Xiaomi ประกาศพรีโหลดแอพโทรศัพท์และข้อความของกูเกิล (Google Phone และ Messages) ในรอม MIUI เวอร์ชัน Global แทนแอพ MIUI Dialer และ MIUI Messaging ของตัวเอง

Xiaomi ระบุเหตุผลสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวในหลายประเทศ จึงตัดสินใจใช้แอพของกูเกิลแทนแอพของตัวเอง (ผู้เขียน: แอพ MIUI Dialer มีฟีเจอร์อัดเสียงตอนคุยโทรศัพท์ด้วย อาจเป็นสาเหตุที่ต้องถอดออกเพราะกลัวผิดกฎหมายในบางประเทศ)

การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับรอม MIUI เวอร์ชัน Global และเวอร์ชันยุโรป (EEA) ส่วนรอม MIUI เวอร์ชันจีน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, รัสเซีย ยังใช้แอพของ Xiaomi เช่นเดิม

Chang Cheng หัวหน้าธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Lenovo ประกาศช็อควงการด้วยการย้ายค่ายไป Xiaomi เมื่อวันสิ้นปีที่ผ่านมา ทำให้ Lenovo ประกาศฟ้อง Cheng ทันที เนื่องจากมีสัญญาห้ามย้ายไปทำงานกับคู่แข่ง

สิ่งที่น่าสนใจคือ Cheng ประกาศเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2019 ว่าเขาจะเกษียณอายุจาก Lenovo ด้วยเหตุผลด้านครอบครัว แต่วันรุ่งขี้น 1 มกราคม 2020 เขาก็ประกาศรับตำแหน่งใหม่ที่ Xiaomi ในฐานะรองประธาน (vice president) ฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์

Cheng เริ่มทำงานกับ Lenovo มาตั้งแต่ปี 2000 โดยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของธุรกิจโน้ตบุ๊ก จากนั้นย้ายมาคุมแบรนด์ลูก ZUK ที่ทำโทรศัพท์มือถือ และขึ้นมาดูแลธุรกิจสมาร์ทโฟนทั้งหมดของ Lenovo (รวมถึง Motorola) ในปี 2018

Xiaomi ส่งแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผู้ใช้ Xiaomi Mijia Smart IP Security Camera ที่เชื่อมต่อกับ Google Home Hub กลับเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดคนอื่น โดยระบุว่าเกิดจากการปรับปรุงระบบแคชเพื่อเพิ่มคุณภาพการสตรีม แต่เกิดความผิดพลาดจนทำให้เกิด race condition และมีการส่งภาพไปยังบัญชีผู้ใช้ผิดคน

ผู้ใช้ที่เชื่อมต่อบริการจนเข้าข่ายทีมั้งหมด 1,044 คน โดยเป็นผู้ใช้ที่ใช้งานผ่าน Google Home Hub และเชื่อมต่อผ่านเน็ตเวิร์คที่คุณภาพไม่ดี โดยมีผู้ได้รับผลกระทบจริงๆ จำนวนน้อยมาก (แต่ไม่ระบุจำนวนชัดเจน) ส่วนผู้ใช้ผ่านแอป Mi Home ไม่ได้รับผลกระทบ

มีผู้ใช้กล้องวงจรปิด Xiaomi Mijia Smart IP Security Camera เปิดดูภาพจากกล้องของตัวเอง แล้วพบว่าได้ภาพจากกล้องบ้านอื่นมาแทน

อาการจะเกิดเมื่อเชื่อมต่อแอพของ Xiaomi (Mi Home หรือ Mijia ในเวอร์ชันจีน) เข้ากับอุปกรณ์ของ Google/Nest (เช่น ดูภาพจากกล้องผ่านหน้าจออัจฉริยะ Nest Hub Max) อาการจะเห็นเป็นภาพล้ม ไม่ชัด และมีภาพจากกล้องตัวอื่นแทรกเข้ามา

