โลกอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้เมื่อมีความต้องการส่งข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัย มาตรฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคงเป็น SSL โดยทั่วไปแล้วผู้ใช้ก็มักจะได้รับการบอกกล่าวว่าเวลาเห็นเครื่องหมายแม่กุญแจถูกล็อกก็แปลว่าปลอดภัยแล้ว
แต่เรื่องนี้กำลังไม่เป็นความจริงอีกต่อไป เมื่อทีมวิจัยอิสระกลุ่มหนึ่งได้พบช่องโหว่ในมาตรฐาน SSL นั่นคือการเปิดให้ใช้การย่อยข้อความ (hashing) แบบ MD5 ได้ทั้งที่เป็นที่รู้กันว่ากระบวนการนี้ไม่ปลอดภัยต่อการปลอมแปลงข้อมูลอีกต่อไป
โดยทีมงานวิจัยได้เก็บตัวอย่างของใบรับรองตัวตนแบบ SSL จากเว็บจำนวนกว่าสามหมื่นเว็บที่ไฟร์ฟอกซ์เชื่อใจว่าเป็นใบรับรองของจริง และจะไม่มีการเตือนผู้ใช้ว่าใบรับรองนั้นไม่น่าเชื่อถือแต่อย่างใด ทีมงานพบว่าใบรับรองเหล่านั้นมีประมาณ 9,000 ใบที่ใช้การย่อยข้อความความแบบ MD5 โดยร้อยละ 97 จากจำนวนนั้นมาจากผู้ให้บริการใบรับรองที่ชื่อว่า RapidSSL
ทีมงานทดลองซื้อใบรับรองจาก RapidSSL หลายต่อหลายครั้งเพื่อหาพฤติกรรมสำคัญต่างๆ ของใบรับรองที่ส่งออกมา จากนั้นจึงใช้ PlayStation 3 จำนวน 200 เครื่องช่วยกันคำนวณค่าใบรับรองปลอม
สงสัยว่าไฟร์ฟอกซ์รุ่นหน้าคงได้ห้ามใช้ใบรับรองแบบ MD5 กันแล้ว
ที่มา - รายงานวิจัยที่นำเสนอในงาน 25C3
Comments
คิดใจตรง PS3 นี่แหละ รู้สึกว่าจะมีการนำมาใช้งานแพร่หลายขึ้น
ถ้าคนไม่รู้นี่งงแย่เลย มันเกี่ยวอะไรกับ PS3 :P
au8ust.org
เป็นช่องโหว่ของ MD5 เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะมันหา hash collision ได้ไม่ยาก ลองดูตัวอย่างที่ TU/e ที่เดียวกันกับที่มาครับ
ตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่าคือ SHA อย่างเช่น SHA-1 กับ SHA-2 (อย่าง SHA-256 กับ SHA-512) งานนี้ใช้ PS3 อีกกี่เครื่องเนี่ย แต่เอาไปเล่นเกมดีกว่านะ สนุกกว่า hash collision เยอะเลย :)
JavaBoom (Boom is not Java, but Java was boom)
http://javaboom.wordpress.com
My Blog
เอาไปหาเงินซื้อแผ่น ps3 ^^
ใช้เพลย์สเตชัน 3 ทั้ง 200 เครื่อง เท่ากับใช้ซีพียูคอม 8,000 ตัว เยี่ยมไปเลย
http://itshee.exteen.com/ -- Can you upgrade Vista to XP Pro?
ps3 แรงประมาณ p III ถ้าไม่ไช้โปรแกรมเฉพาะ แต่ถ้าทำโปรแกรมเฉพาะก็แรงประมาณ power pc 7 core ครับ
7 core * 200 เครื่อง ประมาณ 1400 core เท่านั้นแหละครับ
^^
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
@javaboom ผมก็เห็นด้วย
ในเมื่อ MD5 มันมีช่องโหว่แล้ว
ผมว่า ก็เปลี่ยนไปใช้อันอื่นมันจะไม่ดีกว่าร๊อ - -
เหมือนแบบ CRC32 ที่เมื่อก่อนคนใช้กัน
แล้วมันก็โดนแคร๊กได้แบบง่ายดาย - -"
บล็อกของผม: http://sikachu.com
บล็อกของผม: http://sikachu.com
ถ้าผมจำไม่ผิด ทั้ง MD5 กับ CRC32 นี่เค้าออกแบบมาให้ใช้ตรวจสอบความผิดพลาดจากความบังเอิญนะครับ เลยเน้นเร็ว และโอกาสชนกันต่ำมากๆ พอที่จะไม่ชนกันโดยไม่ตั้งใจ
ไม่เหมือนพวก SHA ที่โดนทรมาณโดยนักวิเคราะห์ความปลอดภัยกันอุตลุต
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
crc32 มันก็ไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อทำ message integrity checking ตั้งแต่แรกแล้วหนิครับ แต่เนื่องจากมันง่ายที่จะสร้างเป็นฮารฺ์ดแวร์ ก็เลยใช้ไปสำหรับงานที่ไม่เข้มงวดมาก ยังไงก็ยังดีกว่า parity bit แล้วกัน :P
ไม่ตายไม่เลิก