ทางการสหรัฐต้องการลายนิ้วมือทั้งสิบนิ้วจากนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศจากเดิมต้องการเพียง 2 นิ้ว โดยจะทดลองเริ่มแรก 10 สนามบินและจะดำเนินการให้ครบทุกสนามบินภายในระยะเวลาหนึ่งปี ทางการยังคุยว่าระยะเวลาในการเก็บลายนิ้วมืิอจะทำได้เร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนซึ่งใช้เวลา 15 วินาทีในการเก็บ 2 ลายนิ้วมือ

อีกหน่อยคงเก็บตัวอย่าง DNA หรือร้ายกว่านั้นคือฝังไมโครชิพ

ที่มา: The Register ผ่าน Digg

รัฐแคลิฟอร์เนียเข็นกฎหมายว่าด้วยฟอร์แมตเอกสาร ถึงจะไม่บอกตรงๆ ว่าเป็น OpenDocument แต่เงื่อนไขหลายข้อ เช่น ต้องเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ (ODF ได้ ISO นานแล้ว), ต้องมีคนนำไปใช้หลายเจ้า ก็ทำให้ OpenXML ของไมโครซอฟท์หมดสิทธิ์

วุฒิสมาชิก Mark Leno ให้ข่าวว่ากฎหมายนี้น่าจะบังคับใช้ได้ภายในปี 2008 แคลิฟอร์เนียกลายเป็นรัฐที่ 4 ที่ประกาศใช้มาตรฐานเอกสารเปิด ถัดจากแมสซาชูเซ็ตส์, เท็กซัส และมินเนสโซต้า

รัฐบาลหลายประเทศต่างหันมาผลักดันมาตรฐานเปิดอย่างจริงจัง แล้วคุณล่ะ เห็นความสำคัญของมาตรฐานเปิดหรือยัง (ถ้าตอบคำถามนี้ไม่ได้ ลองอ่าน)

เนื่องจากคดีด้านสิทธิบัตรซับซ้อนและมีเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาจึงได้ผ่านกฎหมายที่เตรียมความพร้อมให้กับผู้พิพากษาในการตัดสินคดีเกี่ยวกับสิทธิบัตร

(ถ้าผมแปลผิดก็แก้ด้วยนะครับ) ใจความสำคัญของกฎหมายก็คือการเลือกตัวผู้พิพากษาแบบสุ่มสำหรับคดีทางด้านสิทธิบัตร เพื่อให้ผู้พิพากษาทุกคนมีโอกาสได้ตัดสินคดีแบบนี้โดยเท่าเทียมกัน ประสบการณ์ไม่ไปกองอยู่กับผู้พิพากษาที่เชี่ยวชาญบางกลุ่ม โครงการนี้มีเวลา 10 ปีพร้อมกับงบอุดหนุนการอบรมอีกจำนวนหนึ่ง

BSA ได้ออกมาแสดงการชื่นชมกฎหมายนี้ โดยบอกว่าจะช่วยสนับสนุนทางด้านทรัพยากรและเครื่องมือสำหรับคดีแบบนี้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เรารู้กันดีว่า iPod ทำอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นฟังเพลง, ดูหนัง หรือเล่นเกม แต่นักเบสบอลอาชีพใน Major League Baseball ของสหรัฐกำลังใช้ iPod เพื่อดูฟอร์มการเล่นของตัวเองและคู่แข่ง

เรื่องเริ่มจาก Brian Jones ผู้ช่วยโค้ชฝ่ายวิดีโอของทีม Colorado Rockies ได้รับ iPod เป็นของขวัญคริสต์มาส เขาก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมาว่าน่าจะใช้เป็นอุปกรณ์ช่วยศึกษาฟอร์มของผู้เล่นได้ เมื่อเครื่อง iPod หาซื้อได้สะดวกและทางทีมงานก็มีวิดีโอของนักเบสบอลแต่ละคนอยู่แล้ว iPod จึงฮิตในทีม Rockies และระบาดไปยังทีมอื่นๆ ใน MLB เช่นกัน

Wired จัดอันดับ 10 เมืองใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ธรรมดาคือดัชนีที่ใช้จัดอันดับได้แก่ จำนวนการโพสต์ใน Craiglist ต่อประชากร, จำนวนร้าน Circuit City ต่อประชากร, จำนวนร้านการ์ตูนต่อประชากร, จำนวนผู้เข้าร่วมมีตติ้งแบบ geekๆ, WiFi ฟรี เป็นต้น

ทั้ง 10 เมือง (ไม่ได้เรียงลำดับ) ได้แก่ Seattle, San Francisco Bay Area, Los Angeles, Austin, Orlando, Raleigh-Durham, Pittsburgh, New York City, Boston และ Washington DC

