หลังจากที่แอปเปิลได้เปิดตัว iPad Pro รุ่นที่ 3 ประจำปี 2018 ไปเมื่อสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก เพราะมีการดีไซน์ตัวเครื่องใหม่ทั้งหมด หน้าจอกว้างชิดขอบ ไร้ปุ่มโฮม รองรับ Face ID เหมือน iPhone XS และแถมยังมาพร้อมชิป A12X Bionic ที่เป็นชิปที่แรงที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยทำมา

ล่าสุด GeekBench ได้ออกมาโชว์ผลทดสอบความเร็ว CPU ของ A12X Bionic บน iPad Pro รุ่นใหม่ เปรียบเทียบกับ iPhone XS, iPad และ iPad Pro ก่อนหน้า และชิป Intel 8th gen บน MacBook Pro 15″ รุ่นปี 2018 ว่ามีประสิทธิภาพเร็วแรงแค่ไหน

จากผลการทดสอบ พบว่าชิป A12X Bionic บน iPad Pro รุ่นใหม่ทำคะแนนไปได้ 5,025 คะแนน (Single-core) และ 18,106 คะแนนสำหรับ Multi-core ซึ่งมีคะแนนสูงกว่าชิป A10, A10X รวมถึง A12 บน iPhone XS รวมถึง

และน่าประหลาดใจที่สุด เพราะเมื่อเอาไปเทียบกับ MacBook Pro 15″ รุ่นปี 2018 ที่ใช้ชิป Intel Core i7, i9 ที่มีถึง 6-core สามารถทำคะแนนสำหรับ Single-core ได้ใกล้เคียงกันมาก ส่วนคะแนน Multi-core ตามหลังอยู่ประมาณ 3,000 คะแนน

นั่นหมายความว่าแอปเปิลสามารถพัฒนาชิปของตัวเองได้ใกล้เคียงกับ Intel เข้ามาทุกทีแล้ว และในอนาคตอันใกล้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่แอปเปิลจะพัฒนาชิปประมวลผลให้กับสินค้าตระกูล Mac เองทั้งหมด เลิกพึ่งพาชิปจาก Intel ซึ่งข้อดีของการผลิตชิปเองคือ สามารถกำหนดสเปก ควบคุมประสิทธิภาพของ Mac ได้เอง และยังช่วยลดต้นทุนในการใช้ชิปของเจ้าอื่นอีกด้วย

สำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่ แอปเปิลจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าจะเริ่มขายในประเทศไทยในวันดังกล่าวด้วยหรือเปล่า ส่วนเรื่องราคา ตอนนี้ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ราคาเริ่มต้นที่ 28,900 บาท

ที่มา – MacRumors

 

 

The post ผลทดสอบ GeekBench เผย iPad Pro รุ่นใหม่ สเปกแรงพอ ๆ กับ MacBook Pro 15″ รุ่นปี 2018 appeared first on Macthai.com.

วันนี้ (2 พ.ย. 61) Apple Store Online ประเทศไทย, Studio7 และผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง TrueMove H, AIS และ Dtac ก็ได้เปิดขาย Apple Watch Series 4 อย่างเป็นการ ทีมงานจึงนำข้อมูลราคาจากทุกค่ายมาให้ชมกันค่ะ

ราคาและโปร Apple Watch Series 4 GPS+Cellular จาก Apple, True, AIS และ dtac

ชมตารางเปรียบเทียบราคาภาพรวมกันก่อน

Apple Store Online ประเทศไทย

ที่ Apple Store Online จะขายแค่เครื่องเปล่าเท่านั้น

ราคาเครื่องเปล่า

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  24,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  26,900 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  28,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  30,400 บาท

> สั่งซื้อและรับชมรายละเอียดได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย

Studio7 ราคาเครื่องเปล่า

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  24,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  26,900 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  28,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  30,400 บาท

> รับชมรายละเอียดได้ที่ Studio 7

TrueMove H

ราคาเครื่องเปล่า

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  24,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  26,900 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  28,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  30,400 บาท

ราคาติดโปร*

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  15,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  16,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 15,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 16,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  22,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  24,900 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  26,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  28,400 บาท

> สั่งซื้อหรือรับชมรายละเอียดได้ที่ TrueMove H

โปรโมชัน Apple Watch Series 4 จาก TrueMove H

• ฟรี ค่าเปิดใช้บริการ Apple Watch One Number นานสูงสุด 24 เดือน (รวมมูลค่า 6,000 บาท)
• ลูกค้าใหม่และลูกค้าปัจจุบัน สมัครแพ็กเกจ 899 บาท สัญญา 3 เดือน รับส่วนลด 1,000 บาท
• เมื่อซื้อพร้อม iPhone XS, iPhone XS Max และ iPhone XR รับส่วนลดสูงสุด 2,000 บาท
• ลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมรับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาท
• ผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

AIS

ราคาเครื่องเปล่า

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  24,000 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  26,000 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  27,500 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  29,500 บาท

ราคาติดโปร*

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  16,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  17,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 16,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 17,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  23,000 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  ไม่พบข้อมูล

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  26,500 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  ไม่พบข้อมูล

> สั่งซื้อและรับชมรายละเอียดได้ที่ AIS

โปรโมชัน Apple Watch Series 4 จาก AIS

• ฟรี ค่าเปิดใช้บริการ NumberShare และค่าบริการรายเดือนนานสูงสุด 24 เดือน (ตามเงื่อนไข)
• ผ่อน 0% นาน 10 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

Dtac

ราคาเครื่องเปล่า

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – ไม่พบข้อมูล
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*พบข้อมูลเฉพาะสาย Sport Band

ราคาติดโปร*

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  16,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  17,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – ไม่พบข้อมูล
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 17,900 บาท

**ส่วน Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band และ ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop ของ Dtac ไม่พบข้อมูล

> สั่งซื้อและรับชมรายละเอียดได้ที่ Dtac

โปรโมชัน Apple Watch Series 4 จาก Dtac

• ฟรี ค่าเปิดใช้บริการ Number Pairing และค่าบริการรายเดือนนานสูงสุด 12 เดือน (ตามเงื่อนไข)
• สมัครแพ็กเกจ 599 บาท ลดค่าเครื่อง 1,000 บาท
• ผ่อน 0% นาน 24 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

ข้อมูลล่าสุดเมื่อ 2 พ.ย. 2561 : 11.00 น.

หมายเหตุ*

• ราคาโปรโมชันที่นำมา เป็นราคาเริ่มต้นที่มีราคาถูกที่สุด ณ เวลาที่เผยแพร่ข้อมูล
• ราคาโปรโมชันที่นำมา เป็นราคาจาก Store ออนไลน์ของผู้จำหน่ายเป็นหลัก ราคาสุทธิ (ราคารวมต่างๆ) อาจมีการเปลี่ยนแปลงจากผู้จำหน่าย ทางทีมงานจึงไม่สามารถลงราคาสุทธิได้

The post ราคาและโปร Apple Watch Series 4 GPS+Cellular จาก Apple, True, AIS และ dtac appeared first on iPhoneMod.

เผยภาพแรกเครื่องจริงของ vivo X21S ที่เป็นไปได้สูงว่าอาจจะเป็นชื่อสำหรับทำตลาดของสมาร์ทโฟนรุ่นที่เคยไปปรากฏตัวบนฐานข้อมูลของ TENAA โดยใช้รหัสโมเดล V1814T และ V1814A จากภาพแกะกล่องจะเห็นว่า vivo X21S มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยที่มีหน้าจอขนาด 6.41 นิ้ว แผงจอชนิด AMOLED มีรอยบากเล็กๆด้านบนสำหรับกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ ขณะที่พื้นที่ขอบจอโดยรอบถือว่าบางมากๆ...

