Chrome Android เพิ่มปุ่ม Follow เพื่อติดตามเว็บไซต์ (ผ่าน RSS ที่ถูก Chrome ทอดทิ้งไปนานแล้ว) ตามที่เคยโชว์ตอนงาน Google I/O เมื่อเดือนพฤษภาคม
ผู้ใช้ต้องติดตั้ง Chrome 94 ขึ้นไป โดยกูเกิลบอกว่าเริ่มทยอยปล่อยให้ผู้ใช้บางกลุ่มแล้ว (คนที่ยังไม่เห็น สามารถเข้าหน้า chrome://flags แล้วเปิดใช้ฟีเจอร์ web feed เองได้) วิธีใช้งานคือเข้าหน้าเว็บข่าวหรือคอนเทนต์ต่างๆ แล้วในเมนู Chrome ด้านล่างสุดจะมีปุ่ม Follow เพิ่มขึ้นมา
Mozilla ออก Firefox 93 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือฟีเจอร์ Tab Unloading ถ้า Firefox ตรวจพบว่าแรมใกล้หมด จะอันโหลดแท็บที่ไม่ใช้งาน ณ ขณะนั้นออกจากหน่วยความจำเพื่อป้องกันไม่ให้แครช และหากเราสลับกลับมายังแท็บนั้น ก็จะเป็นการโหลดแท็บใหม่อีกครั้ง ฟีเจอร์นี้เปิดใช้แล้วบนวินโดวส์ ส่วนแมคกับลินุกซ์จะตามมาในอนาคต
Mozilla บอกว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยคนที่เปิดแท็บทิ้งไว้เยอะๆ บนเครื่องที่ทรัพยากรน้อย จะเจอปัญหาการแครชน้อยลง ส่วนกระบวนการเลือกว่าจะอันโหลดแท็บไหนก่อน จะวัดจากแท็บที่ไม่ใช้งานเป็นเวลานานที่สุดก่อน และใน Firefox 94 จะเพิ่มหน้า about:unloads เพื่อแสดงข้อมูลการอันโหลดแท็บให้เห็น
Mozilla เผยอัพเดตเกี่ยวกับ Firefox สามเรื่องใหญ่ ๆ โดยมี Firefox Focus, Firefox for Mobile และ Firefox for Windows
สำหรับเรื่องแรก Firefox Focus เบราว์เซอร์เน้นความเป็นส่วนตัวจาก Mozilla จะปรับโฉมใหม่ โดยเพิ่มสีใหม่, โลโก้ใหม่ และธีมมืด พร้อมฟีเจอร์ชอร์ทคัทสำหรับเข้าเว็บไซต์ที่ใช้งานบ่อย ๆ, เพิ่มไอคอนรูปโล่ให้ผู้ใช้กดเปิดหรือปิด individual tracker จากช่องค้นหา และเพิ่ม global counter เพื่อแสดงว่าบล็อค tracker ไปแล้วกี่ตัว
ถัดมาเป็นเรื่องของ Firefox for Mobile ทาง Mozilla ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ดังนี้
การเปลี่ยนแปลงสำคัญในเบราว์เซอร์ตระกูล Chromium คือเมื่อปลายปี 2020 Chrome เริ่มใช้ API ส่วนขยายแบบใหม่ที่เรียก Manifest V3 ที่ส่งผลกระทบต่อส่วนขยายกลุ่มบล็อคโฆษณาทั้งหลาย ทำให้เกิดการถกเถียงกันมายาวนาน (ประเด็นถกเถียงสำคัญคือกูเกิล "ตั้งใจ" เปลี่ยน API เพื่อไม่ให้บล็อคโฆษณาได้เยอะเหมือนเดิมหรือไม่)
Chrome 88 เป็นเวอร์ชันแรกที่รองรับ Manifest V3 แต่ก็ยังรองรับ Manifest V2 รุ่นเดิมควบคู่กันไปอยู่ โดยกูเกิลบอกว่าจะให้เวลาเปลี่ยนผ่านประมาณ 1 ปี
ล่าสุดกูเกิลออกมาประกาศแผนที่แน่ชัดแล้ว