ผู้ใช้เหล่านี้รายงานปัญหาเข้ามาในกระทู้ Reddit และล่าสุดกูเกิลยืนยันปัญหาแล้วว่ามาจากฝั่ง Xiaomi โดยมาตรการของกูเกิลคือปิดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ Mi Home กับ Google Assistant ชั่วคราว จนกว่า Xiaomi จะแก้ปัญหาได้

Xiaomi เปิดตัว Watch Color สมาร์ทว็อชรุ่นใหม่ของทางบริษัทแบบเงียบ ๆ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา มีกำหนดวางขายในวันที่ 3 ม.ค. นี้ ในตอนแรก Xiaomi ไม่เผยสเป็กของนาฬิกา แต่ล่าสุดมีภาพกล่องสินค้าหลุดมาใน Weibo ที่ช่วยเผยสเปกของนาฬิกา

สเป็กของ Xiaomi Watch Color ที่ทราบจากหน้ากล่อง คือ หน้าปัดเป็น AMOLED ขนาด 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454x454 พิกเซล, เชื่อมต่อไร้สายด้วย NFC / Bluetooth 5.0 / GPS / GLONASS, แบตเตอรีจุ 420 mAh Xiaomi เคลมว่าชาร์จแล้วใช้ได้นานสุด 14 วัน, กันน้ำมาตรฐาน 5ATM, มีฟังก์ชั่นจับอัตราการเต้นของหัวใจ ส่วนระบบปฏิบัติการยังไม่ทราบแต่ TechRadar คาดว่าใช้ Wear OS เหมือน Mi Watch ราคาของ Xiaomi Watch Color อยู่ที่ 799 หยวนหรือราว 3,400 บาท มีสีดำ, ทองและเงิน

ที่มา: GSMArena, Weibo via GSMArena, TechRadar

เป็นดราม่าเมื่อบล็อกเกอร์ชาวจีนนามแฝง “Telco Panda” (เว็บข่าวเทคโนโลยีจากฮ่องกง Abacus บอกว่าเขาเป็นแฟนบอย Huawei) ได้กล่าวหา Xiaomi บน Weibo ว่าการที่ Xiaomi ขายมือถือราคาถูกนั้นเป็นตัวขัดขวาง (stumbling block) ให้มือถือแบรนด์จีนไปไม่ถึงระดับสากลเสียที จนทำให้ Lu Weibing ประธานส่วนธุรกิจในประเทศจีนของ Xiaomi มาตอบด้วยตัวเอง

Lu ตอบกลับว่าการมัวทำตามประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นการขาดความเชื่อมั่นในชาติของตนเอง และแบรนด์ระดับโลกอย่าง Walmart, IKEA, UNIQLO (Lu เลือกยกตัวอย่างแบรนด์ที่ขายสินค้าราคาไม่แพง) ก็มาจากประเทศที่พัฒนาแล้วก็สร้างประโยชน์ให้คนทั้งโลก

นอกจากนี้ Pan Jiutan ผู้บริหารอีกรายของ Xiaomi และ Xu Jieyun ผู้จัดการฝ่าย PR ก็เสริมว่าก่อนหน้านี้ Huawei เองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนราคาถูกเหมือนกัน จน Telco Panda ออกมาลบโพสท์กล่าวหานั้นและกลับคำพูดเป็นการเชิดชู Xiaomi และบริษัทมือถือจีนรายอื่นกำลัง “สร้างจุดแข็งให้ประเทศจีนอยู่”

Xiaomi เปิดตัว Redmi K30 รุ่นต่อจาก Redmi K20 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤษภาคม แยกเป็นรุ่นย่อย 4G หรือ 5G ทั้งสองรุ่นแชร์ดีไซน์และสเปกหลัก ๆ ร่วมกัน ตัวอย่างเช่นเซนเซอร์หลัก Sony IMX686 64 ล้านพิกเซล, หน้าจอ refresh rate 120Hz

Redmi K30 5G มีสเปกดังนี้:

หลังจากที่ Xiaomi เปิดตัว Xiaomi Mi Note 10 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เขียนมีโอกาสทดลองเล่นเครื่องโชว์ในงานเป็นเวลาสั้น ๆ และมีโอกาสเก็บภาพด้วยกล้องหลัง 108 ล้านพิกเซลที่ DXOMARK ให้คะแนนสูงถึง 121 แต้ม มาให้ผู้สนใจชมกัน