แจ๊ค หม่าเขียนจดหมายอาลัยถึงกิมย้ง นักเขียนนิยายจีนกำลังภายในชื่อก้องโลกที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา Brand Inside ถอดความบางช่วงบางตอนมาให้อ่านกัน

แจ๊ค หม่า และกิมย้ง จากแจ๊ค หม่า ถึงกิมย้ง

แจ๊ค หม่า บอกว่ากิมย้งเป็นไอดอลของเขาและมีอิทธิพลทางความคิดอย่างมากต่อการก่อตั้งและดำเนินการของ Alibaba

• “ถ้าไม่ใช่เพราะกิมย้ง ก็อาจไม่มี Alibaba หรือต่อให้มี Alibaba ขึ้นมาจริงๆ ก็อาจไม่ได้เป็นแบบในทุกวันนี้ ที่มีคนหลายหมื่นมาร่วมบ้าคลั่งไปด้วยกัน” หม่าเขียนไว้ในจดหมาย

หม่าเคยพบกับกิมย้ง ในการพบกันครั้งแรก หม่าพูดไม่หยุดเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง ส่วนกิมย้งนั่งฟังและยิ้มอย่างเดียว “ผมยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี แต่มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกแล้ว” เพราะวันนี้กิมย้งได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

หม่า ยังระบุด้วยว่า เป็นเพราะคำว่า 侠 ในภาษาจีนหรือ Xia ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลในภาษาไทยได้ว่า “วีรบุรุษผู้กล้าและรักคุณธรรม” (คำของกิมย้ง) คำนี้ทำให้หม่ารู้สึกเชื่อมต่อกับกิมย้งมามากกว่าครึ่งของชีวิต และด้วยจิตวิญญาณของคำๆ นี้ ทำให้หม่ารู้สึกว่า ผู้ประกอบการต้องกระทำบางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นทำไม่ได้ นั่นคือการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อประเทศและประชาชน

ปรัชญาของ Alibaba ที่บอกว่า “เพื่อการทำธุรกิจที่ง่ายดายในทุกๆ ที่” ก็เดินตามสิ่งที่กิมย้งเขียนและพูดมาโดยตลอด หม่าบอกว่า สิ่งที่ Alibaba ทำมาตลอดและจะทำต่อไป คือการช่วยเหลือให้ผู้คนทำธุรกิจอย่างง่ายดาย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีอุปสรรคต้องฟันฝ่ามากมาย แต่ถ้าคู่แข่งคนอื่นไม่ทำ เราจะทำ เพราะเราทนกับความอยุติธรรมของโลกไม่ได้

แจ๊ค หม่า

“มนุษย์ต้องจริงใจกับหัวใจของตัวเอง จะเดินเหินไปหนใดให้อิสระอย่างนักดาบ เป็นมิตรสหายต้องใจกว้าง และไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งนี้จนกระทั่งวันตาย”

“ความสัตย์ซื่อ ความรัก ความรับผิดชอบ เสรีภาพ และความเรียบง่าย: พวกเราทำงานหนักเพื่อใช้ชีวิตตามแบบอย่างที่คุณสอน”

“ผู้ยิ่งใหญ่ได้จากเราไปแล้ว นี่คือแบบอย่างที่ทุกคนควรเดินรอยตาม เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล สรรเสริญอัศวิน (กิมย้ง)”

ที่มา – South China Morning Post, Kr-asia

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Apple เปิดขาย iPhone XS Max ในไทยแล้ว แน่นอนว่าต้องมาคู่กับอุปกรณ์เสริมอย่างเคส เราขอพรีวิวเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max ให้ชมกันว่าสวยงามขนาดไหน

รีวิวเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max

จริงๆ แล้ว Apple เปิดขายเคสหนังสำหรับ iPhone มานานแล้ว โดยเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max จอใหญ่รุ่นใหม่ก็มีเหมือนกัน โดยสีที่เราได้มานี้คือ สีเคปค็อดบลู

ตัวเคสนั้นเป็นวัสดุที่ทำมาจากหนังและพื้นผิวด้านในทำจากไมโครไฟเบอร์ช่วยปกป้อง iPhone XS Max ไม่ให้เป็นรอยและกันกระแทกเบื้องต้นได้

Apple เผยว่าตัวเคสด้านนอกทำมาจากหนังที่ผ่านกรรมวิธีการฟอกสุดพิเศษจากยุโรป พื้นผิวด้านนอกให้สัมผัสเนียนนุ่มมากๆ และที่ชอบที่สุดคือจะขึ้นลายที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติตามกาลเวลาที่ผ่านไป

(ที่ขอบตัวเคสใช้ไปสักพักขอบจะดำๆ ซึ่งเป็นปกติของเคสหนัง)

ตัวเคสนั้นรองรับปุ่มกดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีการเว้นช่องลำโพง, Ligthning, กล้องหลังไว้อย่างลงตัว

เมื่อใส่เคสหนังกับ iPhone XS Max แล้วสามารถชาร์จไร้สายได้ปกติ

จากประสบการณ์ในการใช้เคสหนังร่วมกับ iPhone มาแนะนำเลยว่าเคสตัวนี้ใช้กับ iPhone ได้ดีมาก ทั้งในแง่ของการออกแบบ, ความสวยงาม, การสัมผัสและการปกป้องตัวเครื่อง ทำได้ดีมากๆ

หากใครสนใจสั่งซื้อเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max สามารถเข้าไปสั่งซื้อได้ที่ Apple Store Online ในราคา 2,290 บาท หรือจะเลือกซื้อที่หน้าร้านตัวแทนจำหน่ายก็มีวางขายแล้วเช่นกัน

The post รีวิวเคสหนังสำหรับ iPhone XS Max ใส่กระชับ คลาสสิกและหรูหรา appeared first on iPhoneMod.

กลับมาอีกครั้งกับงาน Commart Work 2018 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 1-4 พฤศจิกายนนี้ และวันนี้ทีมงาน MacThai จะมาชี้เป้าโปรโมชันสินค้า Apple ราคาพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Demo, ตัวโชว์, สินค้าล้างสต็อก อุปกรณ์เสริม หรือแม้กระทั่งสินค้ามือหนึ่งใหม่แกะกล่อง จากทาง iStudio by SPVi กัน

 

ที่มา – SPVi 1, 2

The post ชี้เป้า !! โปรโมชันสินค้า Apple ราคาพิเศษ ในงาน Commart วันที่ 1-4 พ.ย.นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ appeared first on Macthai.com.

สมาร์ทโฟนฝาพับรุ่นใหม่ Samsung W2019 ส่งบัตรเชิญเตรียมจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ อู๋ซี เมืองใกล้กับเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ จากฐานข้อมูลของ TENAA ระบุว่ารุ่นนี้มาพร้อมจอ 4.2 นิ้ว ใช้แผงชนิด Super AMOLED ชิปเซต Snapdragon...

Lenovo Z5 Pro เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดยเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มาพร้อมกลไกสไลด์เครื่องเหมือน Mi Mix 3 และ Honor Magic 2 แต่ทาง Lenovo อ้างว่าสมาร์ทโฟนของตนมีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจอมากกว่าทั้งสองรุ่นแถมยังราคาถูกกว่าด้วย โดยทีรุ่นนี้ใช้ชิปเซต Snapdragon 710 หน้าจอรุ่นนี้ดีไซน์เต็มขอบ Full Screen...

เปิดตัวออกมาอีกรุ่นสำหรับสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ค่าย vivo อย่างตัว vivo Y93 ที่ใช้ชิปเซต Snapdragon 439 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมการผลิต FinFET ขนาด 12 นาโนเมตร และยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ หน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ และกล้องคู่ vivo Y93 ใช้หน้าจอ LCD...

สิ้นสุดการรอคอยกับการใช้งาน Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular โดยทรูมูฟ เอช ผู้นำเครือข่ายรายแรกในไทยที่เปิดให้ใช้บริการระบบเซลลูล่าร์พร้อมจำหน่าย Apple Watch Series 4 แล้ววันนี้ที่ทรูช้อปที่ร่วมรายการ

ซื้อ Apple Watch Series 4 ที่ TrueMove H เริ่มต้น 16,900 บาท รับฟรีค่าบริการ One Number สูงสุด 24 เดือน

เปิดขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Apple Watch Series 4 และพบกับข้อเสนอสุดพิเศษจากทรูมูฟ เอช เมื่อสมัครใช้บริการ Apple Watch One Number กับทรูมูฟ เอชวันนี้ รับข้อเสนอใช้ฟรีนานสูงสุด 24 เดือน รวมมูลค่ากว่า 6,000 บาท

• ฟรี ค่าบริการใช้ Apple Watch นาน 24 เดือน มูลค่ากว่า 6,000 บาท สำหรับลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิมที่สมัครแพ็กเกจ 1,099 บาทขึ้นไป ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. – 30 พ.ย. 2561 นี้
• ฟรี ค่าบริการใช้ Apple Watch นาน 6 เดือนสำหรับแพ็คเกจรายเดือน 199 บาทขึ้นไป สำหรับลูกค้าใหม่ ลูกค้าปัจจุบัน และลูกค้าย้ายค่ายเบอร์เดิม
• ฟรี ค่าบริการใช้ Apple Watch นาน 12 เดือนสำหรับแพ็คเกจรายเดือน 1,099 บาทขึ้นไป สำหรับลูกค้าใหม่ และลูกค้าปัจจุบัน

หมายเหตุเพิ่มเติม

• ค่าเปิดใช้บริการ Apple Watch One Number มูลค่า 299 บาท
• ค่าบริการรายเดือนสำหรับ Apple Watch One Number เดือนละ 199 บาท
• ย้ายค่ายเบอร์เดิม ลดเพิ่ม 1,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีโปรโปรชันพิเศษเพิ่มเติมให้คุณได้เป็นเจ้าของ Apple Watch Series 4 พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม ดังนี้