ไมโครซอฟท์ออก Edge 94 ที่ไม่มีฟีเจอร์ใหญ่ๆ มากนัก แต่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ หันมาใช้การออกทุก 4 สัปดาห์แบบเดียวกับ Chrome
สำหรับผู้ใช้ฝั่งองค์กรที่ไม่ต้องการอัพเดตเบราว์เซอร์บ่อยขนาดนั้น ไมโครซอฟท์ก็มีตัวเลือกคือ Extended Stable ที่จะออกรุ่นเว้นรุ่น (ทุกรุ่นที่เป็นเลขคู่ คือ 94, 96, 98 ไปเรื่อยๆ) ทำให้อัพเดตเบราว์เซอร์ทุก 8 สัปดาห์แทน แอดมินองค์กรสามารถเลือกใช้ Extended Stable ได้จากการตั้งค่า Group Policy (รายละเอียด)
กูเกิลออก Chrome 94 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแรกที่เปลี่ยนมาใช้รอบการออกรุ่นใหม่ทุก 4 สัปดาห์แทน 6 สัปดาห์ ตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นปี (เหมือน Firefox แล้วตอนนี้) ของใหม่ได้แก่
Mozilla ออก Firefox 92 เวอร์ชันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไม่เยอะนัก ได้แก่
ที่มา - Mozilla
สำนักงานกรรมาธิการข้อมูลข่าวสาร (Information Commissioner’s Office - ICO) ของสหราชอาณาจักร ออกมาเรียกร้องให้แก้ปัญหา "หน้าจอยอมรับคุกกี้" (cookie consent pop-up) ของเว็บไซต์ที่บดบังหน้าจอ และทำให้ประสบการณ์ใช้งานของผู้ใช้แย่ลง
หน้าจอยอมรับคุกกี้ เกิดจากกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนตัว GDPR ของยุโรป ที่มีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคม 2018 ซึ่งกำหนดว่าผู้ให้บริการเว็บไซต์ต้องขอความยินยอม (consent) จากผู้ใช้ ก่อนตามรอยผู้ใช้ด้วยคุกกี้
ปัญหาในมุมกลับคือ เมื่อเว็บไซต์เกือบทุกแห่งต้องถามความยินยอมผ่านป๊อปอัพจนน่ารำคาญ ผู้ใช้จำนวนมากจึงไม่สนใจอ่านและกด I Agree เพื่อปิดหน้าจอยอมรับคุกกี้โดยเร็ว ผิดวัตถุประสงค์ของ GDPR ไปแทน
ไมโครซอฟท์เริ่มหยุดซัพพอร์ต IE11 กับการใช้งาน Microsoft 365 แล้วเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) ตามที่ประกาศไว้ล่วงหน้า 1 ปีก่อน
เว็บแอพหลายตัวใต้ร่มแบรนด์ Microsoft 365 จะเริ่มใช้กับ IE11 ไม่ได้แล้ว เช่น Outlook Web App และ SharePoint โดยไมโครซอฟท์ระบุว่าไม่ได้บล็อคการใช้งาน IE11 แต่ฟีเจอร์หลายตัวจะเริ่มใช้งานไม่ได้ ผู้ใช้ IE11 อาจได้เห็นหน้าเว็บแบบลดความสามารถ (เช่น Outlook Web App Light) แทนหน้าเว็บแบบปกติ
นอกจาก Microsoft 365 แล้ว เว็บแอพตระกูล Dynamics 365, Power Platform ก็หยุดรองรับ IE11 พร้อมกัน บริการตัวถัดไปคือ Azure Virtual Desktop จะหยุดรองรับ IE ในวันที่ 30 กันยายน 2021
ปัจจุบัน เลขเวอร์ชันของ Firefox คือ 91 แต่ถ้าดูจากการเร่งออกเวอร์ชันใหม่ทุก 4 สัปดาห์ เราจะเห็น Firefox เวอร์ชัน 100 ในเดือนมีนาคม 2022
