เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2551 เวียดนามและลาวได้จัดให้มีการประชุมความร่วมมือกันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสมัยแรกในเวียงจันทร์ และได้มีการลงนามในความตกลงร่วมมือกันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2552-2554 ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนามกับประธานสำนักงานวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมของลาว
ภายใต้ความตกลงนี้ เวียดนามจะให้ความช่วยเหลือแก่ลาวในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของลาวในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา มาตรฐานการวัด และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ของรัฐ
เวียดนามและลาวจะร่วมมือกันสร้างวิธีการยกระดับกฎเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงการร่วมมือกันศึกษาด้านไบโอ-เทคโนโลยีและเกษตรกรรมอีกด้วย
ที่มา - VNA
Comments
พร้อมใจกันแซงประเทศไทย?
ผมก็ว่างั้น T-T
ลาวมีความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์กับไทยมาตั้งนานแล้วนะครับ อาจารย์จากลาวมาเรียนที่ไทยเยอะแยะ
น่าจะถึงสิบปีแล้วกระมัง มาเลเซียกับอินโดนีเซียยังมาขอเรียนที่ไทยเลย ไทยก็ไปเรียนบูรไนก็มีแต่ถนัด
กันคนละเรื่้องสองเรื่อง
โดยส่วนตัวถ้าลาวหรือเวียดนามจะแซงไทยในสาขาที่เขาถนัดก็ยินดีด้วยครับ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับ
โดยเฉพาะด้านคณิตศาสตร์ของเขาดีกว่าของเราจริง ๆ เห็นอาจารย์เขามาจัดอบรมที่ไทยก็บ่อย ๆ
แต่ก็เข้าใจว่าอาจารย์ไทยไปจัดอบรมที่นั่นก็น่าจะมีเหมือนกัน
เจริญไปด้วยกันนะดีแล้ว
+10 Informative :D
เราก็พร้อมใจกันสู้สิครับ เริ่มจากตัวเรา อย่าไปหวังจากรัฐ หรือคนอื่นๆ
+1
+2
ประโยคสุดท้ายน่าสนใจ
ถูกต้องครับเริ่มจากตัวเราก่อนคือความคิดที่ดีที่สุด เริ่มลงมือให้เร็วที่สุด
ลาวสู้ๆ เวียดนามสู้่ตาย
Suntiwong.net
iauuu.com
บ้านใกล้เรือนเคียงเติบโตพวกเราก็พลอยดีขึ้น เพราะเขาก็มีกำลังจับจ่ายมากขึ้น
สินค้าไทยก็ขายได้มากขึ้น ในททางกลับกันสินค้าเขาที่มีคุณภาพมากขึ้นต้นทุนถูกก็จะขายมาบ้านเรามากขึ้น
เราก้ไม่ต้องซื้อสินค้าแพงจากที่ไกลๆ ต้องมองมุมบวกครับ แล้วจะเข้าใจว่าก้าวไปด้วยกันช่วยกันหนุนดีกว่า นำโดดเดี่ยวเป็นจ่าฝูง
ถูกเลยครับ นอกจากนั้นยังเป็นการแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายและปัญหาอื่นๆพ่วงท้าย (เช่น โรคระบาด, ยาเสพย์ติด, โสเภณี ฯลฯ) ด้วย เพราะหากบ้านเค้าเจริญขึ้น การจ้างงานก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ทีนี้ก็เหลือกัมพูชากับพม่าที่ต้องขึ้นมาให้ได้ เพราะคาดว่าประชาคมอาเซียนคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่เกิน 5-10 ปีข้างหน้านี้