• เมื่อซื้อ Apple Watch Series 4 รุ่น GPS + Cellular พร้อมสมัครแพ็กเกจหรือเคยใช้แพ็กเกจ 899 บาทขึ้นไป ลดส่วนลดทันที 1,000 บาท ซื้อเครื่องในราคาพิเศษเริ่มต้น 16,900 บาท และรับฟรี ค่าเปิดใช้บริการ One Number และฟรีค่าบริการรายเดือนนานสูงสุด 6 เดือน
• เมื่อซื้อ iPhone XS, iPhone XS Max หรือ iPhone XR พร้อมสมัครแพ็กเกจที่กำหนด รับส่วนลด Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียมลด 1,000 บาท หรือตัวเรือนสแตนเลสสตีลลด 2,000 บาท พร้อมข้อเสนอใช้ฟรีนานสูงสุด 24 เดือน มูลค่ากว่า 6,000 บาท

นอกจากจะได้ซื้อเครื่องราคาพิเศษพร้อมโปรที่สุดคุ้มแล้ว ยังรับสิทธิ์ผ่อนสบายๆ 0% นาน 10 เดือนอีกด้วย

สำหรับใครที่สนใจสามารถทดลองและสัมผัสกับ Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ได้ที่ทรูช้อปที่ร่วมรายการ พร้อมกับรับคำแนะนำการใช้งานจาก Apple Product Professional (APP)

วิธีตรวจสอบสิทธิ์เลขหมายการใช้งาน Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular เบื้องต้น

• ไม่ใช้เบอร์ Share Plan และไม่ใช่เลขหมาย Convergence
• ใช้แพ็กเกจแบบรายเดือน 199 บาทขึ้นไป
• เป็นเบอร์ส่วนบุคคลเท่านั้น (เบอร์ที่จดในนามองกรณ์ไม่สามารถร่วมรายการได้)
• เช็คสิทธิ์จากทรูมูฟ ได้ 2 ช่องทาง คือ
  • กด *904# กดโทรออก หรือ *904*ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์# และกดโทรออก จากนั้นรอ SMS ยืนยัน
  • เข้าเว็บ https://iwsheet.truecorp.co.th/support/rio/index.php  โดยกรอกหมายเลขเพื่อเช็คสิทธิ์

สามารถชมรายละเอียดเกี่ยวกับ Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular ได้ที่ www.truemoveh.com/applewatchseries4

The post ซื้อ Apple Watch Series 4 ที่ TrueMove H เริ่มต้น 16,900 บาท รับฟรีค่าบริการ One Number สูงสุด 24 เดือน ที่ทรูช้อปที่ร่วมรายการ appeared first on iPhoneMod.

รัฐบาลจีนอาจต้องใช้วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจจีนอีกรอบ หลังสัญญาณจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนไม่เป็นที่น่าพอใจมากนัก นอกจากนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนอาจทำให้เกิดความเสี่ยงกับเศรษฐกิจจีนได้

ภาพจาก Pixabay

ผู้นำระดับสูงของจีนเริ่มส่งสัญญาณไม่พอใจในตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศเริ่มที่จะเติบโตช้าลง และสัญญาณเตือนเศรษฐกิจจีนล่าสุดคือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือ PMI อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้รัฐบาลจีนอาจต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ

สำหรับแรงกดดันของเศรษฐกิจจีนคือเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่ทำให้สถานการณ์ของเศรษฐกิจจีนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจจีนอาจเริ่มมาถึงทางตันแล้ว และยังรวมไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนในการจับจ่ายใช้สอย

คาดว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุดแรกที่ทางการจีนจะนำมาใช้ในเร็วๆ นี้ได้แก่

1. การลดภาษีบุคคล จะมีผลในเดือนมกราคม 2019
2. เพิ่มเพดานภาษีส่วนบุคคล จะทำให้ชาวจีนไม่ต้องจ่ายภาษีมากเท่าเดิม
3. เพิ่มภาษีส่งออกสินค้า
4. ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม
5. ลดภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม

สำหรับนโยบายทางการเงินก่อนหน้านี้ธนาคารกลางจีนได้ปรับลด RRR ทำให้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนในเศรษฐกิจจีนมากขึ้นกว่าเดิม

• จีนเตรียมปั๊มเงินเข้าเศรษฐกิจอีก 1.2 ล้านล้านหยวน หลังจากเศรษฐกิจชะลอตัว
• เศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 โต 6.5% ต่ำสุดตั้งแต่หลังวิกฤติเศรษฐกิจปี 2009

ช่วงเวลายากลำบากกำลังจะมาถึง

Lu Ting นักเศรษฐศาสตร์จาก Nomura ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่า ในช่วงต้นปีหน้าเป็นเวลาที่ยากลำบากของเศรษฐกิจจีนอย่างแท้จริง เพราะว่าจีนกำลังจะได้รับผลกระทบจริงจังจากสงครามการค้า ยอดขายสิ่งของอุปโภคบริโภคชะลอตัวลง รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ในเมืองรองของจีนก็หมดยุครุ่งเรือง นอกจากนี้เขายังได้เสริมถึงนโยบายจีนว่า นี่จะเป็นการทดสอบว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่ที่ปีละประมาณ 6.5% ได้หรือไม่  

ความเสี่ยงครั้งใหม่?

George Magnus นักเศรษฐศาสตร์จากศูนย์จีนศึกษา มหาวิทยาลัย Oxford กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การที่รัฐบาลจีนเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจในยามหน้าสิ่วหน้าขวานขณะนี้อาจทำให้เกิดความเสี่ยงจากเรื่องหนี้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้นโยบายของรัฐบาลจีนคือลดความเสี่ยงเรื่องหนี้ เพื่อสร้างสมดุลในเศรษฐกิจอีกรอบ ถ้าหากรัฐบาลจัดการในเรื่องนี้ไม่ดีอาจได้เห็นต้นทุนทางการเงินของจีนเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากไม่สามารถชำระหนี้ได้

ที่มา – Bloomberg [1], [2]

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

Apple เผยว่า iPad Pro 2018 แรงกว่า PC/Laptop และน่าจะเป็นเช่นนั้น โดยมีรายงานว่า iPad Pro 2018 มีคะแนน Geekbench พอๆ กับ MacBook Pro 15 นิ้ว 2018

iPad Pro 2018 มีคะแนน Geekbench ใกล้เคียง MacBook Pro 15 นิ้ว 2018

คะแนนเปรียบเทียบประสิทธิภาพด้วย Geekbench เผยให้เห็นว่า iPad Pro 2018 รุ่นใหม่ของ Apple (iPad8,8) มีคะแนน Single-Core และ Multi-Core พอๆ กับ MacBook Pro 15″ 2018 ดังนี้

• iPad Pro 2018 : Single-Core 5020 คะแนน, Multi-Core 18099 คะแนน
• MacBook Pro 15 นิ้ว 2018 (2.2GHz) : Single-Core 4928 คะแนน, Multi-Core 21165 คะแนน

พลังของ A12X Bionic

ปัจจัยหลักที่ทำให้ iPad Pro 2018 มีคะแนนประสิทธิภาพสูงมากนั้นมาจากการใช้ชิพ A12X Bionic แบบ 7nm ซึ่งช่วยให้ประสิทธิภาพ Single-Core สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 35% และการใช้ CPU 8-Core ก็ทำให้การประมวลผล Multi-Core สูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 90% เลยทีเดียว

ข้อมูลก่อนหน้านี้รายงานว่า iPad Pro 2018 รุ่นความจุ 1TB มาพร้อม RAM 6GB และรุ่นความจุอื่นๆ มาพร้อม RAM 4GB และ Apple เคลมว่า iPad Pro 2018 เร็วกว่า PC ที่มีอยู่ถึง 92%

ที่มา – iclarified

The post iPad Pro 2018 มีคะแนน Geekbench แรงพอๆ กับ MacBook Pro 15 นิ้ว 2018 appeared first on iPhoneMod.

หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch Series 4 ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งมีการออกแบบตัวเรือนใหม่ทั้งหมด โดยมีหน้าจอที่กว้างชิดขอบด้านข้าง, มาพร้อมฟีเจอร์ ECG วัดคลื่นหัวใจไฟฟ้า และอื่น ๆ อีกเพียบ

ล่าสุดแอปเปิลได้เริ่มวางจำหน่าย Apple Watch Series 4 ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยราคาเริ่มต้นที่ 14,400 บาท โดยในปีนี้พิเศษกว่าทุกปี ๆ เพราะนอกจากแอปเปิลจะวางจำหน่าย Apple Watch Series 4 ตัวเรือนอะลูมิเนียม ซีรีส์ธรรมดาและ Nike+, ตัวเรือนสแตนเลสสตีลที่เป็นสาย Sport Band และ Sport Loop แล้ว ปีนี้แอปเปิลเริ่มจำหน่าย Apple Watch Series 4 Hermès ในประเทศไทยเป็นปีแรกอีกด้วย

สำหรับใครสนใจจะซื้อตอนนี้สามารถสั่งซื้อที่ Apple online (TH) ได้แล้ว ทุกรุ่น ทุกขนาด ส่วนใครที่ต้องการซื้อรุ่น GPS + Cellular ตอนนี้ผู้ให้บริการอย่าง TrueMove H, AIS และ dtac ก็สามารถเปิดให้บริการ eSIM บน Apple Watch แล้วเช่นกัน ส่วนราคาทางทีมงาน MacThai ได้สรุปมาไว้ให้ดูข้างล่างแล้ว

 

Apple Watch Series 4 และ Apple Watch Series 4 Nike+ (ตัวเรือนอะลูมิเนียม)

GPS

• หน้าจอ 40 mm ราคา 14,400 บาท
• หน้าจอ 44 mm ราคา 15,400 บาท

GPS + Cellular

• หน้าจอ 40 mm ราคา 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 mm ราคา 18,900 บาท

Apple Watch Series 4 (ตัวเรือนสแตนเลสสตีล)

GPS + Cellular แบบสาย Sport Band

• หน้าจอ 40 mm ราคา 24,900 บาท
• หน้าจอ 44 mm ราคา 26,900 บาท

GPS + Cellular แบบสาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 mm ราคา 28,400 บาท
• หน้าจอ 44 mm ราคา 30,400 บาท

*Apple Watch Series 4 รุ่นตัวเรือนสแตนเลสสตีล มีเฉพาะรุ่น GPS + Cellular เท่านั้น

 

Apple Watch Series 4 Hermès

หน้าจอ 40 mm

• สายหนัง Swift แบบ Simple Tour สี ราคา 44,900 บาท
• สายหนัง Swift แบบ Double Tour ราคา 50,900 บาท
• สายหนัง Barénia แบบ Simple Tour ราคา 44,900 บาท
• สายหนัง Barenia แบบ Double Tour ราคา 50,900 บาท

หน้าจอ 44 mm

• สายหนัง Swift แบบ Simple Tour สี ราคา 46,900 บาท
• สายหนัง Barénia แบบ Simple Tour ราคา 46,900 บาท
• สายหนัง Barénia แบบ Simple Tour Boucle Déployante ราคา 54,900 บาท
• สายหนัง Barénia Grainé แบบ Simple Tour Rallye ราคา 50,900 บาท

*รุ่น Hermès ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีล และเป็นรุ่น GPS + Cellular ทั้งหมด

 

ที่มา – Apple online (TH)

The post เปิดราคา Apple Watch Series 4 ทุกรุ่นที่จำหน่ายในไทย ราคาเริ่มที่ 14,400 บาท, แพงสุด 54,900 บาท appeared first on Macthai.com.

แอปเปิลเปิดขาย Apple Watch Series 4 ในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว !! โดยเปิดขายผ่าน Apple Online Store ทั้งรุ่น WiFi และรุ่ม WiFi + Cellular (มี eSIM) ซึ่งราคาเริ่มที่ 14,400 บาท

สั่งซื้อ -> Apple Watch Series 4 ผ่าน Apple Online Store

 

โดย Apple Watch Series 4 นี้มาพร้อมดีไซน์ใหม่หมด รวมถึงใช้ชิปใหม่ที่เร็วแรง พร้อมลำโพงกับไมค์ใหม่ ทำให้ใช้พูดคุยแทนโทรศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญมีระบบการวัดคลื่นหัวใจแบบ ECG ที่แม่นยำเอามากๆ

ใครสนใจสามารถซื้อ Apple Watch Series 4 ได้ที่ iStudio, ค่ายมือถือในไทย รวมถึง Apple Online Store เลยจ้า

The post Apple เปิดขาย Apple Watch Series 4 ในไทยแล้ว !! ราคาเริ่มที่ 14,400 บาท สั่งออนไลน์ได้ที่นี่ appeared first on Macthai.com.

Apple เปิดขาย Apple Watch Series 4 ทั้งรุ่น GPS และ GPS+Cellular ครั้งแรก รวมถึง Apple Watch Nike+ และ Apple Watch Hermès ด้วย สามารถสั่งซื้อที่เว็บไซต์ Apple Store Online ประเทศไทยแล้ววันนี้ (2 พ.ย. 61 เป็นต้นไป)

สั่งซื้อ Apple Watch Series 4, Nike+ และ Hermès ได้แล้ววันนี้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย (2 พ.ย. 61)

ผู้สนใจ Apple Watch Series 4 สามารถสั่งซื้อได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย โดยรุ่นและราคาที่เปิดให้สั่งซื้อมีดังนี้

Apple Watch Series 4

Apple Watch Series 4 GPS ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  14,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา  – 15,400 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Sport Band

• หน้าจอ 40 มม. –  24,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. –  26,900 บาท

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ตัวเรือนสแตนเลสสตีล สาย Milanese Loop

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  28,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  30,400 บาท

> สั่งซื้อ Apple Watch Series 4 ได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย

Apple Watch Series 4 Nike+

Apple Watch Series 4 GPS Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา –  14,400 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา –  15,400 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

Apple Watch Series 4 GPS+Cellular Nike+ ตัวเรือนอะลูมิเนียม

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – 17,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – 18,900 บาท

*ทั้งสาย Sport Band และ Sport Loop

> สั่งซื้อ Apple Watch Series 4 Nike+ ได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย

Apple Watch Series 4 Hermès

รุ่น Hermès เป็นจะเป็น GPS+Cellular และตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีลทั้งหมด

Apple Watch Series 4 Hermès

• หน้าจอ 40 มม. ราคา – เริ่มต้น 44,900 บาท
• หน้าจอ 44 มม. ราคา – เริ่มต้น 46,900 บาท

> สั่งซื้อ Apple Watch Series 4 Hermès ได้ที่ Apple Store Online ประเทศไทย

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อ Apple Watch Series 4 ที่ Apple Store Online ประเทศไทยได้แล้ววันนี้ (2 พ.ย. 61) Apple จะเริ่มจัดส่ง 1 วันทำการ

The post สั่งซื้อ Apple Watch Series 4, Nike+ และ Hermès ได้แล้วที่ Apple Store Online ประเทศไทยแล้ว appeared first on iPhoneMod.

Apple ประกาศ ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2018 โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 62.9 พันล้านดอลลาร์ ขาย iPhone ได้ทั้งสิ้น 46.9 ล้านเครื่อง

Apple ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2018

Apple ปิดไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2018 เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2018 และประกาศผลประกอบการของไตรมาสดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2018 มีรายได้ทั้งสิ้น 62,900 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว (ไตรมาส 4 ปี 2017) ถึง 20% 

Apple มีรายได้จากการขาย iPhone เพิ่มขึ้น

ในไตรมาส 4 ปี 2018 นี้ Apple มียอดจำหน่าย iPhone เทียบเท่ากับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว แต่รายได้จากการขาย iPhone นั้นเพิ่มขึ้นจากเดิมสูงถึง 29% นั่นหมายความว่า Apple สามารถสร้างรายได้จากการขาย iPhoneได้มากกว่าเดิมถึงแม้ยอดจำหน่ายจะเท่าเดิมก็ตาม

รายได้จากธุรกิจบริการสูงสุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับ Mac นั้นมียอดขายลดลง 2% แบบปีต่อปีแต่มีรายได้เพิ่มขึ้น 3%, iPad มียอดขายลดลง 6% และรายได้ลดลง 15% แต่ในกลุ่มบริการนั้น (Apple Music, iCloud และอื่นๆ) มีรายได้ประมาณ 10 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นจากเดิม 17% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสินค้าอื่นๆ (Apple TV, Apple Watch และอื่นๆ) มีรายได้เพิ่มขึ้น 31% แบบปีต่อปี ซึ่งถือว่าสูงมาก

ข้อความจากผู้บริหาร

“เรารู้สึกยินดีที่จะรายงานผลประกอบการที่ทำลายสถิติประจำไตรมาสได้อีกครั้ง ซึ่งสร้างปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ให้กับปีงบประมาณ 2018 ในปีนี้ เราได้ส่งมอบอุปกรณ์ที่รองรับระบบปฏิบัติการ iOS กว่า 2 พันล้านเครื่อง และเฉลิมฉลองการครบรอบ 10 ปี ของแอปสโตร์ รวมไปถึงความสำเร็จด้านผลประกอบการและรายได้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple” – Tim Cook CEO ของ Apple กล่าว “ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เราส่งมอบความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ให้กับลูกค้าของเราผ่าน iPhone Apple Watch iPad และ Mac รุ่นใหม่ รวมไปถึงระบบปฏิบัติการทั้งสี่ของเรา และเราเข้าสู่ช่วงเทศกาลวันหยุดด้วยผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