ลำพังเลขเวอร์ชันอย่างเดียวคงไม่มีผลในการใช้งานมากนัก แต่เว็บเบราว์เซอร์ต้องใส่เลขเวอร์ชันลงใน user agent string ที่ส่งให้ฝั่งเว็บไซต์-เว็บเซิร์ฟเวอร์ทราบด้วย การขยับเลขเวอร์ชันจาก 2 หลักเป็น 3 หลักจึงอาจส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ที่ไม่ได้เตรียมตัวเรื่องนี้ไว้
Firefox ออกเวอร์ชัน 91 มีของใหม่ดังนี้
ไมโครซอฟท์เขียนบล็อกอธิบายการทดลองสร้าง "โหมดปลอดภัยสุดๆ" (Super Duper Secure Mode) ของ Microsoft Edge โดยใช้แนวคิดสุดขั้วคือปิดการทำงานของ JIT (Just-In-Time Compilation) ในเอนจิน V8 ของ Chromium ไปเลย เพื่อลดพื้นที่ในการถูกโจมตี (attack surface)
แนวคิดของไมโครซอฟท์คือ JIT ของ Chromium ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) เกิดบั๊กจำนวนมากขึ้นเป็นเงาตามตัว และหากดูสถิติช่องโหว่ความปลอดภัย (CVE) ของเอนจิน V8 หลังปี 2019 เป็นต้นมา มีช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับ JIT คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 45% ของช่องโหว่ V8 ทั้งหมด
เราเห็นระบบปฏิบัติการ Fuchsia ของกูเกิลเริ่มเครื่องติด โดยปีนี้ กูเกิลเปลี่ยนไส้ในของ Nest Hub รุ่นแรกจาก CastOS มาเป็น Fuchsia แต่ยังแทบไม่เห็นความแตกต่างในมุมของผู้ใช้ เพราะ UI ที่ครอบยังเป็นแบบเดิม
ล่าสุดในฐานข้อมูลบั๊กของ Chromium ระบุว่ากูเกิลเริ่มพอร์ต Chrome ไปยัง Fuchsia แล้ว กระบวนการนี้ยังต้องใช้เวลาอีกมาก และมีบั๊กย่อยๆ อีกมากมายที่ต้องแก้ก่อน Chrome จะสามารถรันบน Fuchsia ได้เต็มรูปแบบ
จากข้อมูลของ Mozilla เอง สถิติผู้ใช้งานต่อเดือนของ Firefox เวอร์ชันเดสก์ท็อปในเดือนกรกฎาคม 2021 ลดลงเหลือ 197 ล้านคนต่อเดือนแล้ว ลดลงจากสถิติในเดือนธันวาคม 2018 ที่มีผู้ใช้ 244 ล้านคนต่อเดือน เท่ากับว่าในระยะเวลาเกือบ 3 ปี ผู้ใช้ Firefox หายไปถึง 46 ล้านคน หรือประมาณ 1/5 ของฐานผู้ใช้เดิม
ส่วนเหตุผลที่ Firefox มีผู้ใช้ลดลงอย่างมากยังเป็นที่ถกเถียงกันต่อไป (ข่าวนี้เขียนด้วย Chrome)
ที่มา - Firefox User Activity, Gizmodo, Reddit
การเปลี่ยนแปลงสำคัญอย่างหนึ่งของ iOS 15 คือ Safari ดีไซน์ใหม่ที่ย้าย URL Bar และแถบเครื่องมือลงมาด้านล่าง ซึ่งถูกวิจารณ์ไม่น้อยเพราะผู้ใช้ไม่คุ้นเคย ทำให้แอปเปิลต้องยอมปรับดีไซน์บางจุดใน Beta หลังๆ
เรื่องนี้ Chris Lee อดีตพนักงานทีม Chrome Android ของกูเกิลได้เขียนเล่าว่ากูเกิลเคยลอง UI แบบนี้ตั้งแต่ปี 2016 แล้วพบว่าไม่เวิร์คจนต้องยกเลิกไป
