AIS มอบ TWZ ดูแลงานขายในงาน Thailand Mobile Expo 2019 แต่เพียงผู้เดียว

MXPhone - 5 June 2019 - 10:48

TWZ สามารถทำยอดขายสินค้าทั้งสมาร์ทโฟนหลากรุ่น แท็บเล็ต อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จดทะเบียนเบอร์ใหม่ ยอดจองติดตั้ง AIS Fibre รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

The post AIS มอบ TWZ ดูแลงานขายในงาน Thailand Mobile Expo 2019 แต่เพียงผู้เดียว appeared first on mxphone.

Xiaomi ประกาศเปิดตัว Mi 9T ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้

MXPhone - 5 June 2019 - 10:00

Xiaomi ได้มีการเปิดตัวรุ่นเรือธง Mi 9 ในระดับสากลไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และล่าสุดตัว Mi 9T ก็มีคิวเตรียมเปิดตัวในวันที่ 12 มิถุนายนนี้

The post Xiaomi ประกาศเปิดตัว Mi 9T ในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ appeared first on mxphone.

Apple เตรียมขายอุปกรณ์เสริม Tracker ต่อยอดแอป “Find My” ใช้งานร่วมกับสิ่งของทั่วไป

MacThai - 5 June 2019 - 10:00

apple-item-tracker

ล่าสุด Guilherme Rambo ได้พบเบาะแสที่น่าสนใจบน iOS 13 Beta 1 ที่พึ่งปล่อยมาเมื่อวานนี้ว่า พบอุปกรณ์เสริมของแอปเปิล “tag” ไว้เป็นอุปกรณ์ระบุตำแหน่งสิ่งของของเราได้ ซึ่งจะนำไปต่อยอดกับแอป “Find My” ซึ่งจากแหล่งข่าวพบว่าอุปกรณ์เสริมดังกล่าวมีโค้ดเนมว่า B389 และเลขโมเดลสินค้ามีชื่อว่า “Tag1,1”

แอป Find My ถือเป็นหนึ่งในฟีเจอร์เด็ดของ iOS 13 เลยก็ว่าได้ เพราะสามารถค้นหาอุปกรณ์ของแอปเปิล ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch หรือ AirPods ได้จากแอป ถึงแม้ไม่ได้ทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

ซึ่งถ้าแอปเปิลนำอุปกรณ์เสริมตัวนี้มาขายจริง ๆ นั่นหมายความว่า เราสามารถใช้ tag ตัวนี้ไปใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์กระเป๋าเดินทาง กุญแจบ้าน รถยนต์ได้ และสามารถตามหาได้ผ่านแอป Find My นั่นเอง

What is Tag1,1? Could this be the Tile like device? #WWDC19 /cc @markgurman @stroughtonsmith @_inside pic.twitter.com/Xg6tVMXVZe

— Steve Moser (@SteveMoser) June 4, 2019

ที่มา – MacRumors

 

The post Apple เตรียมขายอุปกรณ์เสริม Tracker ต่อยอดแอป “Find My” ใช้งานร่วมกับสิ่งของทั่วไป appeared first on Macthai.com.

Apple บังคับแอปต้องใส่ Sign In with Apple ด้วย หากมีระบบลงชื่อเข้าใช้ด้วยผู้ให้บริการรายอื่น

MacThai - 5 June 2019 - 10:00

ในงาน WWDC 2019 นี้ Apple ได้พูดถึงเรื่องความเป็นส่วนตัวจำนวนมาก ไฮไลต์อย่างหนึ่งในส่วนนี้คือ Sign In with Apple หรือปุ่มล็อกอินด้วยการใช้ Apple ID เหมือนกับ Sign In with Facebook หรือ Sign In with Google

hero-lockup-large_2x

ภาพจาก Apple Developer

ใน iOS 13 เบต้าแรกนี้ Apple ยังไม่ได้ปล่อยระบบ Sign In with Apple ออกมาให้ทดลองใช้งาน แต่ Apple เองก็ได้ประกาศชัดแล้วว่าจะบังคับให้ใส่ปุ่ม Sign In with Apple แน่นอน โดยมีข้อความตอนหนึ่งระบุว่านักพัฒนาจะต้องใส่ Sign In with Apple ในแอปด้วย หากแอปมีระบบลงชื่อเข้าใช้จากบุคคลที่สาม (เช่น Facebook/Google)

หรือพูดในอีกแง่หนึ่งคือ แอปบน iOS จะมีระบบลงชื่อเข้าใช้แบบ Sign In with Apple ควบคู่ไปกับระบบลงชื่อเข้าใช้ของผู้ให้บริการโซเชียลเน็ตเวิร์ครายใหญ่แน่นอน โดยสุดท้ายแล้วผู้ใช้จะเป็นคนเลือกเองว่าจะใช้ระบบลงชื่อเข้าใช้ของใคร

ไฮไลต์ของระบบ Sign In with Apple นี้ คือการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดย Apple จะแสดงชัดเจนว่าผู้ใช้จะแชร์ข้อมูลอะไรให้กับแอปบ้าง และถ้าแอปบังคับใช้อีเมล แต่ผู้ใช้ไม่อยากให้อีเมลที่ใช้งานจริงไป Apple ก็มีตัวเลือก Hide My Email ที่จะทำการสร้างอีเมลแอดเดรสแบบสุ่มส่งให้กับแอป แทนที่จะให้อีเมลจริงไปตรง ๆ

ฝั่งที่ต้องปรับตัวกันหนักคงจะเป็นฝ่ายแอปที่อาจจะไม่ชอบใจนักเนื่องจากไม่สามารถใช้ข้อมูลทำการตลาดได้ง่าย ๆ เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นก็ต้องเตรียมตัวรับมือกันให้ดี ๆ

ที่มา – Apple Developer, 9to5Mac

The post Apple บังคับแอปต้องใส่ Sign In with Apple ด้วย หากมีระบบลงชื่อเข้าใช้ด้วยผู้ให้บริการรายอื่น appeared first on Macthai.com.