“เราสรุปสถิติในปีนี้ด้วยผลประกอบการประจำไตรมาสกันยายนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยรายได้ที่เติบโตไปถึงเลขสองหลักในทุกๆ ส่วนแบ่งการตลาดทางภูมิศาสตร์ เราได้สร้างสถิติใหม่ให้กับผลประกอบการประจำไตรมาสกันยายนสำหรับ iPhone และอุปกรณ์สวมใส่ รวมไปถึงสถิติประจำไตรมาสที่ดีที่สุดตลอดกาลของธุรกิจบริการและ Mac” – Luca Maestri CFO ของ Apple กล่าว “เรายังสร้างกระแสเงินสดที่ 19.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และได้จ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่นักลงทุน 23 พันล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านการซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผลในไตรมาสกันยายน ทำให้เราจ่ายคืนผลตอบแทนในปีงบประมาณ 2018 เสร็จสิ้นไปที่เกือบ 90 พันล้านเหรียญสหรัฐ”

Apple ได้ประเมินผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2019 ไว้ดังนี้

• รายได้อยู่ระหว่าง 89 พันล้านดอลลาร์ ถึง 93 พันล้านดอลลาร์
• กำไรขั้นต้นอยู่ระหว่าง 38 เปอร์เซนต์ ถึง 38.5 เปอร์เซนต์
• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ระหว่าง 8.7 พันล้านดอลลาร์ ถึง 8.8 พันล้านดอลลาร์
• รายได้ / (รายจ่ายอื่นๆ) 300 ล้านดอลลาร์
• อัตราภาษี 16.5 เปอร์เซนต์

ดาวน์โหลดเอกสารและดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่

• งบการเงินรวม
• ข้อมูลสรุป

ที่มา – Apple Newsroom

The post ผลประกอบการ Apple ไตรมาสที่ 4 ปี 2018 มีรายได้ 62.9 พันล้านดอลลาร์ ขาย iPhone ได้ 46.9 ล้านเครื่อง appeared first on iPhoneMod.

ข่าวลบๆ เกี่ยวกับสายการบินยังคุกรุ่นในประเทศไทย แต่คราวนี้ลองมาดูวิธีการจัดการของสายการบินของญี่ปุ่นอย่าง All Nippon Airways (ANA) กันบ้าง เพราะล่าสุดเที่ยวบินในประเทศต้องดีเลย์ เพราะนักบินมาไม่ตรงเวลา

ANA All Nippon Airways // ภาพจาก Shutterstock ขอเวลาตรวจสอบ 1 สัปดาห์ก่อนสรุปผล

เหตุการณ์เที่ยวบินล่าช้ากว่ากำหนด หรือ Delay ไปกว่า 58 นาทีนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ในเที่ยวบินในประเทศที่จังหวัด Okinawa ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น ของสายการบิน All Nippon Airways (ANA) เพียงเพราะนักบินนั้นไม่สามารถมาตรงเวลาเพื่อนำเครื่องขึ้นบินได้

โดยการหาเหตุผลดังกล่าวนั้นต้องใช้เวลาตรวจสอบราว 1 สัปดาห์ ทาง ANA ถึงจะออกแถลงการณ์ขอโทษเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ออกมา พร้อมกับแจ้งเป็นการทั่วกันว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากนักบินคนที่ต้องขึ้นบินในเที่ยวบินตอน 8.10 น. นั้นดื่มเครื่องดื่มมึนเมาตั้งแต่เวลา 22.00 น. ของคืนก่อนขึ้นบิน แล้วเกิดอาการป่วยจนไม่สามารถมาสนามบินได้

ทำให้สายการบินต้องการนักบินสำรองเป็นการด่วน ส่งผลให้เที่ยวบินเวลา 8.10 น. นั้นล่าช้าออกไป 58 นาที รวมถึงอีก 5 เที่ยวบินในจังหวัด Okinawa ที่ต้องล่าช้าออกไปเช่นกัน ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับสายการบิน ส่วนนักบินคนดังกล่าวจะถูกลงโทษอย่างไรบ้างนั้นยังไม่การเปิดเผยออกมาในตอนนี้

อย่างไรก็ตามนอกจากการออกมาขอโทษของ ANA แล้ว ทางสายการบินเตรียมสร้างการรับรู้ให้กับพนักงานทุกคนทราบเกี่ยวกับโทษของการดื่มเครื่องดื่มมึนเมาก่อนมาทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ในอนาคตต่อไป

อ้างอิง // Japan Today

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

มาแล้วครับ รวมแอปปล่อยฟรี ประจำวันที่ 2 ต้อนรับเดือน พฤศจิกายน 2561 ที่คราวนี้ขนแอปดีๆ และเกมน่าเล่นมาให้เลือกเพียบ จะมีแอปหรือเกมไหนที่น่าสนใจบ้าง มาติดตามกันได้เลยครับ

รวมแอปปล่อยฟรี วันที่ 2 พ.ย. 2561

หมายเหตุ: กรุณาเช็คราคาสุดท้ายก่อนโหลดอีกครั้ง เพราะหากช้าไปเพียงชั่วโมงราคาก็อาจปรับขึ้นแล้ว

1. Slideshow Master Professional [$2.99] – แอปทำสไลด์โชว์ ด้วยการรวมรูปถ่ายจากในอัลบั้มมาทำเป็นภาพยนตร์เรื่องราวที่น่าประทับใจ ด้วยเอฟเฟ็กต์การเปลี่ยนภาพกว่า 150 แบบ เสียงดนตรีฟรีอีกกว่า 50 เสียง และอื่นๆ อีกมากมาย
2. Font Keyboard [$4.99] – คอลเลกชันแบบอักษรกว่า 100 แบบ ที่มีให้เลือกใช้ใน iPhone สามารถแสดงได้ใน Facebook, Twitter, Whatsapp, Kik, Instagram, iMessage, Viber หรือทุกที่
3. Depello [$2.99] – แอปแต่งรูปเปลี่ยนสีเฉพาะจุดหรือใส่สีแนวฉูดฉาดที่เรียกว่า สี Splash ใช้งานง่ายเพียงแตะจุดที่ต้องการและเลือกสีที่ต้องการ แต่สำหรับการเลือกสีที่มากขึ้น จำเป็นต้องซื้อเพิ่มเติมภายในแอปอีก 35 บาท
4. Breathe Pro [$1.99] – เครื่องมือฝึกลมหายใจเข้า-ออกแบบมืออาชีพ ช่วยทำให้สงบและผ่อนคลายไปพร้อมกับฉากสวยๆ จากทั่วทุกมุมโลก ได้รับการวิจัยทางการแพทย์ด้านการลดความเครียด ลดไมเกรน ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด
5. Zoomyy [$1.99] – แอปซูมรูปภาพในเรื่องราว (Stories) ของเพื่อนๆ ใน Instagram สามารถบันทึกภาพและวิดีโอได้ในความยาวไม่เกิน 15 วินาที
6. PirTie [$0.99] – แอปจำลองภาพแนว Tie Die ที่สามารถแตะ กวาด ย่อ/ขยาย หรือหมุนภาพไปมาได้ สามารถแตะ 2 ครั้ง เพื่อบันทึกรูปภาพลงในอัลบั้ม ใช้เป็น Wallpaper ได้ ใครที่ชอบภาพวูบวาบดูมีมิติแนวนี้ ก็ลองโหลดไปเล่นกันดูได้ครับ
7. Your GPS Location Finder Pro [$2.99] – แอปบันทึกหรือปักหมุด (Pin) ที่จอดรถลงบนแผนที่ พร้อมค้นหาตำแหน่งรถได้อย่างรวดเร็วด้วย GPS และเข็มทิศที่สามารถใช้ค้นหาแบบออฟไลน์ได้
8. Baby Feed Timer, breastfeeding [$4.99] – แอปสำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่ช่วยติดตามการเลี้ยงลูกน้อยด้วยการดื่มนมจากเต้าแบบธรรมชาติ มีการบันทึกระยะการให้นมที่เหมาะสมทั้งด้านซ้ายและขวา ใช้ติดตามและแจ้งเตือนความจำต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ถูกปล่อยฟรีแค่ 7 วัน หลังจากนั้นจะหักเงินอัตโนมัติในราคา 169 บาท
9. Sago Mini Snow Day [$3.99] – เกมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สำหรับเด็กวัย 4 ขวบขึ้นไป ที่มีทั้งการเล่นล้อเลื่อนหิมะ ปั้นตุ๊กตาหิมะ ตกแต่งต้นไม้ ดื่มช็อกโกแลตร้อน และอื่นๆ (เล่นแบบออฟไลน์ ปลอดภัย ไม่มีโฆษณา)
10. République [$2.99] – จากอดีตเกมดังบนคอนโซลสู่เกมบนมือถือ République เกมปริศนาแนวหลบหนี เล่นแบบ Point-and-Click ที่คุณต้องคอยช่วยเหลือหญิงสาวที่ถูกจับมาในสถานที่ลับของรัฐบาล และคุณต้องช่วยเธอค้นหาข้อมูลและหลบหนีออกจากที่นั่นให้จงได้
11. Demong Hunter VIP [$2.99] – เกมแอคชั่น RPG แบบเล่นคนเดียว (เล่นออฟไลน์) แนวฟันแหลก สาดสกิลรัวๆ และค้นหาเส้นทางผ่านด่านไปยังฉากจบให้ได้ (มันครับเกมนี้ แนว Diablo แต่ภาพคนละแบบ)
12. Alien Shooter [$0.99] – เกมมือถือเล่นมันสุดคลาสิก ที่คุณเอาตัวรอดจากฝูงเอเลี่ยนที่ถาโถมเข้ามาเป็นจำนวนมาก เล่นด้วยมุมมองกล้องแบบมุมสูง (Bird-eye View) ที่ได้เล่นแล้วคุณจะติดใจ