ที่มา - Wired

มหาวิทยาลัย California State University (CSU) กำลังพิจารณาว่าจะเพิ่มการสอบพื้นฐานทางเทคโนโลยีให้กับนักเรียนปี 1 ทุกคน นอกเหนือไปจากการสอบภาษาอังกฤษและพื้นฐานคณิตศาสตร์ ที่สอบกันมานานแล้ว

ถึงแม้นักเรียนรุ่นใหม่จะมีพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์อยู่บ้างก็ตาม แต่มันยังไม่พอเพียงสำหรับการเรียนยุคใหม่ จากการทดลองข้อสอบโดย Educational Testing Service (ETS - หน่วยงานที่จัดสอบโทเฟล) พบว่านักเรียนส่วนมากรู้จักวิธีการค้นหาข้อมูลผ่านเสิร์ชเอนจิน แต่กลับไม่รู้วิธีเลือกผลการค้นหาที่เหมาะสมกับความต้องการ และมักคิดว่าผลการค้นหาอันแรกสุด ดีที่สุดเสมอ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐ (Department of Defense - DoD) ได้ยกระดับภัยคุกคามทางระบบเครือข่ายที่เรียกว่า Information Condition หรือ Infocon จากระดับ 5 (ปกติ) มาเป็นระดับ 4 (เริ่มถูกคุกคาม)

Infocon ระดับ 4 หมายถึงพนักงานต้องเพิ่มระดับการป้องกันตัวจากการโจมตีต่างๆ โดยหนึ่งในมาตรการที่นำมาใช้คือการประกาศห้ามใช้อีเมลที่เป็น HTML เนื่องจากมีอันตรายต่อ malware มากกว่า ซึ่งอีเมลที่เป็น HTML จะถูกแปลงมาเป็น text อัตโนมัติ

อีกมาตรการหนึ่งที่นำมาใช้คือห้ามใช้เว็บเมล (ในที่นี้คือ Outlook Web Access) เพราะไม่สามารถจำกัดคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้ โดยเจ้าหน้าที่ในกระทรวงต้องหันมาใช้ Outlook ผ่านทางคอมพิวเตอร์ประจำตำแหน่ง ที่ต้องล็อกอินด้วยคีย์การ์ดอีกชั้นหนึ่ง

ด้วยลักษณะสังคมไซเบอร์ทุกวันนี้ ถ้าคุณเขียนเรื่องอะไรที่น่าสนใจขึ้นมาสักเรื่อง ข่าวของคุณจะถูกส่งต่อ เขียนวิจารณ์ วิเคราะห์ ตลอดจนก๊อปปี้ไปลงบล็อกอื่นๆ อย่างรวดเร็ว ปัญหาคือข้อมูลที่คุณนำมาอาจจะผิดพลาด หรือยิ่งแย่กว่านั้นคือมันทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย

กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นจริงในแคลิฟอร์เนียเมื่อ Dr. Stephen Barrett ยื่นฟ้อง Ilena Rosenthal ในฐานนี้โพสข้อความหมิ่นประมาทลงใน newsgroup โดยข้อความที่โพสต์นั้นเป็นข้อความที่นำมาจากที่อื่น หลังจากฟ้องกับครบทุกศาล เมื่อวานนี้ศาลฏีกาก็มีคำตัดสินออกมาแล้วว่าในกรณีนี้จำเลยไม่มีความผิด ที่ผิดคือคนโพสต์คนแรกต่างหาก

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจภายในโลกของเกมออนไลน์ ทำให้สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีรายได้จากเกมออนไลน์แล้ว

Dan Miller นักเศรษฐศาสตร์ ที่ปรึกษาของคณะกรรมการชุดนี้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่า ทีมงานกำลังศึกษาประเด็นทางด้านเศรษฐกิจเสมือนจริงหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นภาษี, การแลกเปลี่ยนไอเท็ม, ทรัพย์สินภายในเกม เขายังบอกอีกด้วยว่าปัจจุบันในเมื่อนักเล่นเกมสามารถมีทรัพย์สินและรายได้ภายในเกมได้ จึงต้องหาวิธีที่จะเก็บภาษีจากทรัพย์สินเสมือนเหล่านี้ด้วย

เกมที่ถูกสนใจที่สุดคงไม่พ้น Second Life ซึ่งผู้เล่นสามารถขายของให้กันได้โดยตรง (หน่วยเงินเป็น L$ - Linden Dollar) ถัดมาก็คือ World of Warcraft ซึ่งมีผู้เล่นจำนวนมหาศาลในสหรัฐ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ออกรายงานชื่อว่า Open Technology Development roadmap plan (pdf) มีใจความรวมๆ ว่า Open Technology ซึ่งประกอบด้วย Open Standard, Open Source Softwares และ collaborative tools ต่างๆ (เช่น wiki, IRC, CVS, Bugzilla) จะช่วยให้กองทัพสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาวต่อ "ความมั่นคงของชาติ" ด้วย