Samsung เปิดตัวรุ่นเล็ก Galaxy Jean2 และ Galaxy Wind4 ที่เกาหลีใต้

MXPhone - 5 June 2019 - 09:47

Samsung เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Galaxy Jean2 และ Galaxy Wind4 สำหรับวางจำหน่ายในเกาหลีใต้ ภายใต้รหัสโมเดล SM-A202K และ SM-A205S ซึ่งทั้งสองรุ่นเป็นตัวรีแบรนด์ของ Galaxy A20e และ Galaxy A20 ที่เปิดตัวในระดับสากลไปก่อนหน้านี้ Samsung Galaxy Jean2 และ Galaxy Wind4 จัดเป็นรุ่นระดับเริ่มต้น โดยที่ Galaxy Jean2 มากับจอ TFT ขนาด 5.8 นิ้ว หนักเพียง 141 กร้ม ใช้ชิป Exynos 7884 มี RAM 3GB กับความจำตัวเครื่อง 32GB สำหรับกล้องหลังเป็นเลนส์คู่เซ็นเซอร์หลัก 13 ล้านพิกเซล ทำงานกับกล้อง Wide-angle ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล สนนราคาที่ 200,000...

The post Samsung เปิดตัวรุ่นเล็ก Galaxy Jean2 และ Galaxy Wind4 ที่เกาหลีใต้ appeared first on mxphone.

เจาะแนวคิด LEO LEMIX รวมกัน มันส์กว่า กับคอนเสิร์ตแบบไม่จำกัดค่าย ROCKATION

Brand Inside - 4 June 2019 - 22:00

นึกถึงดนตรีร็อคมันๆ ก็ต้องมี กีตาร์​ กลอง เบส เน้นความหนักแน่น หนักหน่วงและจริงจัง เพิ่มดีกรีความมันส์ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับแนวคิด “รวมกัน มันส์กว่า” ของ LEO พอดิบพอดี และได้พัฒนาต่อยอดจนกลายเป็น LEO LEMIX ที่จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว

เป็นการย้ำจุดยืนว่า ถ้าเรื่อง Music Marketing แบรนด์ลีโอ จัดเต็ม ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่จะสร้างความพิเศษให้แตกต่างจากครั้งแรกได้อย่างไร

LEO LEMIX จึงกลับมาในธีม ROCKATION คือการผสมผสานคำว่า Rock ดนตรีที่โดนใจคนทุกยุคทุกสมัย กับคำว่า Location ที่หมายถึงความมันส์ต้องไปถึงทุกพื้นที่ และจากการโหวตโดยแฟนๆ ทำให้ได้คำตอบว่า Clash, Zeal และ Tattoo Colour คือวงดนตรีที่แฟนๆ อยากเห็นมาร่วมงานเดียวกันมากที่สุด เพราะทุกวงมีแนวเพลงของตัวเอง มีเพลงฮิตติดหู

จึงเป็นที่มาของ รวมกัน มันส์กว่า แบบไม่จำกัดค่าย

และยังมีการดีไซน์แนวดนตรีใหม่เพื่องาน LEO LEMIX โดยเฉพาะอีกด้วย และจะเริ่มต้นปักหมุดออกเดินทางไปสร้างความมันส์ทั่วประเทศ

วิชัย เอี่ยมแสงจันทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด บอกว่า LEO LEMIX คืองานที่ไม่จำกัดค่ายเพลง ไม่จำกัดแนวเพลง และมีรูปแบบงานที่หลากหลาย เป็นกิจกรรมมิวสิกแพลตฟอร์มใหญ่ประจำปีในแบบฉบับของแบรนด์ ลีโอ

ปีนี้ แฟนๆ ต้องการความมันส์ จึงกลายเป็นดนตรีร็อค ที่จะมาตอบโจทย์ ต่อยอดเป็นปีที่ 2 หลังจากปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จจาก LEO LEMIX: The Another World Concert

ดังนั้น บอกได้เลยว่า LEO LEMIX นอกจากเป็นคอนเสิร์ตที่รวมกัน มันส์กว่าแล้ว ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวของแบรนด์ลีโอ นี่ไม่ใช่แค่มิวสิคแคมเปญที่จัดขึ้นครั้งเดียว แต่จะเป็นกิจกรรมที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลีโอกับทุกคนที่ชอบการฟังเพลงและเสพดนตรี

 

นอกจากนี้ LEO LEMIX ได้ปล่อยเพลงเรียกน้ำย่อยเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแบบ Online สู่ On Ground โดยนำเพลง Let’s go มา Rearrange ใหม่แต่งโดยนักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิมและก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ ซึ่งในปีนี้ พล-คชภัค ผลธนโชติ จากวง Clash และ รัฐ พิฆาตไพรี จากวง Tattoo Colour มาร่วมโปรดิวซ์เพลงใหม่ในเวอร์ชั่นร็อคมาให้ทั้ง 3 วงร้องด้วยเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ทั้ง YouTube และ Facebook

ถึงตรงนี้ มาเคลียร์ตัวเองให้พร้อม รอติดตามกันว่า LEO LEMIX จะไป ROCKATION กันที่ไหนบ้าง

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Apple เปิดตัว SwiftUI เครื่องมือพัฒนา UI แบบใหม่ในงาน WWDC 2019

MacThai - 4 June 2019 - 21:00

เมื่อคืนที่ผ่านมาในงาน WWDC 2019 นั้น Apple ได้เปิดตัว SwiftUI ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการพัฒนาแอป โดย Apple ชูโรงว่าเป็นเฟรมเวิร์ค UI แบบใหม่ ที่ช่วยนักพัฒนาออกแบบ UI ได้ง่ายและประหยัดเวลา เพื่อแอปที่ดีขึ้นโดยใช้โค้ดที่น้อยลง

hero-lockup-large_2x

ตัว SwiftUI นั้นคือเฟรมเวิร์คที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการออกแบบ UI ที่เต็มรูปแบบ พร้อมอนิเมชั่นที่ลื่นไหล ทั้งยังมีฟังก์ชันต่าง ๆ ที่พร้อมใช้งานกับ OS ต่าง ๆ ของ Apple ทันที ไม่ว่าจะเป็น Dark Mode, ระบบตัวช่วยการเข้าถึง, รองรับภาษาที่อ่านแบบขวามาซ้าย ฯลฯ