หมายเหตุ: สำหรับใครที่กลัวว่าแอปไหนจะฟรีเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์หรือแอบหักเงินโดยที่ไม่รู้ตัว เมื่อโหลดแอปแล้วโปรดเข้าไปเช็คและดูวิธีการยกเลิกได้ที่ –> วิธียกเลิกสมัครรับบริการทางออนไลน์ เช่น Netflix, Apple Music และบริการอื่นๆ

——————–

หากถูกใจก็โปรดอย่าลืมกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยครับ

ขอขอบคุณ
ทีมงาน iPhoneMod

The post รวมแอปปล่อยฟรี ในวันที่ 2 พ.ย. 2561 รีบโหลดก่อนหมดเวลา appeared first on iPhoneMod.

Apple ได้ประกาศราคา Apple Watch Series 4 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ย.) ก็เป็นวันเปิดขายวันแรกใน Apple Store Online, Sutdio 7, TrueMove H, AIS และ Dtac สำหรับใครที่กำลังจะซื้อ แนะนำให้รับชมรายการที่ควรตรวจเช็คหลังรับเครื่อง Apple Watch Series 4 กันได้เลย เพื่อตรวจเช็คเครื่องก่อนออกจากร้าน

ซื้อ Apple Watch Series 4 เครื่องใหม่ ควรเช็คจุดไหนบ้าง

วิธีการเช็คเครื่องต่อไปนี้ เป็นวิธีเบื้องต้นสำหรับเช็ค Apple Watch เครื่องใหม่ทั้งสภาพเครื่องและระบบ watchOS ซึ่งควรจะต้องเช็คให้เรียบร้อยก่อนออกจากร้านผู้ให้บริการ พร้อมกับดาวน์โหลดเอกสารประกอบการตรวจเช็คที่ได้ที่นี่ >> ตรวจเช็ค Apple Watch หลังซื้อเครื่องใหม่

1. ตรวจเช็คภายนอก

กล่องจะต้องไม่มีรอยแกะซีลใดๆ แต่ถ้าซื้อจากร้านภายนอกที่ไม่ใช่ศูนย์หรือตัวแทน ต้องดูส่วนอื่นต่อไป เพราะอาจจะมีการนำมาซีลใหม่ เมื่อแกะกล่องแล้วเครื่องจะต้องไม่มีริ้วรอย ไม่มีรอยบุบ หรือรอยขีดข่วน

อุปกรณ์ในกล่องต้องครบ มีตัวเรือน Apple Watch Series 4, สาย Apple Watch, สายชาร์จแม่เหล็ก และอะแดปเตอร์ 5 W (สำหรับรุ่น Apple Watch Series 4 Hermes จะมีสาย Sport Bancd Hermes อีก 1 เส้น)

2. การจับคู่กับ iPhone

Apple Watch 1 เรือนจะจับคู่กับ iPhone ได้ 1 เครื่อง ให้ลองจับคู่และตั้งค่าให้เสร็จสิ้น เช่น Apple ID, รหัสผ่าน เป็นต้น เงื่อนไขในการจับคู่มีดังนี้

• Apple Watch Series 4 รุ่น GPS ต้องเป็น iPhone 5s หรือใหม่กว่าที่ติดตั้ง iOS 12 หรือใหม่กว่า
• Apple Watch Series 4 รุ่น GPS + Cellular ต้องเป็น iPhone 6 หรือใหม่กว่าที่ติดตั้ง iOS 12 หรือใหม่กว่า

3. เช็คความคุ้มครองและประกันเครื่อง

หลังจากนั้น ให้ทำการเช็คความคุ้มครองของเครื่องก่อน ชมวิธี หรือเช็คจากแอป Apple Support เพื่อตรวจสอบว่าถ้าเป็นเครื่องใหม่มือหนึ่งประกันต้องเหลือ 1 ปี ประกันจะต้องไม่เดินหน้าไปก่อน

4. รุ่น Cellular เช็คสัญญาณโทรศัพท์

สำหรับรุ่น Cellular ให้ลองเชื่อมต่อ esim และเช็คสัญญาณโทรศัพท์ว่ามีสัญญาณปรากฏได้หรือไม่ หลังจากที่เชื่อมต่อแล้ว ก็ให้ลองโทรเข้า-โทรออก โดยใช้ Apple Watch ดูว่าสามารถโทรไปได้ปกติหรือไม่

5 . เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

ใส่ Apple Watch ไว้ที่ข้อมือให้กระชับ จากนั้นเปิดแอปวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Heart Rate) และลองวัดดูว่าเซ็นเซอร์การวัดอัตราการเต้นของหัวใจบน Apple Watch ทำงานหรือไม่ ถ้าหากทำงานค่าการวัดอัตราการเต้นของหัวใจจะต้องแสดงบนหน้าจอ

6. การสัมผัสหน้าจอและ 3D Touch

ให้ลองสัมผัสหน้าจอด้วยการแตะเข้าแอป หรือปัดขึ้นเพื่อเปิด Control Center ดูว่าการใช้ท่าทางการปัดบนหน้าจอทำงานได้ปกติหรือไม่

และควรเช็คการใช้งาน 3D Touch ด้วยการแตะแบบกดน้ำหนักลงบนหน้าปัด Apple Watch ถ้าหน้าจอแสดงการเลือกหน้าปัด ก็ถือว่าใช้งานได้ปกติ

7. ปุ่ม Power และปุ่ม Digital Crown

เช็คปุ่มด้านข้าง (ปุ่ม Power) และปุ่ม Digital Crown ว่าสามารถกดได้ปกติ ไม่รู้สึกหลวมเกินไป และเมื่อกดปุ่ม Power การทำงานต้องถูกต้อง เช่น กดค้าง เพื่อเปิดหรือปิดเครื่องได้ กดปุ่ม Power ขณะอยู่ในแอป ต้องแสดงแอปล่าสุดหรือแอปที่ชื่นชอบ (แสดงตามการตั้งค่า)

ส่วนปุ่ม Digital Crown จะต้องกดและทำงานได้ถูกต้อง เช่น กดเพื่อกลับมาหน้าโฮม กดค้างเพื่อเรียก Siri (ต้องเปิด Siri ก่อนนะคะ ดูข้อ 12) จากนั้นก็ลองหมุนปุ่ม Digital Crown ดูว่าสามารถทำงานได้ปกติหรือไม่ เช่น เปิดแอปการตั้งค่าขึ้นมาและเลื่อนขึ้นหรือลงเพื่อเลื่อนหน้าจอ หรือจะอยู่หน้าโฮม และเลื่อนขึ้นเพื่อซูมเข้า เลื่อนลงเพื่อซูมออก

8. การเชื่อมต่อ Wi-Fi

เชื่อมต่อ Wi-Fi บน Apple Watch Series 4 ด้วยวิธีต่อไปนี้ การเปิด Wi-Fi บน Apple Watch จากนั้นก็ลองเปิดแอปที่ต้องเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตดูว่าอินเตอร์เน็ตทำงานได้ปกติหรือไม่ (รุ่น GPS+Cellular อย่าลืมปิด Cellular ด้วย ถ้าจะทดสอบ Wi-Fi)

9. การเชื่อมต่อ บลูทูธ

การเชื่อมต่อบลูทูธ ถ้าเราจับคู่ Apple Watch กับ iPhone เครื่องก็จะเชื่อมต่อกันผ่านบลูทูธอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่เพื่อความมั่นใจ ก็สามารถเชื่อมบลูทูธกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างเช่น หูฟังบลูทูธหรือลำโพงบลูทูธ (อาจจะเตรียมไปด้วย หรือถ้าซื้อในร้านก็ขอยืมพนักงาน)