เนื่องจากรายงานมันยาวมาก ผมอ่านแค่ executive summary ถ้าใครอยากอ่านฉบับเต็มก็ตามลิงก์ข้างบน

รายงานของ Pew Internet & American Life Project ฉบับล่าสุดเป็นเรื่องเกี่ยวกับบรรดา blogger ทั้งหลาย เป็นผลจากการสำรวจผ่านทางโทรศัพท์

ผลการสำรวจถือแม้จะไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่ แต่ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย เผื่อไว้สำหรับการอ้างอิงในอนาคต ผมสรุปจากรายงานสรุปของเค้าอีกที

อิทธิพลของบล็อกในฐานะสื่อนอกกระแสเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ หลายเรื่องก่อนที่จะมาเป็นข่าว CNN นั้นเริ่มมาจากบล็อกก่อน (เช่น การ์ตูนในเดนมาร์กที่ลบหลู่ศาสนาอิสลาม)

ทางกองทัพสหรัฐจึงมองว่า นี่เป็นโอกาสที่จะได้ข่าวกรองแบบใหม่ ที่อาจจะสดน้อยกว่าข่าวกรองจากสปายแบบ 007 แต่สดกว่าหาจาก CNN หรือสื่อในกระแสแน่นอน ซึ่งมันอาจช่วยป้องกันการก่อการร้ายหรือสงครามได้ จึงมีโครงการวิจัยข้อมูลจากบล็อกมาเป็นข่าวกรอง ในชื่อยาวเฟื้อย

"Automated Ontologically-Based Link Analysis of International Web Logs for the Timely Discovery of Relevant and Credible Information"

ปัญหาประเทศเค้าแต่เอาจริงก็ใกล้ตัวเราเหมือนกัน โดยเฉพาะยุคการบล็อคเว็บครองเมืองอย่างปัจจุบัน

ตอนนี้สภาผู้แทนสหรัฐต้องพิจารณากฎหมายที่เรียกว่า Net neutrality คำว่า neutrality ในนี้ไม่ได้หมายถึงฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา แต่หมายความว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมีสิทธิ์เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเท่าเทียมกันหรือเปล่า

ฝ่ายแรกคือพรรครีพับลิกัน ที่สนับสนุนโดยบริษัทโทรคมนาคมอย่าง AT&T และ Verizon ต้องการให้บริษัทควบคุมความเร็วในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ เช่น ให้ความสำคัญกับผู้ใช้ VoIP มากกว่าผู้ใช้เว็บ เป็นต้น

เมื่อเดือนมีนาคม กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ (Department of State ถ้าแปลไม่ถูกแก้หน่อย) มีคำสั่งให้ตรวจสอบพีซีของ Lenovo 16,000 เครื่องที่ใช้ในกิจการของรัฐว่ามีอะไรแอบแฝงยัดไส้มาหรือเปล่า

ตอนนี้ผลการตรวจสอบเสร็จแล้ว เครื่องของ Lenovo ผ่านการตรวจรับตามปกติ แต่ทางกระทรวงยังไม่เลิกระแวง ได้แยกเครื่อง Lenvo ล็อตนี้ออกจากเครื่องพีซียี่ห้ออื่น และจำกัดว่าเครื่องล็อตนี้จะไม่สามารถนำไปใช้ทำงานลับเฉพาะทางบางอย่างได้ ข่าวนี้เลยเกิดการวิจารณ์อย่างมากกว่ารัฐบาลค่อนข้างวิตกจริตเกินไป

เรื่องนี้ยังยืดเยื้อไม่จบเมื่อทางรัฐแมสซาชูเซ็ตส์ออกมาให้สัมภาษย์ว่า การที่ไมโครซอฟท์ฺยอมเปิดไฟล์ฟอร์แมตของตนให้กับ ECMA นั้นจะทำใ้ห้ฟอร์แมตของไมโครซอฟท์เข้าข่ายมาตรฐานเปิดที่ยอมรับได้กับทางรัฐ และอาจจะพิจารณาใช้ไมโครซอฟท์ต่อไป

เรื่องนี้เดือดร้อนถึงทางซันที่วิ่งโร่ส่งจดหมายถึงรัฐเป็นการใหญ่ว่าไฟล์ของไมโครซอฟท์นั้น เพียงกำลังจะเปิดเท่านั้น และทางรัฐไม่ควรไปยอมรับกับของที่ยังไม่ออกมา ซึ่งต่างจาก OpenDocument ที่มีหลายเจ้าเริ่มผลิตซอฟท์แวร์ออกมารองรับกันแล้ว

มันยังไม่จบ....

