สืบเนื่องจากหัวข้อ หลุมพรางการตลาดกับการก้าวพ้นกำแพงของความสมเหตุสมผล: กรณี MacBook Pro 17 นิ้ว ของคุณชิตพงษ์ กิตตินราดร นักเขียนจาก Business Week ผมขออนุญาตนำเสนอข้อถกในเรื่องจิตวิทยา แต่เป็นด้าน "ต่อตลาดทั้งตลาด" ไม่ใช่ต่อ "ผู้บริโภค" เพิ่มเติมนะครับ เพราะมีคนพูดในเชิงผู้บริโภคเยอะแล้วในหัวข้อนั้น
ขอยกตัวอย่าง เช่น อุตสาหกรรม Visual Effects บนหนังฮอลลีวู้ด กลุ่มเดียวก็พอเพื่อความเข้าใจง่าย
คนกลุ่มนี้มีจำนวนไม่ใช่น้อย และผมว่าคนกลุ่มนั้นเมื่อเห็น MacBook Pro 17" จะเกิดความรู้สึกอยากได้ขึ้นมาเองด้วยเหตุผลแปลกๆ ที่ว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาอาจมีทุกอย่างในชีวิตสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยมีสำเร็จคือ Mobility การได้ลิ้มลอง "ประสบการณ์ใหม่ๆ" นี่แหละเป็นจุดขายที่อาจระเบิดจากปากต่อปากของเพื่อนร่วมสายอาชีพด้วยกันเอง จนกลายเป็นประสบการณ์มาตรฐานของคนในอาชีพเดียวกันที่จำเป็นต้องลอง (โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องยากๆ อย่างศักยภาพของเครื่องตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะสินค้าตระกูลแมคพยายามให้ความมั่นใจผู้ใช้อย่างนั้นอยู่ตลอดเวลาว่าอย่างน้อยมันก็เสถียรสูงกว่าพีซี)
การเสนอสิ่งที่ "เกินกว่าที่มาตรฐานเคยให้ได้" ไม่ใช่แค่จิตวิทยาที่แอปเปิลพยายามทำมานานแล้วตั้งแต่ไอพอดเครื่องแรก แต่มันคือความพยายามในการก้าวล่วงเข้าไปสู่มหาสมุทรใหม่ๆ ทางการตลาดเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอน มันคือความกังขาเมื่อคู่แข่งได้เห็น แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ มันกลายเป็น "แอปเปิลไปถึงก่อนคนอื่น ก็ได้ขายก่อนคนอื่น" ไปบ่อยครั้งแล้วจากที่เราเห็นกัน
ยิ่งทุกวันนี้กลายเป็นผู้นำเทรนด์ในตลาดกลายๆ ไปแล้ว ผมเชื่อว่า คู่แข่งในตลาด (ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกแอปเปิลแย่งลูกค้าไปเรื่อยๆ) คงไม่มองเป็นเรื่องปรกติ เพราะทุกคนเห็นอยู่ว่าความพยายามของแอปเปิลที่เคยฉุดตัวเองลงมาในตลาดโน้ตบุ๊คด้วยการลดราคามโหฬารจนตัวเองมาอยู่ในระดับเดียวกับตลาด แต่ทำให้ผู้ซื้อรู้จักและเข้าใจตำแหน่งทางการตลาด (Market Position) ที่แตกต่างจากแบรนด์ในระดับเดียวกันได้สำเร็จมาแล้ว ด้วยกลยุทธ์เหล่านั้นทำให้สถานการณ์ของบริษัทดีและเติบโตขึ้นขนาดไหน สำหรับคู่แข่ง ในวันนี้ไม่ว่าแอปเปิลกำลังจะเลือกทำอะไรต่อไป มันย่อมเป็นไปได้ที่จะเปิดตาเราให้สว่างขึ้นได้แน่นอน (อย่างน้อยก็มีทางเลือกแปลกใหม่ให้ เผื่อเราจะก้าวตามไปบ้าง...) หลังจากนั้นเราจึงมักจะได้ยินคนตั้งคำถามบ่อยๆ ว่า จังหวะดีขนาดนี้ ทำไมแอปเปิลยังไม่รีบเข้ามาแย่งตลาด Ultraportable ซึ่งกำลังเตรียมขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดเสียทีล่ะ? ผมว่าเรื่องนี้เป็นคำตอบครับ