10.หน้าจอ Dead & Bright Pixel และจอเบิร์น

โอกาสน้อยที่จะเกิด Dead & Bright Pixel บนหน้าจอ OLED ของ Apple Watch แต่เช็คไว้ก่อนจะดีกว่า โดยการเปิดไฟฉายสีแดงและสีขาว พร้อมทั้งสังเกตุจุดดำหรือจุดสีแตกต่างดูว่ามีหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าหน้าจอมี Dead & Bright Pixel ชมวิธีใช้งานไฟฉาย (Flashlight) บน Apple Watch

สำหรับอาการจอเบิร์นก็อาจจะไม่ค่อยพบในเครื่องใหม่ และอาจจะไม่พบในทันที แต่สำหรับ Apple Watch มือสองก็แนะนำให้ลองเช็คดี ให้ลองเปิดแอปอะไรก็ได้ไว้สักพัก และลองเปลี่ยนเข้าแอปอื่นๆ สังเกตดูว่ามี

11. เช็คลำโพงและไมค์

ทดสอบด้วยการโทรได้เลย ตรวจสอบได้ทั้งไมค์และลำโพง สำหรับ Apple Watch Series 4 GPS แนะนำว่าให้นำ Apple Watch อยู่ใกล้กับ iPhone

12. ตรวจเช็คการทำงานของ Siri

เปิดการใช้งาน Siri โดยไปที่แอปการตั้งค่า (Settings) บน Apple Watch > ทั่วไป (General) > Siri > เปิด หวัดดี Siri จากนั้นก็ลองพูดหวัดดี Siri และตอบโต้คำสั่งดูว่า Siri สามารถทำงานได้ปกติหรือไม่

13. ระบบ GPS

เปิดแอปแผนที่ (Maps) และลองเลือกตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันดูว่า GPS สามารถระบุได้ถูกต้องหรือไม่

14. การชาร์จแบตเตอรี่

นำ Apple Watch ชาร์จบนอุปกรณ์ชาร์จไร้สายที่มาพร้อมกับกล่อง และเช็คดูมีไฟเข้าหรือไม่ สามารถชาร์จได้ปกติหรือไม่

15. การทำงานของ Water Lock

Water Lock เป็นการล็อคหน้าจอ เพื่อป้องกันการสัมผัส เมื่อว่ายน้ำหรือนำ Apple Watch ไปใช้งานในน้ำ เมื่อปลดล็อคเครื่องจะไล่น้ำออกจากลำโพง ชมวิธีใช้ Water Lock บน Apple Watch ให้ลองเปิดโหมด Water Lock และปลดล็อคดู และเช็คว่าบนหน้าจอ Apple Watch สามารถแสดงการทำงานของ Water Lock ได้หรือไม่

16. เช็คระบบสั่น

เปิดระบบการสั่นในการตั้งค่า กลับมาที่หน้าโฮมและลองแตะแบบ 3D Touch เพื่อเช็คว่ามีการตอบสนองแบบสั่นหรือไม่

17. การเปลี่ยนสาย ถอดเข้า-ถอดออก

ทดสอบการเปลี่ยนสาย Apple Watch โดยการกดปุ่มเปลี่ยนสายด้านหลัง พร้อมกับลองถอดเข้าและถอดออกดู เช็คว่าสามารถเปลี่ยนสายได้ลื่นปกติหรือไม่

หมายเหตุ สำหรับเซ็นเซอร์วัดค่า ECG บน Apple Watch Series 4 ยังไม่สามารถตรวจเช็คได้ เนื่องจาก Apple ยังไม่เปิดใช้บริการ หากมีการอัปเดต ทีมงานจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

และนี่ก็เป็นวิธีการตรวจเช็ค Apple Watch Series 4 เครื่องใหม่เบื้องต้นหลังจากที่ซื้อและรับเครื่องเรียบร้อยแล้ว ก็ลองดาวน์โหลดเอกสาร Check List ด้านบนและทำควบคู่กับวิธีที่แนะนำมาทั้งหมดได้เลย

หากพบปัญหาระหว่างการเช็คแนะนำว่าให้แจ้งพนักงานหรือสอบถามโดยทันที แต่ถ้าหากซื้อเครื่องมาแล้วพบปัญหาภายหลัง ภายใน 1 ปี (อยู่ในประกัน) ก็สามารถติดต่อเคลมกับ Apple ได้ผ่าน AASP เช่น iCare ทั่วประเทศไทยได้

บทความที่เกี่ยวข้อง

• แกะกล่อง Apple Watch Series 4 GPS+Cellular อะลูมิเนียม พร้อมสอนวิธีจับคู่กับ iPhone
• ยืนยันราคา Apple Watch Series 4 ทุกรุ่นในไทยจาก Apple Store Online ประเทศไทย
• Apple Watch Series 4 เตรียมบุกไทย 2 พ.ย. นี้ TrueMove H จัดให้ ฟรีค่า eSIM สูงสุด 24 เดือน
• รู้ก่อนซื้อ! Apple Watch Series 4 แต่ละรุ่นแตกต่างกันอย่างไร
• ครั้งแรกกับ Apple Watch Series 4 Hermès ในไทย ราคาแพงสุดที่ 54,900 บาท

The post ซื้อ Apple Watch Series 4 เครื่องใหม่ ควรเช็คจุดไหนบ้าง appeared first on iPhoneMod.

Apple Watch Series 4 เปิดขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันที่ 2 พ.ย. 2561 นี้ หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอรุ่นนี้กันค่อนข้างมาก ทีมงาน iMoD จัดให้ครับรอบนี้มาชมแกะกล่อง Apple Watch Series 4 กันในรอบนี้เป็นรุ่น GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม มาชมกันว่าจะเป็นยังไง….

Apple Watch Series 4

สเปกพื้นฐานของ Apple Watch Series 4 ที่เปิดตัวในปี 2018

• ตัวเรือนมี 2 ขนาดให้เลือกคือ 40 มม. และ 44 มม.
• จอภาพ LTPO OLED Retina พร้อม Force Touch ความสว่าง 1,000 นิต
• เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth, Wi-Fi และ รองรับการเชื่อมต่อ LTE ในตัวอีกด้วย (สำหรับรุ่น Cellular ซึ่ง Apple Watch ต่อสัญญาณมือถือและเล่นอินเทอร์เน็ตได้ในตัวเลยไม่ต้องพก iPhone ก็ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การฟังเพลงผ่าน Apple Music, การสั่งงาน Siri เป็นต้น) เป็นรุ่นที่ 2 ที่รองรับ Cellular
• ตัวเรือนมีให้เลือกทั้งอะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีล
• มี GPS และ GLONASS ในตัว
• โปรเซสเซอร์ S4 แบบ Dual-core 64 บิต ถือว่าเป็นครั้งแรกใน Apple Watch โดยมีความเร็วมากกว่า Apple Watch Sereis 3 ถึง 2 เท่า
• เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า (ECG) เป็นรุ่นแรกที่มีระบบนี้
• เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอลรุ่นที่ 2
• การตรวจจับการล้ม (Fall Detection) เป็นรุ่นแรกที่มีระบบนี้
• W3 ชิพระบบไร้สายของ Apple
• Digital Crown พร้อมการตอบสนองแบบสั่น
• มาตรวัดความสูงแบบวัดความดันบรรยากาศ
• ความจุ 16GB
• อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้นตรวจจับแรง G สูงสุด 32 G
• ไจโรสโคปที่ดียิ่งขึ้น
• เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสงโดยรอบ
• ทนน้ำที่ระดับ 50 เมตร
• กระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง
• ฝาหลังเซรามิกและผลึกแซฟไฟร์ทั้งหมดในทุกรุ่นของ Series 4 นี้
• Wi-Fi (802.11b/g/n 2.4GHz)
• Bluetooth 5.0
• แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนชนิดชาร์จซ้ำได้ภายในตัวเครื่องสูงสุด 18 ชั่วโมง
• มาพร้อม watchOS 5
• มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีทอง จะแตกต่างอีกเล็กน้อยในฝั่งของโทนดำ ถ้าในรุ่นอะลูมิเนียมจะมีเทาสเปซเกรย์ ส่วนรุ่นสแตนเลสสตีลจะมีสีดำสเปซแบล็ค(เคลือบ DLC)

แกะกล่อง Apple Watch Series 4 GPS+Cellular อะลูมิเนียม

รุ่นที่จะแกะกล่องต่อไปนี้เป็น Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ขนาด 44 มม. มีสเปซเกรย์ ตัวเรือนอะลูมิเนียม ราคาจัดจำหน่ายในประเทศไทยอยู่ที่ 18,900 บาท