SwiftUI นั้นใช้ declarative syntax เพื่ออธิบายว่า interface จะต้องทำอะไรบ้าง เช่น เขียนรายการประกอบเป็น text field, อธิบายการจัดวางและสีสำหรับแต่ละฟิลด์ ซึ่งโค้ดของ SwiftUI จะไม่รกและง่ายต่อการดูแลรักษา และนอกจากนี้ SwiftUI ยังเตรียมอนิเมชั่นมาให้พร้อมใช้งานด้วย

เครื่องมือออกแบบ UI ที่ใช้กับ SwiftUI นั้นก็ใช้งานได้ง่าย มีตัวโค้ดให้ใช้พร้อม design canvas ที่จะซิงค์กันตลอดเวลา มีระบบลากวาง, dynamic replacement ที่สามารถ swap โค้ดที่แก้เข้ามาในตัวแอปได้เลย และมีระบบพรีวิวที่พร้อมใช้งานได้กับหน้าจอหลากหลายรูปแบบ

SwiftUI นั้นเป็นเฟรมเวิร์คของ Apple เอง ดังนั้น ตัว UI จะเป็นเนทีฟทุกแพลตฟอร์มของ Apple ดังนั้นผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์แบบเนทีฟทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงใช้งานเทคโนโลยีบนตัวแพลตฟอร์มได้ง่าย ๆ ด้วย เพียงแค่เขียนโค้ดหรือปรับแต่งดีไซน์เล็กน้อยเท่านั้น

การออก SwiftUI นี้ก็เพื่อลดจุดอ่อนในการพัฒนา UI ของแพลตฟอร์ม Apple ซึ่งจะช่วยลดความยุ่งยากในการพัฒนา UI แยกตามแพลตฟอร์ม เพราะด้วยเครื่องมือชุดเดียวก็สามารถพัฒนา UI ได้ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาไม่ต้องกังวลถึงความยุ่งยากในการพัฒนา และโฟกัสกับจุดสำคัญอื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ที่มา – Apple Newsroom, Apple Developer

The post Apple เปิดตัว SwiftUI เครื่องมือพัฒนา UI แบบใหม่ในงาน WWDC 2019 appeared first on Macthai.com.

เสี่ยใหญ่-บุณยสิทธิ์ แห่งสหพัฒน์ มองเศรษฐกิจไทยยังซบ ต้องกระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้า

Brand Inside - 4 June 2019 - 18:36

เสี่ยใหญ่ บุณยสิทธิ์ มองความเชื่อมั่นการลงทุนในไทยยังไม่ดี กำลังซื้อยังหด เป็นห่วงการจัดตั้งรัฐบาลช้าจะกระทบต่อเศรษฐกิจ  พร้อมวอนรัฐบาลใช้มาตรการคลังกระตุ้นกำลังซื้อรากหญ้า

จัดตั้งรัฐบาลทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

เป็นประจำทุกปีที่ “เจ้าสัวสหพัฒน์” หรือ เสี่ยใหญ่–บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์จะออกมาพบปะสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวการจัดงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 23 ที่ไบเทคบางนา

ซึ่งเสี่ยใหญ่ได้แสดงความคิดเห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจเป็นประจำทุกปีเช่นกัน โดยในปีนี้ยังแสดงความน่าเป็นห่วงถึงการจัดตั้งรัฐบาลที่ยังไม่เสร็จสิ้น แต่เชื่อว่าหลังจากที่ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น

“ความเชื่อมั่นยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้เศรษฐกิจยังซบเซาอยู่ เชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลน่าจะช่วยให้ดีขึ้น เพระาที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้ประชาชนยังไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยเท่าที่ควร ถ้ามีการจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว จะช่วยให้มีการลงทุนมากขึ้น”

เสี่ยใหญ่เสริมอีกว่า ถ้าเทียบสถานการณ์ในตอนนี้เปรียบคนค้าขายเหมือนกำลังขับรถยนต์ ถ้าเหตุการณ์ดีก็เหยียบคันเร่ง แต่ถ้าเหตุการณ์ไม่ดีก็เหยียบเบรก ตอนนี้ค่อยๆ แตะเบรก แต่ยังไม่เปลี่ยนเกียร์ สหพัฒน์เป็นพ่อค้าต้องดูเสถียรภาพของรัฐบาล หนักใจตรงที่ยังจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เสร็จ

ต้องกระตุ้นกลุ่มรากหญ้า

สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนมิถุนายนนี้นั้น เสี่ยใหญ่อบากให้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของกลุ่มผู้บริโภครากหญ้า ถ้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

“สิ่งที่อยากให้รัฐบาลทำนั้นอยากให้ช่วยกลุ่มรากหญ้า เร่งกระตุ้นการซื้อของ เพราะตอนนี้ไม่มีกำลังซื้อ ต้องใช้มาตรการคลังให้รากหญ้ามีรายได้สูงขึ้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุด”

อีกทั้งยังอยากให้ค่าเงินบาทไทยอ่อนกว่านี้ ต้องอยู่ในระดับ 32 บาทจะทำให้กลุ่มรากหญ้าดีขึ้น

สำหรับงานสหกรุ๊ปแฟร์นั้นจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 23 ที่ไบเทค บางนา จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษในเครือสหพัฒน์กว่า 1,000 คูหา ในวันที่ 27-30 มิถุนายน 2562

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

iOS 13, iPadOS และ macOS Catalina รองรับ Dictionary ไทย-อังกฤษแล้ว !!