ผมคิดว่าแอปเปิลแทรกตัวเข้ามาในตลาดโน้ตบุ๊คไม่ใช่เพราะต้องการมาแชร์ตลาดปัจจุบันแต่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องการสร้างช่องโหว่ทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อกำไรในระยะหนึ่งที่สูงที่สุดให้ได้อีกด้วย (เหมือนเล่นหมากล้อม เมื่อการรบเต็มพื้นที่จนไม่สามารถทำคะแนนได้สูงอีกต่อไปแล้ว ก็ไปเปิดสงครามในที่โล่งที่ใหม่ๆ ทำคะแนนให้มากที่สุดย่อมดีกว่า) ทุกคนวิ่งลงล่างแอปเปิลจะขึ้นบน ก็เพียงเพราะว่ามันเป็นสถานที่ใหม่ที่ยังไม่มีใครไปกันต่างหาก
ซึ่งจุดนี้ น่าจะกลายประเด็นที่ MacBook Pro รุ่นนี้กำลังพยายามแทรกตัวเข้ามาเชื่อไหมครับว่า พอลงไปดูการตัดสินใจของลูกค้าแต่ละคนเข้าจริงๆ มันจะแทบไม่เกี่ยวกับการที่แบตมันเปลี่ยนได้หรือเปลี่ยนไม่ได้เลยสักนิดเดียว
ผมว่าเร็วๆ นี้เราจะเห็นหนึ่งในสองสิ่ง ทางหนึ่งคือแอปเปิลจะได้ตลาดส่วนนี้ไปคนเดียวโดยไม่มีคู่แข่งไปสักพัก อาจจะเพราะไม่กล้า หรือยังไม่สามารถเปิดไลน์ใหม่มาทางนี้ได้ในทันที เพราะกำลังขับเคี่ยวกันในตลาด Ultraportable กำลังวุ่นวายกับการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยๆ ที่กำลังจะเต็มด้วยการเพิ่มไลน์ผลิตและลดราคาแข่งกัน หรืออีกอย่างหนึ่งคือ แบรนด์ที่เหลือเริ่มแบ่งกำลังมาวิจัยโน้ตบุ๊คที่เน้นประสิทธิภาพระดับสูงมากขึ้น เพื่อจับตลาดแบบเดียวกัน (เราอาจคาดคะเนได้โดยการติดตามข่าวบน Blognone ดูกันต่อไปในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้านี้ ว่าจะมีเรื่องทำนองนี้หรือไม่) ซึ่งถ้าถามผม ฝั่งพีซีมีน้อยแบรนด์นักที่จะกล้าพูดถึงการลงมือทำเครื่อง "เพื่อมืออาชีพจริงๆ (ยกเว้นสาขาเกม)" จากความเชื่อนี้ผมจึงเชื่อในความเป็นไปได้ว่า แอปเปิลจะยังได้ตลาดนี้ในระยะสั้นที่ค่อนข้างยาวต่อไปอีกสักพักทีเดียวอย่างไรก็ตาม การลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอย่างแอปเปิลก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนลงมาทำตลาดตรงนี้...ผมก็หวังว่าเขาคงจะทำอย่างนั้น
Comments
ผมเชื่อว่า ThinkPad W700 ก็น่าอยู่ในมหาสมุทรที่ว่าแล้วเช่นกัน
Ford AntiTrust’s Blog | PHP Hoffman Framework
+1 รุ่นนี้แจ่มมาก
จุดเดียวที่ทำให้ MacBook Pro 17" มันไม่ Professional พอสำหรับผมคือสเปคการ์ดจอที่ต่ำอย่างน่าตกใจครับ
นอกจากนั้นผมเห็นด้วยกับคุณ latesleeper แอปเปิลใช้วิธีเข้าตลาดและรอดตลอดได้โดยการใช้หลักของเศรษฐศาสตร์ "Product Differentiation" คือทำให้สินค้าตัวเองต่างจากคู่แข่ง เป็นผู้เดียวที่ขาย Mac OS X ได้ ทำให้เขารอดในตลาดที่สินค้าราคาร่วงลง ๆ เรื่อย ๆ แบบนี้ได้โดยไม่ต้องเอาราคามาสู้อีกต่อไป
แต่ปีนี้ เศรษฐกิจโลกแบบนี้ ต้องยอมรับว่าแอปเปิลน่าจะขายรุ่นนี้ได้น้อยลงแน่นอน
คุ้มค่าไหม? อยากให้คิดตามเวลาที่เราจะใช้งานมันเลยครับ ตกชั่วโมงละเท่าไหร่ ผมเชื่อว่า MacBook Pro 17" มันจะต้องคุ้มกว่าหลาย ๆ อย่างที่คุณใช้ในชีวิตประจำวันแน่นอน
ตอนนี้ขอรอดู Performance Review ก่อน
@TonsTweetings
ผมว่าการ์ดจอนี่ จะว่าต่ำก็ต่ำอยู่นะ แต่เรามองด้วยมุมมองฝั่งพีซีมากไปหรือเปล่า?