รุ่นที่ผู้เขียนทดลองเล่นเป็น Mi Note 10 รุ่นธรรมดา ส่วนสเปกกับจุดแตกต่างจากรุ่น Pro หลัก ๆ คือชิ้นเลนส์รุ่นธรรมดาจะมีเพียง 7 ชิ้นในขณะที่รุ่น Pro จะมี 8 ชิ้น ส่วนสเปกโดยละเอียดสามารถอ่านได้ที่ลิงค์ข้างบน

Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 865 หน่วยประมวลผลเรือธงประจำปี 2020 โดยชูเรื่อง 5G เป็นฟีเจอร์สำคัญ

แต่ตัว Snapdragon 865 เองกลับไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว และต้องใช้คู่กับชิป Snapdragon X55 Modem-RF ที่มาด้วยกัน (ไม่มีรุ่นโมเด็ม 4G)

ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเทคนิคของ Snapdragon 865 ออกมาทั้งหมด แต่ข้อมูลเท่าที่มีคือใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร, สมรรถนะ 15 TOPS (trillion operations per second), รองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 200MP

สมาร์ทโฟนยี่ห้อที่ประกาศใช้งาน Snapdragon 865 แล้วคือ Xiaomi Mi 10 และ Oppo

Xiaomi ประเทศไทยเปิดตัว Xiaomi Mi Note 10, Note 10 Pro สมาร์ทโฟนเน้นการถ่ายภาพ ใช้ซีพียู Qualcomm Snapdragon 730G กับกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล ทำคะแนนถ่ายภาพจากเว็บไซต์ DXOMARK ได้ 121 คะแนน

Xiaomi Mi Note 10 และ Mi Note 10 Pro จะแชร์สเปกร่วมกัน แตกต่างที่กล้องหลักของรุ่นธรรมดาจะซ้อนเลนส์ไว้ 7 ชิ้นและรุ่น Pro จะซ้อนเลนส์ไว้ 8 ชิ้น ทำให้เก็บรายละเอียดในภาพได้ดีขึ้น โดยสเปกของ Mi Note 10 Pro จะมีดังนี้:

หลังจาก Xiaomi นำสมาร์ทโฟนไปจำหน่ายในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยแล้ว ทาง Xiaomi ได้ประกาศผ่านทางบัญชีทวิตเตอร์ @XiaomiJapan ที่เปิดมาเมื่อเดือนกันยายนว่าจะเริ่มขายสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ของทางบริษัทที่ประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยจัดงานเปิดตัวที่กรุงโตเกียว ในวันที่ 9 ธันวาคมนี้

ก่อนหน้านี้ Xiaomi มีแผนทำตลาดในประเทศญี่ปุ่นในปี 2020 แต่ปรับให้เร็วขึ้นเพราะทางบริษัทเห็นว่าถ้ายิ่งเร็วยิ่งดี ทางบริษัทจะจำหน่ายสินค้าผ่านทางหน้าร้านและทางออนไลน์ด้วย รวมทั้งนำหลักคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้ในยุโรปมาใช้ที่ญี่ปุ่นด้วย

เว็บไซต์ Technode อ้างข้อมูลภายในเผยว่า Xiaomi ได้ประกาศปรับเปลี่ยนตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับตลาดสมาร์ทโฟนปีหน้าที่ 5G จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

โดย Lei Jun ผู้ก่อตั้ง Xiaomi จะออกจากตำแหน่งประธานส่วนธุรกิจในประเทศจีน แต่ยังคงตำแหน่งประธานบริษัทและซีอีโอต่อไป โดยมี Lu Weibing หัวหน้าแบรนด์ RedMi มารับตำแหน่งนี้แทน