MacThai - 4 June 2019 - 18:00

dictionary-thai-english-ios-13-ipados-macos-catalina

หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว 5 ระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง iOS 13, tvOS 13, iPadOS, macOS Catalina และ watchOS 6 ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา มีฟีเจอร์มากมาย เรียกได้ว่ายกเครื่องใหม่ทั้งหมด และทีมงาน MacThai ได้ไปพบฟีเจอร์สำหรับคนที่ไม่ได้พูดถึงในงานเปิดตัวเมื่อวานคือ มี Dictionary ภาษาไทย – อังกฤษ แล้ว !!

iOS 13, iPadOS และ macOS Catalina ได้เพิ่ม Dictionary ภาษไทย-อังกฤษ รวมถึงภาษาเวียดนาม-อังกฤษ เข้าไปในระบบปฏิบัติการ เพิ่มเติมจากที่มีเพียงแค่พจนานุกรมภาษาไทยเท่านั้น นั่นหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องโหลดแอป Dictionary มาลงเพิ่มอีกแล้ว

วิธีการแปลคำศัพท์บน iOS / iPadOS

เลือกคำที่ต้องการแปล ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บไซต์ หรือพิมพ์ขึ้นมาเอง จากนั้นกดค้าง และเลือก Look Up คำแปลก็จะขึ้นมาทันที

dictionary th eng macos catalina ios 13 ipados

 วิธีการแปลคำศัพท์บน macOS

เพียงแค่ใช้นิ้ว 3 นิ้วแตะไปบนคำที่ต้องการแปล ก็จะมี Pop up คำแปลขึ้นมาเหมือนเดิม หรือว่าเปิดเข้าไปในแอป Dictionary ก็ได้

install-dictionary-th-en-on-mac-osx-2

 

รายงานโดย
ทีมงาน MacThai

The post iOS 13, iPadOS และ macOS Catalina รองรับ Dictionary ไทย-อังกฤษแล้ว !! appeared first on Macthai.com.

[แจก] Wallpaper iOS 13 และ macOS Catalina เอาไปใช้ก่อนใคร

MacThai - 4 June 2019 - 18:00

wallpaper ios 13 macos catalina

หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว 5 ระบบปฏิบัติการใหม่อย่าง iOS 13, tvOS 13, iPadOS, macOS Catalina และ watchOS 6 ไปเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละระบบปฏิบัติการนั้นมี Wallpaper ใหม่มาให้ใช้กัน ซึ่งในครั้งนี้ มี Wallpaper แบบธรรมดา และสำหรับ Dark mode ด้วย สามารถดาวน์โหลดได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

Wallpaper iOS 13 (3186 x 3186 พิกเซล)

wallpaper ios 13

Wallpaper macOS Catalina (5000 x 3124 พิกเซล)

wallpaper macos catalina

 

Wallpaper Mac Pro / Pro Display XDR (3708 × 2088 พิกเซล)

wallpaper mac pro Pro Display XDR

สำหรับใครที่ต้องการหา Wallpaper ของแอปเปิลในเวอร์ชันเก่า ๆ ทีมงานได้รวบรวมไว้ใน Google Phots ไว้แล้ว

>> รวม Wallpaper ของ Apple <<

 

ที่มา – redditallthings.how

The post [แจก] Wallpaper iOS 13 และ macOS Catalina เอาไปใช้ก่อนใคร appeared first on Macthai.com.

[วิเคราะห์] ทำไม Trade war ระหว่างจีน-สหรัฐ ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าที่สุดในเอเชีย

Brand Inside - 4 June 2019 - 17:49

Trade war สงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศใหญ่ของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีน นอกจากสร้างความกังวลไปทั่วโลก ยังทำให้การส่งออกของไทยหดตัว ล่าสุดค่าเงินบาทปรับแข็งค่าที่สุดในเอเชีย มาจากสาเหตุอะไรบ้าง?

ภาพจาก Shutterstock Trade War ทำค่าเงินบาทแตะ 31.33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าที่สุดในรอบ 3 เดือน

Trade War ระหว่างสหรัฐ-จีน ยังค้างคา การเจรจาการค้าไม่ชัดเจน ทำให้ทั่วโลกกังวลว่าเศรษฐกิจและการค้าในตลาดโลกจะแย่ลง ในส่วนประเทศไทยได้รับผลกระทบเต็มๆ ทั้งการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน ล่าสุดค่าเงินบาท (4 มิ.ย. 2019) อยู่ที่ 31.33  บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพียงวันเดียวแข็งค่าขึ้น 1.02% จากวันศุกร์ 31 พ.ค. 2019 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.65 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบันค่าเงินบาทที่ 31.33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าแข็งค่าที่สุดในเอเชีย โดยแข็งค่า 39% เมื่อเทียบกับต้นปี 2019 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ค่าเงินบาทยังแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั่วโลก โดย Trade war ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าใน 3 ด้าน ได้แก่

  1. เมื่อ Trade war ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ในสหรัฐ เช่น ขายหุ้น ขายพันธบัตร ขายเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถืออยู่แล้วเข้าซื้อ Safe Haven เช่น สกุลเงินต่างประเทศ ทองคำ
    โดยราคาทองคำโลกวันที่ 4 มิ.ย.อยู่ที่ 1,325 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นภายใน 3 วัน จากที่อยู่ระดับ 1,280 ดอลลาร์สหรัฐ โดยนักลงทุนต้องซื้อทองผ่านสกุลเงินเอเชีย ทำให้ค่าเงินในเอเชียปรับตัวแข็งค่าขึ้น
  2. Trade war ทำให้ภาพรวมการค้าทั่วโลกชะลอตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในภาคธุรกิจลดลงทั่วโลกทำให้ราคาน้ำมันวันนี้อยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 10% จากสัปดาห์ก่อน (27 พ.ค. 2019) ที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ 69-70 ดอลลารสหรัฐต่อบาเรล
    ทั้งนี้เมื่อราคาน้ำมันลดลง จะทำให้มูลค่าการนำเข้าน้ำมันของไทยลดลง และอาจจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเกินดุลการค้าและค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
  3. หาก Trade war ยังรุนแรงยิ่งขึ้น ตลาดโลกเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงทันที ทำให้ปัจจุบันผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงแตะระดับ 2.09% ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 20 เดือน

อย่างไรก็ตามสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่า ยังมาจากประเทศไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่เป็นสกุลหลักของโลกอ่อนค่าลงอย่างหนัก เห็นได้จาก ดัชนีดอลลาร์เทียบสกุลเงินหลัก (Dollar Index) ปรับตัวลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ เพราะทั่วโลกกังวลกับทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐที่อาจแย่ลง ทำให้ดัชนี S&P500 เหลือผลตอบแทนเพียง 9.5% ตั้งแต่ต้นปี ถือว่าผลตอบแทนไม่ได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในโลก

ภาพจาก Shutterstock อนาคตค่าเงินบาทจะเป็นอย่างไร?

จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย บอกว่า ในระยะสั้นเชื่อว่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าเร็วเกินไป และมีความผันผวนสูง ทำให้ระหว่างวันจะชะลอการแข็งค่าลง แต่ในระยะยาว คาดว่าค่าเงินบาทยังมีปัจจัยกดดันต่อเนื่อง คาดว่าสิ้นปี 2019 ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 32.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้น้อยลง

“หลังจากนี้ต้องจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ และท่าทีของ FED ถ้าคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดเห็นด้วยกับการ “ลดดอกเบี้ย” มากขึ้น ก็เป็นไปได้ที่จะเห็นเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อ ภายในสัปดาห์นี้ (4-7 มิ.ย.) คาดว่าค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.25 -32.75 บาทต่อดอลลาร์”

ทั้งนี้คาดว่า Trade war ยังไม่มีข้อสรุปการค้าภายในไตรมาส 3 ปี 2019 นี้ ทำให้นักลงทุนในตลาดปิดรับความเสี่ยงเทขายหุ้นทั่วโลก และเลือกถือสกุลเงินที่เป็น Safe Haven  อย่างไรก็ตามหาก FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาศที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่าขึ้น

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา บอกว่า ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้คาดว่าเคลื่อนไหวในกรอบ 31.20-31.55 ต่อดอลลาร์ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเพราะมีเงินไหลเข้าไทย โดยวันที่ 4 มิ.ย.มีนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 17,600 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิพันธบัตรไทย 4,600 ล้านบาท

สรุป

เมื่อไทยเปิดประเทศ ค่าเงินบาทย่อมเคลื่อนไหวตามภาวะตลาด ช่วงนี้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพราะ 1. มีเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาตามการเพิ่มน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI 2.ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3. สกุลหลักของโลกอย่างสหรัฐอ่อนค่าลง แต่ไม่ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าหรืออ่อนค่า ก็ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเรื่องพื้นฐานในประเทศให้มากขึ้นรวมถึงความชัดเจนเรื่องการเมืองด้วย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

KATALYST ที่ปรึกษาสตาร์ทอัพ มาที่เดียวได้ทุกโซลูชั่นสร้างธุรกิจเติบโต

Brand Inside - 4 June 2019 - 17:39

แต่ละปีประเทศไทยมีสตาร์ทอัพหรือผู้เริ่มต้นทำธุรกิจเกิดขึ้นจำนวนมาก แต่ไม่ถึงปีอาจต้องดับฝันลงเพราะเจออุปสรรคมากมาย จะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้สตาร์ทอัพไทยประสบความสำเร็จระยะยาว และกลายเป็น Unicorn ของโลก

เปิดสาเหตุที่สตาร์ทอัพไทยไม่โต

ในต่างประเทศสตาร์ทอัพเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสตาร์ทอัพส่วนใหญ่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาอุดช่องว่างธุรกิจดั้งเดิมในปัจจุบัน ซี่งในประเทศไทยปัจจุบันมีสตาร์ทอัพที่ลงทะเบียนกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กว่า 600 ราย แต่มีไม่กี่รายที่เติบโต และออกโซลูชั่นมาให้บริการจริง

จากผลสำรวจของพบว่าสาเหตุที่สตาร์ทอัพส่วนใหญ่ล้มเหลวในการทำธุรกิจ ได้แก่  ไม่มีตลาดรองรับ,ขาดเงินลงทุน, ขาดทีมงาน, ขาด Business Model ที่ดี ฯลฯ ดังนั้นหนึ่งในทางออกของสตาร์ทอัพคือการมีที่ปรึกษาที่พร้อมแนะนำให้ลองถูก มากว่าลองผิด เพื่อให้ธุรกิจโตไวไม่เสียเวลา

ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย KATALYST ทะลายทางตันให้ สตาร์ทอัพไทย โตก้าวกระโดด

ขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า สตาร์ทอัพไทยยังมีความท้าทายในการทำธุรกิจหลายด้าน ดังนั้นทางธนาคารเปิดตัว โครงการ KATALYST (แคททะลิสต์) ที่จะให้คำปรึกษากับสตาร์ทอัพ และทำให้ธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ KATALYST จะให้คำปรึกษาสตาร์ทอัพแบบครบวงจร ผ่านพาร์ทเนอร์ของธนาคารในหลายด้าน เช่น  บริษัทด้านเทคโนโลยี กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG),  บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต, บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) ที่สนับสนุนเรื่องเงินทุน, บริษัทด้านกฎหมายอย่าง Baker McKenzie

ที่ผ่านมากสิกรไทยลงทุนในสตาร์ทอัพผ่าน Beacon VC กว่า 135 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 7 บริษัท ได้แก่ FlowAccount, Ookbee, Eventpop, Grab, InstaReM, Jitta และ Horganice ทั้งนี้คาดว่าจะมีโอกาสได้ลงทุนในสตาร์ทอัพจากโครงการ KATALYST เฉลี่ยปีละ 2-3 ราย

