอตแรกที่จะได้รับในวันแรก 2 กุมภาพันธ์ ก็หมดไปแล้ว จึงอาจสะท้อนว่าความต้องการสินค้ามีจำนวนมาก หรือสินค้าอาจมีไม่มากก็ได้
Mark Gurman แห่ง Bloomberg รายงานข่าวแอปเปิลในจดหมายข่าวประจำสัปดาห์ Power On โดยคราวนี้เขาพูดถึงปัญหาเฮดเซต Apple Vision Pro ที่อาจมีแอปภายนอกจากนักพัฒนาไม่มากพอ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุรวมกัน
โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังแอปเปิลเปิดให้สั่งจอง Vision Pro ก็มีแอปรายใหญ่เช่น Netflix, YouTube และ Spotify ที่ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีแอปเวอร์ชัน Vision Pro ออกมา และบอกให้ใช้งานผ่าน Safari บน Vision Pro แทน ถึงแม้ในฝั่งนักพัฒนาจะสามารถกดส่งแอป iPad มาใช้บนสโตร์ Vision Pro ได้เลย แต่ผู้พัฒนาเหล่านี้ก็เลือก opt-out
ข้อมูลที่แอปเปิลไม่เคยบอกเลยตั้งแต่เปิดตัวเฮดเซต Apple Vision Pro คือน้ำหนัก ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของฮาร์ดแวร์แว่นโลกเสมือน รีวิวที่ออกมาในช่วงแรกก็บอกเพียงไม่เบาแต่ไม่หนักมากจนเกินไป
แต่เมื่อแอปเปิลเปิดให้สั่งจอง Vision Pro ล่วงหน้า จึงมีข้อมูลสเป็กอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว โดย Vision Pro เฉพาะส่วนเฮดเซต มีน้ำหนัก 600-650 กรัม ซึ่งน้ำหนักจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับส่วนสายรัดศีรษะที่เลือก ขณะที่แบตเตอรีแยกต่างหากนั้นมีน้ำหนักอีก 353 กรัม
แอปเปิลเผยแพร่วิดีโอเบื้องหลังการผลิตเฮดเซต Vision Pro ในโรงงาน เพื่อต้อนรับการเปิดให้สั่งจองสินค้าวันแรกสำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา
คำอธิบายของวิดีโอบอกสั้น ๆ ว่า เป็นการพาชมขั้นตอนการผลิต Apple Vision Pro ที่เป็นอุปกรณ์ Spatial Computer ตัวแรกของแอปเปิล พร้อมกับเพลงประกอบ "Heard Somebody Whistle" ของ Jay-Jay Johanson
Vision Pro เริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าวันนี้ในอเมริกา และเริ่มส่งมอบสินค้า 2 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป
ที่มา: แอปเปิล
แอปเปิลเริ่มเปิดให้สั่งจองเฮดเซต Vision Pro ล่วงหน้าในวันนี้ ซึ่งตอนนี้ขายเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่เชื่อว่ามีลูกค้าที่อยู่นอกสหรัฐอเมริกาหลายคนสนใจหิ้วมาใช้งาน แอปเปิลจึงอธิบายข้อจำกัดเอาไว้ด้วย
โดยในหน้าสั่งจอง Apple Vision Pro นั้น แอปเปิลได้อธิบายเพิ่มเติมในส่วน FAQs ว่าหากเป็นลูกค้าต่างประเทศนอกอเมริกา ที่มาซื้อ Apple Vision Pro ในอเมริกา และจะนำกลับไปใช้ที่ประเทศ จะพบปัญหาการใช้งานหรือไม่ โดยบอกว่า
แอปเปิลเปิดให้ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาพรีออเดอร์เฮดเซต Vision Pro ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ โดยสินค้าเริ่มส่งมอบตั้งแต่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ซึ่งจากราคาเริ่มต้นที่แอปเปิลประกาศ 3,499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท พบว่าถ้าเลือกสเป็กที่สูงขึ้น พร้อมกับซื้ออุปกรณ์เสริมเท่าที่จำเป็น ราคาจะเพิ่มขึ้นไปได้อีกพอสมควร
YouTube และ Spotify เป็นสองบริการล่าสุด ที่ประกาศว่าจะไม่ทำแอปสำหรับเฮดเซต Apple Vision Pro โดยเฉพาะ หลังจากที่ Netflix ประกาศไปก่อนหน้านี้
โดยทั้ง YouTube และ Spotify บอกว่า จะไม่มีการทำแอปสำหรับ Vision Pro รวมทั้งไม่มีแผนที่จะพอร์ตแอปเวอร์ชัน iPad มาลงสโตร์สำหรับ Vision Pro ในตอนนี้ โดยให้ผู้ที่ต้องการใช้งาน ไปเข้าผ่าน Safari เหมือนกับ Netflix นั่นเอง
เมื่อวานนี้แอปเปิลประกาศรายชื่อแอปสตรีมมิ่งและวิดีโอ ที่รองรับการแสดงผลบนเฮดเซต Vision Pro โดยเฉพาะ แต่กลับไม่มีชื่อสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ซึ่งแปลว่าผู้ใช้งานจะยังไม่เห็นแอป Netflix บน Vision Pro ในตอนนี้
Kumiko Hidaka ตัวแทนของ Netflix ชี้แจงว่า ผู้ใช้ Vision Pro ยังสามารถชม Netflix ได้ผ่านการล็อกอินในเว็บเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการชม Netflix บน Mac