ตำแหน่งอื่นที่สำคัญ อาทิ Wang Xiang หัวหน้าฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ โปรโมตเป็นประธานฝ่าย ส่วน Lin Bin ประธานฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ปรับมาเป็นรองประธานบอร์ดบริษัท ส่วน Li Wanqiang ผู้ร่วมก่อตั้ง Xiaomi อีกคนที่ดูแลด้านการตลาด ประกาศเกษียณ และมาเป็นที่ปรึกษา

Xiaomi รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 รายได้รวม 53,661.0 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 5.5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 2,519.4 ล้านหยวน

รายได้จากธุรกิจสมาร์ทโฟนอยู่ที่ 32,268.4 ล้านหยวน ลดลง 7.8% โดยคิดเป็น 60% ของรายได้รวม Xiaomi คิดเป็นยอดขาย 32.1 ล้านเครื่อง ปัจจัยหลักนั้น Xiaomi มาจากเป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่านอุปกรณ์ 4G ไปเป็น 5G ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายเป็นหัวหอกสำคัญในการเติบโตครั้งใหญ่ในปีหน้า

AIoT (AI + IoT) ที่เป็นอีกธุรกิจเสริมทัพตามกลยุทธ์ของ Xiaomi มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 44.4% เป็น 15,606.3 ล้านหยวน มีอุปกรณ์ที่ขายไปแล้วรวมสุทธิ 213.2 ล้านชิ้น ที่น่าสนใจคือมีถึง 3.5 ล้านบัญชี ที่มีอุปกรณ์อย่างน้อย 5 ชิ้น เชื่อมต่อเข้ามาในแพลตฟอร์ม

Xiaomi เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Super Charge Turbo อย่างเป็นทางการ หลังนำมาแสดงประสิทธิภาพไปเมื่อต้นปี และจะใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในปี 2020

Xiaomi เคลมว่า Super Charge Turbo สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนแบตเตอรีขนาด 4,000 mAh จากแบต 0% จนเต็ม 100% ใน 17 นาที เอาชนะระบบชาร์จเร็ว 65W SuperVOOC Fast Charge 2.0 ใน OPPO Reno Ace ที่ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% ใน 30 นาที

ที่มา: Weibo via GizChina, TalkAndroid

ในงาน China Mobile Global Partner Conference ที่ผ่านมา คุณ Lei Jun CEO ของ Xiaomi ประกาศว่าภายในปี 2020 นี้ สมาร์ทโฟนของ Xiaomi ที่ราคาเกิน 2,000 หยวนหรือ 8,600 บาท จะรองรับโครงข่าย 5G ทั้งหมด ในตอนนี้มือถือ Xiaomi ที่รองรับโครงข่าย 5G มีทั้งหมดสามรุ่นด้วยกัน คือ Mi Mix 3 5G, Mi 9 Pro 5G ที่ขายแค่ในประเทศจีน และ Mi Mix Alpha

ภายในงานนี้ คุณ Yang Jie หนึ่งในผู้บริหารของ China Mobile Communication กล่าวว่าทางบริษัทมีแผนเพิ่มปริมาณผู้ใช้ 5G อีก 70 ล้านคน และเพิ่มปริมาณอุตสาหกรรมที่นำ 5G ไปใช้อีก 100 แห่งในปี 2020 นี้ด้วย

ที่มา: CNMO via GSMArena

ชื่อของ Xiaomi ในใจใครหลายคนรวมทั้งผู้เขียนน่าจะเป็นภาพสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ราคามือถือจากทางค่ายจึงอยู่ระดับไม่เกินหมื่นถึงหมื่นกลาง ๆ ก็เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนประสิทธิภาพดีได้แล้ว เช่น Xiaomi Mi 9 Lite ที่แพงสุดยังไม่เกิน 9,000 บาท ก็ได้กล้อง 48 ล้านพิกเซล แถมแบตเตอรี่ถึง 4,030mAh

ในรีวิวนี้ ผู้เขียนได้รวบรวมประสบการณ์การใช้งาน Xiaomi Mi 9 Lite เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องหลักมาระยะหนึ่ง ว่ามีจุดเด่นและจุดด้อยในเรื่องไหนบ้าง จะเป็นสมาร์ทโฟนเครื่องที่เหมาะกับผู้อ่านคนไหนบ้าง