เป้าหมายของ KATALYST คือเพื่อนสนิทของสตาร์ทอัพ

สุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า ปัญหาของสตาร์ทอัพคือเข้าไม่ถึงทรัพยากร เข้าไม่ถึงองค์กรขนาดใหญ่ หรือติดปัญหาด้านกฎหมาย ดังนั้นธนาคารกสิกรไทยจะช่วยให้สตาร์อัพเติบโตทุกด้านทั้งการบริการองค์กร การตลาด ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย  การระดมทุน การเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ฯลฯ

“KBank พร้อมเป็นตัวเร่งให้สตาร์ทอัพเติบโตอย่างยังยืน จากความเข้าใจตัวลูกค้าผ่านการสร้าง Business model ร่วมกัน และทำให้สตาร์ทอัพเข้าสู่ตลาดในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิด win-win-win Model ทั้งนี้เราช่วยแก้ปัญหาให้สตาร์ทอัพ ผ่านเครือข่ายลูกค้าองค์กรหลักหมื่นราย ลูกค้ารายย่อยก็มีถึง 14.5 ล้านรายเรียกว่าเป็นทั้งตลาดองค์ความรู้ ช่วยหาพันธมิตร และมีตลาดที่ตอบโจทย์สตาร์ทอัพได้”

ทั้งนี้ KATALYST จะช่วยต่อยอดสตาร์ทอัพจาก Platform ที่เรามีอยู่ เช่น ระบบการชำระเงิน บริหารบัญชี ฯลฯ ยิ่งโลกนวัตกรรมเปลี่ยนแปลงเร็ว อย่าง NDID (National Digital ID)  API Sandbox กำลังจะเกิดขึ้น กสิกรไทยช่วยให้สตาร์ทอัพเชื่อมกับ Platform ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

สำหรับสตาร์ทอัพ ที่เพิ่งเริ่มการทำธุรกิจหากได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ขั้นต่อไปก็ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น เหมือนการติดกระดุมให้ถูกต้องตั้งแต่เม็ดแรก ติดเม็ดต่อไปก็ง่ายขึ้น

ใครที่ต้องการสมัครสามารถติดต่อได้ที่ Facebook และเว็บไซด์ KATALYST ทางธนาคารจะมีทีมงานไปให้คำปรึกษาเฉพาะบุคคลในคอนเซ็ปต์ “ช่วยจนกว่าโปรดักส์จะออกสู่ตลาดจริง”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Jetstar Airways ยกเลิก 70 เที่ยวบินในญี่ปุ่น หลังนักบินขาดแคลน คาดกลับมาปกติได้เดือนหน้า

Brand Inside - 4 June 2019 - 16:49

สายการบิน Jetstar Japan ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน 70 เที่ยว เนื่องจากปัญหานักบินขาดแคลนชั่วคราว คาดว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติในเดือนกรกฎาคม

Jetstar Airways เจ็ตสตาร์ภาพจาก Shutterstock

สายการบิน Jetstar ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินกว่า 70 เที่ยวในประเทศญี่ปุ่น คิดเป็น 2% จากเที่ยวบินทั้งหมดเนื่องจากสายการบินประสบปัญหาขาดแคลนนักบินอย่างหนัก โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สายการบินได้ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วกว่า 16 เที่ยวบิน

สำหรับเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบคือเที่ยวบินภายในประเทศ 58 เที่ยวบิน โดยเฉพาะจากท่าอากาศยานบินนาริตะ และท่าอากาศยานชิโตะเซะแห่งใหม่ นอกจากนี้ยังกระทบไปถึง 12 เที่ยวบินระะหว่างประเทศที่บินระหว่างญี่ปุ่นกับไต้หวัน คาดว่าจะมีผู้โดยสารได้รับผลกระทบ 7,500 ราย

สำนักข่าว NHK ได้รายงานว่านักบินที่ต้องทำงานหนักในช่วงปลายเดือนเมษายน ต่อเนื่องมายังต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วง Golden Week ที่มีปริมาณเที่ยวบินเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้นักบินเหล่านี้ยังต้องบินทดแทนนักบินที่ลาป่วยและลาพัก สายการบินจึงให้นักบินพักในช่วงเดือนนี้ ทำให้จำนวนนักบินเกิดขาดแคลนขึ้นมากระทันหัน จนต้องยกเลิกเที่ยวบิน

ปัญหานักบินขาดแคลนกำลังเป็นปัญหาที่ทำให้สายการบินต่างๆ ปวดหัวในเรื่องนี้ โดยเฉพาะสายการบินราคาประหยัด เนื่องจากจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น แต่จำนวนนักบินนั้นเพิ่มจำนวนตามไม่ทัน ข้อมูลจาก Boeing คาดว่าทวีปเอเชียจะประสบปัญหานักบินขาดแคลนมากที่สุด

สายการบินได้เตรียมแก้ไขปัญหาโดยการให้ลูกค้าเปลี่ยนเที่ยวบินไปเที่ยวบินที่มีเวลาใกล้เคียงกัน โดยสายการบินได้กล่าวว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติภายในเดือนกรกฎาคม

ที่มาNHK, Japan Times

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

มาแล้ว! OPPO Reno Series เปิดตัวในไทย สตาร์ทราคาที่ 16,990 บาท

MXPhone - 4 June 2019 - 16:43

สมาร์ทโฟนระดับท็อปรุ่นใหม่ของ OPPO อย่าง Reno และ Reno 10x Zoom ประกาศเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมวางขายครั้งแรก 15 มิถุนายนนี้

The post มาแล้ว! OPPO Reno Series เปิดตัวในไทย สตาร์ทราคาที่ 16,990 บาท appeared first on mxphone.