ความเดิม: รัฐแมสซาชูเซ็ตส์ประกาศใช้ OpenDocument เป็นมาตรฐานไฟล์เอกสาร ไมโครซอฟท์เสนอ Open XML ของ Office 12 แต่ถูกปฏิเสธ หลังจากนั้นมันกลายเป็นเรื่องการเมือง เมื่อนักการเมืองของแมสซาชูเซ็ตส์บางส่วนออกมาต่อต้าน OpenDocument ด้วยเหตุผลอย่างเรื่องค่าใช้จ่าย และตัวฟอร์แมตไม่สนับสนุนการใช้คอมพิวเตอร์ของคนพิการ เป็นต้น การถกเถียงนี้มีมาได้ซักระยะแล้ว แต่ผมไม่ค่อยได้อ่าน/เขียนข่าวเท่าไร (เพราะข่าวการเมืองศัพท์มันยาก)

ตอนนี้มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจบางประการครับ

ไม่รู้ว่าจะเป็นคู่แข่งหรือคู่ซี้กันแน่กับคู่นี้หลังจากที่นาซาเพิ่งออกโปรแกรมที่ดูเหมือนจะคล้ายกูเกิลเอิร์ธ แต่วันนี้ก็มีการประกาศความร่วมมือกันไปแล้ว

โดยนาซาและกูเกิลได้ลงนามในข้อตกลงความเข้าใจที่จะร่วมกันพัฒนาการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ในด้านอวกาศ ข้อตกลงดังกล่าวยังรวมถึงการที่กูเกิลอาจเข้าใช้พื้นที่ของนาซาในการทำวิจัยได้มากสุดถึงหนึ่งล้านตารางฟุต

นาซาระบุว่า นาซาและกูเกิลมีความตั้งใจร่วมกันที่จะนำข้อมูลมาสู่มือประชาคมโลก การร่วมมือครั้งนี้จึงอาจจะหมายถึงการที่เราอาจจะได้ชมภาพถ่ายดาวเทียมใหม่ๆ หรือข้อมูลจากยานอวกาศในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

หลังจากมีการเสนอร่างมาระยะหนึ่ง แผนการเตรียมการย้ายไปใช้งานเอกสารในมาตรฐานเปิดของรัฐแมทซาชูเซสก็สำเร็จลงแล้ว โดยเอกสารชื่อว่า Enterprise Technical Reference Model (ETRM) เป็นแผนร่างของการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทั่วถึง โดยการที่ให้รัฐนำฟอร์แมทที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานกลางมาใช้เป็นหลัก โดยหน่วยงานที่ว่าได้แก่ IETF, ISO, OASIS, W3C, OMA ผลกระทบที่ชัดที่สุดของเอกสารชิ้นนี้คือการบังคับใช้เอกสารในสำนักงานด้วย OpenDocument ซึ่ง OASIS ให้การรับรองนั่นเอง

การปะทะคารมระหว่างไมโครซอฟท์และแมทซานชูเซทยังไม่จบ เมื่อนายเอริค คริส ออกมาให้สัมภา์ษย์กับสำนักข่าว CRN ว่าประเด็นที่ทำให้รัฐแมทซานชูเซทต้องบังคับใช้โอเพนดอกซ์คิวเมนต์ เป็นเรื่องของสิืทธิบัตรที่ไมโครซอฟท์ถืออยู่ใน MS XML แม้ว่าฟอร์แมตนี้จะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามความต้องการของรัฐก็ตามที

เรื่องของสิทธิบัตรกลายเป็นประเด็นที่เข้ามาทิ่มแทงไมโครซอฟท์เอง โดยก่อนหน้านี้สตีฟ บอลเมอร์เคยระบุว่าลินิกซ์นั้นละเมิดสิทธิบัตรกว่า 228 ใบ เป็นการโจมตีทับถมที่ลินิกซ์ถูกโจมตีจาก SCO

รายงานจากการสำรวจของสมาคมซอฟท์แวร์บันเทิงของสหรัฐ (Entertainment Software Association - ESA) พบว่าพ่อแม่ถึงร้อยละ 47 มีแผนที่จะซื้อเครื่องเล่นวีดีโอเกมให้กับลูกในช่วงคริสตมาสที่จะถึงนี้

นั่นหมายถึงตลาดที่ใหญ่เอามากๆ เสียทีเดียว และในชั่วโมงนี้แล้ว คู่ปรับที่น่าจับตามองที่สุดก็คงหนีไม่พ้น โซนี่ PSP และนินเทนโด DS ที่น่าจะเข้ามาช่วงชิงตลาดก้อนนี้กันอย่างดุเดือดแน่ๆ