TigerMobiles.com เว็บรวมสมาร์ทโฟนราคาพิเศษเผยภาพสิทธิบัตรกล้องหน้าดีไซน์ใหม่ของ Xiaomi ที่ยื่นขอจดทะเบียนเอาไว้กับกรมทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศจีน หรือ CNIPA ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018 ที่ผ่านมา คือทางบริษัทจะดีไซน์กล้องหน้าแบบสไลด์เป็นแถบยาวเอาไว้ที่ด้านบนของตัวเครื่องพร้อฝังกล้องไว้ 5 ตัว

อย่างไรก็ตาม ทาง South China Morning Post เห็นว่าสิทธิบัตรนี้เป็นการขอจดทะเบียนเอาไว้สักพักหนึ่งแล้วและยังไม่ได้นำมาใช้จริง ซึ่งตามปกติแล้วสิทธิบัตรอาจไม่ได้เอามาใช้จริงทุกฉบับเสมอไป

Xiaomi ประเทศไทยประกาศเปิดตัว Redmi 8A สมาร์ทโฟนราคาประหยัด เพียง 3,399 บาท เด่นด้วยแบตเตอรีขนาด 5,000 mAh เชื่อมต่อด้วย USB-C รองรับชาร์จไว 18W สามารถใส่ซิมได้ 2 ซิมพร้อม MicroSD card อีก 1 ช่อง รองรับความจุสูงสุดที่ 512GB

Redmi 8A มีสีดำ, แดง, น้ำเงินให้เลือก เป็นรุ่นแรม 2GB สตอเรจจุ 32GB สามารถซื้อได้ที่ Mi Authorized Store สำหรับสเปคโดยละเอียดสามารถอ่านได้ที่ข่าวนี้

ที่มา: จดหมายประชาสัมพันธ์ของเสียวหมี่

นอกจาก Mi CC9 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวไป Xiaomi ก็เปิดตัวสมาร์ทว็อชรุ่นใหม่ในชื่อ Mi Watch ที่หน้าตาคล้ายกับ Apple Watch รุ่นแรก รองรับการเชื่อมต่อด้วย LTE ติดตั้งระบบปฏิบัติการ MIUI for Watch พัฒนาจาก Wear OS ของกูเกิล ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 3100 ที่ออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์สวมใส่โดยเฉพาะ

Xiaomi Mi Watch มีสเปคดังนี้:

นอกจากจะเปิดตัวด้วยกล้องถึง 5 ตัวและความละเอียดที่ 108 ล้านพิกเซลแล้ว Mi CC9 Pro หรือ Mi Note 10 ยังมาเหนือด้วยคะแนนรีวิวจาก DxOMark ที่สูงถึง 121 คะแนน ขึ้นอันดับ 1 เทียบเท่า Mate 30 Pro เลยด้วย

Xiaomi เปิดตัว Mi CC9 Pro หรือ Mi Note 10 อย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมจุดเด่นกล้องหลัง 5 ตัวที่ประกอบไปด้วยเลนส์อัลตร้าไวด์ 20 ล้านพิกเซล มุมมอง 107 องศา, เลนส์ซูมออพติคัล 2 เท่าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, เลนส์ซูมออพติคัล 5 เท่า (ดิจิทัลซูมได้ 50 เท่า) 12 ล้านพิกเซล, เลนส์มาโครห่างจากวัตถุได้เพียง 1.5 ซม ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล

สเปคภายใน Mi CC9 Pro ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 730G หน้าจอ SuperAMOLED 6.47 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0 สแกนลายนิ้วมือใต้จอ แบตเตอรี่ 5,290 mAh พร้อมระบบชาร์ตไวผ่าน USB-PD กำลังไฟ 30W รัน Android Pie ครอบด้วย MIUI 11