ถ้ามองประสิทธิภาพการใช้ Direct X อาจจะดูว่าไม่สูงมากอะไร แต่ผมจำได้ว่าการ์ดพวกนี้พอมาดูด้าน OpenGL แล้ว บางครั้งรุ่นสูงกว่าก็ไม่ได้ดีกว่ารุ่นต่ำกว่าสักเท่าไร
เหมือนเมื่อครั้งเปลี่ยนมาเป็น Core Duo ใหม่ๆ ตอนนั้นจำได้ว่าบางการทดสอบ GMA950 บน MacBook เร็วกว่า Radeon X1600 บน MacBook Pro ก็มี - -"
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
ขออนุญาตลบ Tag สุดท้ายออกนะครับ เพราะเป็นภาษาไทยและเจาะจงเกินหมวดหมู่ปรกติ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
รอดูตัวจริงว่า ที่บอกได้ 7 ชั่วโมง เอาเข้าจริง จะถึง 3 ชั่วโมงไหม?
Oakyman.com
น่าสนใจดีครับบทความนี้
แต่แน่นอนว่าไปยังมหาสมุทรใหม่ก็จะมีความเสี่ยงอยู่เหมือนกันนะ อาจจะแป๊กก็เป็นได้
บริษัทที่เล็กกว่าก็จะรอคนเปิดทางแล้วก็ค่อยแห่ตามไปทีหลัง ปลอดภัยกว่า
กำลังหมายถึง Blue Ocean หรือเปล่าครับ
ผมก็เห็นบริษัทนี้พยายามหามหาสมุทรตลอดนะครับ แล้วก็หาเจอเสียส่วนใหญ่ด้วยครับ
แต่ก็ต้องรอดูตัวนี้กันต่อไปครับ อาจจะเจอทะเลที่ไม่มีใครเข้ามาเล่นเลย แม่แต่ลูกค้าก็หาไม่เจอ
แล้วหน้าที่ต่อไปของ Apple ก็คือทำให้เหล่า "สาวก" ล่องเรือตามไปด้วยความสะดวกสบายของเรือสำราญ Apple ที่มีทั้งความน่าเชื่อถือ สวยงาม และสะดวกสบาย
แล้วเหล่าสาวกก็จะเอาคำบอกเล่าถึงความสุขที่ได้รับ ไปถ่ายทอดให้คนรู้จักต่อ... เป็นวัฐจักรต่อไป
แต่ถ้าหัวเรือใหญ่อย่าง Jobs ลดบทบาทลง... จนหายไปจากการตัดสินใจของบริษัท Apple อาจจะย้อนกลับไปสู่ยุคมืดอีกครั้งก็ได้ (ผมยังไม่เชื่อว่าจะมีใครมาแทนที่ Jobs ได้ แม้แต่ตา Phil ที่ขึ้นพูด keynote เมื่อคืน)
ถ้าเลิกใช้คำว่า สาวก ได้จะดีมากครับ
ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตามมันแสลงนะ
แถมมีการเน้นคำอีกต่างหาก - -"
ผมเคยนึกสงสัยว่าในวันที่ Apple ไม่มี Job นั้น Apple จะเป็นอย่างไรต่อไปในอนาคต
แต่ผมคิดว่า Job น่าจะเริ่มสร้างตัวแทนของเขาออกมาแล้ว เพียงแต่เมื่อถึงเวลา เหล่าตัวแทนของ Job จะมีบทบาทมากพอ ในการที่จะทำให้ Apple ก้าวต่อไปหรือไม่
ไม่ทราบว่าปัจจุบันมีเจ้าไหนบ้างที่ขาย notebook ประสิทธิภาพสูง ที่ใช้แบตทำงานติดต่อกันได้มากกว่า 7 ชม. บ้างครับ?