Brand Inside Forum 2019: New Retail สัมมนาเชิงธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่

Brand Inside - 4 June 2019 - 16:36

เพราะครั้งแรกมีแค่ครั้งเดียว เตรียมตัวให้พร้อมกับ Brand Inside Forum 2019: New Retail

ธุรกิจค้าปลีกเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของทุกประเทศทั่วโลก ว่าง่ายๆ เรื่องของซื้อของขายทั้งหลาย ถือเป็นเรื่องของธุรกิจค้าปลีกทั้งหมด เฉพาะประเทศไทยอย่างเดียวมีมูลค่าหลักแสนล้านบาทต่อปี และมีการเติบโตประมาณ 3-4% ต่อปี เป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของ GDP ของประเทศ สร้างงานกว่า 6 ล้านตำแหน่ง

แต่ปัจจัยสำคัญคือ ค้าปลีก ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า New Retail ซึ่งอาจจะเรียกง่ายๆว่า ค้าปลีกยุคใหม่ หรือ ค้าปลีกรูปแบบใหม่ ก็ตามความถนัด

และนั่นคือ ที่มาของงานสัมมนาเชิงธุรกิจ Brand Inside Forum 2019: New Retail

  • New Retail คือการเพิ่มพลังให้กับผู้ประกอบการในโลกค้าปลีกยุคใหม่
  • New Retail คือการเติมประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคในโลกค้าปลีกยุคใหม่

แต่คำถามสำคัญคือ ผู้ประกอบการไทย สามารถปรับตัวและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

ผู้ประกอบการรายใหญ่ มีแนวคิดอย่างไร และทำอะไรไปแล้วบ้าง ผู้ประกอบการรายกลางและรายย่อย ได้รับผลกระทบอะไร และจะปรับตัวอย่างไร

Brand Inside ขออนุญาตพาก้าวเข้าสู่โลกค้าปลีกยุคใหม่ ร่วมฟังทางเลือก ทางรอด รวมถึงแนวคิดจากผู้บริหาร และนักธุรกิจจากหลากหลายอุตสาหกรรมของไทย

  • อะไรคือทางเลือกของ SME ธุรกิจรายเล็กรายน้อย?
  • อะไรคือทางรอดของตลาดค้าปลีกไทยในอนาคต?
  • แนวทางไหนที่เหล่าผู้บริหารในวงการค้าปลีกไทยใช้เป็นกลยุทธ์ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง?

ชวนไปหาคำตอบได้ในงานสัมมนาพร้อมสาระแบบเต็มวัน หัวข้อที่น่าสนใจมีตั้งแต่

  • Future Of Thai Retail
  • Omni Channel
  • Empowering Merchant
  • Data Analytics
  • Rethinking Customer Experience
  • New Thailand – New Retail

งานนี้บอกเลยว่า ต้องมาร่วมงานด้วยตัวเอง เปิดจำนวนจำกัด 550 ท่าน ลงทะเบียน “ฟรี” ไม่มีค่าใช้จ่าย คลิกที่นี่ได้เลย >> https://forum.brandinside.asia/newretail-2019

งานจะจัดขึ้นในวันที่: 22 กรกฎาคม 2562 เวลา: 08.00 – 16.15
สถานที่: โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน (BTS สยาม)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Twitter ประกาศ 10 อันดับแบรนด์ชั้นนำในไทยเป็นครั้งแรก

MXPhone - 4 June 2019 - 16:19

ทวิตเตอร์นับเป็นแพลตฟอร์มซึ่งขับเคลื่อนโดยผู้ใช้ที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันหลายแบรนด์ต่างสร้างการมีส่วนร่วมในสังคมทวิตเตอร์เพิ่มมากขึ้น

The post Twitter ประกาศ 10 อันดับแบรนด์ชั้นนำในไทยเป็นครั้งแรก appeared first on mxphone.

Yoshinoya ขายอาหารกระป๋องที่ภายในบรรจุด้วยข้าวหน้าต่างๆ ถึง 6 รูปแบบ

Brand Inside - 4 June 2019 - 16:09

ช่วงนี้ Yoshinoya ท็อปฟอร์มจริงๆ เพราะไม่นานนี้ก็เพิ่งเปิดตัวเมนูข้าวหน้าเนื้อที่ไม่มีข้าวรับกระแสคนรักสุขภาพ และล่าสุด Yoshinoya ก็เปิดตัวอาหารกระป๋องด้วย โดยภายในกระป๋องก็ไม่ใช่อะไร คือข้าวหน้าต่างๆ นั่นเอง

Yoshinoyaข้าวหน้าบรรจุกระป๋องของ Yoshinoya ตอบโจทย์นโยบายช่วยเหลือทุกคน

เมื่อพูดถึงชื่อ Yoshinoya ในประเทศญี่ปุ่น คำตอบที่ได้รับกลับมาก็มักจะเป็นเรื่องราคาถูก, อาหารอร่อย หรือเหมาะกับนักเรียน หรือคนหาเช้ากินค่ำ เพราะด้วยเมนูข้าวหน้าเนื้ออันเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงเมนูอื่นๆ นั้นช่วยให้คนญี่ปุ่นทั่วประเทศอิ่มท้องกันมานักต่อนัก

และเพื่อตอบโจทย์นโยบายเป็นมื้ออาหารสำหรับคนทุกคนนี้เอง Yoshinoya จึงเปิดตัวอาหารกระป๋อง 6 รูปแบบที่ข้างในเป็นข้าวหน้าต่างๆ ประกอบด้วยข้าวหน้าเนื้อย่าง, ไก่ย่าง, หมูย่าง, หมูผัดขิง, ปลาทูย่างเกลือ (Mackerel) และซีฟู้ด โดยตัวข้าวก็ไม่ใช่ข้าวธรรมดา แต่เป็นข้าวไม่ขัดสีที่ให้คุณค่าทางโภชนาการมากกว่าข้าวปกติ

Yoshinoyaข้าวหน้าบรรจุกระป๋องรูปแบบต่างๆ ของ Yoshinoya

เหตุที่ Yoshinoya เลือกข้าวไม่ขัดสีก็เพราะวางเป้าหมายการจำหน่ายอาหารกระป๋องของแบรนด์ให้เป็นสินค้าที่เหมาะแก่การถูกใช้เมื่อเกิดภัยพิบัติต่างๆ โดยตัวข้าวหน้าบรรจุกระป๋องนั้นสามารถเปิดแล้วรับประทานได้ทันที เรียกว่าสะดวกเอามากๆ เวลาอยู่ในเหตุฉุกเฉิน