Xiaomi ประกาศวันเปิดตัว Mi CC9 Pro อย่างเป็นทางการที่สาธารณรัฐประชาชนจีน วันที่ 5 พ.ย. และมีอีเวนต์เปิดตัวเพื่อขายทั่วโลกใน 6 พ.ย. เวลา 11:30 น. (เวลาไทย 17:30 น.) ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ทาง Android Authority กล่าวว่า Xiaomi CC9 Pro จะใช้ชื่อ Mi Note 10 ทำตลาดทั่วโลก

ทาง Xiaomi ได้ปล่อยโปสเตอร์เปิดตัวกับภาพตัวอย่างมาทางทวิตเตอร์ของ Xiaomi และมีภาพบอกสเปคตัวเครื่องออกมาบน Weibo แล้ว ซึ่งกล้อง 5 ตัว นับจากบนลงมาแบ่งเป็น:

Xiaomi จะจัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่วันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ มีมือถือรุ่นใหม่ในชื่อ Xiaomi Mi CC9 Pro (คาดใช้ชื่อ Mi Note 10 ทำตลาดทั่วโลก) ติดกล้อง 5 ตัวกับแฟลช 4 ดวง กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ซูมได้ 5X โดยไม่เสียรายละเอียด นอกจากนี้จะมีทีวีในชื่อ Mi TV 5 กับนาฬิกา Mi Watch เปิดตัวในงานด้วย

ทาง XDA-Developers ระบุว่า Mi CC9 Pro เป็นมือถือเครื่องที่ 2 จาก 4 เครื่อง ที่จะใช้เซนเซอร์ Samsung ISOCELL Bright HMX ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล และทาง XDA-Developers คาดว่า Mi CC9 Pro น่าจะเป็นรุ่นที่ซูม 50X ได้ตามที่มีข้อมูลหลุดมา โดยเครื่องแรกเป็น Xiaomi Mi Mix Alpha ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ สเปคคร่าว ๆ ที่ทาง DroidShout คาดไว้คือ

หลังจากที่ OPPO โชว์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ซ่อนกล้องใต้จอแบบมองไม่เห็น ไปแล้ว ตอนนี้ก็มีภาพสิทธิบัตรใหม่ที่ทาง Xiaomi ไปยื่นจดไว้กับหน่วยงานทรัพย์สินทางปัญญาของจีน (China National Intellectual Property Administration - CNIPA) ว่าด้วยกล้องหน้าคู่ที่ซ่อนใต้จอแบบมองไม่เห็น และทาง CNIPA ก็รับรองสิทธิบัตรนี้เมื่อ 30 กันยายนที่ผ่านมา

ทาง GSMArena ออกความเห็นว่าสังเกตในภาพจะเห็นว่าขอบบนล่างของตัวเครื่องจะบางมากและไม่มีติ่งกล้องหรือรูเจาะมากวนใจ แต่ปัญหาต่อไปคือกล้องมีชั้นหน้าจอคั่นเอาไว้ทำให้คุณภาพของกล้องหน้าลดลง ดังนั้นส่วนนี้ก็จะเป็นการบ้านของผู้ผลิตต่อไปว่าจะทำให้กล้องหน้ามีคุณภาพภาพดีเท่าแบบไม่มีจอคั่นได้อย่างไร

Xiaomi เผยข้อมูลจอเกมมิ่งรุ่นใหม่ผ่านเว็บ Weibo ชื่อรุ่น Mi Surface เป็นจอโค้ง มีค่าความโค้ง 1500R ขนาด 34" ความละเอียด 3440*1440 พิกเซล อัตราส่วนหน้าจอ 21:9 ขอบเขตสี 121% sRGB color gamut อัตรา refresh rate 144 Hz รองรับ AMD Free-Sync ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมี HDMI 2.0 *2 ช่อง, Display Port 1.4 *2 ช่อง, Audio Interface

ราคา Mi Surface ถ้าจองล่วงหน้าอยู่ที่ 1,999 หยวน (ราว 8,500 บาท) ราคาเต็มที่ 2,499 หยวน (ราว 11,000 บาท) เปิดจองสินค้าในวันที่ 21 ตุลาคมนี้โดยเปิดขายในประเทศจีนก่อน แต่จะเปิดขายทั่วโลกหรือไม่ต้องรอดูกันต่อไป