Lee บอกว่าเขาเป็นคนพัฒนาดีไซน์ใหม่นี้เอง โดยใช้ชื่อว่า Chrome Home มันคือการนำช่อง URL ไปไว้ด้านล่าง แล้วมีแถบเลื่อนที่สามารถลากขึ้นมาให้เห็นปุ่มคำสั่งต่างๆ ได้อีก
Mozilla ถอด FTP ออกจาก Firefox 90 อย่างเป็นทางการ ตามที่ประกาศไว้เมื่อเดือนเมษายน โดยก่อนหน้านี้ก็ปิดเป็นค่าเริ่มต้นตั้งแต่ Firefox 88 แต่ยังมีออปชั่นให้เปิดกลับมาได้
FTP นับเป็นโปรโตคอลดั้งเดิมของอินเทอร์เน็ต โดยตัวมันเองเกิดตั้งแต่ปี 1971 มาก่อน TCP/IP เสียอีก ในปีนี้ FTP ก็มีอายุครบ 50 ปีแล้ว แม้ว่ายุคหลังจะมีโปรโตคอลเพิ่มความปลอดภัย เช่น FTPS และ SFTP เข้ามาทดแทน แต่ก็ได้รับความนิยมจำกัด การแชร์ไฟล์สำหรับผู้ใช้ส่วนมากยังคงแชร์ไฟล์ผ่าน HTTP/HTTPS เป็นหลัก
Chrome นั้นหยุดรองรับ FTP ไปตั้งแต่ Chrome 88 ที่ออกช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา หลังจากมีออปชั่นให้เปิดกลับมาใช้ได้ตั้งแต่ Chrome 77
กูเกิลออก Chrome 92 Stable ของใหม่ในฝั่งเดสก์ท็อปคือ phishing detection ทำได้เร็วขึ้น 50 เท่า และกินแบตเตอรี่น้อยลง (ลดพลังซีพียูลงไป 1.2%) จากเดิม Chrome ใช้วิธี image processing นำข้อมูลพิกเซลทั้งหมดบนจอมาวิเคราะห์ ว่าเว็บเพจที่แสดงเป็น phishing หรือไม่ กูเกิลได้ปรับเทคนิคใหม่ให้ลดจำนวนพิกเซลที่ต้องใช้งานลง ทำให้เร็วขึ้น
ฝั่งแอนดรอยด์ สามารถปรับปุ่มในแถบเครื่องมือ (ระหว่าง URL กับปุ่มแสดงจำนวนแท็บ) เลือกได้ระหว่าง New Tab, Share, Voice Search
โครงการ Chromium ประกาศแนวทางทดสอบหน้าจอแสดงโปรโตคอล HTTP/HTTPS ให้การเข้ารหัสเป็นเรื่องปกติยิ่งกว่าตอนนี้ หลังจากสำรวจพบว่าเว็บมากกว่า 90% เข้ารหัสแล้ว โดยมีสองแนวทางหลักที่จะปรับให้การเข้ารหัสเป็นเรื่องปกติยิ่งขึ้น
Firefox ออกเวอร์ชัน 90 มีของใหม่ไม่เยอะนัก การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ Firefox สามารถอัพเดตตัวเองแบบเบื้องหลัง (background update) โดยไม่ต้องเปิด Firefox ก็ได้ ตอนนี้ยังรองรับเฉพาะบนวินโดวส์เท่านั้น
ของใหม่อีกอย่างคือ SmartBlock 2.0 ป้องกันการตามรอยให้ดีขึ้น บล็อคการตามรอยโดยที่ยังใช้งาน Facebook Login ได้, เมนูคลิกขวา "Open Image in New Tab" เปลี่ยนมาเปิดภาพในแท็บเบื้องหลังแทนแล้ว
Mozilla ประกาศในบล็อก SUMO ว่าเตรียมหยุดอัพเดตแอปมือถือ Firefox Lite หรือชื่อเดิม Firefox Rocket แล้ว และจะไม่มีอัพเดตทั้งความปลอดภัยหรืออัพเดตอื่นๆ อีก หลังวันที่ 30 มิถุนายนเป็นต้นไป