สำหรับข้าวหน้าเนื้อบรรจุกระป๋องนั้นวางจำหน่ายที่ออนไลน์สโตร์ของ Yoshinoya และจะบรรจุเป็นแพ็ค 6 กระป๋องทั้งคละ 6 รสชาติ และรสชาติเหมือนกันทั้งหมด ในราคา 4,860 เยน (ราว 1,400 บาท) ดังนั้นไม่ต้องเกิดภัยพิบัติก็สามารถหาซื้อกินได้ทั่วไป

สรุป

เป็นการต่อยอดสินค้าของ Yoshinoya ได้เป็นอย่างดี เพราะหากจำหน่ายแค่ข้าวหน้าเนื้อต่อไป โอกาสที่แบรนด์จะเติบโตได้ลำบากก็มีสูง ยิ่งตัวร้านขยายสาขาไปแทบจะทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว การเพิ่มช่องทางรายได้ใหม่ๆ ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี ดังนั้นคงต้องติดตามกันต่อไปว่าอนาคต Yoshinoya จะสร้างสรรค์นวัตกรรมอะไรขึ้นอีกบ้าง

อ้างอิง // Soranews24

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

ที่แรกในอาเซียน! Grab เปิดตัว “ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า” เรียกผ่านแอพฯ ได้ เริ่มแล้วในเชียงใหม่

Brand Inside - 4 June 2019 - 16:03

ตอนนี้คนเชียงใหม่เรียก “ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า” ผ่านแอพพลิเคชั่น Grab ได้แล้ว

Grab Tuk Tuk “GrabTukTuk” รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าของ Grab เรียกผ่านแอพฯ ได้แล้ว

Grab ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงจัดตั้งเครือข่ายการเดินทางในเมืองเชียงใหม่ (Chiang Mai Smart Mobility Alliance Network) พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยต้องการลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนตัวลงร้อยละ 35 ภายใน 5 ปี รวมทั้งยังมุ่งลดมลพิษ และแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดเชียงใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ล่าสุด ส่ง GrabTukTuk (แกร็บตุ๊กตุ๊ก) ซึ่งเป็นตุ๊กตุ๊กที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่สามารถเรียกรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าผ่านแอพพลิเคชั่นได้แล้ว ถือเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Grab บอกว่า การส่งตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าส่งสู่ตลาดถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย และตอบโจทย์การขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยมีข้อมูลจากกลุ่มวิจัยเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ระบุว่า รถตุ๊กตุ๊กที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 1 คัน สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 4.18 ตันต่อปี

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

#BrandsOnTwitter ครั้งแรก Twitter เผย Top 10 แบรนด์ไทย

Brand Inside - 4 June 2019 - 15:19

ทวิตเตอร์ (Twitter) แพลตฟอร์มโซเชียลที่ขับเคลื่อนโดยผู้ใช้ที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันหลายแบรนด์ต่างสร้างการมีส่วนร่วมในสังคมทวิตเตอร์เพิ่มมากขึ้น ล่าสุด ทวิตเตอร์ได้ประกาศ 10 อันดับแบรนด์ชั้นนำในไทยเป็นครั้งแรก โดยวัดจากการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้บริโภคในช่วงไตรมาสแรกปี 2562 (ระหว่าง 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2562) แบรนด์ที่ติดอันดับนั้นมีทั้งกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โทรคมนาคม และธนาคาร

อาร์วินเดอร์ กุจรัล กรรมการผู้จัดการ, ทวิตเตอร์ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกว่า ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนตามความสนใจของผู้ใช้ ซึ่งเป็นผู้กำหนดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างบนทวิตเตอร์ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ทวิตเตอร์แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์เป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิด เปิดกว้าง ชอบค้นหา และมักลองสิ่งใหม่ๆก่อนเสมอ ทำให้บรรดาแบรนด์ต่างๆ หลั่งไหลมาใช้ทวิตเตอร์เพิ่มมากยิ่งขึ้น

การรายงาน #BrandsOnTwitter ประเทศไทยถือเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงผลชัดเจนว่ามีแบรนด์ที่หลากหลายเข้ามาใช้ทวิตเตอร์ในการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคและสังคมทวิตเตอร์ ตั้งแต่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม โทรศัพท์มือถือ ร้านค้าปลีก ไปจนถึงกลุ่มการเงินและธนาคาร ซึ่งทำให้เห็นว่า แบรนด์ต่างๆ เหล่านี้กำลังใช้แพลตฟอร์มของทวิตเตอร์ในการสร้างฐานการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อช่วยสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค”

10 อันดับแบรนด์ชั้นนำบนทวิตเตอร์ไทย (ไตรมาสแรก ปี 2562)
  1. AIS (@AIS_Thailand)
  2. Oishi Drink Station (@OishiDrinkTH)
  3. Watsons Thailand (@WatsonsThailand)
  4. Samsung Mobile Thailand (@SamsungMobileTH)
  5. MK Restaurants (@MK_Restaurants)
  6. KBank (@KBank_Live)
  7. 7-Eleven Thailand (@7ElevenThailand)
  8. L’Oreal Paris TH (@LOrealParisTH)
  9. Wall’s Thailand (@Walls_Thailand)
  10. Lays Thailand (@laysthailand)

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

อีริคสัน จัดงาน Barcelona Unboxed โชว์ศักยภาพเครือข่าย 5G ในไทย

MXPhone - 4 June 2019 - 15:16

อีริคสัน จัดแสดงศักยภาพของเครือข่าย 5G ยกเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากงาน MWC 2019 มากกว่า 30 โซลูชั่นส์มาจัดแสดงไว้ที่งาน Barcelona Unboxed ที่กรุงเทพฯ

The post อีริคสัน จัดงาน Barcelona Unboxed โชว์ศักยภาพเครือข่าย 5G ในไทย appeared first on mxphone.

Pages