ปล. Apple ปล่อยเหยื่อแบบใหม่มาให้ปลาอย่างพวกเราฮุบอีกแล้วครับท่าน
Dell E ผมเห็นแว๊บๆ ที่ 19 ชั่วโมงนะครับ
อีกอย่าง ผมไม่เชื่อว่าตัวเลข 8 ชั่วโมงนี่จะทดสอบตอนรัน SuperPi, จอสว่างสุด, และเปิด Wireless ไปด้วยนะครับ
LewCPE
lewcpe.com, @wasonliw
8 ชั่วโมง ที่ Apple เคลม มีที่มาตามนี้ครับ
Testing conducted by Apple in December 2008 using preproduction 2.66GHz Intel Core 2 Duo–based MacBook Pro (17-inch) units with a Better Battery Life setting. Battery life depends on configuration and use. See www.apple.com/batteries for more information. The wireless productivity test measures battery life by wirelessly browsing various websites and editing text in a word processing document with display brightness set to 50%.
ที่มา : http://www.apple.com/macbookpro/features-17inch.html
เชื่อว่าไม่มีวันถึง 6 ด้วยซ้ำครับ ใครบอกแบตได้นานเท่าไหร่ ผมไม่เคยได้เกินเลยซักครั้ง ซักยี่ห้อ ซักรุ่น
@TonsTweetings
ในเว็บก็มีรายละเอียดอยู่นะครับ ว่าเขาได้ 8 ชั่วโมงมาได้อย่างไร ?
ถ้าอยากได้ 8 ชั่วโมง ก็ต้องใช้ตามที่ผู้ผลิตได้บอกไว้
ถ้าได้น้อยกว่านั้น คุณสามารถฟ้องศาลได้ครับ
(มีตัวอย่างฟ้องร้องในลักษณะนี้กับผลิตภัณท์ iPod ที่ประเทศแคนาดา)
เงื่อนไขเขาเขียนไว้เพื่อป้องกันตัวเองครับ
ถ้าพลาดล่ะก็ ได้เสียตังค์แน่ ๆ
เอาเข้าจริงๆ ก็อยากให้ยอมรับความจริงกันบ้างนะครับ อย่าหลงไหลได้ปลื้มกันแบบไม่ลืมหูลืมตา
การตลาดมันมีทั้งด้านเหตุผลและอารมณ์ครับ
ถ้าเราดูเหตุผล แล้วเห็นว่ามันไม่ใช่ ไม่เหมาะกับเรา เราก็ไม่ได้ผิด และคนทำตลาดก็อาจจะไม่ได้ผิด
ดูผลลัพธ์กันแค่ว่า มีคนซื้อรึเปล่า แค่นั้นแหละครับ
PC คนซื้อ คือ ลูกค้า
Apple คนซื้อ คือ แฟนคลับ
แฟนคลับ ก็น่าจะหมายถึง ผู้ที่หลงไหลและรักในแบรนด์หรือตัวบุคคลที่ตัวเองชื่นชอบ อย่างเวลา บอยแบนด์เกาหลี (หน้าตาธรรมดา) มาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทย บัตรราคา 4-5 พันบาท ก็มีคนซื้่อไปดูกัน ดูแล้วก็จบกันไป แต่นี่มันเป็นเครื่องมือทำมาหากิน จะขายราคา 1 แสน ทำไมแฟนๆ แอปเปิล จะซื้่อมาใช้ก็ไม่เห็นจะผิดกติกาตรงไหน
ส่วนตัว: คนซื้อ Notebook ผมว่าเค้ามีสติเวลาซื้อทุกครั้ง กับทุกเครื่อง เพราะไม่ได้ซื้อบ่อยๆ ถ้าราคาไม่สมเหตุสมผล คนส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ซื้อหรอกครับ (แต่ถ้าตั้งราคาสูงแล้วยังขายได้ ขายดี มันก็น่าจะเอามาเป็นกรณีศึกษาเหมือนกัน)
แอบเครียด: เวลาพิมพ์ ผมต้องวิ่งขึ้นไปดูคอมเม้นท์เรื่องคำสะกดอยู่ 2-3 ที (กลัวผิด)
MacBook Air นี่ถือเป็น ultraportable มั้ย ?
twitter.com/exfictz
เป็นครับ