Firefox Lite เป็นแอป Firefox เวอร์ชั่นประหยัดด้าต้า และเน้นโหลดไว เปิดตัวครั้งแรกสำหรับตลาดประเทศอินโดนีเซียในปี 2017 และเน้นตลาดประเทศในเอเชียอื่นๆ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Firefox Lite ทีหลัง แตกต่างจากแอป Firefox หลักโดยทำงานบน Chromium WebView แทน มี Turbo Mode บล็อก trackers และโฆษณา พร้อมมีตัวเลือกปิดไม่ให้โหลดรูปได้
Opera เปิดตัวเบราว์เซอร์เวอร์ชัน Chrome OS อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการนำเวอร์ชัน Android มาปรับแต่งให้เหมาะสมกับการรันบนแล็ปท็อป เช่น เพิ่มคีย์บอร์ดชอร์ทคัท เป็นต้น
Opera ระบุว่า เบราว์เซอร์ Opera บน Chrome OS จะยังคงมีฟีเจอร์เหมือนกับ Opera บนแพลตฟอร์มอื่น เช่น VPN ฟรีไม่จำกัด, ระบบซิงค์ข้อมูลร่วมกับ Opera บนแพลตฟอร์มอื่น, โซเชียลเน็ตเวิร์คที่ฝังมาในตัว และคริปโตวอลเล็ต เป็นต้น
ผู้ใช้ Chrome OS สามารถดาวน์โหลด Opera for Chrome OS ได้แล้วที่ Google Play
เว็บเบราว์เซอร์ Opera ออกเวอร์ชันใหม่ที่ใช้โค้ดเนม R5 มีฟีเจอร์ใหม่ชุดใหญ่ ดังนี้
Brave เบราว์เซอร์โอเพ่นซอร์ส ที่ก่อตั้งโดยอดีตผู้บริหาร Mozilla เปิดตัวบริการเสิร์ช Brave Search ที่เน้นปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ซึ่งมาจากการซื้อกิจการเสิร์ช Tailcat เมื่อต้นปี โดยนำมารวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเบราว์เซอร์ แบบเดียวกับกูเกิล หรือไมโครซอฟท์
Brave ระบุว่าบริการเสิร์ชนี้มีการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นอิสระ ไม่มีการติดตามผู้ใช้งาน พฤติกรรมการค้นหาก่อนหน้า หรือการคลิก รวมทั้งสร้างจากฐานข้อมูลของ Brave Search เอง ซึ่งแตกต่างจาก DuckDuckGo ที่ใช้ฐานข้อมูลของ Bing
เว็บเบราว์เซอร์ Vivaldi ของทีมงาน Opera ยุคดั้งเดิม ออกเวอร์ชันใหญ่ 4.0 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือเพิ่ม Vivaldi Mail, Calendar, Feed Reader ตามที่เคยประกาศไว้ แล้วแถมมาด้วยฟีเจอร์แปลภาษา Vivaldi Translate
แอปเปิลออกแบบหน้าจอ Safari ใหม่โดยมีส่วนสำคัญคือการย้ายส่วนแสดงแท็บขึ้นไปอยู่ระดับเดียวกับ URL และยังรองรับการจัดกลุ่มแท็บให้สลับไปมาระหว่างกลุ่มได้ง่ายขึ้น การจัดกลุ่มแท็บสามารถซิงก์ข้ามอุปกรณ์ได้ทั้ง Mac, iPad, และ iPhone
ฟีเจอร์สำคัญอีกอย่างคือการรองรับส่วนขยาย (web extension) สามารถดาวน์โหลดจาก App Store ได้ ก่อนหน้านี้แอปเปิลเข้าร่วมกับกูเกิล, ไมโครซอฟท์, และมอซิลล่า เพื่อตั้งกลุ่มทำงานออกมาตรฐานการทำงานส่วนขยายให้ตรงกันทุกเบราว์เซอร์ รอบนี้แอปเปิลประกาศรองรับส่วนขยายนี้บนทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง macOS, iPadOS, และ iOS