เราคงได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของการตรวจโปรแกรมที่จะถูกนำไปวางขายบน App Store รวมถึงถูกใช้บน iPhone ของแอปเปิลได้เป็นระยะๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทาง BusinessWeek ได้มีการสัมภาษณ์ Phil Schiller เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยมีประเด็นสาระสำคัญดังต่อไปนี้ครับ
- App Store เป็นเหมือนห้างร้านค้าอื่นๆ ที่ต้องควบคุมดูแลคุณภาพสินค้าที่จะนำมาวางขาย เพื่อให้มั่นใจว่าคนที่มาซื้อร้านนี้แล้วได้ของที่มีคุณภาพกลับไปในราคาที่เหมาะสม
- ปัจจุบันมีโปรแกรมถูกส่งมาประมาณสัปดาห์ละ 10,000 โปรแกรม (รวมอัปเดท) และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
- 90% ของการปฏิเสธมักมาจากปัญหาทางด้านเทคนิคต่างๆ เช่นบั๊กของโปรแกรม
- 10% ที่เหลือคือโปรแกรมที่ "ไม่เหมาะสม" เคยมีบางโปรแกรมที่แอบส่งข้อมูลของผู้ใช้กลับไป หรือมีบางโปรแกรมที่ช่วยเหลือผู้ใช้ในการละเมิดกฎหมาย
- มี 1% ที่ตกอยู่ในพื้นที่สีเทาที่ทำให้แอปเปิลต้องไปศึกษาข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม เคยมีโปรแกรมที่ช่วยในการโกงพนันในคาสิโน จนแอปเปิลต้องไปศึกษากฎหมายทั้งของรัฐต่างๆ และกฎหมายสากล
- แอปเปิลเคยต้องรับเรื่องร้องเรียนจากเจ้าของเครื่องหมายการค้าอื่นๆ ในการใช้เครื่องหมายการค้านั้นๆ ในโปรแกรมของคนอื่น จนทำให้แอปเปิลจริงจังมากขึ้นในช่วงหลังๆ
- สำหรับเครื่องหมายการค้าของแอปเปิลเอง ก็จริงจังมาตลอดอยู่แล้ว Phil อ้างว่าถ้าเราไม่ปกป้องเครื่องหมายการค้าของเรา สักวันหนึ่งมันจะไม่เหลือค่าอะไรเลย
- ระบบปิดทำให้สามารถมีระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ทำให้มีการจัดจำหน่ายโปรแกรมที่ไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชนให้กับผู้ใหญ่ได้ง่ายขึ้น
จุดหนึ่งที่น่าสนใจที่ Phil Schiller ทิ้งท้ายไว้คือ จุดยืนของแอปเปิลที่หนักแน่นคือการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้ไอโฟน ตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมาในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ การจัดจำหน่ายซอฟต์แวร์ต่างๆ ไม่ได้รับการควบคุมโดยใคร ทำให้ผู้ใช้ต้องประสบปัญหาในการลองผิดลองถูกตลอดมา (unhappy trial and error)
Phil ยังเสริมด้วยว่า ปัจจุบันอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์ยังมีบทบาทในชีวิตส่วนตัวของเรามากกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปมาก ลองคิดว่าหากมีโปรแกรมที่แอบบันทึกเสียงสนทนาของเราทุกคำ หรือแอบส่งตำแหน่งที่อยู่ของเราให้กับบุคคลอื่น ทั้งหมดนี้สามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่าคอมพิวเตอร์แบบเก่าหลายเท่า อาจมีวันหนึ่งที่แอปเปิลพบว่าไม่จำเป็นต้องมาควบคุมโปรแกรมเหล่านี้อีกต่อไป แต่ในสภาพที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ มันคงดีกว่าถ้ามีใครสักคนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่าโปรแกรมเหล่านี้กำลังทำอะไรในโทรศัพท์ของคุณอยู่?