แอปเปิลเคยบอกว่า visionOS รองรับการพอร์ตแอปจาก iPhone และ iPad มารันบน Vision Pro ได้เลย แต่นักพัฒนาสามารถเลือกให้แอปไม่รองรับได้ ซึ่งกรณีของ Netflix นั้นก็ชัดเจนว่าบริษัทเลือกไม่รองรับก่อนในตอนนี้นั่นเอง
แอปเปิลประกาศรายชื่อแอปสตรีมมิ่ง, ดูวิดีโอ และกีฬา ที่สามารถรับชมได้บน Vision Pro ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มขายในอเมริกาวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้แก่ Disney+, ESPN, NBA, MLB, PGA Tour, Max, Discovery+, Amazon Prime Video, Paramount+, Peacock, Pluto TV, Tubi, Fubo, Crunchyroll, Red Bull TV, IMAX, TikTok และ MUBI นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ผ่าน Safari ใน Vision Pro ได้อีกช่องทาง
จุดขายหนึ่งของ Vision Pro คือรองรับการชมภาพยนตร์ทั้งแบบ 2D และ 3D ซึ่งได้ Disney+ เป็นพาร์ตเนอร์ที่นำภาพยนตร์บางส่วนให้เลือกชมแบบ 3D ได้ด้วย โดยเรื่องที่ระบุเช่น Avatar: The Way of Water, Dune, Spider-Man: Into the Spider-Verse และ The Super Mario Bros. Movie
มีข้อมูลน่าสนใจของเฮดเซต Vision Pro ของแอปเปิล ที่จะเริ่มเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าเฉพาะในอเมริกาสัปดาห์หน้า โดยแอปเปิลอธิบายสิ่งที่ลูกค้าต้องเตรียมเพิ่มเติมก่อนสั่งจองล่วงหน้า เนื่องจากสินค้าต้องออกแบบให้พอดีเข้ากับศีรษะผู้ใช้งานแต่ละคนด้วย
อย่างแรกคือต้องใช้งานฟีเจอร์ Face ID ฉะนั้นการสั่งจองต้องทำผ่าน iPhone หรือ iPad ที่มี Face ID แอปเปิลบอกว่าเมื่อทำคำสั่งซื้อ Vision Pro แล้ว ผู้ใช้งานต้องสแกนใบหน้าด้วย Face ID เพื่อให้แอปเปิลสามารถเลือกขนาดของสายรัดศีรษะได้ใกล้เคียงที่สุดด้วย ขั้นตอนนี้จะทำผ่านแอป Apple Store
นอกจากที่แอปเปิลประกาศวันวางขายเฮดเซต Apple Vision Pro ในอเมริกาอย่างเป็นทางการ, อัพเดต Xcode สำหรับนักพัฒนาเพื่อรองรับการส่งแอป visionOS ขึ้น App Store แอปเปิลยังอัพเดตคำแนะนำในการส่งแอปเพิ่มเติมสำหรับ visionOS โดยเฉพาะด้วย
โดยคำแนะนำที่แอปเปิลระบุเพิ่มเติม สำหรับการส่งแอปขึ้น visionOS App Store นั้น มีทั้ง การทดสอบแอป, การทำสกรีนชอต, การทำไอคอนที่เป็น 3D ตลอดจนคำสะกดชื่อ visionOS หรือ Apple Vision Pro ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ดูเป็นเรื่องปกติดี แต่มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ
จากที่ Apple ประกาศวันวางขายแว่น Apple Vision Pro ตอนนี้ Apple เริ่มเดินเครื่องประชาสัมพันธ์ Apple Vision Pro อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเริ่มจากการปล่อยโฆษณา Get Ready ที่รวบรวมภาพการสวมใส่แว่น และหน้ากากจาก Pop Culture ที่มีทั้งภาพยนตร์, รายการทีวี และการ์ตูน ซึ่งประกอบไปด้วย
แอปเปิลออกอัพเดต Xcode 15.2 และ TestFlight 3.5 ซึ่งเป็นอัพเดตเพื่อรองรับเฮดเซต Vision Pro ที่แอปเปิลเพิ่งประกาศวันจำหน่ายวันแรกในอเมริกา คือวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้
Xcode 15.2 เปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปบน visionOS ระบบปฏิบัติการของ Vision Pro ได้ รวมทั้ง SDK ของ iOS 17.2, iPadOS 17.2, tvOS 17.2, watchOS 10.2 และ macOS Sonoma 14.2 ส่วน TestFlight 3.5 เปิดให้นักพัฒนาสามารถทำแอปเวอร์ชันทดสอบเบต้าได้ รองทั้งรองรับการใช้แอป iOS และ iPadOS บน Vision Pro
ไม่ต้องเดากันนาน แอปเปิลประกาศวันเริ่มขายเฮดเซต Vision Pro ในอเมริกาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเริ่มขายตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2024 เป็นต้นไป ใน Apple Store ทุกสาขาในอเมริกา และในออนไลน์ส่วนสโตร์ของอเมริกา
ลูกค้าสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่ 19 มกราคม เป็นต้นไป
ราคาขาย Vision Pro เริ่มต้นที่ 3,499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.2 แสนบาท เป็นรุ่นความจุ 256GB และเลนส์อุปกรณ์เสริมสำหรับผู้มีปัญหาสายตา เริ่มต้นที่ 99 ดอลลาร์