เช็คของในกล่อง

หน้ากล่องของ Apple Watch Series 4  ปั้มโลโก้ WATCH เอาไว้บนกล่องกระดาษแข็งสีขาว

พลิกด้านหลังจะเห็นข้อมูลของ Serial Number, IMEI, EID พร้อมกับบอกโมเดลเอาไว้ ในรูปจะเป็นเครื่องที่ซื้อจากออสเตรเลียดังนั้นโมเดลที่ได้จึงเป็น MTU2X/A และรุ่นนั้นจะเป็น A2008 ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ขายในประเทศไทย ฉะนั้นจึงสามารถใช้งานกับ eSIM ในไทยได้อย่างแน่นอนครับ แถมเคลมได้ด้วย

เมื่อแกะพลาสติกออกจะต้องพลิกด้านล่างเพื่อเปิดกล่องตามภาพด้านล่าง

 

เมื่อแกะกระดาษที่ห่อด้านนอกออกก็จะเจอกล่องสีขาวอีกชั้นที่สกรีนภาพหน้าปัดและตัวเรือนของ Apple Watch Series 4 เอาไว้

ยกกล่องชั้นบนขึ้นจะพบกล่องสายนาฬิกาซึ่งเป็นสายแบบ Sport Brand มาให้ด้วย (สายนั้นจะแตกต่างกันตามโมเดลที่ซื้อ) โดยในกล่องของสายจะมีให้เลือก 2 ความยาวด้วยกันครับ เราสามารถเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับข้อมือของเราได้เลย

เปิดฝากล่องหลักออกจะพบ

• ตัวเรือน Apple Watch Series 4 บรรจุอยู่ในซองผ้ากำมะหยี่ที่ระบุขนาดเอาไว้
• เอกสารแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
• สายชาร์จ Apple Watch แบบเดิมที่เหมือนรุ่นผ่านๆ มา เชื่อมต่อกับผ่านพอร์ต USB-A ความยาว 1 เมตร
• อะแดปเตอร์สำหรับการชาร์จไฟ (รุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะได้ขาปลั๊กแบบ US)

สอนวิธีการจับคู่ Apple Watch Series 4 กับ iPhone

อย่างที่แจ้งไปว่า Apple Watch Series 4 นั้นมีการปรับเปลี่ยนเด่นชัดโดยเฉพาะหน้าจอที่มีความกว้างมากยิ่งขึ้นแสดงผลได้มากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นที่ผ่านมา แถมตัวเครื่องยังบางลงกว่าเดิมค่อนข้างมาก

กดปุ่ม Power ด้านล่างค้างเอาไว้เล็กน้อยเพื่อเปิดเครื่อง รอไม่นานก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการจับคู่อุปกรณ์ (Pairing) ต้องเชื่อมกับ iPhone ซึ่งอุปกรณ์ที่รองรับการจับคู่กับ Apple Watch Series 4 ได้แก่

• Apple Watch Series 4 (GPS) – ต้องเป็น iPhone 5s หรือใหม่กว่าที่ติดตั้ง iOS 12 หรือใหม่กว่า
• Apple Watch Series 4 (GPS + Cellular) ต้องเป็น iPhone 6 หรือใหม่กว่าที่ติดตั้ง iOS 12 หรือใหม่กว่า

หากพลิกดูด้านหลังจะเห็น เซ็นเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคอลรุ่นที่ 2 ที่มีความแตกต่างจากรุ่นที่ 3 และรุ่นเก่าอย่างเห็นได้ชัด โดยด้านล่างก็จะบอกรายละเอียดเอาไว้ เช่น ขนาดของตัวเครื่อง, วัสดุที่ผลิตตัวเครื่อง (เช่น อะลูมิเนียม) เป็นต้น

ในส่วนของปุ่ม Digital Crown ในรุ่น GPS+Cellular จะมีความเปลี่ยนแปลงคือจะทำสีเป็นวงกลมแทนที่จะทาทึบทั้งปุ่มอย่างที่ทำใน Series 3

เมื่อเห็นหน้าต่าง Bring iPhone near Apple Watch ก็ให้นำ iPhone ที่ต้องการจะจับคู่มาใกล้กับ Apple Watch จากนั้นเปิดแอปพลิเคชัน Watch ขึ้นมา แล้วเลือกที่ Start Pairing

นำ iPhone ส่งไปที่หน้าปัดของ Apple Watch เพื่อเริ่มการจับคู่

จากนั้นเลือกที่ Set Up Apple Watch

เลือกว่าจะใส่นาฬิกาที่ข้อมือข้างไหน ใส่ซ้ายเลือก Left, ใส่ขวาเลือก Right

รูปล่างบอกเกี่ยวกับการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจทั้งค่าสูงและต่ำ (Low Heart Rate Notification และ High Heart Rate Notification )

ให้กด Continue ได้เลย

รูปล่างบอกว่าเราสามารถกดโทรไปยังเบอร์ฉุกเฉินโดยการกดปุ่ม Power ด้านข้างค้างเอาไว้

จากนั้นกด Continue ได้เลยเช่นกัน

รุ่นที่มี Cellular จะแสดงเมนูสำหรับการตั้งค่า eSIM ให้กดที่ Continue

แต่ว่าตอนที่ผมแกะกล่องนี้ยังอยู่ที่ต่างประเทศจึงไม่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ แต่ไม่ต้องตกใจนะเราสามารถตั้งค่าภายหลังได้สบายหายห่วง

จากนั้น iPhone จะเริ่มจับคู่กับ Apple Watch เท่าที่สัมผัสมาการจับคู่จะเสร็จเร็วกว่ารุ่นเก่าค่อนข้างมาก เพราะด้วยพลังจากชิป S4 แบบ 64-bit ตัวแรกใน Apple Watch Series 4 จึงทำให้ความเร็วในการประมวลผลเพิ่มขึ้นจาก Apple Watch Series 3 ถึง 2 เท่า ไม่ต้องรอนานแบบที่ผ่านมา

เพื่อไม่ให้เสียเวลาระหว่างการจับคู่กับ iPhone ในรุ่นนี้เราสามารถหมุนปุ่ม Digital Crown เพื่อดูแนะนำต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานของตัวเครื่องได้ โดยจะบอกตำแหน่งของปุ่มต่างๆ รอบเครื่อง ทำให้เรามีอะไรทำระหว่างที่เชื่อมต่อกับ iPhone ครับ ไม่เบื่อดี ได้ความรู้ด้วย

หลังจากจับคู่กับ iPhone เสร็จแล้ว เราจะเห็นภาพแรกคือหน้าปัด Watch Face แบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อ Apple Watch Series 4 เท่านั้น จะมีรายละเอียดต่างๆ บอกไว้ค่อนข้างเยอะอีกทั้งยังปรับแต่งหน้าปัดได้ตามความต้องการของเราอีกด้วย

ลองเทียบกับ Apple Watch Series 3 ดูซิ มันจะใหญ่ขึ้นจริงหรือเปล่า? ด้านซ้ายเป็น Apple Watch Series 3 GPS+Cellular ขนาด 42 มม. ส่วนด้วนขวาเป็นรุ่น Apple Watch Series 4 GPS+Cellular ขนาด 44 มม. จะเห็นว่าขนาดหน้าจอแสดงผลต่างกันอย่างสิ้นเชิง และปุ่มด้านข้างใต้ Digital Crown นั้นใน Series 4 จะแนบสนิทไปกับตัวเครื่องซึ่งแตกต่างจาก Series 3 ที่โผล่ออกมาเล็กน้อย

ส่วนสายหนะเหรอ ไม่ต้องกังวลเพราะว่าสายเก่าใช้กับรุ่นใหม่ได้ ซึ่ง

• สายรุ่น 38 มม. ของรุ่นเก่า สามารถใช้กับ Series 4 รุ่น 40 มม.
• สายรุ่น 42 มม. ของรุ่นเก่า สามารถใช้กับ Series 4 รุ่น 44 มม.

ได้อย่างไร้ปัญหา

สวยงามเลยทีเดียว

ก็จบไปแล้วกับการแกะกล่อง Apple Watch Series 4 รุ่น GPS+Cellular ตัวเรือนอะลูมิเนียม เราก็ได้เห็นกันไปแล้วว่ากล่องเป็นยังไง, แกะกล่องยังไง, ข้างในกล่องมีอะไรให้บ้างพร้อมทั้งสอนการจับคู่กับ iPhone ว่าจะต้องทำอย่างไร และส่งท้ายด้วยเรื่องการใช้งานสายร่วมกันว่ารุ่นไหนใช้กับรุ่นไหนได้บ้าง

ในรอบต่อไปเราจะมารีวิวการใช้งานให้ได้ชมกัน โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ

The post แกะกล่อง Apple Watch Series 4 GPS+Cellular อะลูมิเนียม พร้อมสอนวิธีจับคู่กับ iPhone appeared first on iPhoneMod.