ที่มา - BusinessWeek, AppleInsider
Comments
ทำถูกแล้วหละ -
แต่ขอไม่พูดเรื่อง google voice
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
พูดได้ดูดีมาก อ่านแล้วเคลิ้มได้ แต่ข้องใจ google latitude กะ google voice อยู่ดี เฮ้อ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+1
-- ^_^ --
+1
เคลิ้มเหมือนกัน
ใช้เวลาคิดอยู่หลายวันกว่าจะชี้แจงข้อข้องใจออกมา อ่านแล้วเคลิ้มเหมือนกันครับเหมือนว่ามันสมควรแล้วที่จะคัดกรองเพื่อความเหมาะสมและอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
โปรแกรมมันเยอะ เลยตรวจสอบช้าครับ อย่างโปรแกรมนี้ ใช้เวลาตรวจอยู่ 6 เดือน 555
http://appadvice.com/appnn/2009/11/after-sitting-in-apples-review-queue-for-nearly-six-months-iugos-a-d-d-is-finally-available
'ชีวิตในรั้ว' ปลอดภัยไร้เสรีภาพ
Apple ไม่ได้โกหก แต่พูดไม่หมดเฉยๆ
อีกเหตุผลนึงที่ใช้พิจารณา คือ โปรแกรมนั้นขัดผลประโยชน์ หรือ ดีกว่าโปรแกรมเดิมของ Apple บน iphone หรือเปล่า
หุหุ
อันนี้ดูเหมือนจะอยู่ในกฎ หรือระเบียบ หรืออะไรสักอย่างของ iPhone อยู่แล้ว (ที่ว่าถ้าซ้ำกับ function ที่มีอยู่แล้วจะไม่ผ่าน เช่น Web Browser อะไรงี้ครับ)
แอบเคลิ่มเหมือนกันครับ
พูดดูดีนะครับนี่ 555
พูดได้ดี
ว่าแต่เรื่อง google voice ล่ะ
อืมๆ เห็นด้วยนะ ต้องคอยกรอง App ไม่เหมาะสม
คิดช้าไปหน่อยไหมครับ โดนด่ากันไปซักพักใหญ่ๆแล้ว
กว่าจะคิดคำพูดให้เคลิ้มขนาดนี้ได้ใช้เวลาคิดนานไปหน่อย
Phil Schiller อีกแล้ว
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
นี่แหละโลกเสรี ที่มีขีดจำกัด
ผมว่าเป็นคำตอบมาตรฐานที่แอปเปิลตอบอยู่แล้วนะครับ ไม่มีอะไรใหม่เลย อันไหนที่ไม่เคยตอบก็ไม่ตอบเพิ่มอยู่แล้ว
นโยบายแบบนี้ของแอปเปิลมันก็มีผลดีตรงที่ควบคุมอะไรได้เยอะ สร้างประสบการณ์ที่ดีได้มาก แต่ก็มีข้อเสียแบบที่เราเห็นๆ กันอยู่ ผมเชื่อว่าอีกสักพักแอปเปิลคงทนแรงกดดันไม่ไหว (คอขวดมันไปอยู่ที่โปรเซสการตรวจสอบโปรแกรมด้วย) เดี๋ยวคงจะมี App Store ระดับสอง (e.g. Community App Store) ไม่ปิดกั้น แต่ลงแล้วมีปัญหาแอปเปิลไม่รับรู้ อะไรประมาณนี้ ออกมาลดความขัดแย้ง
ผมว่านโยบายโอเคนะครับ แบบปิดก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย แต่การนำมาใช้ปิดกั้นบางอย่างแอบอ้างนโยบายนี่สิ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
"ทำให้ผู้ใช้ต้องประสบปัญหาในการลองผิดลองถูกตลอดมา (unhappy trial and error)"
พูดไปแล้วฟังดูดีนะ... แต่ทุกวันนี้กะโปรแกรม Chat ผมก็ยังต้องลองผิดลองถูกอยู่...
(Ping!, Yak, Whatapp, Who's here, Buzz Me! ... บ๊ะ เจ้า ขอที่มันจบสักโปรแกรมได้ไหม?)
+99999 ยังหาไม่เจอเหมือนกัน ฮา
ผมว่าอันนี้เค้าก็ทำถูกส่วนนึงนะครับ อันนี้เค้าทำเลยเหลือน้อยแล้วนะครับ และก็ต้องเป็น version ที่ apple ไม่พบบั๊ค
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ตอบได้หล่อมาก
ซื้อมายังไงก็แหกคุกอยู่ดี มือถือ กู-ของ-กู (ขอโทษครับไม่สุภาพ อิอิ)